|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
จิตวิทยาแห่งการอยู่คนเดียว ๑
บทความนี้ จขบ.ได้ไปอ่านเจอมา เห็นว่าดี มีประโยชน์มาก สำหรับใครที่กำลังมีปัญหาเรื่องชีวิตคู่ หรืออีกหลายคนที่ำกำลังจะมี หรือสำหรับคนที่กำลังตัดสินใจว่า จะมีคู่ ดี/ไม่ดี
ส่วนตัว จขบ. คงต้องเป็นไปตามบุญธรรม กรรมแต่ง ค่ะ อิอิ (ตอบซะเลย จะได้ไม่ต้องถามกันเข้ามาอีก) เกริ่นมาพอสมควรแล้ว ลองไปอ่านกันดูนะคะ ว่าเป็นยังไง ตามมาเลยค่ะ
จิตวิทยาแห่งการอยู่คนเดียว
เรื่องการคบคนอื่นนี้ พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้อย่างเฉียบขาดมาก พระพุทธองค์ตรัสว่า
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย หากเธอหาคนที่ดีกว่าเธอ หรือดีเสมอเธอคบไม่ได้แล้วไซร้ เธอพึงท่องเที่ยวไปแต่เพียงลำพังผู้เดียว เสมือนนอแรด ยังประเสริฐกว่าการคบคนพาล เพราะการคบคนพาลย่อมนำไปสู่วิบัติโดยแท้"
เอกบุรุษและเอกสตรีทั้งหลายย่อมเคยมีชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวและชื่นชมกับการอยู่คนเดียวทั้งสิ้น ถ้าไหน ๆ จะต้องอยู่คนเดียวแล้ว ตอนต่อไปเราลองมาดูกันว่า จะอยู่คนเดียวอย่างไรให้เป็นสุข
ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า ความรักนั้นเป็นอย่างหนึ่ง การมีคู่เป็นอย่างหนึ่ง มิได้หมายความว่าเมื่อไม่มีคู่แล้วจะไม่มีความรัก หามิได้เลย
คนอยู่คนเดียวนั้น ก็อาจมีความรักได้ และความรักอาจยิ่งใหญ่กว่าคนมีคู่ด้วยซ้ำ
ในขณะที่คนมีคู่นั้น ความรักจะต้องกระทบกับความต้องการที่แตกต่าง ผสมกับอารมณ์ข้างเคียงอันเกิดจากความสัมพันธ์ที่ไม่ลงตัวนานาประการ หรือมีข้อจำกัดด้วยอุปสรรคและปัญหาในการดำรงชีวิตนานา
ความรักที่เคยเต็มร้อยของคู่ในขณะที่เป็นแฟนกัน พอมาใช้ชีวิตเป็นสามีภรรยากัน รักเต็มร้อยก็อาจจะเหลือน้อยลง บางคู่เหลือแค่สิบเปอร์เซ็นต์ก็มี บางคู่ก็หมดหดหายไปเลย ต้องหย่าร้าง แยกทางกัน บางคู่ต้องติดลบ กลายเป็นศัตรูกันไปก็มี
ดังนั้น เกมแห่งชีวิตคู่นั้นใช่จะสวยหรูเสมอไป มีแพ้ มีชนะ มีเสมอตัว เหมือนเกมแห่งชีวิตทั่วไป แต่ร้ายกว่าเกมอื่น ๆ ตรงที่เกมชีวิตคู่เป็นเกมแห่งหัวใจ เมื่อขาดทุนก็เสียที่ใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดของชีวิต ถ้าชนะก็ได้ใจและอาจจะประมาท อันอาจเป็นเหตุให้พ่ายแพ้ได้ในอนาคต
แต่การอยู่คนเดียวไม่ต้องมีอัตราเสี่ยงเหล่านี้ คนอยู่คนเดียว จึงได้เปรียบคนที่มีคู่สามกรณี คือ
๑. ความรักของเขาย่อมไม่เจาะจงบุคคล จึงเป็นความรักที่กว้างขวางยิ่งใหญ่กว่า
๒. ความรักของเขาย่อมไม่แปดเปื้อนด้วยความต้องการอารมณ์หรืออุปสรรคมากมาย เหมือนคนคู่ จึงหมดจด สะอาดกว่า
๓. ความรักของเขาย่อมไม่อยู่ในเงื่อนไขหรือพันธะผูกพัน จึงมีอิสรภาพแห่งหัวใจและเป็นสุขกว่า
ในที่สุดคนที่อยู่คนเดียว ถ้าเห็นคุณค่าและโอกาสของตน และฉลาดในการใช้โอกาสนั้นสร้างคุณค่าแล้ว ย่อมได้ประโยชน์อย่างใหญ่หลวงแก่ชีวิต จิตใจ
ดังนั้น จึงควรเรียนรู้จิตวิทยาการอยู่คนเดียว ดังนี้
หลักการอยู่คนเดียวให้เป็นสุข
ก่อนอื่นควรเข้าใจก่อนว่า การเลือกอยู่คนเดียว มิได้หมายความว่าอยู่อย่างเดียวดาย ไม่ข้องเกี่ยวกับใคร แต่การอยู่คนเดียวหมายความว่าเลือกชีวิตที่เป็นไทแก่ตน ไม่ต้องการคู่ใด ๆ มาครอบครองตน และตนก็ไม่ต้องการครองใคร ขอเป็นอิสรชนที่รับผิดชอบตัวเอง ท่ามกลางชีวิตอันหลากหลายในโลกกว้าง
การกระทำเช่นนี้ เหมาะกับบุคคลที่เป็นหรือประสงค์จะเป็นเอกบุคคล หรืออิสรชนผู้เป็นใหญ่ในตนอย่างแท้จริง ซึ่งบุคคลที่จะกระทำเช่นนี้ได้สำเร็จ ต้องมีกุศลโลบายอันเหมาะสมสามประการ คือ
๑. ตัดใจจากสัญชาตญาณดั้งเดิม
๒. เติมใจด้วยความสุขที่ยิ่งใหญ่กว่า
๓. ตั้งใจชำระจิตให้หมดจด มั่นคง
ซึ่งแต่ละกุศโลบายมีรายละเอียดที่ควรเข้าใจและปฏิบัติดังนี้
การตัดใจจากสัญชาตญาณดั้งเดิม
สัญชาตญาณดั้งเดิมที่ทำให้มนุษย์ต้องการคู่ คือสัญชาตญาณด้านกามารมณ์ และสัญชาตญาณแห่งการพึ่งพิง ซึ่งเอกบุคคลต้องละให้ขาดไปจากใจ
การตัดสัญชาตญาณด้านกามารมณ์ สามารถกระทำให้ขาดไปได้ด้วยการพิจารณาถึงภาวะบีบเค้น ความเสื่อมเสีย และภัยต่อเนื่องจากกามารมณ์นานาประการ อาทิเช่น
กามารมณ์เป็นภาระ แค่คิดก็เริ่มหนักใจแล้วทั้งในด้านการแสวงหา ความสอดคล้องกับความต้องการ บางครั้งต้องยอมสูญเสียสิ่งมีค่ามากมาย เช่น ศักดิ์ศรี เงินทอง เวลา สติปัญญา เพื่อให้ได้มาซึ่งกามารมณ์นิดเดียว
กามารมณ์ เป็นของเผ็ดร้อน เมื่อรู้สึกก็เริ่มร้อน เมื่อแสวงหาอยู่ก็รุ่มร้อน เมื่อเสพอยู่ก็เร่าร้อน ครั้นเสพแล้วเสมือนว่าความร้อนจะดับ แต่เดี๋ยวก็ร้อนอีกและกลับร้อนมากกว่าเดิมด้วย
กามารมณ์เป็นความบีบเค้น เมื่อต้องการก็บีบใจให้รวนเร เปราะบาง กลวงใน ขาดความจริงใจ รู้สึกแปลแยกกับผู้ที่เราต้องการเสพกามด้วย ไม่สนิทใจเหมือนความรักปกติ ครั้นเสพกามอยู่ประสาทก็ถูกบีบ สมองก็ถูกบีบ กล้ามเนื้อก็ถูกบีบ จิตใจก็ถูกบีบ จึงทำให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกาย เกร็ง กระด้าง ปรวนแปร แม้รังสีทิพย์ก็หดหายไป สติปัญญาเลอะเลือน กามจึงนำความเสื่อมเสียมาให้ชีวิตจิตใจมากทีเดียว
กามารมณ์ทำให้สังคมยุ่งเหยิง ความสำส่อนสับสน เศร้าโศกเจ็บแค้น ความปวดร้าวในความสัมพันธ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชีวิตคู่ ก็มักมาจากความมักมากในกามารมณ์เป็นเหตุสำคัญ
กามารมณ์เป็นภัยต่อเนื่อง คือยิ่งเสพก็ยิ่งมีมาก ไม่อาจหายได้เพราะการเสพ แต่หายได้ด้วยการตัดใจ ดังพุทธพจน์ที่ว่า
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย มีอยู่สองสิ่งในโลกนี้ ที่ไม่อาจระงับได้ด้วยการเสพ สองสิ่งเป็นไฉน คือ กามหนึ่ง การหลับหนึ่ง"
ทั้งกามและการหลับยิ่งเสพจะยิ่งมีมาก กล่าวคือ ยิ่งเสพกาม ก็ยิ่งกระหายกาม และยิ่งนอนก็ยิ่งง่วง ซึ่งเกือบทุกคนเคยมีประสบการณ์เหล่านี้มาบ้างแล้ว
จริงอยู่ว่า กามารมณ์เป็นสัญชาตญาณดิบของสัตว์ทั้งหลาย รวมทั้งมนุษย์และเทวดา แต่ผู้ที่ประสงค์ความเป็นไท มุ่งสู่ความประเสริฐ ย่อมตัดใจการกามเสีย เมื่อตัดกามารมณ์เสียได้ จึงหลุดพ้นจากอำนาจดึงดูดของเพศตรงข้าม เป็นอิสระในตนโดยสมบูรณ์ เมื่อนั้นก็จะอยู่เหนือเพศทั้งปวง
พระอรหันต์ผู้บริสุทธิ์จึงไม่มีเพศ รองลงมาคือพรหมก็ไม่มีเพศ เพศจะมีเฉพาะในเทวดา มนุษย์ สัตว์เดรัจฉาน เปรต และสัตว์นรกเท่านั้น โดยเฉพาะในสัตว์ ยิ่งต่ำมากก็มีเพศมาก สัตว์เซลเดียวบางชนิดมีเพศ ๒ เพศในตัวเองเลย คือมีทั้งเพศผู้ เพศเมีย จะเสพเมื่อไหร่ก็ผสมได้ทันที แต่เมื่อพัฒนาอยู่ในระดับวิวัฒนาการที่สูง กามารมณ์ก็ยิ่งน้อยลง จนสูงที่สุดย่อมไร้กามารมณ์
ก็เพราะละกามารมณ์ ได้นั้นแหละ จึงพัฒนาตนให้สูงส่งได้ เนื่องจากกามเป็นเหตุแห่งความพัวพัน ความอ่อนแอ และความเสื่อม ประสิทธิภาพของระบบประสาท จิตใจ และสภาวะทิพย์นานาประการ
ดังนั้น ถ้าจะอยู่คนเดียว เพื่อความสุขที่ยิ่งใหญ่ ก็ต้องตัดใจละกามเสียให้เด็ดขาด ในช่วงที่ยังเด็ดไม่ขาด ก็อยู่ให้ห่าง ๆ เพศตรงข้ามไว้ จะปลอดภัยดี
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ... ปล. บทความนี้มีทั้งหมด ๕ ตอน ค่ะ
ที่มา : //larndham.net/index.php?showtopic=35642&st=0 เพลงบรรเลง ลาวม่านแก้ว
Create Date : 07 สิงหาคม 2552 |
|
56 comments |
Last Update : 7 สิงหาคม 2552 22:11:03 น. |
Counter : 3523 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: redclick 7 สิงหาคม 2552 22:18:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: redclick 7 สิงหาคม 2552 22:24:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: หมึกสีดำ 7 สิงหาคม 2552 22:44:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: mastana 7 สิงหาคม 2552 23:20:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: redclick 7 สิงหาคม 2552 23:26:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: redclick 7 สิงหาคม 2552 23:35:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: มินทิวา 8 สิงหาคม 2552 7:59:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: เลิฟ อาลีอา IP: 125.24.86.190 8 สิงหาคม 2552 9:49:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: mastana 8 สิงหาคม 2552 10:00:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: อ้วนforest IP: 124.120.89.89 8 สิงหาคม 2552 10:07:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: พ่อระนาด 8 สิงหาคม 2552 10:25:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: JohnV 8 สิงหาคม 2552 10:28:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: busabap 8 สิงหาคม 2552 11:22:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: อ้วนforest IP: 124.120.89.89 8 สิงหาคม 2552 11:27:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: รัชชี (รัชชี่ ) 8 สิงหาคม 2552 11:31:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: อ้วนforest IP: 124.120.89.89 8 สิงหาคม 2552 11:32:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 8 สิงหาคม 2552 11:55:14 น. |
|
|
|
| |
โดย: ตัวp_box 8 สิงหาคม 2552 13:51:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 8 สิงหาคม 2552 14:59:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 8 สิงหาคม 2552 15:41:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลุงแว่น 8 สิงหาคม 2552 15:59:32 น. |
|
|
|
| |
โดย: tanjira 8 สิงหาคม 2552 19:43:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: อ้วนforest IP: 124.120.88.50 8 สิงหาคม 2552 20:21:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: พ่อระนาด 8 สิงหาคม 2552 21:06:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลุงแอ๊ด 8 สิงหาคม 2552 21:45:25 น. |
|
|
|
| |
โดย: หมึกสีดำ 8 สิงหาคม 2552 22:10:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: tukta IP: 125.24.223.176 8 สิงหาคม 2552 22:16:21 น. |
|
|
|
| |
โดย: อ้วนforest IP: 124.120.88.50 8 สิงหาคม 2552 22:29:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: พ่อระนาด 8 สิงหาคม 2552 22:34:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: อ้วนforest IP: 124.120.88.50 8 สิงหาคม 2552 22:50:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: Opey 8 สิงหาคม 2552 23:08:25 น. |
|
|
|
|
|
|
เพียรฝึกตนใฝ่รู้ หลักธรรม
จิตเพ่งคิดจดจำ บ่มไว้
หมายเพียรมุ่งตัดกรรม วัฏฏะ
หวังสละจิตสุดท้าย ดิ่งเข้านิพพาน..
|
|
|
|
|
|
|
ฮี่ ๆ ๆ