ให้เขาจัดเตรียมมะลิ "เก็ดถวา" และสารภี
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2552
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
9 มีนาคม 2552
 
All Blogs
 
เยี่ยมคนไตในเจียงตุง (Kyiang Tong)

ใหม่สูงข้า...

.

เพิ่งกลับมาจากเชียงตุงค่ะ มีภารกิจต้องไปบันทึกภาพการทำบุญที่นั่น
เป็นช่วงท้าย Production ของสารคดีเรื่อง Ladder to Heaven ที่ทำอยู่ค่ะ
(ดิฉันใช้คำว่า "เพิ่งกลับ" ในตอนที่เริ่มต้นเขียนเอนทรีนี้ค่ะ แต่ตอนนี้คงใช้คำว่าเพิ่ง.. ไม่ได้แล้ว)

เราตั้งใจจะไปเชียงตุงให้ตรงกับวันศีลใหญ่ (ขึ้นหรือแรม 15 ค่ำ)
เพราะเชื่อว่าจะต้องมีภาพการทำบุญที่สวยงามให้เลือกถ่ายมากมายค่ะ
แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ความศรัทธาที่คนเชียงตุงมีต่อพุทธศาสนาเข้มข้นเหลือเกิน

ดิฉันอยู่ที่เชียงตุงแค่ 3 วันนะคะ มีเวลาเพียงเท่านั้น ต้องรีบถ่ายและรีบกลับมาตัด
แต่เพียงแค่ 3 วัน ก็ประทับใจเชียงตุงอย่างมากและคิดจะกลับไปอีกในเร็วๆ นี้ค่ะ

เมืองเชียงตุง ก่อกำเนิดขึ้นประมาณ 800 ปี ใกล้เคียงกับการตั้งเชียงใหม่
เมืองเชียงตุง ตั้งอยู่ในรัฐฉาน (Shan State ) ของประเทศพม่า
เป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรือง และมีประชากรหลากหลายชาติพันธุ์อาศัยอยู่ร่วมกันค่ะ
ส่วนใหญ่เป็นชาวไตขึน รองลงมาเป็นไตใหญ่ และพม่า
มีชนกลุ่มน้อยอื่นๆ เช่น อาข่า ปะด่อง ว้า ลาหู่ ลีซู ลัวะ
ชาวบ้านส่วนใหญ่ที่นั่นจะนับถือศาสนาพุทธค่ะ แต่ก็มีศาสนาคริสต์อยู่ด้วยเหมือนกัน
ใกล้ๆ โรงแรมที่ดิฉันพักก็มีโบสถ์คริสต์อยู่ค่ะ สวยเชียว
โรงแรมที่ดิฉันพักอยู่ริมถนนนะคะ ชื่อหมู่บ้านคันนาปู่หรอย
พี่แสงทิพย์ เจ้าของโรงแรมบอกว่าชุมชนอีกฝั่งถนนเป็นคริสต์ทั้งหมด
มีถนนเป็นเส้นแบ่ง ชื่อชุมชนคันนา... อะไรสักอย่างที่ดิฉันลืม แหะๆ
เท่าที่สังเกตดูชุมชนฝั่งคริสต์ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มชาวอาข่า ลาหู่ ค่ะ

แรกเริ่มเดิมทีแผ่นดินเชียงตุงมีกลุ่มชาวลัวะอาศัยอยู่ก่อนนะคะ
แล้วพญามังราย (เจ้าฟ้าบ้านดิฉันเอง) เข้าป่าล่าสัตว์ แล้วไปเรื่อยๆ จนถึงเชียงตุง
พญามังรายพอพระทัยพื้นที่ตรงนั้นมาก ก็อยากจะได้ค่ะ
แต่ไม่ได้คิดจะไปอยู่เองนะคะ อยากได้แต่ให้คนอื่นไปดูแล
คงจะคล้ายๆ เศรษฐีในกรุงฯ อยากมีบ้านพักตากอากาศในจังหวัดสวยๆ น่ะ
พญามังรายพอกลับมาถึงเชียงราย ก็รีบส่งกองทัพไปตีชาวลัวะที่เชียงตุง
แต่ครั้งแรกไม่สำเร็จค่ะ แต่หาได้ย่อท้อไม่ ก็ยังอยากจะได้เชียงตุงอยู่
จึงส่งมังคุม มังเคียน ชาวลัวะที่อยู่กับพระองค์ ไปตีชาวลัวะด้วยกัน รอบนี้ชนะค่ะ
พญามังรายก็เลยมอบหมายให้ 2 มัง (มังคุม กับมังเคียน) ครองเมืองเชียงตุงไว้
กระทั่งสองมังเสียชีวิต พระองค์ก็เลยส่งลูกคือเจ้าน้ำท่วมไปครองเมืองเชียงตุง
เชียงตุงจึงกลายเป็น "ลูกช้างหางเมือง" หรือ "เมืองลูกหลวง" ของอาณาจักรล้านนา

