จงทำสิ่งที่คุณทำได้...ด้วยสิ่งที่คุณมี...ณ จุดที่คุณยืนอยู่ - ธีโอดอร์ รูสเวลท์
Uploaded with ImageShack.us
Group Blog
 
 
มกราคม 2549
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
19 มกราคม 2549
 
All Blogs
 
ชามลายนู้ดเหนือจริง


ราวปี พ.ศ. 2523 ผมเข้ามามืองหลวงพร้อมๆกับการเริ่มต้นบนถนนหนังสือด้วยการทำงานประจำอยูในกองบรรณาธิการนิตยสาร “หนุ่มสาว” ซึ่งมีคุณปกรณ์ พงศ์วราภา เป็นบรรณาธิการและเจ้าของ

งานที่ทำเปิดโอกาสให้ผมได้พบเพื่อนฝูงคนหนุ่มสาวซึ่งทำงานศิลปะกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีชื่อ“กลุ่มกังหัน” มีสมาชิกอยู่ 5 คน คือ จิระศักดิ์ พัฒน์พงศ์, สมบูรณ์ พวงดอกไม้, ไพศาล ธีรพงศ์วิษณุพร, เอกพันธ์ กาญจนาภิวงศ์ และประสิทธิ์ ชนิตราภิรักษ์ พวกเขาทั้ง 5 คนเรียนศิลปะจบมาจากโรงเรียนไทยวิจิตรศิลป์

รูปแบบศิลปะที่ชัดเจนมากที่สุดของกลุ่มกังหัน ได้รับอิทธิพลมาจากงานศิลปะแนวเหนือจริง (serrealism) ของยุโรป แต่พวกเขาแต่ละคนได้นำมาใช้ในบริบทที่แตกต่างออกไป ด้วยฝีมือทางจิตรกรรมที่โดดเด่น เนื้อหาที่นำเสนอและวิพากษ์สังคมอย่างขึงขังและดุดัน ทำให้งานของกลุ่มกังหันมีชื่อเสียงและมีภาพที่ชัดเจนในฐานะศิลปะเพื่อชีวิต

ในช่วง พ.ศ.ถัดมา ผมได้มีโอกาสคลุกคลีและไปชมงานศิลปะตามที่ต่างๆกับเพื่อนกลุ่มนี้อยู่เป็นประจำ ซึ่งแต่ก่อนงานแสดงศิลปะไม่ได้มีมากมายเหมือนทุกวันนี้

ต่อมาเมื่อพวกเราต่างเติบโตขึ้น เพื่อนในกลุ่มก็เริ่มมีวิถีชีวิตตามความฝันของตัวเอง สมบูรณ์ พวงดอกไม้ ไปเป็นอาจารย์สอนที่โรงเรียนไทยวิจิตรศิลป์อยู่พักหนึ่งก่อนที่จะเป็นศิลปินเดี่ยวยึดการเขียนรูปเป็นอาชีพมาจนถึงทุกวันนี้ เอกพันธ์ กาญจนาภิวงศ์ ด่วนลาโลกไปตั้งแต่ยังหนุ่มด้วยโรคหัวใจวาย ประสิทธิ์ ชนิตราภิรักษ์ ปัจจุบันทำงานแกะแม่พิมพ์รูปในธนบัตรอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย

ไพศาล ธีรพงศ์วิษณุพร เคยเป็นช่างภาพนู้ดอยู่พักหนึ่ง ต่อมาจับมาเขียนวิจารณ์งานศิลปะประจำอยู่ที่นิตยสาร “สีสัน” จนถึงปัจจุบันเป็นเวลานานนับสิบๆปีแล้ว
สำหรับ จิระศักดิ์ พัฒนพงศ์ หรือ "ไอ้ป๋อ" ของเพื่อนๆนั้น ตั้งแต่เรียนจบเขาเคยทำงานที่บริษัทออกแบบสติ๊กเก้อร์อยู่เพียงหนึ่งเดือน จากนั้นก็ไม่เคยประกอบอาชีพอื่นอีกเลยนอกจากการเขียนรูป

