|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
ยากไร้อย่างไรก็ยังมีคนรัก
โมไบล์หน้าห้องพัก
โต๊ะตัวเก่า(ขอยืมเขามา) ตั้งที่เก่า เวลาใหม่
วันนี้(14 พ.ย. 2552)เป็นวันครบรอบคล้ายวันเกิดของผม แต่ผมเตรียมตัวที่จะไปงานศพ เป็นงานศพของบุคคลไม่สำคัญคนหนึ่ง และผมก็ไม่ได้รู้จักสนิทสนมอะไรกับเขานัก เพียงแต่การเดินทางมาดอยวาวีของผมในครั้งนี้ ผมต้องการโต๊ะเขียนหนังสือมาไว้ใช้ที่ห้อง เป็นโต๊ะเขียนหนังสือของคนรับจ้างซักผ้าบ้านข้างวัด เมื่อฤดูหนาวปีก่อนผมก็ขอยืมโต๊ะตัวนี้มาใช้ครั้งหนึ่งแล้ว มันเป็นเพียงโต๊ะไม้อัดสำหรับตั้งคอมพิวเตอร์ทั่วไป
ระยะทางจากบ้านข้างวัดมาถึงห้องพักของผมนั้น ถ้าเดินตัวเปล่าก็ไม่ลำบากอะไรมากนัก แต่ทว่าถ้าแบกโต๊ะด้วยก็เป็นเรื่องยุ่งยากลำบากสำหรับผมทีเดียว
ในที่สุดผมก็ได้ว่าจ้าง ยี่ คนอยู่วัดซึ่งเป็นคนขี้เมาประจำหมู่บ้านนี้ ตอนแรกเมื่อผมบอกว่าจุดหมายปลายทาง เขาปฏิเสธโดยไม่ยอมบอกเหตุผลว่าทำไมจึงไม่มา ผมขอร้องเขาว่านึกว่าช่วยเหลือผมหน่อยเถอะ ผมยกมาไม่ไหวจริงๆ โดยอาศัยพี่หม่องซึ่งอยู่วัดด้วยกันช่วยเป็นล่ามให้ ในที่สุดเขาก็ตกลงยกเก้าอี้ขึ้นบ่าแบกมาส่งผมถึงหน้าห้อง ผมให้เงินเขาไป 50 บาทและกล่าวขอบคุณเขาด้วยความรู้สึกจริง ๆที่เปลี่ยนใจยกมาให้ ผมจำเขาได้แม่นยำทั้งที่ไม่ค่อยได้พูดคุยกับเขา เขาพูดไม่ได้หรือไม่ค่อยพูดผมก็ไม่รู้ได้ เพราะเวลาผมซักถามหรือชวนสนทนาเขาก็ได้แต่ยิ้ม ๆ บางคนบอกว่าหูเขาไม่ได้ยินเสียง ครั้งแรกเมื่อฤดูหนาวปีก่อนตอนที่ผมมาพักอยู่ที่ดอยวาวี ครั้งแรกที่ผมพบเขาในงานแต่งงานลูกสาวกำนันป๋อง เขาอยู่ในสภาพที่เมามาย ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะเมามาย แต่วันนั้นกลางแดดเปรี้ยงผมเห็นเขานอนอยู่ข้างทางเดินโดยที่เอาหัวลงไปทางต่ำ
ขณะที่ผู้คนเดินผ่านไปมา จังหวะที่ผมเดินผ่านมาพร้อมๆกับชาวบ้านคนหนึ่ง เรามองหน้ากันแล้วตัดสินใจช่วยกันยกคนที่นอนสลบไสลกลางแดดเอาไปไว้ในร่ม และต่อมาผมได้รู้จักกับคนที่ช่วยกคนนั้นชื่อว่าชูฤทธิ์ซึ่งเป็นชาวปกากะญอ นั่นคือภาพประทับตาที่ผมได้พบเห็นยี่ และที่จำได้อย่างแม่นยำอีกครั้งหนึ่งก็คือ คืนนั้นเป็นคืนที่หนาวเย็นมาก ผมนั่งจิบน้ำชาอุ่นๆสนทนากันอยู่บนวัด ไม่รู้ว่ายี่ไปเมามาจากไหนเมื่อถึงบันไดเขาก็ค่อย ๆ ล้มตัวลงนอนกับพื้นดินที่ข้างบันไดวัดอย่างเรียบร้อยท่ามกลางอากาศหนาวเย็นยะเยือกอย่างนั้น จนกระทั่งมีเด็กวัดแข็งแรงคนหนึ่งช่วยอุ้มเขาขึ้นมานอนบนวัด
