Group Blog
 
<<
เมษายน 2559
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
12 เมษายน 2559
 
All Blogs
 
Review:รองพื้นคุชชั่นแบรนด์Hi-endที่ปลื้ม13แบรนด์ YSL/Chanel/Dior/impress/Estee/Nars/Shu




สวัสดีค่ะวันนี้ขอไม่เกริ่นอะไรให้มากความ เช่ขอหยิบรองพื้นมารีวิวเฉพาะชิ้นที่ประทับใจ
ในนี้มีของได้ฟรีมาด้วย แต่ส่วนมากคือซื้อเอง เครซี่รองพื้นมากๆ ที่จริงมีแบรนด์hi-end
ที่เช่ได้มาฟรีแต่ไม่ได้หยิบมารีวิว นั่นก็เพราะว่าไม่ค่อยปลื้มนั่นเอง ดังนั้นไม่ต้องกังวล
นี่เป็นความเห็นจริงๆของคนที่บ้ารองพื้นเอามากๆ แอบสะสมมานาน ถึงเวลามารีวิวแล้ว



แต่รีวิวนี้จะไม่ได้เจาะลึกแบบDeep Review เพราะต้องแยกเป็นหลายepisodeเลยทีเดียว
เป็นการเปรียบเทียบสี เนื้อรองพื้น และความคิดเห็นโดยรวมเท่านั้น!
สภาพผิว : ผิวผสม จะมันมากระหว่างวันช่วงT zone มีแต่รอยกระไม่เยอะมาก ไม่มีรอยแดง



ESTEE LAUDER Double Wear SPF10 PA+++ ราคา1,750บาท
คงไม่มีใครไม่รู้จักเนาะ ตัวนี้ใช้กันทั่วหล้าฟ้าเมืองไทย เช่เห็นเมคอัพอาร์ติสหลายคนต้องมี
ขวดแรกเช่ได้รับมาฟรีจากเพื่อนสนิทเช่ค่ะ แต่งตอนรับปริญญา เชื่อไหมคะคุณขา
ทนทายาททั้งวัน รองพื้นเป็นรองพื้น ไม่เยิ้มไม่ลอก นั่นคือแรงบันดาลใจอย่างแรกที่
อยากสอยรองพื้นแบรนด์นี้เพิ่มอีก ออกลูกออกหลานมีอีก2ขวด



มีทั้งหมด3สี เช่ชอบแบรนด์นี้คือ สีโทนเหลืองมีเยอะ ผิวขาวยันผิวคล้ำมีครบทุกโทน
เนื้อของเค้าไม่ได้เกลี่ยยากขนาดนั้น เนื้อที่เทออกมาค่อนข้างเหลว เกลี่ยทีละจุดๆเอา
หลังเกลี่ยเสร็จผิวจะไม่แมทนะคะ บางตัวจะผิวแมทไปเลย แต่ตัวนี้ยังไม่แมทจนกว่าจะลงแป้ง
บางคนบอกเกลี่ยยาก เช่ว่าไม่ได้เกลี่ยยากอะไรขนาดนั้นนะ เรื่องติดทนปกปิดให้ไปเลย10/10
อยากได้ลุคบางๆใสๆก็ใช้ปริมาณน้อยหน่อย แต่ถ้าต้องการให้ติดทนมากๆก็ใช้ปรืมาณมากขึ้นมา
นิดนึงแล้วใช้ฟองน้ำไข่จะช่วยให้เกลี่ยเนียนขึ้นมากๆ มีข้อเสียคือแพคเกจไม่ทำแบบหัวปั๊ม
เวลาเทเกินเทกลับก็สกปรกอีก ทำใจปาดทิ้งหลายรอบเพราะรองพื้นก็มีอายุเช่นกัน
สรุป : ควรมีรองพื้นยี่ห้อนี้สักขวด หรือใครใช้ไม่หมดหาซื้อแบบหลอดเทสเตอร์ก็ได้



REVLON Colorstay ราคา350-550บาท
ไม่Hi-endแต่ไม่พูดถึงไม่ได้ค่ะ นี่คือตัวตายตัวแทนเอสเต้
เรียกว่าฝาดำในตำนาน รุ่นนี้เช่เคยใช้ตั้งแต่เป็นรุ่นเก่าเหม็นๆเป็นแบบเท แต่ตอนนี้เค้าออกแบบ
มาใหม่แล้วนะเออ กลิ่นหายและเป็นฝาปั๊ม แต่ๆๆๆ แอบมีความรู้สึกว่าทำไมมันไม่เหมือนรุ่นเก่านะ



นี่คือรองพื้นที่ราคาถูกกว่าเอสเต้3เท่า และคุณภาพใช่ย่อยนะคะ แต่ๆๆเนื้อเค้าจะเหลวกว่าเอสเต้
และพิกเม้นสีเรฟลอนไม่เท่าเอสเต้ แต่ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ไม่ชอบเรื่องโทนสีเค้า
ชมพูไปไหน มีโทนเหลืองคือเบอร์300 ซึ่งเข้มกว่าผิวไปอีก เบอร์ไหนก็ไม่โอเคกับผิวเช่
ทั้งนั้น แต่เรื่องความทนนี่ติดดาวเลย ติดทนเลยค่ะ แต่ระหว่างวันสีดรอปลง เศร้า!
อาจจะเพราะมันคือโทนชมพูไม่ใช่โทนเหลือง มันเลยดรอปแล้วสีประหลาดๆ
สรุป:เป็นของดีราคาถูก ใครงบไม่สูงหรือไม่อยากซื้อเอสเต้ที่ราคาสูงกว่า สอยเรฟลอนดีกว่า



LUNASOL Water cream foundation ราคา1,800บาท
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งลูกรัก กระปุกที่2แล้ว ไม่เปลี่ยนใจถ้าหมดยังไงก็ใช้ต่อ รองพื้นที่มีส่วนผสมของน้ำ
ไม่หนักหน้า ฉ่ำ ปกปิดระดับปานกลาง ที่สำคัญมีแบ่งโทนเหลือง ชมพูชัดเจน แต่สีเข้มสุด
อาจจะไม่ยังเข้มแบบที่คิดไว้ จะบอกว่าเค้าออกแพคเกจมาใหม่เป็นฝาอีกแบบ แต่เนื้อครีม
เหมือนกันรึเปล่าเช่ยังไม่ได้ถามBA ลูกค้าไปซื้อตามแต่บอกมาไม่ดีเท่าของเช่ ตัวครีมใหม่
อาจปรับสูครให้หนืดขึ้น เข้มข้นขึ้น แต่นี่ยังชอบฟีลลิ่งแบบกระปุกนี้อยู่



เนื้อโทนเหลืองสะใจ ฉ่ำมากกกก หลังทารองพื้นเสร็จไม่มีความแมท ต้องหาพวกแป้งฝุ่น
มาตบ นี่ขนาดปาดแล้วทิ้งไว้นานก็ยังไม่แมท ปกปิดกลางๆไม่มากเท่าไหร่ สาวๆผิวแห้งชอบมาก
ช่วงที่เช่ต้องใช้BHAรักษาสิว หรือหน้าแห้งๆไม่สมดุล อยากใช้รองพื้นหยิบตัวนี้ตัวเดียว
เพราะไม่เป็นคราบ ไม่หนา แต่เค้าไม่ทนแดดทนน้ำแค่นั้นเอง ระหว่างวันไม่หมองแต่จมูกมัน!



RMK Creamy Foundation ราคา 1,870บาท

ตัวนี้เช่ใช้มาตั้งแต่เป็นกระปุกไซต์จริง แต่ที่ในรูปเป็นไซต์เล็กเพราะได้WSกับทางRMK
เลยได้มาอีก ไม่รู้ทำไมตัวนี้ไม่ดังเลย แต่ที่จริงแล้วเนื้อเค้าดีงามพระรามแปดมากเลยค่ะ
ขอเรียกเป็นพี่เป็นน้องของLunasolเลยนะ ถ้าให้เลือก2ตัวนี้ก็เลือกไม่ได้อยู่ดีเพราะคนละฟีลกัน



เนื้อเค้าจะข้นจะเข้มกว่า Lunasol ติดทนมากกว่า เกลี่ยไม่ยากเลยสักนิด เนื้อสมูทมาก
ตัวนี้คนผิวผสมน่าจะชอบ ยิ่งตอนเซทตัวจะฉ่ำๆแบบผิวดี๊ดี บวกกับโทนสีที่เป็นสีเหลือง
บอกเลยว่าประทับใจพอสมควร แต่โทนสีรู้สึกว่าไม่เข้มมากเท่าไหร่ รองพื้นฉ่ำๆเช่ชอบ
ของโซนญี่ปุ่นมากกว่าเกาหลีอีก ตัวนี้เป็นตัวที่น่าสนใจแต่หลายคนเมิน ใครไปลองเทสที่เคาเตอร์ดู