ในช่วงราชวงศ์มังราย ตั้งแต่ปี 2101 เรื่อยมา อาณาจักรล้านนาก็ลุ่มๆ ดอนๆ
เป็นเมืองขึ้นสยามบ้าง เป็นอิสระบ้าง บางทีก็เป็นเมืองขึ้นพม่า
ในช่วงที่เป็นเมืองขึ้นพม่าเนี่ยแหละค่ะประชาชนถูกกดขี่ข่มเหงที่สุด
เจ้ากาวิละเป็นคนทำสงครามเอาเชียงใหม่คืนมาได้สำเร็จ
แต่ก็เสียผู้คนไปมาก เมืองเล็กๆ บางเมืองนี่กลายเป็นเมืองร้างไปเลยค่ะ
เจ้ากาวิละก็เร่งฟื้นฟูยกใหญ่ เรียกว่ายุค "เก็บผักใส่ซ้าเก็บข้าใส่เมือง"
โดยใช้วิธีการส่งกองกำลังไปตีเมืองเล็กเมืองน้อย พอชนะก็กวาดต้อนคนมา
ชาวไทที่เชียงตุงและสิบสองปันนาก็โดนกวาดต้อนเทครัวมาด้วยเช่นกันค่ะ
พอได้ผู้คนมาก็แบ่งไปไว้ตามที่เมืองต่างๆ ลำปางบ้าง ลำพูนบ้าง

แต่เดี๋ยวก่อน ดิฉันอ่านข้อมูลอีกเล่มหนึ่งบอกว่าเชียงตุงนี่ไม่ได้ถูกกวาดต้อน
แต่เจ้าเมืองเชียงตุงในตอนนั้นยินยอมสวามิภักดิ์เองต่างหาก (เอ๊ะ.. ยังไงดี)
ก็เลยพาเจ้านายและขุนนางส่วนหนึ่ง กับผู้คนชาวไทขึนอพยพอยู่ในเชียงใหม่
แต่ถึงอย่างไรก็ผลเหมือนกันนี่นา ชาวไทขึนก็มาอยู่ที่นี่อยู่ดีนั่นแหละค่ะ
ทำให้ทุกวันนี้เราก็กลายเป็นเครือญาติเกี่ยวดองกันไปมา

..

เชียงตุงมีการปกครองระบบเจ้าฟ้ามหากษัตริย์หรือจ้าวมหาชีวิตเป็นประมุขสูงสุด
ส่วนในเรื่องว่ามีเจ้าฟ้ากี่องค์ที่ปกครองเชียงตุงนั้น ดิฉันไม่รู้จะเชื่อข้อมูลไหนดี
เพราะบางเล่มบอกว่าเจ้าฟ้าทั้งหมด 48 พระองค์ บางเล่มระบุว่ามี 33 พระองค์
เจ้าผู้ครองนครเชียงตุงองค์สุดท้าย คือ "เจ้ารัตนะก้อนแก้วอินแถลง"
ยุคของเจ้าอินแถลง จะอยู่ตรงกับสมัยล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ของไทยนะคะ

เจ้ารัตนะก้อนแก้วอินแถลง

เจ้าฟ้าเชียงตุงส่วนใหญ่มีความสัมพันธ์กับเจ้าฟ้าล้านนาแบบเครือญาติค่ะ
เช่น โอรสและธิดาของเจ้ารัตนะก้อนแก้วอินแถลง คือ
เจ้าพรหมลือและเจ้าหญิงสุคันธา ต่างสมรมกับเชื้อสายเจ้าฟ้าเชียงใหม่ทั้งสิ้น
ทางเจ้าพรหมลือนั้น ทรงสมรสกับเจ้าหญิงทิพวรรณ ณ ลำปาง
ส่วนเจ้าหญิงสุคันธา ทรงสมรสกับเจ้าอินทนนท์ ณ เชียงใหม่
เจ้าอินทนนท์เป็นราชบุตรของพลตรีเจ้าแก้วนวรัฐ ผู้ครองนครเชียงใหม่
จะเห็นได้ว่าสองราชตระกูลนี้มีความสัมพันธ์แนบแน่นกันค่ะ

งานแต่งงานของเจ้าหญิงสุคันธา และเจ้าอินทนนท์ ที่หอหลวง เชียงตุง

...

โอ้วว... ไม่ต่อเรื่องประวัติศาสตร์แล้วนะคะ เพลินไปหน่อย
เพราะจริงๆ ตั้งใจจะเล่าให้ฟังแค่ว่าไปเชียงตุงมา ประทับใจมาก
แล้วก็เอารูปภาพมาฝาก เดี๋ยวเล่าเรื่องตามรูปดีกว่าค่ะ
ขออภัยที่เอนทรีนี้ยาวอีกแล้ว เคยตัวจริงๆ อิอิ

แต่ขอบอกว่าประวัติศาสตร์เชียงตุงนี่สนุกมากเลยนะคะ
ดิฉันเองยังตื่นเต้นอยากศึกษาเรื่องเจ้าฟ้าเชียงตุงขึ้นมาเลย
ถ้าอยากอ่านเรื่องเกี่ยวกับอาณาจักรล้านนาเพิ่มเติม (มีเชียงตุงด้วย)
ขอแนะนำ "ประวัติศาสตร์ล้านนา" โดย ศ.สรัสวดี อ๋องสกุลนะคะ
หนังสืออ่านสนุกทีเดียว มีแค่ 600 กว่าหน้าเองค่ะ ข้อมูลเยอะมาก

เล่มนี้ค่ะ

...

ดิฉันจะพาไปเยี่ยมคนไตในเชียงตุงละค่ะ
เริ่มตั้งแต่การเดินทางไปเลยก็แล้วกันนะคะ

ก่อนข้ามแดนไปพม่าคุณต้องไปทำใบผานแดนฝั่งไทยก่อนค่ะ ราคา 30 บาท
จากนั้นพอข้ามไปแล้ว ก็ไปที่ ตม.พม่า ทำหนังสือผ่านแดนชั่วคราว (Border Pass)
ตรงนี้ ราคา 500 บาทค่ะ พร้อมบัตรประชาชน สำเนาบัตร และรูปถ่าย 1 นิ้ว 3 ใบ

ตอนทำ Border Pass เขาจะถามว่าเราจะเดินทางไปอย่างไร
ดิฉันก็บอกว่าไปแท็กซี่ เขาก็เรียกคนขับรถมาเอา Border Pass ไปถือไว้
(เราจะไม่ได้เห็น Border Pass ของเราอีกเลยจนกว่าจะกลับมาถึงท่าขี้เหล็กอีกครั้ง)
Border Pass ของเรามีอายุ 15 วันนะคะ

เจ้าหน้าที่ ตม.พม่าถามว่าเราจะไปที่ไหนบ้างให้แจ้งมา
(อันที่จริงก็ไปได้แค่เชียงตุงกับเมืองลา 2 เมืองเท่านั้น จะถามทำไมไม่รุ)
ดิฉันบอกว่าไปแค่เชียงตุง เขาก็เขียนระบุไว้ในเอกสารว่าไปเชียงตุง
และถ้าเราเปลี่ยนใจไปเมืองลาทีหลัง ไปไม่ได้แล้วนะคะ ผิดกฎหมาย
ทางที่ดี เราควรระบุไปเลยว่าไปทั้ง 2 เมือง ดิฉันมันสึ่งตึงอ้ะ!!

ถนนที่ไปเชียงตุงเป็นถนนลาดยางมีหลุ่มบ่อเป็นระยะ บางช่วงแหว่งๆ ข้างเหว
ระยะทางจากท่าขี้เหล็กไปถึงเชียงตุงประมาณ 166 กิโลเมตร
ผ่านเมืองเล็กเมืองน้อยหลายเมืองทั้งที่เป็นหมู่บ้านชาวเขา และหมู่บ้านชาวไต


ดิฉันเดินทางไปด้วยรถคันนี้ค่ะ ค่ารถคนละ 700 บาท
ค่ารถนี้จะแปรผันไปตามฤดูกาล และจำนวนผู้โดยสารร่วมนะคะ
บางช่วงค่ารถก็จะถูกลงเหลือประมาณ 500 บาทค่ะ


นี่เพื่อนร่วมทางของดิฉันค่ะ ลืมถามชื่อไว้แหะๆ
เป็นคนไตทั้งหมด บ้านอยู่เชียงตุงแต่มาทำธุระที่ท่าขี้เหล็ก


ส่วนนี้เจ้าของรถที่พาเราไปเชียงตุงค่ะ ชื่อพี่จายสาม
จริงๆ ดิฉันติดต่อพี่จายโหลง แต่ว่าไม่ว่าง พี่เขาเลยติดต่อคนนี้มาให้


คุ้นๆ ไหมคะ ใช่แล้วพัดลมในคอมพิวเตอร์ของคุณนั่นแหละค่ะ
เขาเอามาประยุกต์ติดไว้ในรถค่ะ เป็นไงล่ะคะ ฮ่า


