Group Blog
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •   
  •  
พฤศจิกายน 2557

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
25
26
27
28
29
30
 
 
Review - Doi Kham 100% Tomato Juice (น้ำมะเขือเทศ 100% จากดอยคำ)
ฮาโหลลลลลล บล็อกนี้มีเรื่องสุขภาพมาฝากแหละ 55+ 
เป็นบล็อกแรกที่ไม่ได้รีวิวเกี่ยวกับเครื่องสำอาง แต่ก็ยังเกี่ยวข้องกับความสวยความงามอยู่เหมือนเดิม
สิ่งที่ปอจะมีรีวิว ปอว่าหลายคนคงรู้จัก เคยเห็น หรือบางคนอาจจะคุ้นเคยเป็นอย่างดี นั่นก็คือ


"น้ำมะเขือเทศ 100%" ยี่ห้อ "ดอยคำ"


ซึ่งเป็นสิ่งที่มาบูมเอามากๆ ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาสักพัก เมื่อคนเริ่มหันมาใส่สุขภาพและความงามจากภายในมากขึ้น
รีวิวนี้อาจจะมีตามกระแสมั้ง แต่จริงๆ ปอดื่มมานานแล้วแหละ ถ้านับย้อนจากวันที่เขียนบล็อกนี้ขึ้นก็ประมาณปีเศษๆ ได้ 



ทำไมต้องน้ำมะเขือเทศ?? ทำไมไม่กินมะเขือเทศสดๆ จะไม่ได้คุณค่ามากกว่าเหรอ??

เป็นที่รู้กันว่าในมะเขือเทศจะมีสารอยู่ชนิดหนึ่งที่ช่วยในเรื่องของการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผิวดีขึ้น ใสขึ้น บลาๆ ก็ว่ากันไป เจ้าสารที่ว่านั้นมีชื่อว่า "ไลโคปีน (Lycopene)" แล้วสารที่ว่านี้มันคืออะไรอ่ะ? งั้นมารู้จักเจ้าไลโคปีนแบบคร่าวๆ ตามความรู้ที่มีอยู่(น้อยนิด)ของปอล่ะกัน

ไลโคปีน (Lycopene) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มของแคโนทีนอยด์ (Carotenoid) ที่มีประโยชน์ค่อนข้างหลากหลาย แน่นอนว่าสารต้านอนุมูลอิสระคือช่วยเรื่องการชะลอความแก่ เพิ่มความยืดหยุ่น เนียนนุ่มให้กับผิว แต่นอกจากช่วยบำรุงผิวในระดับหนึ่งแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายด้วย คือช่วยฟื้นฟูเซลล์ในร่างกาย ช่วยในระบบการทำงานต่างๆ ของร่างกาย การมองเห็น และในเพศชาย ยังช่วยต้านมะเร็งต่อมลูกหมากอีกด้วย สำหรับตุ๊ดอย่างเรา ก็เลิศเลอเช่นกัน!! ฮ่าๆๆๆ


ไลโคปีนเป็นสารที่ร่างกายเราไม่สามารถผลิตเองได้ แล้วจะได้จากไหนล่ะ?? เราสามารถหาไลโคปีนจากผลไม้จำพวกที่มีสารสีแดง สีส้ม เช่น นางเอกของรีวิวนี้อย่างมะเขือเทศ ตัวหลักๆ เลยที่มีไลโคปีนสูง แต่ก็มีที่สูงกว่ามะเขือเทศอีกก็คือฟักข้าว นอกจากนั้นยังมีในแตงโม มะละกอ และองุ่นแดง ซึ่งผลไม้แต่ละชนิดก็มีไลโคปีนอยู่ไม่เท่ากัน นอกจากร่างกายจะผลิตเองไม่ได้แล้ว มันยังเก็บไว้ไม่ได้ด้วย ดังนั้นเราจึงต้องรับสารไลโคปีนอย่างสม่ำเสมอและพอเพียงในทุกๆ วัน