L'oreal Lucent Magique ราคา400-500บาท
รองพื้นตัวนี้เป็นอีกตัวที่ชอบ ได้มารีวิวเป็นสปอนเซอร์ค่ะ ที่จริงแล้วไลน์ของlorealมีหลายตัว
รุ่นTrue Matchตัวเก่าน่ะชอบมากใช้จนหมด แต่พอมาเป็นTrue Matchรุ่นใหม่
ที่ออกมาไม่ค่อยประทับใจสักเท่าไหร่ แห้งๆเป็นคราบ ดังนะมีรุ่นนี้แหล่ะที่ปลื้มปริ่มกับเค้า



เนื้อเหลวพิกเม้นสีแน่น แต่พอเกลี่ยไปแล้วก็จะสมูท สีเข้มมากเลยเบอร์G7 แบ่งเป็นโทนชมพู
โทนเหลือง เช่เคยรีวิวแบบDeepไว้แล้วลองกดดูตามลิ้งนี้เลยค่ะ แต่การปกปิดตัวนี้ต่ำมาก
ไม่คุมมัน และระหว่างวันซับก็จะหลุดบ้าง ต้องเติมระหว่างวัน เช่เน้นเอาไปผสมกับรองพื้น
ที่สีไม่ได้ เช่นเรฟลอนฝาดำ จะรู้สึกค่อยยังชั่วสักหน่อย ตัวนี้เหมาะกับคนที่ผิวเนียน ดีอยู่แล้ว
ในระดับนึง แต่ถ้าอยากปกปิดแน่นๆก็เรฟลอนฝาดำ ราคาใกล้ๆไม่ทิ้งห่างกันเท่าไหร่



 NARS Sheer Glow Foundation ราคา 1,400-1,650บาท
NARS All Day Luminous Weightless Foundation ราคา 1,850บาท

ที่จริงแล้วตัวเช่เองชอบSheer Glowนี่คือขวดที่2 แต่ที่เอารุ่นใหม่มาเปรียบเทียบเทียบเพราะ
ว่าได้สปอนเซอร์มา เลยอยากเอามาเปรียบเทียบได้ดูกันว่าตัวใหม่เช่ไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่
รุ่นsheer glowหรือรุ่นโมเมพาเพลินแนะนำโทนเหลืองโทนชมพูก็มี ส่วนรุ่นAll Day
สีคนละชื่อกับอีกรุ่น แพคเกจดีกว่าฝาที่เป็นยางๆไม่เหนอะหนะ รุ่นsheer glowออกแบบแย่
ถ้าใส่หัวปั๊มทำให้ไม่พอดีกับฝา อยากกัดลิ้นตาย ทำไมไม่ทำให้ครบและเพอเฟคไปเลยทีเดียว



sheer Glow ใช้ง่ายไม่เป็นคราบ เม็ดสีแน่น และระหว่างวันโกลวๆแบบแบรนด์ญี่ปุ่น
ใช้แล้วหน้าเนียนนวลผ่องเป็นยองใยถ้าเลือกโทนสีถูก เหงื่ออกยิ่งผ่อง ติดทนกลางๆ ปกปิดกลางๆ
All Day เนื้อแน่นมาก เม็ดสีแน่นมาก แน่นจนตกใจ ไม่ฉ่ำเลย แอบเกลี่ยยากนิดๆ
ตอนที่ผิวแห้งๆไม่หยิบมาใช้แน่นอนเพราะพัง แต่ใครชอบแน่นๆน่าจะชอบ ปกปิดดีมาก
แต่เนื้อพอเกลี่ยจะแห้งเลย คนละฟีลกับEstee สีแทบไม่ดรอป สีตอนแรกเป็นยังไงทิ้งไว้
ก็เป็นแบบนั้น แนะนำให้เลือกสีเดียวกะผิวเป๊ะๆ ตัวนี้ไมค่อยประทับจายยย



CHANEL Teint Innocence ราคา2,000บาท up
CHANEL Perfection Lumiere ราคา2,200บาท

2ตัวนี้สอยมาคนละเวลา ตัวแรกเป็นตลับรีฟิลเช่ซื้อมาจากInternetเลยทำให้ดูสีพลาด
แทบไม่ค่อยได้ใช้เพราะเข้มมาก แต่เนื้อเค้าดีมากจริงๆ ส่วนอีกตัวPerfection ซื้อตามทีหลัง
ที่จริงมีหลายรุ่นที่น่าสน สุดท้ายหวยลงที่ตัวนี้แล้วตามด้วยแป้งมาอีก1ตลับ ราคาโหดร้าย



