Bloggang.com : I promise you I will : เอ๊ะ..ทำยังไงดีเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองกำลังจะแต่งงาน

~๐Princess Prairrie๐~

มกราคม 2552

				1	2	3
4	5	6	7	8	9	10
11	12	13	14	15	16	17
18	19	20	21	22	23	24
25	26	27	28	29	30	31

19 มกราคม 2552

เอ๊ะ..ทำยังไงดีเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองกำลังจะแต่งงาน

เอ๊ะ..ทำยังไงดีเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองกำลังจะแต่งงาน

ปัญหาใหญ่ของสาวๆหลายๆคนเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองกำลังจะแต่งงาน นั่นก็คือคำถามว่า "จะเริ่มจากตรงไหนละเนี่ย" เพราะงานแต่งงาน ไม่ว่าจะงานเล็กหรือว่างานใหญ่ รายละเอียดปลีกย่อยนั้นแทบจะเหมือนกัน เพราะพิธีการส่วนใหญ่นั้นจะมาจากประเพณีและศาสนา ส่วนที่จะแตกต่างกันก็แค่ งานเล็ก งานใหญ่หรือว่างานช้างเท่านั้นเอง

จากประสบการณ์ของเจ้าสาวหมาดๆ แพรเองก็เจอกับคำถามนี้เหมือนๆกัน โดยเฉพาะเจ้าสาว รายละเอียดจะล้านแปดมากๆ เพราะเนื่องจากผู้ชายส่วนใหญ่ทำอะไรที่ละเอียดอ่อนไม่ค่อยเป็นนี่เอง

หลายๆคนอาจจะเลือกที่จะโทรศัพท์ไปหาโรงเเรม บางคนหาฤกษ์ บางคนเปิดเวบ บางคนหาชุด หาสตูดิโอ ..ดอกไม้ .. บลาๆๆ

แต่ที่แน่ๆ ทุกๆอย่างมันมีความเกี่ยวเนื่องกัน ว่าอันไหนก่อน อันไหนหลัง ต้องทำอันนี้แล้วถึงจะไปอันนี้ได้ คล้ายๆสมการคณิตศาสตร์ผสมศิลปะทางความคิดนั่นเอง

นี่จะเป็น guide line เล็กๆน้อยๆจากประสบการณ์งานของตัวเอง แล้วก็ประสบการณ์การเป็น Wedding planner สมัครเล่นค่ะ

1. ดูฤกษ์ค่ะ อันนี้สำคัญมาก เพราะฤกษ์จะเป็นตัวกำหนดว่า คุณจะจองสถานที่ๆชอบได้ไม๊ ชุดจะตัดทันรึเปล่า และพิธีจะเป็นเเบบไหน เช่น ไทย หรือ จีน ( เพราะบางคนฤกษ์จีนนี่เค้าจะระบุเวลา เเม้กระทั่งแต่งหน้า ทำผม ใส่ชุด หรือซินแสบางท่านอาจจะดูละเอียดลงไปถึงลงกรรไกรตัดชุดก็มีค่ะ )

2. รูปแบบงานคร่าวๆค่ะ อันนี้ขึ้นอยู่กับตกลงกัน ระหว่างฝ่ายเจ้าสาวและฝ่ายเจ้าบ่าวค่ะ โดยจะอิงความเชื่อของทั้ง 2 ฝ่ายเป็นหลักด้วย แต่รูปแบบงานอันนี้ยังไม่ต้องลงไปในรายละเอียดปลีกย่อย เช่นธีมงานนะคะ การอิงความเชื่อของทั้ง 2 ฝ่ายจะทำให้การแต่งงานราบรื่นและเกิดความสบายใจด้วยกันหมดทุกคนค่ะ เช่น บ้านเจ้าบ่าวเป็นจีน ก็ต้องมีพิธีจีน บ้านเจ้าสาวเป็นไทย ขอให้มีหลั่งน้ำ สามารถทำได้หมดค่ะ หากไม่ทราบก็ให้ปรึกษาผู้รู้ หรือผู้ใหญ่นะคะ บางอย่างเราคิดว่าเราหาเอง เสริชเองจากอินเทอร์เนตได้หมด เด๋วถึงเวลา อาม่า ไม่ยอมขึ้นมาจะลำบากค่ะ มันจะตะกุกตะกัก อย่างน้อยพิธีการและรูปแบบการจัดเลี้ยงหลักๆเช่น จะเป็นโต๊ะจีน buffet หรือ cocktail ควรได้รับการเห็นชอบจากทั้งพ่อและเเม่ของสองฝ่ายปลอดภัยสุดค่ะ อย่างน้อยเรามี backup เเระ อิอิ

