ยุโรปครั้งแรกในชีวิต : วันที่ 9 ซาลส์เบิร์ก – เวียนนา - Melk วันที่ 9 14 เม.ย. 2549 วันนี้ตื่นแต่เช้า เพื่อนั่งรถไฟยาวไปเวียนนา ตอนแรกกะจะแวะที่เมือง Hallstatte อ่านจากเพื่อน ๆ พี่ ๆ หลาย ๆ คนแล้วอยากไปมากเลย แต่พอได้แบกกระเป๋าอ้วน ๆ ของตัวเองแล้ว คงลากสังขารไปไม่ไหว ก็เลยตัดสินใจเอากระเป่าไปเก็บก่อน แล้วถ้าอยากเที่ยวมาก ๆ ค่อยย้อนกลับมาอีกที เลยตัดใจนั่งรถไฟด่วนพิเศษรวดเดียวไปเวียนนาเลย วันนี้ได้นั่งขบวนทันสมัย จากซาลส์เบิร์กไปเวียนนา จอดแค่ 3 สถานีเอง ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าๆ เรานัดแท๊กซี่มารับที่โรงแรมตอนเช้าตรู่ แม้ว่าโรงแรมจะอยู่ห่างจากสถานีรถไฟนิดเดียวถ้าเดินเข้าสถานีด้านหลังนะ แต่ต้องขึ้นสะพานลอยคนข้ามสูง ๆ อีกต่างหาก ดูน้ำหนักกระเป๋าแล้ว จะเดินคงไม่ไหวแล้วหล่ะค่ะ แค่ลากมันลงบันไดโรงแรมก็แย่แล้ว รถแท๊กซี่ของเราวันนี้เป็นรถเบนซ์คันใหย่ยักษ์ นั่งสบายจัง ระยะทางที่รถขับไปค่อนข้างอ้อม เพราะเขาจะไปส่งเราที่หน้าสถานีรถไฟ ค่ารถที่เรานั่งไปประมาณ 5 นาทีคือ 6 ยูโร วันนี้เราได้ขึ้นรถไฟด่วนพิเศษ ICE ทันสมัยสุด ๆ แต่ว่าด้วยความเป๋อเหลอไม่รู้เรื่อง ทำให้เราดันไปนั่งที่นั่งที่ถูกจองไว้ โดยจองไว้ช่วงเมือง Linz ถึงเวียนนา ทำไมถึงไม่เห็นป้ายจองก็ไม่รู้ ทั้ง ๆ ที่ก่อนนั่งตรงนี้ก็ดูป้ายแล้วเชียว ว่ามีป้ายจองเหรอปล่าว ก็ไม่เห็นมีชื่อติดไว้ จ๋อยเลย เพราะคนจองเป็นผู้โดยสารชายหญิงคู่หนึ่ง เธอมาทำหน้าบึ้งสุดชีวิตเหมือนกะเราไม่มีมารยาททำนองนั้น เฮ้อ มารยาทมันก็ก็มีหล่ะนะ แต่มันไม่รู้นี่นา เราก็ยังทำหน้างง ๆ เลย ตอนเค้ามาทวงที่ แต่ก็รีบย้ายอย่างรวดเร็วไปที่เก้าอี้อีกฝั่งหนึ่ง โชคดีนะเนี่ย ที่ช่วงระยะนี้คนน้อย เก้าอี้ว่างเยอะ เลยสบายไป รูปนี้ไม่ใช่คันที่นั่งมา แต่ความทันสมัยใกล้เคียงกัน ห่าง ๆ ออกไปเป็นรถไฟแบบ 2 ชั้น และแล้วเราก็ตุหรัดตุเหร่มาถึงเวียนนาจนได้ เริ่มวิบากกรรมลากกระเป๋าหาโรงแรมอีกแล้ว เราจองที่พักที่ Dostep Inn 5 minute walk from West Bahnhof อีกแล้วแต่คราวนี้หาไม่ยากเหมือนที่อื่น เพราะแผนที่กะทางไปไม่ซับซ้อนเลย และตึกของที่พักก็สีสะดุดตาสุด ๆ ทาสีฟ้ากับสีเหลืองเด่นมาแต่ไกล ตัดกับสีทึม ๆ ของตึกอื่น ๆ บนถนนเส้นนั้นเลย แต่การลากกระเป๋าไปตามทางที่ตะปุ่มตะป่ำเนี่ย มันทรมานจังเลย เนื่องจากเรารู้สึกว่า การนั่งรถไฟย้อนกลับไปเที่ยว Hallstate มันดูเสียเวลาไปหน่อย นั่งมาตั้งแต่เช้าแล้ว เบื่อ หาที่เที่ยวใกล้ ๆ ดีกว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะได้ใช้ตั๋ว Eurail ต้องนั่งให้คุ้ม แล้วเมือง Melk ก็ผุดขึ้นมาในสมอง เมืองนี้อยู่ห่างจากเวียนนาไปประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า ๆ รถไฟไปก็เยอะใช้ได้ ไม่ต้องรอนานมาก เป็นเมืองริมแม่น้ำดานูปที่มีคนไปล่องเรือกัน ไปเมืองนี้ดีกว่า พอเราจัดการเรื่องที่พักเสร็จ ก็กระโดดขึ้นรถไฟไปเที่ยว Melk กันต่อเลย คราวนี้ได้นั่งรถไฟ 2 ชั้นด้วย เราก็เลยไม่พลาดโอกาสที่จะนั่งชั้น 