CHANEL Teint Innocence ฟีลลิ่งเค้าจะเหมือนเนื้อบาร์ม เนื้อดินน้ำมัน ควรใช้คู่กับฟองน้ำ
เกลี่ยไม่ดีเป็นคราบ เพราะค่อนข้างแห้งไว ตัวนี้เนือแน่นมาก เข้มข้นมาก แตะนิดเดียว
ใช้ได้เยอะสุดๆ ไม่ควรใช้มือเกลี่ยเด็ดหาด ขอฟองน้ำไม่ก็ใช้แปรงปาดและฟองน้ำทัชตาม
เคยใช้ทั้งหน้าแบบลุคแทนๆ ทนน้ำเหมือนกันแฮะ ดรอปไหมไม่รู้เพราะสีเข้มมากอยู่แล้ว

CHANEL Perfection Lumiere เนื้อเกลี่ยง่ายสมูทมาก แต่เค้าซึมไว ซึมปุ๊ปแห้งปั๊บ เหมือนแป้งน้ำ
แมทมากก ถูไม่หลุด แต่ปกปิดอยู่ระดับปานกลาง รอยสิวพอได้แต่รอยดำไม่ได้แน่นอน
ยิ่งใช้คู่กับแป้งเค้าจะแมทมาก คนผิวมันน่าจะชอบสีเซ็ทกับผิวไวมากกกก ตอนแรกจะซื้อ
สีที่เข้มกว่า20 เพราะติดนิสัยซื้อเข้ม BAยืนยันว่าลองก่อนเบอร์นี้ก่อน สรุปเข้าท่ามากๆ
ขอบคุณพี่BAจริงๆ ตัวนี้ไม่หมองเหงื่อยิ่งออกยิ่งผ่อง หน้าหนาวไม่อยากลงแป้งตามเลยค่ะ
ดูผิวเนียนๆเรียบๆ ไม่เหมาะกับคนที่ชอบรองำื้นเพื่อการปกปิด ต้องใช้คอนซิลเลอร์ช่วยนะคะ



DIOR SKIN Star ราคา2,000บาท ฟองน้ำซื้อแยก
DIOR SKIN Forever ราคา2,000บาท

ตัวstarหลงใหลในคำเคลมของเค้า ผิวสวยทุกสภวาะแสง แค่ฟังก็เลอค่าแล้ว
ตัวนี้ได้มาใหม่ล่าสุด เห่อสุด แต่พอมานั่งคิดๆดูรุ่นForeverก็ไม่แตกต่างมากสักเท่าไหร่
รุ่นนี้คนใช้เยอะมาก ไม่มีใครไม่รู้จักแน่นอน รุ่นนี้ก็เป็นหนึ่งในใจ หลายรีวิวเปรียบเทียบกันชัดเจน



DIOR SKIN Star ตอนแรกเข้าใจว่าเนื้อน่าจะเหลวกว่า ฉ่ำๆกว่า วาวๆสะท้อนแสงอะไรแบบนี้
แต่ไม่ใช้เลยเนื้อตอนปาดพร้อมกัน2นิ้ว แอบรู้สึกว่าStarหนืดกว่านิดนึง ปกปิดระดับดี
เม็ดสีแน่น ชัด จัดเต็ม 2รุ่นนี้ถ้าให้เช่นิยามจะแตกต่างตอนที่อยู่บนผิวสัก5ชม.
Starจะหลุดง่ายกว่าForever เห็นมีบางรีวิวบอกมีไหล น่าจะจริงเพราะดูแล้วเค้าไม่ทนเหงื่อ
เท่าที่เราคาดหวังไว้ ถ้าพูดตรงๆStarไม่ได้จำเป็นอะไรขนาดนั้นถ้าจะให้เลือก เค้าเหมาะกับการ
แต่งหน้าปุ๊ปออกงานปั๊บ ถ่ายรูปแฟลชเริ่ดๆแบบผิวกระเบื้อง  แต่ถ้านานหรือเหงื่อออก หลุดค่ะ