3. จำนวนแขกคร่าวๆค่ะ อันนี้ขอให้แยกเป็นสองส่วนนะคะ ส่วนแรกก็คือแขกที่จะมางานพิธี เช่น พิธีหมั้น หลั่งน้ำพระพุทธมนต์ ยกน้ำชา เข้าโบสถ์ เป็นต้น แขกเหล่านี้โดยส่วนมากจะเป็นญาติสนิท และเพื่อนสนิทค่ะ งานส่วนใหญ่จะจำกัดคนในงานพิธี เพื่อให้กระทัดรัดและอบอุ่นค่ะ อีกส่วนหนึ่งคือแขกทางสังคม ไม่ว่าจะเป็นแขกพ่อ แขกเเม่ เพื่อนๆ เพื่อนน้อง เพื่อนพี่ ลอง list คร่าวๆเลยค่ะว่าประมาณซักกี่คน แพรแนะนำว่า ให้พิมพ์ใส่ Excel เอาไว้ มันจะได้ใช้ประโยชน์อีกทีตอนจะพิมพ์ซองนี่ละค่ะ

4. Budget ค่ะ อันนี้สำคัญสุดๆ เพราะจะเป็นตัวแปรของวันสำคัญของคุณนั่นเอง ^^ อันนี้แพรขอไม่พูดถึงมากนะคะ ขึ้นอยู่กับความสามารถในการเจรจาของแต่ละคนค่ะ

5. สถานที่ หลังจากได้ 1-4 มาแล้วก็เริ่มโทรหาโรงแรมได้แล้วค่ะ ลองเปิดๆ อินเทอร์เนตดูว่าชอบโรงแรมไหนบ้าง list ๆ ไว้ แล้วลองเข้าไปดูค่ะ ย้ำว่าควรจะเข้าไปดูเอง เพราะแต่ละโรงเเรมไม่มีใครเหมือนใครค่ะ เด๋วรายละเอียดหรือการต่อรองเรื่องโรงแรมจะเขียนมาให้อ่านละเอียดอีกทีนะคะ

6. ชุดแต่งงาน ชุดแต่งงานควรคำนึงถึงสถานที่ด้วยนะคะ แล้วจะตัดซื้อ ตัดเช่า หรือเช่า แล้วแต่เลือกค่ะ ลองคำนวนว่าคุณมีงบอยู่เท่าไหร่สำหรับส่วนนี้ค่ะ เจ้าสาวคนไหนที่ตั้งใจจะตัดอยู่แล้วให้รีบทำเลยนะคะ เพราะชุดแต่งงานนี่ใช้เวลาค่ะ อย่างน้อยควรให้ช่างล่วงหน้าซัก 3 เดือนจะดีมากๆ ค่ะ

7. แหวน & เครื่องประดับ ให้เอาร้านที่คุณพ่อคุณเเม่เคยใช้บริการเป็นหลักค่ะ แพรแนะนำให้ใช้ร้านที่เราไว้ใจจะดีกว่า สอบถามเวลาในการทำด้วยนะคะ หากเพื่อนๆคนไหนจะทำเทียร่า ควรจะสั่งทำล่วงหน้า 6 เดือนเป็นอย่างน้อยค่ะ เพราะมันละเอียดและเสียเวลามากจริงๆ ไม่ได้ใส่เทียร่าร้องไห้ขี้มูกโป่งอย่างแพรช่วยไม่ได้นะค้า