แล้วแบบนี้เรากินผลไม้สดๆ ไม่ดีกว่าหรอ เพราะของพวกนี้กินสดๆ สารอาหารจะอยู่ครบถ้วนมากกว่าการผ่านความร้อน ก็อาจจะใช่สำหรับสารอาหารอื่นๆ แต่สำหรับไลโคปีน ร่างกายเราไม่สามารถดูดซึมไลโคปีนที่ส่วนมากจะอยู่ตามส่วนของเปลือกผลไม้ได้ โดยเฉพาะในมะเขือเทศที่ไลโคปีนจะอยู่ในส่วนเปลือกเสียเป็นส่วนมาก ร่างกายเราไม่สามารถย่อยโมเลกุลให้เล็กจนสามารถดูดซึมออกมาได้ ดังนั้นการนำมะเขือเทศไปผ่านความร้อนก่อน จะทำให้การยึดเกาะของไลโคปีนกับเนื้อเยื่อของมะเขือเทศอ่อนตัวลง ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่ายกว่า



รู้จักไลโคปีนคร่าวๆ กันไปแล้วเนอะ ต่อไปก็ดึงเข้ามาสู่ดาวเด่นของรีวิวเราก็คือเจ้าน้ำมะเขือเทศ ทำไมต้องดอยคำ ทั้งที่น้ำมะเขือเทศตามท้องตลาดมีตั้งมากมายหลายยี่ห้อ หลายราคา 

จริงๆ ก่อนหน้าที่จะมาดื่มดอยคำ ปอเคยดื่มยี่ห้ออื่นๆ มาหลายยี่ห้อนะ เริ่มต้นเลยปอเริ่มจากการดื่มน้ำทับทิมก่อน พวกวิตามินซี วิตามินอีมันสูงดี แต่น้ำตาลก็เยอะเช่นกัน แล้วเพื่อนมาพูดถึงพวกน้ำมะเขือเทศ ประกอบกับช่วงนั้นมีผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องดื่มแปรรูปจากมะเขือเทศออกใหม่เยอะมาก ก็เลยลองหลากหลายยี่ห้อมาก เริ่มจากการเลือกแบบที่ผสมกับน้ำผลไม้อื่นๆ ก่อน แล้วก็เรื่องลองสายแข็งขึ้น จนมาเจอดอยคำเนี่ยล่ะ สุดๆ แล้ว! ที่เลือกน้ำมะเขือของดอยคำเพราะปกติเวลาจะกิน จะซื้ออะไรปอชอบดูตารางข้อมูลทางโภชนาการเสมอ แล้วเปรียบเทียบกับยี่ห้ออื่นๆ แล้ว ดอยคำให้พลังงานน้อยสุด (แคลลอรี่ต่ำ) ใส่น้ำตาลน้อย โซเดียมก็ไม่ได้เยอะมากมายนัก แถมยังใส่ไลโคปีนและคอลลาเจนเพิ่มเข้าไปอีก เลยหยุดที่ตัวนี้แหละ 



 ตามที่ดูจากตาราง 1 กล่อง ปริมาณ 200 ml. ให้พลังงานแค่ 40 กิโลแคลอรี่เอง!! ส่วนน้ำตาลปอว่าน้อยมากๆ น้อยโคตรๆ ถ้าลองเปรียบเทียบกับน้ำผลไม้อื่นๆ หรือแม้แต่น้ำมะเขือเทศยี่ห้ออื่นๆ เองเช่นกัน แค่ 7 กรัม ถือว่าโอเคมากๆ ส่วนโซเดียมที่คนว่าเยอะๆ กัน จริงๆ มันมีแค่ 210 มก. เองนะ แค่ไม่ถึง 10% ของที่ร่างกายต้องการต่อวันด้วยซ้ำ อ๋อ! ตอนที่ปอเขียนรีวิวนี้มีน้ำมะเขือเทศอีกยี่ห้อทำออกมาลดส่วนผสมต่างๆ ลงมากกว่าดอยคำแล้วด้วย ปอลองไปยืนเทียบหน้าตู้ 7-eleven แล้ว ตัวนั้นน้ำตาลน้อยกว่า ให้พลังงานน้อยกว่าก็จริง แต่! สารอาหารที่ได้ก็น้อยกว่าเช่นกัน เนี่ยแหละเป็นเหตุผลที่ปอไม่เปลี่ยนใจจากดอยคำ จนกว่าจะมีอะไรที่ดีกว่า 