ระหว่างทาง จะมีปรากฎการณ์อย่างนี้เป็นระยะนะคะ อิอิ


รถแบบนี้คือรถที่ดิฉันใช้เดินทางกลับค่ะ
แต่ก่อนนี้พม่าไม่อนุญาตให้คนต่างชาตินั่งรถโดยสารประจำทางนะคะ
ดิฉันเพิ่งทราบว่าเรานั่งรถโดยสารได้ก็ตอนที่เราไปถึงเชียงตุงแล้ว
และพี่แสงทิพย์เจ้าของโรงแรมแนะนำให้เดินทางกลับด้วยรถบัส
ครั้งหน้าดิฉันจะนั่งรถแบบนี้ไปเชียงตุง ถูกและปลอดภัย


เนี่ยค่ะ ตั๋วรถบัสที่ใช้เดินทางกลับ ราคาประมาณ 350 บาท
แต่ดิฉันจ่ายเป็นเงินจ๊าด หมื่นกว่าจ๊าดค่ะ
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่งนะคะ


ระหว่างทางจะมีนี่เลยค่ะ ของโปรด แหะๆ เสร็จโจร!!

...

ทั้งขาไปและขากลับ รถทุกคันจะต้องจอดพักครึ่งทางที่เมืองพยาก
ที่นี่จะมีร้านอาหาร มีห้องน้ำ (แบบบ้านๆ) ให้บริการค่ะ
ตรงกลางลานจะมีบ่อน้ำขนาดใหญ่เอาไว้ให้เจ้าของรถตักน้ำราดรถของตัวเอง
ราดกันหมดทุกคันค่ะตั้งแต่รถบรรทุกหรือรถบัสใหญ่ๆ จนถึงรถมอเตอร์ไซค์
(ที่เห็นไม่ราดก็มีเพียงรถที่ข้ามไปจากประเทศไทยค่ะ)

...

ดิฉันเคยคุยกับเพื่อน (pook) ว่ารู้สึกรังเกียจคนที่คิดจะขยายถนนในเชียงใหม่
ซึ่งจะทำให้เกิดผลกระทบกับชุมชนวัดเกต ไม่รู้คนพวกนั้นเอาอะไรมาคิด
ปุ๊กให้ความเห็นกับเรื่องนี้รุนแรงมาก (เอามาลงตรงนี้ไม่ได้ 555) และบอกว่า
บางประเทศไม่มีสถานที่ท่องเที่ยว แต่เค้าก็ทำให้เมืองทั้งเมืองเป็นที่ท่องเที่ยว
ด้วยการรักษาอัตลักษณ์ของอาคารบ้านเรือนในเมืองไว้ให้มีเสน่ห์

นอกเรื่องไปเสีย 5 บรรทัด กลับมาที่เชียงตุงค่ะ คือจะบอกว่า..
อาคารบ้านเรือน วัดวาอาราม และวิถีชีวิตของผู้คนในเชียงตุงนั้น
นับว่าเป็นการรักษาอัตลักษณ์ที่ทำให้เมืองทั้งเมืองมีเสน่ห์จริงๆ ค่ะ
ก้าวแรกที่เหยียบเชียงตุงก็รู้สึกได้เลยว่าหลงรักเมืองนี้เสียแล้ว

ลิบๆ นั่น.. ข้าพเจ้าเองแหละ 555

อาคารบ้านเรือนส่วนใหญ่ ยังคงให้ความรู้สึกถึงความเป็นเมืองเก่าอยู่มาก
มีตึกแถว อาคารพาณิชย์บ้างนะคะแต่ก็น้อยมาก ถึง 10% หรือเปล่าไม่ทราบ

...

ร้านขายหนังสือ

...

อาคารพาณิชย์ ก็จะมีผสมอยู่ประปรายค่ะ แต่ดูไม่น่าเกลียดมากนะคะ

...

ร้านโชว์ห่วยข้างที่พัก ร้านโปรดพี่เล็ก อิอิ

...


ผู้คนที่นี่ ส่วนใหญ่ใช้รถจักรยาน และมอร์เตอร์ไซค์ค่ะ

...

เด็กๆ ไปโรงเรียน บ้างก็เดิน บ้างก็ปั่นรถถีบ

...

ที่ตลาดเช้าค่ะ

...

เห็นตราชั่งในรูปมั้ยคะ?

ดิฉันตื่นเต้นกับวิธีการชั่งน้ำหนักแบบดั้งเดิมมากเลย

...