8. ธีมงาน อันนี้คือหัวใจค่ะ ธีมงานจะบ่งบอกความเป็นเราและบ่งบอกรายละเอียดงานที่เหลือทั้งหมดค่ะ ธีมงานจะเลือกจากความชอบของเราเป็นหลักเช่น เราทั้งคู่ชอบทะเล เป็นธีมทะเล ฟ้าขาว, เจอกันที่ลอนดอน ก็อาจะเป็นปราสาทหรือรูปเมือง ตู้ไปรษณีย์อังกฤษ ไรแบบนี้ค่ะ เพราะถ้าธีมชัดเจน การ์ด ของชำร่วย ภาพ pre wedding การตบแต่งสถานที่จะไปได้หมดค่ะ

9. ถ่ายรูป VDO or Studio อันนี้หลายๆคนคงจะเลือกไปเดินงาน wedding fair หรือไม่ก็เปิดจากเวบแต่งงานทั่วไป ลองถาม feedback คนที่เคยใช้บริการด้วยก้อดีนะคะ เป็น package มันก็ใช่ว่าจะประหยัดเสมอไป ใจเย็นๆนะคะ ค่อยๆเลือกเอาที่เราเห็นงานแล้วชอบเป็นหลัก ท่องไว้ว่าช่างภาพสวยๆหาง่ายกว่าช่างแต่งหน้าอีกค่ะ

9. การ์ดแต่งงาน ไม่จำเป็นต้องเลือกร้านแพงๆเสมอไปค่ะ ทางออกมีเยอะเเยะ ลองเสริชแบบที่ชอบจากเวบดูนะคะ เเล้วลองเอาไปให้โรงพิมพ์หรือร้านรับพิมพ์การ์ด ให้เค้าตีราคาดูค่ะ เผลอๆอาจจะถูกกว่าซื้อแบบจากร้านดังๆเยอะเเยะค่ะ การ์ดขอให้ไม่หลุดธีม แล้วเป็นตัวเองก็พอค่ะ

10. ของชำร่วย เหมือนการ์ดค่ะ ขอให้เข้ากับธีม ไม่เเพงเกินไป พอหาได้ค่ะ ถ้าไม่มีเวลาลองเดินตามงานเเฟร์เช่น แฟร์เมืองทอง ไบเทค จะเจอบริษัทผู้ผลิตโดยตรงค่ะ แล้วจะไม่แพงมาก

รายละเอียดต่อๆไป จะค่อยๆมาเขียนเล่าสู่กันฟังค่ะ
ขอให้ว่าที่เจ้าบ่าวและว่าที่เจ้าสาวทุกคนโชคดีค่ะ

Create Date : 19 มกราคม 2552

Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2552 0:08:14 น.

6 comments

Counter : 436 Pageviews.

แวะมาศึกษา
อยากแต่งมั้ง

โดย: Cheerfully

วันที่: 19 มกราคม 2552 เวลา:15:16:59 น.

คุณแพรน่ารักมากเลยค่ะ......ขอบคุณค่ะ จารออ่านน๊า.......

โดย: fanOag IP: 203.158.239.239 วันที่: 19 มกราคม 2552 เวลา:15:36:09 น.

อิอิ จะรีบๆเขียนนะคะ เด๋วลืมหมด เสียดายความรู้

โดย: -Prair-

วันที่: 19 มกราคม 2552 เวลา:20:57:19 น.

ถูกใจมากๆเลยค่ะ^^

ขอย่องเข้ามาหาข้อมูลหน่อย กำลังงงๆทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มที่ตรงไหนเหมือนกันค่ะ

ตอนนี้มีแค่ข้อ1กับข้อ7อยู่เลยค่ะ

โดย: annie_gnd

วันที่: 19 มกราคม 2552 เวลา:22:28:38 น.

จะรออ่านรายละเอียดโรงแรมนะคะ

โดย: annie_gnd

วันที่: 19 มกราคม 2552 เวลา:22:30:57 น.

ไม่ทราบว่าคุณเเพร ใช้โรงแรมที่ไหนคะ
ที่ว่าสถานทูตชอบใช้อ่ะค่ะ
แล้วแต่งหน้าที่ไหนค่ะ
ช่างถ่ายภาพใช้ของที่ไหนค่ะ
ตอนนี้ยังไม่ได้โรงแรมที่ถูกใจเลยค่ะ
ขอบคุณมากๆ นะคะ

โดย: พนารัตน์ IP: 192.109.140.34 วันที่: 17 ธันวาคม 2552 เวลา:14:38:46 น.