ลองดูสารอาหารที่ได้สิ วิตามินเอ 100% ของที่ร่างกายต้องการต่อวัน คือดื่มกล่องเดียว ได้วิตามินเอครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ วิตามินซี 20% มีแคลเซียมนิดหน่อย 2% แต่ใส่คอลลาเจนเพิ่มเข้ามาเล็กน้อย 375 มก. แต่ไลโคปีนตัวชูโรงของเครื่องดื่มไลน์นี้เนี่ยสิ ลองเทียบกับยี่ห้ออื่นๆ ดอยคำชนะขาด เพราะใส่เพิ่มเข้ามาอีก 60 มก. ซึ่งโดยปกติในน้ำมะเขือเทศมันก็ต้องมีไลโคปีนตามธรรมชาติของมันอยู่แล้ว ก็ยิ่งทำให้เราได้รับไลโคปีนสูงขึ้นไปอีก 



เอาล่ะ ค่อนข้างวิชาการ (รึป่าว??) กันมาพอสมควรล่ะ ต่อไปก็บอกวิธีการดื่มของปอล่ะกัน เวลาซื้อ ส่วนใหญ่ปอจะซื้อแบบกล่องเล็กๆ ตามภาพ น้อยครั้งมากที่จะซื้อเป็นกล่องใหญ่ๆ เว้นแต่กล่องเล็กของหมด หาไม่ได้ ที่เลือกซื้อกล่องเล็กมา เพราะมันสะดวกในการดื่ม ดื่มเสร็จก็ทิ้งเลย แถมยังไม่ต้องมานั่งกะปริมาณด้วย ดื่มเท่าๆ กันทุกๆ วัน แถมการที่ไม่เปิดแล้วเก็บไว้ต่อยังไม่ทำให้มันสูญเสียสารอาหารต่างๆ ไปด้วย ส่วนตัวปอแนะนำให้ซื้อแบบกล่องเล็กดื่มดีกว่า



ปอดื่มทุกวันนะจ๊ะ วันละ 1 กล่อง ตอนเช้าเลย เช้าในที่นี้หมายถึง หลังตื่นนอนสักพักเลยนะ ยังไม่ต้องอาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน ให้ดื่มก่อนเลย แนะนำให้ดื่มน้ำเปล่าก่อนหรือใครจะดื่มตามก็ได้ เพราะการดื่มน้ำตั้งแต่ก่อนล้างหน้าแปรงฟัน มันจะช่วยล้างแบคทีเรียชนิดดีๆ ให้ไปช่วยในระบบขับถ่าย อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นการทำงานของระบบและเซลล์ต่างๆ ของร่างกายด้วย ง่ายๆ แค่เนี่ยแหละวิธีดื่มของปอ ถ้าใครไม่คุ้นเคยกับรสชาติ แนะนำให้แช่เย็น ให้เย็นเกือบเย็นจัดก็ช่วยเรื่องรสชาติได้ 



ไหนก็พูดถึงรสชาติแล้ว ปอเองก็อธิบายไม่ถูกนะ ถามว่ากินยากไหม ปอคงบอกไม่ได้ เพราะส่วนตัวปอมันไม่ยากอ่ะ เพราะปอเป็นคนที่ชอบกินมะเขื่อเทศอยู่แล้ว (ยกเว้นมะเขือเทศจิ้มพริกเกลืออะไรนั่นอ่ะ แบบนั้นไม่กิน) ก็เลยไม่รู้สึกแหวะ ไม่รู้สึกพะอืดพะอมแต่งอย่างใด แต่เท่าที่ถามเพื่อน หรือคุยกับหลายๆ คน มีแต่คนบอกว่ารสชาติมันเหมือนน้ำปลากระป๋อง 555555+ คงงั้นมั้ง แอบคล้ายๆ อยู่ เพียงแต่มันเย็น รสชาติจะออกเปรี้ยวๆ แบบมะเขือเทศอมเค็ม (ที่คนส่วนใหญ่คิดว่าใส่เกลือเยอะ เพราะมันเค็มเนี่ยล่ะ)