2 ในทันที มันโคลงดี แต่เห็นวิวได้ชัดกว่านั่งชั้นล่าง และที่รถไฟขบวนนี้ ทำให้เรารู้ว่าห้องน้ำบนรถไฟในยุโรปไม่ได้ทันสมัยไปกว่ารถไฟไทยเท่าไหร่หรอก รถไฟขบวนนี้ ถึงจะ 2 ชั้นทันสมัยรุ่นใหม่ แต่ที่ชักโครกเนี่ย เป็นแบบใช้เท้าเหยียบ มีแผ่นเหล็กปิดอยู่ตรงที่เป็นคอห่าน พอทำธุระเสร็จ ใช้เท้าเหยียบชักโครก แผ่นเหล็กก็จะเลื่อนออกเพื่อให้ของที่ระลึกจากเราไหลผ่านลงไปที่รางรถไฟเลย เห็นก้อนกรวดบานรางรถไฟเลยค่ะ อิ อิ พอออกจากสถานีเมือง Melk แล้ว เราก็เดินตามคนส่วนใหญ่ไป เมืองแห่งนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นคือ Melk Abbey ซึ่งตั้งตระหง่าน เห็นแต่ไกล Abbey แห่งนี้สร้างอยู่บนเนิน และหันหน้าเข้าหาแม่น้ำดานูป ซึ่งเราดูจากภาพยนต์ที่ฉายให้ดู จะเห็นว่า ตรงบริเวณนั้นเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดในการชมแม่น้ำดานูปในยามแสงแรกของวัน เราแวะกินข้าวกลางวันที่ร้านขายเนื้อที่จตุรัสกลางเมือง ร้านนี้นอกจากจะขายเนื้อแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์แปรรูปอีกหลายอย่าง เช่นไส้กรอกและแฮมหลากหลายชนิด และก็มีอาหารสำเร็จรูปขายด้วย กลางวันวันนี้ เราก็เลยถือโอกาสฝากท้องไว้ที่นี่เลย เจ้าของร้านก็ใจดี ตักสลัดให้อย่างละนิดละหน่อยใส่จานมาให้ ทำให้เรามีโอกาสชิมสลัดได้หลาย ๆ แบบ อาหารกลางวันวันนี้เป็น Dumpling ไส้หมู ปลาทอด และ ไส้กรอกเนื้อแกะ เป็นไส้กรอกแบบไม่ยัดไส้ ปั้นเป็นก้อน ที่นี่เนื้อแกะถูกกว่าเนื้อหมู เลยต้องเลือกกินแกะเพราะความประหยัด เมื่อเราเข้าไปนั่งในร้าน ซึ่งก็กึ่ง ๆ ห้องกินข้าวของครอบครัว เห็นรูปถ่ายในนั้น เลยรู้ว่า ร้านนี้เป็นร้านเก่าแก่และมีชื่อเสียงร้านหนึ่งของเมือง นี้เลยทีเดียว พอมองทะลุเข้าไปก็เห็นครัวที่ทำไส้กรอกได้ลย อาหารกลางวันวันนี้ รู้สึกมั๊ยคะว่าทำไมไปกัน 3 คน กินน้อยจัง เรามาดูรูปตอนกลับมาแล้ว ก็สงสัยตัวเองเหมือนกัน จะว่าอาหารไม่ถูกปากก็ไม่ใช่ เพราะซัดเรียบไม่เหลือทุกมื้อ แล้วก็อิ่มทุกมื้อ เลยสงสัยว่ามันคงจะมันและเลี่ยนสำหรับเราไปหน่อย เลยอิ่มเร็ว กินข้าวเสร็จ เราก็ไปเดินเที่ยว Melk Abbey ต่อ เราเข้าไปเฉพาะภายนอกตึก สวน และส่วนที่เปิดให้เข้าชมฟรี อาจจะเป็นเพราะเที่ยวโบสถ์มาหลายวันแล้ว เลยเริ่มเบื่อ และวันนี้ฝนตกพรำ ๆ ทั้งวันเลย เดินไป หลบฝนไป เที่ยวไปซักพัก ม่ายเอาดีกว่ากลับไปพักดีกว่า เหนื่อยแระ บันไดแปลกดี อุตส่าห์เดินขึ้นไปเพื่อจะพบว่า เป็นทางไปที่จอดรถนักท่องเที่ยว นั่งรถไฟกลับมาเวียนนา และหาซื้อของกินสำหรับเย็นนี้ที่ Billa Supermarket ที่อยู่ใกล้ ๆ ที่พัก ที่ที่เราพักมีห้องอาหารและห้องครัวให้เราใช้ได้ อุปกรณ์พร้อมทุกอย่าง เราก็เลยซื้ออาหารมาอุ่นกิน ประหยัดไปอีก 1 มื้อ แล้วก็ยังซื้อขนมปังกะโยเกิร์ตมากินพรุ่งนี้ด้วย Create Date : 13 มีนาคม 2550 Last Update : 13 มีนาคม 2550 20:46:56 น. 0 comments Counter : 1053 Pageviews. Share Tweet ชื่อ : Comment :   *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก