|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
นักเขียนไม่ขาย
1
สำนักพิมพ์มักจะบอกฉันว่า “หนังสือฉันไม่ขาย”
ในชีวิตคนเขียนหนังสือ ฉันใช้บริการสำนักพิมพ์มาหกแห่ง
เริ่มต้นจากสำนักพิมพ์แมงทับ เป็นสำนักพิมพ์เล็ก ๆ ที่มีสำนักงานอยู่ตามร้านกาแฟ เป็นที่พบปะนักเขียนและฝ่ายศิลป์ คนทำภาพประกอบและรูปเล่ม เจ้าของสำนักพิมพ์เป็นชายใจดี เลี้ยงกาแฟ ไก่ทอด และข้าวนักเขียนอยู่เสมอ ๆ เรียกว่าใกล้ชิดกันมาก
จะว่าแกไม่เช่าสำนักงานก็ไมได้ เพราะบ่อยครั้งที่นัดพบกันแกก็ต้องจ่ายให้ร้านลุงแคนขายไก่ หรือไม่ก็ร้านนายแมคขายขนมเป็นรู ขายไก่ เรียกว่าเรากินกันอย่างสบาย
ฉันใช้บริการพิมพ์สำนักพิมพ์แมงทับซึ่งเป็นสำนักพิมพ์เริ่มแรก อยู่สามเล่มคือรวมเรื่องสั้น ไก่ป่ากับกรงเมือง และ สร้อยฟางหญ้า หนังสือวรรณกรรมเยาวชนอีกสองเล่มคือ มานะกับอาม่า และแผ่นหลังพ่อ นับว่าทำงานกันได้อย่างราบรื่น เป็นเจ้าของสำนักพิมพ์เดียวที่ไปเที่ยวกับนักเขียน ในช่วงเทศกาลหนาว ๆ เราก็จะไปเขาค้อกันทุกปี
ค่าลิขสิทธิ์ก็จ่ายกันไปตามสภาพ ไม่ได้คิดกันสิบเปอร์เซ็นต์ตามมาตรฐาน แต่ฉันเห็นว่าไม่เป็นไรเพราะว่าไม่มีอะไรที่เป็นมาตรฐานสำหรับเราอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเราพอใจ
นอกจากนักเขียนใหม่ ๆ แล้วก็มีนักเขียนรุ่นใหญ่อย่าง อัศศิริ ธรรมโชติ ถนอม ไชวงษ์แก้ว ใครอื่นอีกหรือเปล่าจำไมได้แล้ว
ที่ยืนยงพบกันบ่อย ๆ ก็คือ ฉัน( แพรจารุ) กับ ธราธิป ชอบธรรม เพราะเราพิสมัยร้านกาแฟเป็นพิเศษ เราจึงยินดีทุกครั้งที่เจ้าของสำนักพิมพ์นัดพบ ไม่ว่าจะพบนักเขียนน้องใหม่หรือนักเขียนเก่า เราก็ไปร่วมคุยด้วย
เรื่องราวเหล่านี้ ทุกครั้งที่คิดถึงก็มีความสุข
สำนักพิมพ์แมงทับไม่ได้รุ่งเรื่องหรือมีเงินหมุนเวียนเพิ่มขึ้นจากการขายหนังสือพวกเราและออกจะทรุด ๆ ลงเรื่อย ๆ ในที่สุดสำนักพิมพ์ก็หยุดไป ต่อมาหนังสือของพวกเราส่วนใหญ่ถูกขายเล หรือขายอยู่ข้างถนนเช่นถนนหน้ารามคำแหงและถนนแถวอนุสาวรีย์ชัย เข้าใจว่า หนังสือคงเหลือเยอะจนเจ้าของสำนักพิมพ์ไม่มีที่เก็บหนังสือ จึงต้องเอาออกมาขายถูก ๆ เล่มละสิบบาทเท่านั้น
เคนมีเพื่อนถามว่า อายไหมที่หนังสือมาวางขายกับพื้นเล่มละสิบบาท ฉันบอกเพื่อนไปว่ารู้สึกดีมาก ถ้าไม่คิดถึงเจ้าของสำนักพิมพ์ขาดทุน เพราะว่าหนังสือดี ๆ จะได้ราคาถูก ใคร ๆ ก็ซื้อได้ แค่สิบบาทก็ได้หนังสือไปอ่าน มันง่ายกว่าซื้อราคาร้อยบาท และภายหลังฉันก็พบว่า มีพวกหน้ารามรู้จักฉันเยอะมาก และพวกเขาก็ต่างบอกว่าได้อ่านงานของฉันจากการซื้อเล่มละสิบบาท
ฉันยังเดินหาซื้อหนังสือตัวเองเล่มละสิบบาทเลย ซื้อเก็บไว้หลายเล่มเหมือนกัน หลังจากนั้นหนังสือเล่มหนึ่งชื่อแผ่นหลังพ่อ ได้รับรางวัลชมเชยจากคณะกรรมการพัฒนาหนังสือแห่งชาติ แผ่นหลังพ่อจึงได้ขึ้นจากทางเท้าสิบบาทมาอยู่บนแผงอีกครั้ง มีสำนักพิมพ์ต้นอ้อ มาขอพิมพ์แบบจ่ายเงินค่าลิขสิทธิ์ก่อนพิมพ์
จบฉากสำนักพิมพ์แมงทับ หลังจากต้นอ้อ ก็เข้าสู่ยุคแกรมมี่-ต้นอ้อ ดอกหญ้า ไทยวัฒนาพาณิชย์ และท้ายสุดที่มติชน
2
สำนักพิมพ์มักจะบอกฉันว่า “หนังสือฉันไม่ขาย” หรือมีความหมายว่า มันขายไม่ได้หรือขายได้น้อย แรกฉันก็คิดว่า ช่างมันไม่ขายก็ไม่ขาย ฉันมีหน้าที่เขียน ฉันเป็นนักเขียนไม่ใช่นักขาย
แต่นานวันเข้าหนังสือของฉันไม่ถูกพิมพ์เลย ที่พิมพ์ไปแล้วนับสิบเล่มก็ไม่ได้เวียนมาพิมพ์ใหม่ แต่ฉันยังคงเขียนหนังสืออยู่ทุกวัน พูดเท่ ๆ ก็คือยืนยันการเป็นนักเขียน แต่พูดจริง ๆ ก็คือทำอะไรไม่เป็นนอกจากเขียนหนังสือ
มีหน้าหนังสืออยู่น้อยเหลือเกินที่เปิดให้นักเขียนไม่ขายได้เขียน ดังนั้นจึงต้องมาเขียนตามบล็อก คิดว่านักเขียนคนอื่น ๆ ที่มาเขียนบล็อกก็น่าจะประสบกับปัญหาเหล่านี้อยู่บ้างเหมือนกัน
สีปีที่ไม่มีหนังออกใหม่ ส่วนหนึ่งคือไม่ค่อยส่งไปตามสำนักพิมพ์แล้ว เพราะคิดว่ารู้คำตอบ ว่าเขาคงไม่พิมพ์ จึงเขียนเก็บเอาไว้
ปีนี้ตัดสินใจว่าจะส่งงานไปพิมพ์ โดยให้เพื่อนคนหนึ่งจัดการส่งให้ คำตอบก็คือ “ หนังสือบางไป” “ไม่แน่ใจว่าจะขายได้” “ ไม่ขาย หลังจากเข้าที่ประชุมแล้ว สรุปว่า ไม่ขาย ” ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจพิมพ์งานของตัวเอง เพราะเราจะเชื่อตามคำที่สำนักพิมพ์บอกว่าไม่ขายแล้วหยุดนิ่ง มันก็จะเป็นการจำยอมเกินไป
ว่าแล้วเราก็เริ่มทันที่ เปิดสำนักพิมพ์ ของตัวเอง ชื่อว่า ถนอมแพร (เพื่อจะบอกให้รู้ว่า สำนักพิมพ์นี้พิมพ์งานของใคร)
เพื่อเป็นศิริมงคล เริ่มประเดิมด้วยหนังสือชื่อ สวนนักเขียน ’รงค์ วงษ์สวรรค์
ขอเล่าถึงที่มาของหนังสือเล่มนี้สักนิดนะคะ
ฉันเริ่มเขียนสวนของนักเขียน ประมาณห้าปีที่แล้ว เริ่มชิ้นแรก เพราะการชักชวนของ ลักขณา ศรีหงส์ ช่วงนั้นเธอทำงานชุมชนคนรักป่า ทำหนังสือสานใจคนรักป่า ฉันบอกเธอว่าจะทำเรื่องสวนของนักเขียน เริ่มจากสวนคุณรงค์ก่อน และไปสวนของนักเขียนอื่น ๆ แต่ปรากฏว่า สานใจคนรักป่า หยุดไปและฉันก็เขียนไม่จบ
ส่วนชิ้นสุดท้าย ถือว่าเป็นชิ้นจบ คือเขียนถึงสวนนักเขียน หรือต้นไม้นักเขียนที่ไปออกดอกออกผลตามที่ต่าง ๆ เป็นต้นไม้จริง ๆ ที่ให้ร่มเงา และเมล็ดพันธุ์ในสวนอักษรด้วย
หนังสือเล่มบาง ๆ นอกจากมีงานสวนนักเขียนที่ฉันบันทึกเอาไว้ ก็ยังมีงานของ “ถนอม ไชยวงษ์แก้ว” และคำนิยม ของสุธาทิพย์ โมราลาย ที่มีผู้อ่านบอกว่า ดีมาก ๆ รวมทั้งภาพปก ลายเส้นของ “เทพศิริ สุขโสภา” ด้วยค่ะ
หนังสือเล่มนี้จะเริ่มขายในวันที่ 9 งานอำลา ’รงค์ วงษ์สวรรค์ ที่หอศิลปมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ค่ะ ราคา 130 บาท
เชิญสั่งจองได้ค่ะ จัดส่งให้ฟรีจึงไม่มีส่วนลด
งานอำลารงค์เริ่มตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม ทั้งเดือนค่ะ เสาร์อาทิตย์ มีกิจกรรม เสวนา ดนตรี และออกร้านหนังสือ ดูรายละเอียดได้ที่นี่ค่ะ
//www.tuneingarden.com/january2010-detail.php?id=659
Create Date : 06 มกราคม 2553 |
|
9 comments |
Last Update : 6 มกราคม 2553 17:45:52 น. |
Counter : 1699 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: YUI IP: 58.11.8.213 6 มกราคม 2553 21:05:05 น. |
|
|
|
| |
โดย: แพรจารุ 12 มกราคม 2553 15:56:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: แพรจารุ 12 มกราคม 2553 15:59:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: หมอน้อย IP: 119.31.126.141 24 มกราคม 2553 18:28:56 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ว่าแต่สั่งจองหนังสือนี่จองตรงหน้าเว็บนี้เลยหรือเปล่าคะ? แล้วต้องให้รายละเอียดอะไรบ้าง