อร่อยดีนะ! 555+

แต่หลายคนอาจจะบอกว่าทำใจกินไม่ได้ จะอ้วกหรืออะไรก็ตาม ปอมีวิธีทำให้ดื่มง่ายขึ้นมานำเสนอ จริงๆ ไม่ต้องเหมือนปอก็ได้นะ แค่พอดีตอนถ่ายรูปมันมีอยู่พอดี นั่นคือเอามาผสมกับน้ำเสาวรส (หรือน้ำผลไม้รสเปรี้ยวอมหวานอื่นๆ ผสมน้ำทับทิมก็อร่อยดี) 



Double Doikham ฮ่าๆ พอผสมแล้วกลิ่นของน้ำมะเขือเทศจะอ่อนลง รสชาติเปรี้ยวๆ ของน้ำเสาวรสจะเข้ามากลบรสชาติแหยะๆ ของน้ำมะเขือเทศได้หมด ทำให้ดื่มได้ง่ายขึ้น เหมาะสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มดื่มหรือพยายามดื่มยังไงก็กระเดือกเปล่าๆ ไม่ลงจริงๆ 



แต่ในข้อดีที่ช่วยทำให้ดื่มง่ายขึ้น ก็ยังมีข้อเสียอยู่เหมือนกันนะ นั่นก็คือเรื่องของพลังงานที่ได้สูงขึ้นและปริมาณน้ำตาลที่ได้รับมากขึ้นเช่นกัน



ตามที่เห็นในรูป น้ำมะเขือเทศเป็นตัวหลัก เป็นตัวตั้งต้น ส่วนน้ำเสาวรสเข้ามาเป็นตัวประกอบ แต่ให้พลังงานสูงกว่าตัวหลักอีก คือให้พลังงาน 110 กิโลแคลอรี่ ส่วนน้ำตาลก็บวกเพิ่มเข้าไปอีก 17 กรัมเลยทีเดียว (ถึงว่าสิ น้ำเสาวรสอะไรหวานเชียว =_=") แต่ทั้งนี้ก็ได้วิตามินซีเพิ่มขึ้นอีก 10% 555+ แนะนำให้หาน้ำผลไม้อื่นๆ ที่ผสมแล้วอร่อย แล้วได้ประโยชน์มากกว่านี้ผสมดีกว่า อันนี้ถือว่าเป็นตัวอย่างล่ะกัน



ส่วนผลลัพธ์ที่ได้กับตัวปอนะ รู้สึกได้เลยว่าผิวดีขึ้น โดยเฉพาะผิวหน้า ปอเป็นคนไม่ค่อยมีปัญหาผิวอยู่แล้ว มันยิ่งทำให้ผิวปอดูเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวลมากขึ้น ส่วนผิวกายค่อยๆ ตามมาทีหลัง คือรู้สึกเรียบเนียนขึ้นบ้างเล็กน้อย ไม่ได้แบบว่าเนียนนุ่มมาก อันนั้นเว่อร์ไป 555+ แต่ขาวขึ้นไหม? บอกเลยว่าไม่ ฉะนั้นใครคิดว่าดื่มน้ำมะเขือเทศแล้วขาว เลิกคิดนะ มันอาจจะช่วยให้ใสขึ้นได้บ้าง แต่ไม่ได้ช่วยลดเม็ดสีเมลานินใต้ชั้นผิวให้ลดลง ทำให้ผิวขาวขึ้นได้ มันไม่ได้ช่วยขนาดนั้น แต่อย่างหนึ่งที่รู้สึกได้คืออาการภูมิแพ้ปอลดน้อยลง ไม่ค่อยเป็นบ่อยมากเท่าแต่ก่อน แล้วก็ไม่เป็นหวัดเลยตั้งแต่เริ่มดื่มมาจนถึงตอนเขียนรีวิวนี้ อีกอย่างที่สำคัญและสังเกตได้ชัดเจนคือ... การขับถ่าย หรืออุจจาระ หรืออึ หรือขี้ที่เราเรียกๆ กันเนี่ยแหละ (ขนมาเต็มมาก บอกขี้ตั้งแต่แรกก็จบ 555+) มันขับถ่ายดีมากขึ้น มันก็เป็นระบบมากขึ้นอีก มันช่วยให้ปอต้องถ่ายออกทุกวัน ช่วยให้เกิดเป็นกิจวัตรประจำวันไปโดยปริยาย ปอว่าเป็นเรื่องดีนะ ดีมากๆ ด้วย เหมือนเป็นการฝึกงานขับถ่ายของตัวเองไปในตัว สำหรับตัวปอได้ผลลัพธ์ที่รู้สึกได้ตามนี้ 