นั่นคือครั้งที่สองที่ผมได้เห็นสภาพที่เขานอนลงบนสถานที่ไม่น่านอนอย่างไม่อินังขังขอบต่อสิ่งใด ผมรู้เกี่ยวกับตัวเขาไม่มากนัก รู้แต่ว่าเขาอาศัยอยู่ที่กุฏิหลังวัด อายุน่าจะอยู่ในราว 40 เศษ ยามที่เขาไม่เมาเขาก็จะไม่ค่อยพูดอะไร หน้าที่ของเขาก็คือไปรับส่งปิ่นโตของญาติโยมที่ทำกับข้าวส่งวัด มีรายได้เล็กๆน้อยๆจากการรับจ้าง เท่าที่รับฟังจากผู้คนก็คือเขาดื่มเหล้าแล้วเมาอย่างเดียว ไม่เคยเอะอะโวยวายกับใคร ไม่ลักขโมยของใคร เมาแล้วชอบนอนในที่ไม่น่านอนเท่านั้นเอง เข้าวันที่ 13 พฤศจิกายน มีคนพบศพเขานอนอยู่ที่น้ำริน ในสภาพเสียชีวิตแล้ว จากการชันสูตรพลิกศพพบว่าเป็นอุบัติเหตุตกลงจากสะพาน ผมรับรู้ข่าวทางโทรศัพท์จากครูบุญทมว่าคนที่ผมจ้างขนโต๊ะมาให้วันนั้นตายแล้ว ผมรับรู้ข่าวอย่างไม่รู้สึกแปลกใจอะไรมากนัก เพราะคืนที่เขานอนหัวลงกลางแดดกับนอนข้างบั้นไดวัดในคืนหนาวนั้นก็นับว่าเสี่ยงชีวิตไม่น้อยอยู่แล้ว แต่ก่อนหน้าวันที่เขาจะเสียชีวิต ผมยังทักทายเขาขณะที่เขากำลังล้อเล่นกับหมาที่ปากทางเข้าวัด งานศพของเขาถูกจัดขึ้นอย่างง่าย ๆ ที่ตั้งสวดศพก็คือที่ศาลาร้างท้ายวัดที่เป็นที่นอนประจำของเขานั่นเอง มีการตั้งโต๊ะรับบริจาคช่วยเหลือกัน ผมเห็นชาวบ้านที่นี่แวะเวียนมาร่วมงานกันพอสมควร ถึงแม้ไม่มากมายจนล้นหลามแต่ทว่าบรรยากาศก็ไม่เงียบเหงาจนเกินไป ตอนของวันที่ 14 พฤศจิกายนซึ่งถือว่าเป็นวันครอบรอบวันเกิดของผม แต่ผมไม่ได้คิดจะจัดงานเลี้ยงอะไรอยู่แล้ว ได้รับข้อความจากคนทางบ้านอวยพรเล็กๆน้อยเมื่อได้เห็นคำอวยพรจากเพื่อนฝูงพี่น้องที่ส่งมาทางบล็อกพ่อพเยียแห่งนี้ แค่นี้ก็มากพอแล้ว ราวๆบ่ายโมงขบวนแห่ศพก็มุ่งหน้าสู่ป่าช้า ผมเดินไปกับขบวนของเขาด้วย เพราะอยากไปดูว่าป่าช้าในหมู่บ้านนั้นเป็นอย่างไร ก่อนที่จะเผา สัปเหร่อเปิดโลงให้ญาติดูหน้าเป็นครั้งสุดท้าย มีเสียงร้องไห้จากผู้หญิงคนหนึ่ง เสียงสะอึกสะอื้นด้วยความอาลัยอาวรณ์ราวกับว่าหัวใจจะสลาย รู้ทีหลังว่าเธอคือน้องสาวของเขา ผมสังเกตความรู้สึกของตัวเองเมื่อหูกระทบกับเสียงร้องไห้แสนโศกเศร้านั้น ผมวาบนึกขึ้นมาได้ประโยคหนึ่งว่า คนทุกคนย่อมมีคนรักยี่แม้ว่าเขาจะเป็นคนยากไร้อย่างไร แต่เขาก็ยังมีคนรักเขา
สู่สุขคติเถอะยี่ - - ขอบคุณที่ช่วยยกโต๊ะเขียนหนังสือมาให้ แต่ไม่เคยนึกเลยว่าจะได้มาเขียนเรื่องความตายของยี่ในคืนนี้
------------------------------
เริงรมณีย์สีน้ำ
พิบูลศักดิ์ ละครพล เปิดงานแสดงสีน้ำชุดใหม่อีกแล้วครับ !!