เขาเขียนรูปแล้วจัดงานแสดงภาพเขียนขายเลี้ยงตัวยังชีพเรื่อยมา คนที่จะเขียนรูปจัดแสดงงานแล้วขายผลงานเพื่อยังชีพอยู่ได้นั้นย่อมนับว่าไม่ธรรมดา และฝีมือของไอ้ป๋อก็นับว่าไม่ธรรมดาขนาดเคยคว้ารางวัลที่ 3 ของศิลปกรรมแห่งชาติครั้งที่ 27 มาแล้ว

ถึงแม้จะไม่โด่งดับคับฟ้าแต่ก็พูดได้เต็มปากว่าเขาเป็นศิลปินเขียนรูปที่มีแนวทางชัดเจนเป็นของตัวเองคนหนึ่ง และแนวที่เขาเลือกคือแนวเหนือจริง ในตอนแรกจะเห็นลักษณะงานของเขาได้รับอิทธิพลมาจาก ซัลวาดอร์ ดาลี จิตรกรเอกชาวสเปนอย่างชัดเจนมาก ซึ่งต่อมางานที่มีเนื้อหาเพื่อชีวิตอย่างเข้มข้นดุดันก็ค่อยๆคลี่คลายมาเป็นตัวของเขาเองอย่างโดดเด่น

จนกระทั่งวันหนึ่งเขาอพยพไปอยู่ที่เกาะภูเก็ต และท้ายที่สุดเขาก็ไปตายที่เกาะภูเก็ตเมืองที่เขาหลงรัก เพราะเกิดอุบัติเหตุในคืนวันหนึ่งของเดือนพฤศจิกายน 2544

เขาเคยเล่าให้ฟังว่า ประเทือง เอมเจริญ กับถวัลย์ ดัชนี คือศิลปินที่เป็นแรงบันดาลใจของเขาในช่วงแรก ในรูปเขียนของเขามักมีรูปปลา เขาบอกว่าปลาเป็นสัญลักษณ์แทนความหมายเรื่องเพศ เพราะมันมีเมือกลื่น

เขามีความเชื่อต่อการทำงานศิลปะว่าการฝึกฝนสำคัญกว่าพรสวรรค์

ทุกครั้งเวลาที่ผมไปภูเก็ตผมจะไปนอนที่บ้านเช่าของเขาซึ่งอยู่แถวๆหาดไนหาน เป็นบ้านชั้นเดียว มีต้นไม้ร่มรื่น ไม่มีรั้ว เวลาออกไปไหนไม่ต้องใส่กุญแจและของก็ไม่หาย บรรยากาศเงียบสงบเหมาะที่จะนั่งเขียนรูปและเขียนหนังสือเป็นอย่างยิ่ง

ครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะอำลาจากโลกไป เราพบกันที่กรุงเทพฯ เพราะเขาขึ้นมาแสดงภาพเขียนที่ “บางกอกแกลลอรี่” ของหงษ์จร เสน่ห์งามเจริญ หลังงานเลิกเราไปดื่มกันต่อที่ร้านข้าวต้มแถวๆซอยเสนาฯ เขาพาหญิงคนรักคนล่าสุดที่หวังจะแต่งงานเป็นคู่ชีวิตมาให้รู้จักกับเพื่อนฝูง

ผมตั้งใจว่าจะไปภูเก็ตครั้งต่อไปเพื่อร่วมงานแต่งงานของเขา แต่กลับกลายเป็นว่าผมต้องไปภูเก็ตเพื่อร่วมงานเผาศพของเขา หลังจากนั้นเพื่อนๆจึงนำผลงานศิลปะของเขามาจัดนิทรรศการให้เพราะเห็นว่าเขาเป็นคนกรุงเทพฯ นับว่าเป็นครั้งแรกสำหรับผมที่ได้ไปชมงานนิทรรศการภาพเขียนของเพื่อนซึ่งตายไปแล้ว