เชียงตุงมีวัดอยู่มากนะคะ
เฉพาะแค่ในตัวเมืองที่เป็นชุมชนใหญ่ๆ ดิฉันยังเข้าวัดไม่ครบเลยค่ะ
เดินไปหน่อยนึง ก็เจอวัดอยู่ เรียกได้ว่ากำแพงวัดอยู่ติดๆ กันเลยค่ะ

วัตถุประสงค์ที่เราไปครั้งนี้ ก็คือไปบันทึกภาพวัด และการทำบุญของคนที่นี่ค่ะ
ดังนั้นเราก็เก็บภาพวัดมาค่อนข้างเยอะ แต่ส่วนใหญ่เป็นวิดีโอค่ะ
ภาพนิ่งก็ถ่ายมาแค่เท่าที่เห็นนี้นะคะ..

พระเจ้าโหลง... พระเจ้าหลวง.. มหาเมียตมุณี
ขอเรียกด้วยสำเนียงของคนที่นั่นนะคะ.. วัดพระเจ้าโหลง

.

ด้านใน

.

ที่มองเห็นถัดไปนั่น วัดพระแก้วค่ะ

...

วัดพระแก้ว.. ซึ่งตอนนี้ไม่มีพระแก้วอยู่แล้วนะคะ
จากที่เคยอยู่ลุ่มน้ำของ ก็มีผู้อัญเชิญท่านไปอยู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาแล้วค่ะ

พระแก้ว เคยสถิตอยู่ในอาณาจักรล้านนาก็นานมาก
ทั้งเชียงราย เชียงตุง เชียงใหม่ ลำปาง (ไม่ได้ลำดับก่อนหลังนะ)
เมื่อก่อนกษัตริย์ล้านนา ล้านช้างเนี่ย เป็นญาติพี่น้องกันนะคะ
พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช เป็นลูกกษัตริย์ล้านช้าง แต่เป็นหลานกษัตริย์ล้านนา
ช่วงหนึ่งมาปกครองเชียงใหม่ แล้วก็กลับไปปกครองหลวงพระบาง
ตอนกลับไปเนี่ยก็อัญเชิญพระแก้วมรกตไปด้วยค่ะ
พอย้ายเมืองหลวงลงไปอยู่เวียงจันท์ พระแก้วมรกตก็ลงไปอยู่เวียงจันท์
แล้วจากนั้น... สยามก็มาตีเอาไป...
พระแก้วมรกต จึงจากลุ่มน้ำของ ไปสู่ลุ้มน้ำเจ้าพระยาจนบัดนี้

ดิฉันอดคิดไม่ได้ว่า..
ทำไมคนชอบคิดว่าพระแก้วมรกต ท่านชอบปลาร้า???
อะไรกัน.. ท่านอาจจะชอบข้าวแรมฟืน หรือข้าวซอยก็ได้นี่คะ
ก็ท่านอยู่ในอาณาจักรล้านนามาตั้งนาน

ตำนานพระแก้วมรกตของล้านนาเหมือนตำนานของสยามหรือเปล่าไม่ทราบนะคะ

...

จ๋อมคำ.. จ๋อมตอง.. วัดพระธาตุจอมคำ.. วัดพระธาตุจองทอง
ขอเรียกด้วยสำเนียงคนที่นั่นค่ะ.. จ๋อมคำ
(เขาเขียนภาษาอังกฤษไว้หน้าวัดว่า Wat Zom Khum Pagoda)

.

ด้านในวิหาร

.

พระธาตุจ๋อมคำภาพนี้มองจากหนองตุงค่ะ

...

พระชี้นิ้ว วัดจอมสักค่ะ ดิฉันไม่ได้ขึ้นไปนะคะ ถ่ายจากหนองตุง
อยู่ในเชียงตุงใช้จักรยานค่ะ แล้วพื้นที่เป็นเนินทั้งเมืองเลยค่ะ คิดดู...
ไม่อาจจะปั่นขึ้นไปวัดนี้ได้แล้วค่ะ ถอดใจ 555

...

หนองตุง.. หนองน้ำขนาดใหญ่กลางเมืองค่ะ
ตามตำนานเมืองเชียงตุงบอกว่าครั้งหนึ่งเกิดน้ำท่วมเมืองอย่างหนัก
ฤาษีก็เสกให้น้ำที่ท่วมเมืองมารวมเป็นจุดเดียวคือที่หนองตุงนี่แหละค่ะ
ตำนานละเอียดๆ หาอ่านเอาเองนะคะ แหะๆ

.

ส่วนนี่ โรงแรมนิวเชียงตุงค่ะ

.

ที่นี่เคยเป็นหอหลวงค่ะ.. วังของเจ้าฟ้าเชียงตุง

.

รัฐบาลทหารพม่าทุบทิ้งไม่เหลือซาก แล้วสร้างเป็นโรงแรมนี้แทนค่ะ

.

ดิฉันไม่คิดจะนอนโรงแรมนี้
ไม่ใช่เพราะว่านี่เป็นหอหลวงเก่าแล้วกลัวผีอะไรหรอกนะคะ
แต่เพราะรู้สึกเห็นใจในความเจ็บปวดของพี่น้องไทใหญ่ ไทขึน
ก็เลยไม่อยากอุดหนุนและส่งเสริมน่ะค่ะ เป็นความรู้สึกส่วนตัวน่ะ

ดูๆ แล้ว ดิฉันว่าโรงแรมนิวเชียงตุงเนี่ย "ขึด"
เพราะว่าสร้างโรมแรมเสียใหญ่โต คนเข้าพักก็ไม่ค่อยมี
มองเห็นอาคารจากภายนอกก็โทรมเหลือเกิน

แต่โรงแรมจะเจริญรุ่งเรืองหรือทรุดโทรมอย่างไร
รัฐบาลทหารพม่า ก็คงไม่ได้สนใจอะไรหรอกมั้งคะ
ก็เค้าต้องการแค่ทุบวังทิ้งถอนรากถอนโคนเจ้าฟ้าเชียงตุงให้หมดสิ้นนี่คะ

...

ไปถ่ายทำที่เชียงตุงคราวนี้ โชคดีมากๆ ค่ะ
คนที่ดิฉันสัมภาษณ์ในสารคดี ชื่อคุณยาย Mwe Phong
คนนี้นะคะ.. อายุ 80 ปีแล้วค่ะ

คุณยาย Mwe Phong เล่าให้ฟังว่าแต่ก่อนอยู่ในวัง (หอหลวง)
เจ้าแม่บัวทิพย์หลวงเลี้ยงมาตั้งแต่อายุ 3 ขวบ เป็นลูกบุญธรรมน่ะค่ะ
เจ้าแม่บัวทิพย์หลวง เป็นชายาองค์หนึ่งของเจ้ารัตนะก้อนแก้วอินแถลงนะคะ
เป็นเจ้าแม่ของ เจ้าหญิงสุคนธา ณ เชียงใหม่ (ณ เชียงตุง)
เจ้าหญิงที่แต่งงานกับเจ้าอินทนนท์ ณ เชียงใหม่ ที่เล่าถึงในตอนแรกนั่นแหละค่ะ
คุณยาย Mwe Phong เมตตามากๆ พาดิฉันไปกราบที่กู่ของเจ้าแม่ท่าน
แล้วก็เล่าให้ฟังถึงเรื่องที่รัฐบาลทหารทุบหอหลวงทิ้งด้วยค่ะ
ไม่เล่าต่อล่ะนะคะ.. จะยาวเกินไป แหะๆ

...

ที่ที่ดิฉันไปพัก เป็นเกสต์เฮาส์เล็กๆ ชื่อแฮรี่เกสต์เฮาส์ค่ะ
เจ้าของชื่อพี่แสงทิพย์ เป็นชาวไทใหญ่ ที่เคยมาทำงานที่เชียงใหม่
ในช่วง 8-8-88 ไงคะ ตอนนั้นพี่เค้าเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยย่างกุ้ง
พอประท้วงยืดเยื้อก็เลยหนีเข้ามาอยู่เมืองไทยกับแฟนแก (แฮรี่)

ค่าห้องพักที่นี่ ห้องละ 400 บาทค่ะ แต่บางห้องเล็กมาก พี่เค้าก็คิด 350 นะคะ
ราคานี้รวมอาหารเช้า ชากาแฟแล้วนะคะ

ดูรูปที่พักกันค่ะ

...

ร้านอาหารส่วนใหญ่ในเชียงตุง ก็จะเป็นอาหารแบบไทใหญ่นั่นแหละค่ะ
จำพวกข้าวแรมฟืน ข้าวซอย ฯลฯ ราคาประมาณ 15 บาทเท่านั้นค่ะ อิ่ม..

.

นี่อีกร้านนึง

...

อันที่จริงมีรูปที่แคปเจอร์จากวิดีโอ ที่บันทึกภาพการทำบุญไว้เยอะนะคะ
แต่ถ้าจะเอามาลงในนี้ เกรงว่าจะมากเกินไป (ที่ลงนี่ก็มากอยู่แล้วเนอะ)

ดิฉันตั้งใจจะกลับไปเชียงตุงอีก.. หลายๆ ครั้ง
เพราะประทับใจมาก ไปคราวนี้ยังไม่ได้ออกนอกตัวเมืองเลย
อยู่แค่ในเมืองก็ยังรู้สึกไม่อิ่มเท่าไรเลยค่ะ

ค่าใช้จ่ายในการไปเชียงตุงก็แสนจะถูก
รวมทั้งสิ้นที่ไป 3 วัน ดิฉันหมดสตางค์ไปไม่ถึง 2,500 บาทค่ะ

เอนทรีนี้ เริ่มเขียนมาตั้งแต่วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2552
จนถึงวันนี้... ถ้าจะว่าไปแล้วก็ถือว่ายังเขียนไม่เสร็จนะคะ

แต่.. ไม่ไหวแล้ว
ขอโพสต์เสียทีเถอะ.. นะ

เขียนนานเกิน เหนื่อยอ่ะ!

.

...

ขอขอบคุณ
- น้องแดเนียล (บล็อกเกอร์ BurmeseBoy) ที่แนะนำข้อมูลก่อนเดินทางให้พี่ค่ะ
- โครงการ Imaging Our Mekong เจ้าของงบประมาณในการทำสารคดีครั้งนี้
- พี่เล็กหมีพูห์ เจ้าของภาพถ่าย

แถม...
พร็อพในการเดินทาง อิอิ

เข็มกลัดโอเคเนเจอร์ พี่ปรัตยาให้
น้องหยิก ตุ๊กตาห้อยกระเป๋า sat11 ทำให้ น่ารักเนอะ

.

ยินดี๋ยินจม

.




Create Date : 09 มีนาคม 2552
Last Update : 9 มีนาคม 2552 15:33:31 น. 21 comments
Counter : 1853 Pageviews.

 
ชอบภาพถ่ายมากๆเลย ถ่ายได้ดีจนอยากไป เพลงพม่านี่เพราะมากนะ ฟังแล้วคิดถึงวันคืนที่ผ่านไป สมัยเป็นเด็กๆพี่ฟังเพลงพวกนี้จนมันเข้าไปอยู่ในจิตในใจ ตอนอายุ ก่อน เจ็ดขวบพี่มีความหลังในรัฐฉาน ที่ท่าขี้เหล็กน่ะ อยากได้เพลงนี้จัง ทำไงดีเนี่ย เพลงจบเสียแล้ว บ้านเงียบเลย ไปละน้า.....ขอบคุณเล็ก และน้ำหวานที่พาเที่ยวเจียงตุ๋ง....พี่สยามมมม อ้อพี่มีชื่อไตกับเค้าเหมือนกันนะ พี่ชื่อ
จายใญ่ ยอดคำ ยอดคำเป็นนามสกุลของแม่น่ะ แม่พี่ชื่อ นางส่วยอิ่ง ยอดคำ หรือส่วยอิ่ง เฮือนคำ


โดย: สยามมมมม IP: 124.157.237.162 วันที่: 9 มีนาคม 2552 เวลา:23:18:36 น.  

 
กลับมาแอบฟังเพลงนี้อีกน่ะ........................................................................เดี๋ยวเพลงจบก็จะไปละ


โดย: จายใญ่ ยอดคำ IP: 124.157.237.162 วันที่: 9 มีนาคม 2552 เวลา:23:27:35 น.  

 
ฟังเพลงแล้วอยากร้องไห้ ไม่รู้ทำไม หรือคิดถึงอดีตมากไปก็ไม่รู้ อิอิ


โดย: จายใญ่ ยอดคำ IP: 124.157.237.162 วันที่: 9 มีนาคม 2552 เวลา:23:30:28 น.  

 
อ่านและดูภาพ เห็นแล้วอยากไปเที่ยวเหมือนกันค่ะ
เมืองดูสงบมากเลย

เป็นแม่หญิงไปเที่ยวเชียงตุงคนเดียวจะอันตรายบ่


โดย: สาวใหม วันที่: 10 มีนาคม 2552 เวลา:2:16:02 น.  

 
ผมชอบรูปของ เจ้ารัตนะก้อนแก้วอินแถลง มากครับ
เท่มาก ขอบคุณครับ


โดย: อั๋น IP: 222.123.23.77 วันที่: 10 มีนาคม 2552 เวลา:7:28:46 น.  

 
โห พี่สยาม
สัมผัสได้เลยว่าพี่สยามคงจะอินจริงค่ะ
ดีใจที่ได้เขียนเรื่องนี้ และดีใจที่พี่ได้มาอ่านค่ะ



โดย: น้ำหวาน IP: 117.47.146.138 วันที่: 10 มีนาคม 2552 เวลา:12:27:31 น.  

 
ถ้าไม่รบกวนเกินไปอยากให้เจ้าของบ้านลงรายละเอียดเกี่ยวกับการจองรถ ว่าขึ้นที่ไหนจองที่ไหน ที่พักต้องจองมั๊ย ขอเบอร์ติดต่อไดไหม
ขอบคุณล่วงหน้าคะ


โดย: น่าสนใจ IP: 79.246.150.193 วันที่: 10 มีนาคม 2552 เวลา:23:25:02 น.  