คราวนี้ที่ภูเก็ต
ที่เขาเปิดงานแสดงติดต่อกัน
ไม่ใช่เป็นเพราะว่าภาพชุด "มนต์รักตะโกลา" ที่แสดงที่ตะกั่วป่า
ถูกเหมาหมดทุกภาพ
แต่เป็นเพราะเขาเขียนสีน้ำอยู่ตลอดเวลานั่นเอง
และคราวนี้เป็นที่ภูเก็ต
คุณสามารถคลิกชมสูจิบัตรได้นะครับ !
v v
สูจิบัตร ออนไลน์ "เริงรมณีย์สีน้ำ" พิบูลศักดิ์ ละครพล
นกทุกตัวมีฟ้าให้บิน (โดม วุฒิชัย - ปะการัง)
พบกับ นกทุกตัวมีฟ้าให้บิน ปลายเดือน พฤศจิกายนนี้ แน่นอน !!
เมื่อแรกที่ผมกับ ปะการัง เริ่มเขียนจดหมายถึงกันที่บล็อกชบาฉายนั้นอาจดูเหมือนเป็นเรื่องส่วนตัวของเราที่เขียนถามไถ่สารทุกข์สุขดิบระหว่างกันในฐานะเพื่อนซึ่งไม่ได้พบหน้ากันมานานมาก แต่หากจะว่าไปแล้วเมื่อก่อนนั้นเราก็เป็นเพียงเพื่อนนักเขียนรุ่นราวคราวเดียวกันที่รู้จักกันแบบห่าง ๆ ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็มีใจรักการเขียนหนังสือเหมือนกันเท่านั้น
เมื่อเอ่ยถึงชื่อ ปะการัง ชื่อของนักเขียนรุ่นราวคราวเดียวกันก็ปรากฏขึ้นมาเป็นทิวแถว เช่น แก้ว ลายทอง ปัจจุบันนอกจากเขาจะเขียนบทกวีบ้างแล้วก็ยังสนใจใฝ่ธรรมะที่ไม่ธรรมดา, รักษ์ มนัญญา ก็เช่นเดียวกันเขาหันไปทางธรรมถึงขั้นเข้าวัดอยู่เป็นประจำ,
สมพงษ์ ทวี ทุกวันนี้เป็นเซียนพระเครื่องอยู่ที่ห้างพันธุ์ทิพย์พลาซา สาขางามวงศ์วาน, มายา หรือ แดนอรัญ แสงทอง เป็นนักเขียนมหัศจรรย์เกริกไกรกว่าใคร ๆในรุ่นราวคราวเดียวกัน เพราะมีผลงานนิยายแปลเป็นภาษาต่างประเทศมากมาย, วิสรรชนีย์ นาคร หรือจิราภรณ์ เจริญเดช ตอนนี้เธอนอนป่วยเดินเหินไม่ได้มานานนับปีแล้ว,
กานท์ นิรนาม (เจน สงสมพันธ์) ถึงจะหยุดเขียนบทกวีมานานแต่ก็เกี่ยวข้องกับงานเขียนโดยเป็นหัวเรือใหญ่ของสำนักพิมพ์นาครตลอดมา, นิรันศักดิ์ บุญจันทร์ บรรณาธิการจุดประกายวรรณกรรม ซึ่งทำหน้าที่บรรณาธิการไปด้วยและเขียนหนังสือไปด้วย, วิมล ไทรนิ่มนวล ที่ดูเหมือนจะเป็นรุ่นพี่แต่ก็ถือว่าได้เห็นผลงานตีพิมพ์ไล่เรียงกันมา เขาเคยได้รับรางวัลซีไรต์จากนิยายเรื่อง อมตะ ทุกวันนี้เขาก็ยังเขียนหนังสืออยู่,
เตือนจิต นวตรังค์ ออกจากเมืองหลวงไปอยู่ที่ราชบุรีหลังจากหยุดเขียนบทกวีไปนานแต่เมื่อไม่นานมานี้เขาเพิ่งได้รับรางวัลบทกวีนิพนธ์ยอดเยี่ยม รางวัลนายอินทร์อะวอร์ด, สำรวม ศุกร์ หรือ มูฮัมหมัด ส่าเหล็ม ตอนนี้ไม่ค่อยได้เห็นผลงานของเขา แต่คนที่เป็นกวีแล้วไม่ว่าจะทำอะไรเขาก็ยังคงเป็นกวี