เมื่อหลายปีก่อนนี้ผมยังชอบดื่มเบียร์อยู่ คืนหนึ่งเราดื่มกันอย่างเมามายสนุกสนาน พอตื่นขึ้นมาผมมีอาการเมาค้างเล็กน้อย จึงอยากกินบะหมี่สำเร็จรูป เมื่อน้ำร้อนเดือดเรียบร้อยแล้ว ก็ควานหาถ้วยชามในครัว ผมเจอชามชามกระเบื้องสีดำเขียนลายเส้นนู้ดผู้หญิงด้วยสีอะครีลิค มีลายเซ็นกำกับไว้ว่า จิระศักดิ์ พัฒน์พงศ์ ผมจึงขอมาเพื่อเป็นที่ระลึก

ตอนบ่ายๆเรานอนคุยกันเล่นใต้ต้นมะม่วงหิมพานต์ ผมได้กลิ่นหอมแปลกๆจากดอกของมัน ผมบอกว่าผมอยากจะเขียนเรื่องสั้นอีโรติคสักเรื่องที่ใช้ฉากบ้านหลังนี้ เขายังช่วยตั้งชื่อเรื่องให้ว่า “หอมกลิ่นกาหยี” (ชาวภูเก็ตเรียกมะม่วงหิมพานต์ว่ากาหยี) จนบัดนี้เวลาล่วงเลยมาหลายปีแล้ว แต่เรื่องสั้นเรื่องนี้ก็ยังมีเพียงแค่ชื่อเท่านั้น

ผมเก็บชามใบนี้ไว้ในตู้เก็บของ นานๆจะหยิบขึ้นมาดูสักครั้ง มันทำให้ผมนึกถึงวัยหนุ่มที่เราดื่มกินเที่ยวเตร่ด้วยกัน ผมคิดว่าไอ้ป๋อมีความกล้าหาญก่อนคนอื่นๆในกลุ่มเพื่อนฝูงรุ่นราวคราวเดียวกัน ที่กล้าเลือกทำในสิ่งที่ตัวเองรักมาตั้งแต่เริ่มหนุ่ม บัดนี้เขาจากไปในวัยสี่สิบเศษ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ได้ทำสิ่งที่รักมาทั้งชีวิต

ผมเองนั้นแม้จะเริ่มเขียนหนังสือมานาน แต่ระหว่างทางของชีวิตก็แวะเวียนไปทำอย่างอื่นมาไม่น้อย เพิ่งมาเลือกที่จะทำสิ่งที่รักอย่างจริงจังเมื่อไม่นานมานี้

แล้วผมก็ได้พบว่าถ้าเราได้ทำสิ่งที่ตัวเองรักวันละเล็กละน้อย เราก็จะค่อยๆได้ทำมันมากขึ้น และไม่ว่าชีวิตจะเป็นเช่นไร แต่เราก็มีความสุขได้ เพราะเรามีสิทธิ์ได้เลือกทำในสิ่งที่เรารัก

แล้วคุณล่ะได้ทำสิ่งที่ตัวเองรักบ้างหรือยังครับ ?


------------------


Create Date : 19 มกราคม 2549
Last Update : 19 มกราคม 2549 19:06:23 น. 11 comments
Counter : 1014 Pageviews.

 
ได้ทำสิ่งที่รักและอยากทำมาหลายอย่างเลยค่ะ

สมัยหนึ่งอยากเล่นกีร์ต้าร์แล้วร้องเพลงตามร้านอาหาร ก็ได้ทำ

เคยอยากขึ้นไปพูดหน้ารถ แบบไกด์.....ก็ได้ทำมาแล้ว

เคยอยากทำงานเป็นหัวหน้าที่มีเลขาและมีลูกน้องหลายสิบก็ได้เป็น

ถึงแม้บางอย่างที่ได้เป็น และได้ทำ จะลำบากจนบางครั้งน้ำตาไหล

แต่เมื่อมานึกย้อนไป.....ก็คือเราได้ทำในสิ่งที่อยากทำน่ะค่ะ



โดย: Batgirl 2001 วันที่: 19 มกราคม 2549 เวลา:20:28:07 น.  

