LL.B. (Thammasat) B.A. (Political Science) Thai Barrister-at-law M.L.I. (Wisconsin) LL.M. (Cornell) Researcher at Kyushu University under Patronage of Government of Japan (Monbukagakusho)
LL.M. Cornell University
M.L.I. University of Wisconsin-Madison
LL.B.
Thammasat University
B.A. (Political Science)
Ramkamhaeng University
Assumption College Samutprakarn
หากเป็นกรณีที่น้องว่ามา คือ เด็กหญิงและเด็กชายที่อายุไม่ถึง ๑๔ ปี ต่างสมัครใจ มีเพศสัมพันธ์กัน ... และมองในแง่มิติทางประวัติศาสตร์ มาประกอบ เด็กหญิงน่าจะได้รับการคุ้มครองมากกว่าเด็กชาย ....(มั๊ง)
มิติที่สอง เรื่องความยินยอม กับการเจตนารมณ์ในการมุ่งการคุ้มครอง ....มีหลักสำคัญอยู่ว่า ผู้ที่กฎหมายมุ่งคุ้มครอง จะกลายเป็นผู้กระทำผิด ตัวการ หรือผู้สนับสนุนในการกระทำผิดไม่ได้ ต้องพิจารณาลงไปว่า กฎหมายในมาตรานั้น มีวัตถุประสงค์ในการคุ้มครองใครมากกว่ากัน เช่น คุ้มครองอำนาจบิดามารดา ในการปกป้องเด็ก มิให้ผู้ที่มีประสบการณ์ และทักษะในการล่อลวงมากกว่าเด็ก ได้ล่วงละเมิดต่อเด็ก เป็นต้น เมื่อเป็นเช่นนี้ "ความยินยอม" จึงไม่สาระสำคัญในการพิจารณาว่าเป็นความผิดหรือไม่
เด็กหญิงไม่อาจจะตกเป็นผู้กระทำผิด ผู้สนับสนุน หรือ ตัวการได้ หากกฎหมายมุ่งคุ้มครองเด็กหญิงเป็นสำคัญ เช่น กรณีเด็กหญิง ไปชักจูงให้ผู้ใหญ่ มาร่วมเพศ เพื่อแสวงหารายได้ ฯลฯ อันนี้ไม่ใช่แค่ยินยอม แต่ไปกระตุ้นให้ผู้ใหญ่กระทำผิดต่อตนเอง ... แต่เด็กหญิง คือ สิ่งที่กฎหมายมุ่งคุ้มครอง .... เป็น Necessary participator ขององค์ประกอบการกระทำผิด ... ผู้ใหญ่ คนนั้น เท่านั้น ที่จะต้องถูกลงโทษครับ
หากจะเปรียบเทียบระหว่างประโยชน์ที่มุ่งคุ้มครองระหว่างเด็กชาย กับ เด็กหญิง .... เด็กหญิง น่าจะได้รับการคุ้มครองมากกว่า (มั๊ง) ..... ความเห็นส่วนตัว จึงเห็นว่า เด็กชายเท่านั้น ที่จะถือว่ากระทำผิดต่อเด็กหญิงนะครับ...