DIOR SKIN Forever รุ่นนี้เค้าชอบบบ ปกปิดดีติดทน เนื้อสัมผัสจะคนละฟีลกับEsteeที่ว่าติดทน
แต่เค้าจะมีความนุ่นนวลกว่า ผ่องกว่า ยิ่งเหงื่ออกยิ่งผ่อง ซับไม่หลุด แต่แอบไปดูรีวิวหลายท่าน
ก็ไม่ปลื้มบ้าง ขึ้นอยู่กับสภาพผิว บอกไม่ถูกแต่ใช้แล้วรู้สึกผิวผู้ดี๊ผู้ดี กลิ่นOKกว่าesteeเยอะ
ราคาเค้าสูงกว่าEstee แต่ให้ความรู้สึกคนละแบบ ตัวนี้ต้องลองไปเทสดูจริงๆนะ



IMPRESS Liquid Foundation ราคา4,400บาท
ตัวนี้ราคาโหดสุด เมคอัพอาร์ติสมี แบรนด์ญี่ปุ่นที่ใช้มาก็มีเยอะแต่ตัวนี้เค้าต้องมีอะไรดี
ทำไมราคาถึงดีดขนาดนี้ทิ้งห่างแบรนด์ในเครือKaneboไปพอสมควร แต่พอลองแล้ว
ก็มีความรู้สึกว่า เข้าใจแล้วว่าทำไมเค้าแพง แต่ถ้าให้ซื้อซ้ำอีกก็คงไม่



ทาที่ผิวหน้าแล้วนึกถึงกำมะหยี่เลย เนื้อเนียนเซ็ทผิวสวย ใช้ได้ดีกับนิ้วมือ วอร์มครีมให้อุณภูมิ
สูงขึ้นนิดนึงพอทาแล้วจะฟินมาก แต่เบรดเอี๊ยดดดเรื่องการปกปิด ปกปิดไม่มากจัดในระดับ
กลางๆแต่เม็ดสีแน่น เกลี่ยง่ายทาเสร็จแอบสะท้อนแสงเล็กๆ ไม่ทนแดดทนฝน
เคยลองเอาNARS Sheer GlowผสมกับCHANEL Perfection ได้ผลลัพธ์ใกล้เคียงมาก
ตัวนี้จะหยิบมาต่อเื่อผิวช่วงนั้นดี๊ดี อยากแต่งหน้าเพิ่มความแพงให้ผิว หยิบImpressเลย



SHU UEMURA Blanc Chroma cushion ราคา1,700บาท รีฟิลแยกตลับ

ตัวนี้เช่ได้รับมาฟรีค่ะ ช่วงนี้แบรนด์HIหลายๆตัวต่างเปิดตัวคุชชั่นออกมาตามเทรน
แต่ที่จริงแล้วเช่เอชอบคุชชั่นฝั่งนี้มากกว่าฝั่งเกาหลี มีน้อยตัวฝั่งเกาที่ชอบคือEtude Innisfree
ที่รู้สึกว่าเป๊ะ ไม่เยิ้ม หลายๆแบรนด์ลองแล้วมันไหลระหว่างวัน ส่วนคุชชั่นของลุงชู
ทำสีออกมาครอบคลุมดี แต่ส่วนมากจะขาวนะ โทนเข้มก็ยังไม่ถึงขนาดผิว2สีใช้ได้



พัฟเป็นกำมะหยี่จิกเนื้อคุชชั่นได้เยอะมากกก นุ่มมาก แตะนิดๆก็เกลี่ยได้เยอะแล้ว
ส่วนของแพคเกจชอบมากที่ไม่ใช่ฟองน้ำเหมือนลังโคมเลย คือมีแผ่นใยสังเคราะห์รูปแบบตาข่าย
กันการแห้งระเหยของเนื้อได้ดี และคุมปริมาณเหมาะสม เค้าบอกว่าตัวนี้คือsmart cushion



ดูเนื้อสิ่ดีมากกก มันดีมาก ใช้วิธีกดๆห้ามปาด ใช้เสร็จผิวผ่องเหมือนกระเบื้องเคลือบ
ได้ลุควาวๆแต่ปกปิดเนื้อหนา ระหว่างวันผ่องเด้งไม่ดรอป ยิ่งเหงื่อออกยิ่งเด้ง จะมีแค่ช่วงจมูก
ที่รู้สึกว่าหลุดนิดนึง มีทริคนิดนึงตอนผิวแห้งๆห้ามลงคุชชั่น จะดูหนาไม่เซทตัวกับผิว
นี่คือข้อเสียที่ไม่เหมือนแบบเกาหลี ต้องลงคุชชั่นลุงชูตอนที่ผิวชุ่มชื้นจะสวยกว่า