 

ตอนเด็กๆ ที่เริ่มรู้จักการถ่ายรูป เมื่ออายุประมาณสิบสองสิบสามขวบ คิดไกลไปถึงอยากมีอาชีพที่เกี่ยวกับการถ่ายภาพ แต่จนเรียนจบมีงานทำ
ความฝันก็ยังเป็นความฝันและไม่ได้มีความตั้งใจมากมายอะไรที่จะทำให้ฝันเป็นจริง

"ถ้าเราได้ทำสิ่งที่ตัวเองรักวันละเล็กละน้อย เราก็จะค่อยๆได้ทำมันมากขึ้น และไม่ว่าชีวิตจะเป็นเช่นไร แต่เราก็มีความสุขได้ เพราะเรามีสิทธิ์ได้เลือกทำในสิ่งที่เรารัก"

อ่านแล้ว มีกำลังใจจังค่ะ






โดย: filmgus วันที่: 19 มกราคม 2549 เวลา:22:54:52 น.  

 
สิ่งที่ฝันไว้พี่ได้ทำหมดตั้งแต่สมัยยังเป็นรุ่นสาวๆค่ะ แต่ไงพอแก่ตัวลงไห๋งฝันจะทำโน้นนี่ไม่สำเร็จซักทีค่ะ อิอิ จริงๆนะ เพลงไม่ลืมค่ะสัญญาแล้วจะมาตามค่ะแต่มีอย่างที่ฝันแต่ทำไม่สำเร็จก็งานเขียนหนังสืออ่ะค่ะ ลองแล้วลองอีก เป็นแบบนี้ทุกที อิจฉาคุณพ่อฯมากเลยค่ะ


โดย: พี่เจี้ยวค่ะ IP: 71.241.93.223 วันที่: 19 มกราคม 2549 เวลา:22:55:15 น.  

 
แวะมาบอกว่ามีคนมาช่วยแปลเพลงให้แล้วละค่ะ


โดย: filmgus วันที่: 19 มกราคม 2549 เวลา:23:23:40 น.  

 

ฉันมีความฝันมากมายเป็นร้อย
แม้ทุกขณะก็ฝันอยู่..
แต่ในเมื่อทุกวัน ฉันยังอยู่ตรงนี้..
ทำงานอยู่ที่เดิมกะครอบครัว
...............
ฉันจึงหาสุขจากงานที่ทำ
สนุกเมื่อมีงาน สนุกขณะทำงาน
และเป็นสุขเมื่อทำงานสำเร็จ

ดูเป็นความสุขแบบเรียบง่าย
ที่ฉันพร้อมและยอมรับให้มันคงเป็นเช่นนี้...
ทุกๆวันที่ฉันทำงาน




โดย: วีดวาด (วีดวาด ) วันที่: 20 มกราคม 2549 เวลา:8:29:38 น.  

 
ปีที่ผ่านมาก็ได้ทำสิ่งที่รักมากขึ้นน่ะค่ะ คือ การอ่านหนังสือ



ดีจัง อย่างน้อยคุณก็ไม่เบื่อที่ต้องนั่งหลับอยู่ข้างๆ คนที่ชอบดูหนังเรื่องนั้น

เราเคยเจอแต่ อยากดูเรื่องนี้งั้นเดี๋ยวเราไปหาอะไรกินนะ



โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 20 มกราคม 2549 เวลา:8:54:40 น.  

 
สวัสดีครับ ผมมีความฝัน มากจนบางครั้งกลายเป็นฝันกลางวัน น้อยคนจะได้ทำในสิ่งที่รัก ผมเองบางครั้งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองต้องการอะไร ใช้ชีวิตเหมือนเครื่องจักรบ้าง เรื่อยเฉื่อยไปตามลมบ้าง ลืมความฝันที่วาดหวังไว้
บางเรื่องไม่เคยได้เริ่มก้าวแรกเลยแถมดูจะถอยหลังเอาเสียด้วย ขาดความมุ่งมั่นคือปัญหา ตอนนี้ก็ฝันครับ ฝันว่าจะมีความพยายามมุ่งมั่นมากกว่านี้


โดย: gutofmadness วันที่: 20 มกราคม 2549 เวลา:9:49:42 น.  