ส่วนรุ่นน้องที่ไล่หลังมาติด ๆ ในตอนนั้นก็มี ขจรฤทธิ์ รักษา ปัจจุบันเป็นนักเขียนนิยายฝีมือดีและเจ้าของสำนักพิมพ์ บ้านหนังสือ ซึ่งพิมพ์ผลงานคุณภาพออกมาอย่างสม่ำเสมอ, ชีวี ชีวา ซึ่งเป็นทั้งกวีและนักเขียน ปัจจุบันคือจตุพล บุญพรัด อาจจะห่างหายจากการเขียนบทกวีและเรื่องสั้นไปบ้างเพราะผันตัวเองไปทำหน้าที่บรรณาธิการสำนักพิมพ์แพรวในเครืออมรินทร์
ยังมีใครต่อใครอีกมากมายที่เริ่มต้นเขียนหนังสือมาใน พ.ศ.ใกล้เคียงกัน แต่ในช่วงอายุยี่สิบต้น ๆ ที่ป๊อปปูลาร์ที่สุดในกลุ่ม วัยหวาน ก็เห็นจะเป็น ปะการัง คนนี้ เขามีชื่อเสียงโด่งดังในบรรดาเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันทั้งในฐานะกวี นักเขียน และในฐานะนักแต่งเพลง เพลงที่เขาแต่งหลายเพลงเป็นเพลงฮิตติดอันดับได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง
วันที่ผมเห็นชื่อของเขาเข้ามาทักทายในบล็อกพ่อพเยียของผมนั้น ผมรู้สึกดีใจมากเมื่อรู้ว่าเขายังมี ใจ จะเขียนหนังสืออยู่ เพียงแต่เขาหยุดเขียนไปหลายปีแล้ว ถึงแม้เหตุผลของการหยุดเขียนหนังสือระหว่าง ปะการัง กับผมจะแตกต่างกันมากก็ตาม แต่ผมคิดว่าผมเข้าใจความรู้สึก ปรารถนาที่จะเขียน นั้นได้ดี
เพราะเหตุนี้ผมจึงชวนเขามาเขียนจดหมายถึงกัน มาทำความรู้จักกันอีกครั้ง มีอะไรก็แลกเปลี่ยนเล่าสู่กันฟัง ผมอยู่ประเทศไทยขณะที่เขาอยู่สหรัฐอเมริกา เรื่องเล่าของผมอาจจะออกแนวลูกทุ่งซื่อ ๆ ตรงไปตรงมา ส่วนเรื่องเล่าของเขาค่อนข้างศิวิไลซ์ทันสมัย ภาษาสวยงาม แต่นั่นไม่สำคัญเท่าความจริงใจที่เรามีให้กัน
จากวันแรกจนถึงวันนี้ที่เราเขียนจดหมายถึงกันนั้น ผมสัมผัสได้ว่ามิตรภาพของเราเติบโตขึ้นตามเรื่องราวที่ได้พูดคุยกันทางตัวหนังสือ เมื่อถึงตอนนี้ที่จดหมายซึ่งเราเขียนถึงกันได้กลายมาเป็นหนังสือชื่อ นกทุกตัว มีฟ้าให้บิน
สำหรับผมแล้วรู้สึกว่ามันเป็นมากกว่าหนังสือเล่มหนึ่ง เพราะข้างในนั้นบรรจุด้วยความรักและมิตรภาพที่ค่อย ๆ ก่อเกิดจากตัวหนังสือที่เราเขียนถึงกัน
เขามักจะเขียนขอบคุณผมเสมอว่าทำให้เขามีกำลังใจกลับมาเขียนหนังสืออีกครั้ง ผมตอบเขาด้วยความจริงใจไปว่า ไม่ใช่เป็นเพราะผมหรอก หากแต่เป็นเพราะ ข้างใน ของเขานั้นยังปรารถนาที่จะเขียน หรือจะเรียกว่าเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าก็ตาม ผมเองก็เชื่อว่าไม่มีสิ่งใดในโลกนี้เกิดขึ้นโดยบังเอิญเช่นกัน
ด้วยความสัตย์จริงผมรู้สึกขอบคุณเขาเช่นกันที่ทำให้เกิดหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา เพราะแน่นอนว่าถ้าไม่มีเขาเขียนโต้ตอบกับผม ผมก็คงไม่สามารถเขียนจดหมายถึงเขาข้างเดียวได้
ขอบคุณที่เขาเปิดใจและเปิดเผยตัวเองให้ผมได้รู้จัก ความคิด ชีวิตและตัวตนของเขาผ่านตัวหนังสือทางจดหมาย ด้วยเพราะว่ามันส่งผลสะท้อนกลับทำให้ผมได้รู้จักตัวเองเพิ่มขึ้น
อีกทั้งทำให้ผมยิ่งเชื่อมั่นว่าในโลกนี้ยังมีความรักและมิตรภาพรออยู่เพื่อให้ใครต่อใครได้ค้นพบ ไม่ใช่เพียงแค่เขียนสะกดเป็นถ้อยคำลม ๆ แล้ง ๆ เท่านั้น
จริงใจ โดม วุฒิชัย
(จากคำนำในส่วนของผมในหนังสือเล่มนี้)
ร่วมสร้างศาลาเอนกประสงค์ วัดวาวีหลวง
วัดวาวีหลวง ตำบลวาวี อ.แม่สรวย จ.เชียงราย
ผมมีโอกาสได้ไปร่วมทำบุญสร้างศาลาเอนกประสงค์ที่วัดวาวีหลวง เท่าที่ได้พูดคุยกับพี่อินสอนซึ่งเป็นผู้นำในงานนี้ พอจะทราบว่าทางวัดยังขาดทุนทรัพย์สำหรับก่อสร้างอีก (คือขณะสร้างไปก็รับบริจาคไปด้วย ) ซึ่งตอนนี้เพิ่งเริ่มต้น ที่สามารถเริ่มต้นได้ก็เพราะมีคณะกฐินจากกรุงเทพฯมาทอดเมื่อเร็วๆนี้ ได้เงินมาจำนวนหนึ่ง สำหรับเรื่องค่าแรงช่างก็มีทั้งที่ว่าจ้างเป็นรายวัน และชาวบ้านที่เป็นช่างมาช่วยกันทำ ใครทำอะไรเป็นก็ทำงานนั้น บางคนก็ทำโดยไม่เอาค่าแรง บางคนก็รับค่าจ้างบางส่วนและทำบุญบางส่วน เมื่อได้เห็นและรับรู้เรื่องแบบนี้ก็รู้สึกดีครับ
ผมชอบใจคำว่าศาลาเอนกประสงค์ เพราะตามความหมายคือใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง ไม่เฉพาะเจาะจงที่จะใช้เฉพาะกิจของสงฆ์หรือเฉพาะคนที่นี่เท่านั้น ที่ดอยวาวีไม่มีที่พักให้คนต่างถิ่นได้เลือกเหมือนที่อื่นๆ นั่นหมายความว่าเวลาคนที่ต่างบ้านต่างเมืองเดินทางมาแล้วไม่มีที่พัก ศาลาเอนกประสงค์ยังเป็นที่พักที่นอนได้
พื้นที่กำลังเตรียมก่อสร้างศาลาเอนกประสงค์
ขอเชิญท่านผู้มีจิตศรัทธาร่วมสร้างศาลาเอนกประสงค์วัดวาวีหลวง ตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย กรุณาโอนเงินเข้า ชื่อบัญชี เพื่อ วัดวาวีหลวง บัญชีเลขที่ 501 - 2 - 49389 2 ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาวาวี
------------------------------------
เช้าวันที่ 12 นี้ ได้รับกล่องพัสดุอีเอ็มเอส เป็นรูปปั้นตุ๊กตาหลากหลายจากอาจารย์จู๋ ที่เคยมาเที่ยวดอยวาวีเมื่อปีก่อน เธอปั้นตุ๊กตาดินญี่ปุ่นมาสร้างสีสันที่ดอยวาวี มีอันหนึ่งเธอปั้นเป็นตัวผม ดูสิว่าเหมือนไหม ?