YSL LE CUSHION ENCRE DE PEAU ราคา 2,300บาท
เปิดตัวมาราคาสะพรึงเหมือนกันเนอะ ตัวนี้เช่ได้มาฟรีเช่นกันค่ะ คุชชั่นเป็นอะไรที่เช่จะเสียทรัพย์
เองยากมาก ชอบแบบขวดมากกว่า555 แต่ตัวนี้เห็นบลอกเกอร์หลายคนกรี๊ด เราดูรีวิวไปเหมือน
โดนสะกดจิตหมู่ เออน่าสนน่าลอง ตัวนี้เคลมว่าเหมือนและใกล้เคียงรองพื้นรุ่น
Fusion Ink
เช่ก็มีใช้แต่ไม่ปลื้มเท่าไหร่ ฟีลลิ่งแปลกๆ แต่พอมาเป็นคุชชั่นรู้สึกว่าน่าจะOKกว่า



ตัวนี้เป็นแบบฟองน้ำเหมือนคุชชั่นทั่วไป ไม่ค่อยชอบเพราะแห้งง่าย ต้องพลิกไปมา จะชอบรู้สึก
ว่ามันไม่สะอาดเท่าไหร่ ที่ไม่ชอบคุชชั่นเพราะเค้าจะแห้งไวระเหยไว ปริมาณน้อยกว่ารองพื้น
ราคาเท่ากันถึงแพงกว่า เลยไม่ค่อยเสียทรัพย์กับคุชชั่น แต่แพคเกจของYSLนี่แบบเทใจไปเลย
เลอค่าเลอราคามาก คือหรูดูดีควักมาใช้แล้วพราววว แต่ก็แลกกับราคาที่จัดว่าสูงม๊ากก



เช่ได้เบอร์20 เบอร์ของคุชชั่นแบรนด์นี้ประหลาดมาก สีโดดไปมาสีเข้มกว่าก็ใช้ได้
สาวๆผิวแทนชอบแน่เพราะผิวเข้มสุดนี่เข้มจริงๆ เนื้อเค้าบางเบาปกปิดปานกลางไม่มากเท่าไหร่
เนื้อพอทำมาเป็นคุชชั่นชอบมากกว่าเป็นรองพื้นแฮะ แตกต่างที่คุชชั่นจะมีความวาวมากกว่า
แต่ยังให้ลุตแมท ระหว่างวันมีตกร่องช่วงข้างจมูกบ้างเล็กน้อย แต่โดยรวมฟินนิชลุค
จะรู้สึกว่าผิวสวยผ่องๆ ดรอประหว่างวันเหมือนกันนะ ใครชอบHi-endต้องไปลองสีที่เคาเตอร์ดีๆเลย

-----------------------

หมดแล้วค่ะรองพื้นที่ชอบและหยิบใช้บ่อย ส่วนมากในลิสนี้ก็จะเสียทรัพย์เองมากกว่า
บางตัวที่ไม่เสียทรัพย์เช่นคุชชั่น แต่เอามาลงเพราะเห็นหลายคนน่าจะสนใจกัน
ในรีวิวแต่ละตัวเช่ไม่ได้เจาะลึก แต่จะพยายามสรุปโดยย่อมาแล้ว ขึ้นอยู่กับสภาพผิว
และการดำเนินชีวิตประจำวันด้วย ทำให้ผลการใช้งานของแต่ละคนแตกต่างกันไป
ใครชอบตัวไหนโดนตัวไหนก็ลองไปเทสที่เคาเตอร์ได้ ไม่ต้องกลัว ขอลองแต่ยังไม่ซื้อ
เพื่อเทสเนื้อรองพื้นก่อน เช่ทำประจำค่ะ ยิ่งhi-endสองพันกว่า เช่กลับมาตัดสินใจที่บ้านตั้งนาน
ขอให้เจอรองพื้นที่ใช่ ที่ชอบทุกคนนะคะ สวัสดีค่ะ





Create Date : 12 เมษายน 2559
Last Update : 18 เมษายน 2559 12:26:10 น. 0 comments
Counter : 6055 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

porscherta
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Hits Since December 8, 2010!

Free Hit Counter by Pliner.Net
Friends' blogs
[Add porscherta's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.