แต่ทั้งนี้ผลลัพธ์จะเป็นที่พอใจของแต่ละคนไหม คงบอกได้ยาก ถ้าคุณดื่มเพื่อหวังผลในเรื่องของการมีผิวสวย มันก็ช่วยได้บ้าง แต่มันจะค่อยๆ ฟื้นฟูมาจากภายใน ไม่ได้เห็นผลแบบชั่วข้ามคืน ต้องใช้เวลา อย่างปอยังดื่มมาเป็นปีๆ ถึงพอเป็นเป็นรูปธรรม อย่าหวังอะไรในระยะสั้นๆ แล้วมันขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตในวันปกติๆ ของแต่ละคนด้วย ต่อให้ดื่มให้ตาย แต่ไม่บำรุงอย่างอื่น ปล่อยปะละเลยที่จะทาครีม ทากันแดด กินไปก็เท่านั้นแหละ ถ้าจะให้เห็นผลคงนานมากๆ ส่วนใครดื่มเพื่อสุขภาพก็เป็นทางเลือกที่ดีนะ อะไรที่มาจากธรรมชาติก็ย่อมได้ประโยชน์อยู่บ้าง ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับการคาดหวังผลที่จะได้และการใช้ชีวิตของแต่ละบุคคล 



สำหรับตัวปอ แน่นอนว่าดื่มต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอสิ่งที่ดีกว่า อิอิ
โอเคเนอะ คิดว่าบอกหมดแล้วแหละ คิดไม่ออกว่าต้องเขียนอะไรบ้าง ไม่เคยรีวิวอะไรพวกนี้ไง ก็บอกหมดเท่าที่ตัวเองอย่างรู้และคิดออกแล้ว ยังไงก็ติชม บอกอะไรเพิ่มเติม แบ่งปันความรู้กันได้นะจ๊ะ 
ไว้เจอกันบล็อกหน้านะจ๊ะ




ฝากติดตามกันด้วยนะจ๊ะ คลิกเลย (":




Create Date : 24 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 28 พฤษภาคม 2558 15:28:37 น.
Counter : 17535 Pageviews.

2 comments
  
แล้วคอลลาเจน ทำจากอะไรคะ พืชหรือสัตว์?
โดย: ฝ้าย IP: 1.47.9.235 วันที่: 15 มิถุนายน 2558 เวลา:17:46:47 น.
  
ดอยคำมีวิธีการเก็บรักษาน้ำมะเขือเทศยังไงเหรอค่ะ
โดย: จริยา IP: 49.231.225.82 วันที่: 8 สิงหาคม 2558 เวลา:17:15:28 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

PorschePoR
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]



สวัสดีจ้าทุกคน!!! ก่อนอื่นก็แนะนำตัวกันก่อนเลย ชื่อ "ปอ" นะ ใครใคร่จะเรียก "ปอร์เช่ ปอ" ก็ตามใจ บล็อกของปอก็จะมีเนื้อหาเกี่ยวกับเครื่องสำอางต่างๆ ทั้งรีวิว how to เทคนิค หรือสิ่งที่ปอชื่นชอบ ปลาบปลื้ม รวมถึงเรื่องเกี่ยวกับเทรนด์แฟชั่นด้วย ยังไงช่วยติดตามกันด้วยน๊าาา ^^