พ่อพเยียแม็กเน็ต
ดอยวาวีแม็กเน็ต
ทั้งหมดนี้ปั้นโดยอาจารย์ปานจิต ป้อมอาสา
089-7862693 084-6630243
Create Date : 14 พฤศจิกายน 2552 |
Last Update : 17 พฤศจิกายน 2552 15:16:46 น. |
|
20 comments
|
Counter : 2002 Pageviews. |
|
|
|
โดย: โตมานาน วันที่: 15 พฤศจิกายน 2552 เวลา:0:05:59 น. |
|
|
|
โดย: แดง IP: 125.24.118.223 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2552 เวลา:1:36:05 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 15 พฤศจิกายน 2552 เวลา:6:50:34 น. |
|
|
|
โดย: บินหลาแสนสวย IP: 210.246.86.126 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2552 เวลา:10:51:11 น. |
|
|
|
โดย: สาว(นนท์)ไม่สวย IP: 124.121.45.239 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2552 เวลา:18:59:39 น. |
|
|
|
โดย: สาวแอน IP: 118.173.14.112 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2552 เวลา:12:53:57 น. |
|
|
|
โดย: สายฝน IP: 61.197.83.200 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2552 เวลา:18:53:32 น. |
|
|
|
โดย: นกแสงตะวัน วันที่: 17 พฤศจิกายน 2552 เวลา:6:25:22 น. |
|
|
|
โดย: พ่อพเยีย วันที่: 17 พฤศจิกายน 2552 เวลา:8:22:18 น. |
|
|
|
โดย: Dangjarunun วันที่: 17 พฤศจิกายน 2552 เวลา:17:49:35 น. |
|
|
|
โดย: กังสดาล IP: 125.25.232.203 วันที่: 18 พฤศจิกายน 2552 เวลา:10:09:22 น. |
|
|
|
โดย: โสมรัศมี วันที่: 19 พฤศจิกายน 2552 เวลา:12:02:28 น. |
|
|
|
โดย: นักล่าน้ำตก IP: 111.84.63.127 วันที่: 19 พฤศจิกายน 2552 เวลา:20:28:47 น. |
|
|
|
โดย: พ่อพเยีย วันที่: 19 พฤศจิกายน 2552 เวลา:22:42:45 น. |
|
|
|
โดย: คนสวย IP: 70.127.50.131 วันที่: 20 พฤศจิกายน 2552 เวลา:6:44:14 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 พฤศจิกายน 2552 เวลา:7:09:28 น. |
|
|
|
โดย: ลุงแว่น วันที่: 20 พฤศจิกายน 2552 เวลา:8:33:00 น. |
|
|
|
โดย: บินหลาแสนสวย IP: 118.173.186.255 วันที่: 20 พฤศจิกายน 2552 เวลา:16:28:06 น. |
|
|
|
โดย: p tim (บ้านผ่อดอยใน ) วันที่: 21 พฤศจิกายน 2552 เวลา:9:30:35 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
นนทบุรี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]
|
ด้วยความยินดี... หากมีผู้ใดละเมิด โดยนำภาพถ่าย,บทความ หรือข้อเขียนต่างๆ ใน Blog นี้ไปใช้ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด สามารถทำได้เลยทันที โดยไม่ต้องขออนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร
เว้นเสียแต่ว่า
ถ้านำไปพิมพ์จำหน่าย กรุณาจ่ายค่าลิขสิทธิ์ด้วย
|
|
|
|
|
|
|