 
คุณค้างคาวคนเก่งครับ

เก่งจริงๆที่ฝันอะไรแล้วได้ทำหมด
ว่ากันว่า ความฝันนั้นเมื่อได้ทำเป็นจริงแล้วมันก็ไม่ใช่ความฝันอีกต่อไปแล้ว

ความฝันบางชนิดก็สามารถเป็นจริงแล้วก็ยังฝันในเรื่องนั้นๆต่อไปได้อีก


คุณฟิล์มกัสครับ

เมื่อเช้าอ่านบทกวีของคุณฟ้า พูลวรลักษณ์ในมติชน สุดสัปดาห์ (ดอกไม้หนึ่งมิติต กลุ่มหก)

มีอยู่หัวข้อหนึ่งยกเอามาให้ดู
"วิทยาศาสตร์ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ หากไม่ได้รับการเผยแพร่ แต่ศิลปะยังคงเป็นศิลปะ ไม่ว่ามันจะได้รับการเผยแพร่หรือไม่"

ขอบคุณสำหรับเนื้อเพลงที่แปลให้นะครับ


สวัสดีจะหนูวีดวาด


ความฝันกับความความจริง
ทั้งสองอย่างก็เอื้ออิงกันอยู่
ว่าแต่ใฝ่ฝันกับเพ้อฝันนั้นต่างกันแน่นอน

ดีใจด้วย
ที่ได้ทำงานการอยู่บ้าน
ไม่ต้องผจญกับจราจรเหมือนพี่สาว
น่าอิจฉาจะตาย


คุณสาวไกด์ใจซื่อครับ

คุณเป็นนักอ่านและหนอนหนังสือจริงๆ



คุณgutofmadness

ที่ว่า "ผมเองบางครั้งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองต้องการอะไร"

การรู้ว่า "ไม่รู้"นั้นก็เริ่มรู้ความจริงอย่างหนึ่งแล้วครับ
เพราะในชีวิตความจริงที่ต้องการนั้นมีหลายอย่างมากมายเหลือเกิน ทั้งที่เป็นรูปธรรมนามธรรม


โดย: พ่อพเยีย IP: 58.10.233.204 วันที่: 20 มกราคม 2549 เวลา:14:44:30 น.  

 
ความหวัง คือ ความฝันของคนที่ตื่น


โดย: AY IP: 61.19.192.99 วันที่: 24 มกราคม 2549 เวลา:12:59:27 น.  

 
น้อยคนนักที่ชอบในสิ่งที่ตนเองรัก และได้ทำสมใจที่อยากจะทำ
และฉันขออวยพรให้คนที่โชคดีที่ได้ทำในสิ่งที่ตนเองชอบแต่ก็ขอให้กำลังใจกับอีกหลายคนที่ยังไม่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบและฉันเองยังไม่รู้เลยว่าตัวเองชอบอะไร แต่
ก็หวังว่าสักวันคงหาตัวเองเจอ คงจะเข้าทำนอง ที่ว่า ถ้าไม่ทุกข์ ก็จะไม่รู้ว่าความสุขเป็นอย่างไร


โดย: เพื่อน IP: 124.157.165.146 วันที่: 1 พฤษภาคม 2550 เวลา:0:20:52 น.  

 
ฉันยังตระเวณอ่านงานของท่านอยู่ แม้นเวลาล่วงเลยมานาน.........


โดย: ตาพรานบุญ วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:4:24:20 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พ่อพเยีย
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]







ด้วยความยินดี...
หากมีผู้ใดละเมิด
โดยนำภาพถ่าย,บทความ
หรือข้อเขียนต่างๆ
ใน Blog นี้ไปใช้
ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด
สามารถทำได้เลยทันที
โดยไม่ต้องขออนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

เว้นเสียแต่ว่า…
ถ้านำไปพิมพ์จำหน่าย
กรุณาจ่ายค่าลิขสิทธิ์ด้วย

อ่านเรื่องของ "ปะการัง" ที่นี่



โหลดเพลง คลิปวีดีโอ นิยาย การ์ตูน


www.buzzidea.tv
Friends' blogs
[Add พ่อพเยีย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.