 
กริ๊ดดดด กระทู้นี้โดนใจดิฉันมากค่ะ คุณเล่าเรื่องสนุกมากๆ แล้วจะติดตามตอนต่อไปค่ะ แต่ตอนนี้ขอไปดูบล็อคคุณแบบละเอียดก่อนค่ะ


โดย: flymom IP: 97.116.177.156 วันที่: 11 มีนาคม 2552 เวลา:8:06:39 น.  

 
ขอบคุณทุกท่านค่า

คุณ คห. 7 อีเมล์มาได้ไหมคะ?
จะได้เขียนบอกเบอร์โทรศัพท์ทางอีเมล์ค่ะ


โดย: น้ำหวาน IP: 222.123.135.5 วันที่: 11 มีนาคม 2552 เวลา:11:55:16 น.  

 
nitarungkit@yahoo.com
ขอบคุณล่วงหน้าอีกครั้ง


โดย: ตา IP: 79.246.151.143 วันที่: 11 มีนาคม 2552 เวลา:16:44:32 น.  

 
เชียงรายเมื่อหลายสิบปีก่อนคงจะมีบรรยากาศแบบนี้เหมือนกันนะคะ
บีชอบผนังอิฐกับบ้าน ดูขลังดี

อยากไปค่ะ :)


โดย: Be IP: 222.123.212.61 วันที่: 12 มีนาคม 2552 เวลา:11:33:47 น.  

 
ชอบเมืองโบราณ ชอบประวัติศาสตร์เหมือนกันค่ะ มีโอกาสจะแวะไปเยี่ยมเยียนเชียงตุงเหมือนกัน


โดย: รัชชี่ (รัชชี่ ) วันที่: 14 เมษายน 2552 เวลา:15:03:11 น.  

 
ปิดบล็อกไปเสียนานเนาะ
แวะมาเยือน ....พบว่าอัพบล็อกแล้ว...

เชียงตุง เป็นเมืองที่ใฝ่ฝันในหลายๆเมือง
ที่อยากไปสัมผัสรับรู้-เห็น
ไม่รู้จะมีโอกาสไปหรือเปล่า
อย่างน้อยก็ความรู้จากที่นี่



โดย: Tu' IP: 125.27.53.108 วันที่: 28 เมษายน 2552 เวลา:12:35:12 น.  

 
สนุกมากเลย่ครับ
ได้รู้ประวัติศาสตร์คน เจียงตุง
น่าไปเที่ยวมากๆ เลย....



โดย: แมน IP: 222.123.232.8 วันที่: 6 กรกฎาคม 2552 เวลา:5:48:45 น.  

 
แวะมาเยี่ยมค่ะ
คิดถึงเจ้าของบล็อคจังเลย

ภาพปลากรอบ สวยมาก ๆ
เห็นแล้วอยากไปเที่ยวมั่งจัง


โดย: duen_narak วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:42:33 น.  

 
อยากไปเที่ยวบ้าง อยู่เชียงใหม่ครับ เด่วจะลองไปคนเด่วดูครับ ไปแล้วความปลอดภัยเป็นงัยบ้างครับ ห่วงเรื่องเด่วครับบบบบบ


โดย: konghotpot@hotmail.com IP: 112.142.126.56 วันที่: 14 กันยายน 2553 เวลา:23:51:34 น.  

 
น่าเที่ยวใช่มั๊ยล่ะ ถ้ามีเงินเยอะๆก็จะได้ไปแล้ว ตอนนี้ก็มีเงินนะ แต่มันมีน้อยใช่หรือเปล่า ถ้าอยากกิน อยากเที่ยว แถมเที่ยวฟรี กินฟรีอีก อยากไปมั๊ย ที่บริษัทเรา เราทำงาน ได้เงินแล้ว เขายังพาไปเที่ยวอีก ทั้งกิน ทั้งเที่ยว ฟรีตลอดงาน สนใจหรือเปล่า เรื่องนะ โทรมาคุยกันก็ได้ถ้าไม่เชื่อ 083-985-3200 นี่ผู้จัดการฝ่ายการตลาดเขียนเองครับ


โดย: ชลสิทธิ์ ( ชาย ) IP: 183.88.249.14 วันที่: 4 เมษายน 2554 เวลา:10:20:17 น.  

 
ข่าวด่วย ตอนนี้ทางเรา ชมรม ชาวไทยใหญ่ นีโอไลฟ์ กำลังรับบริจาก ช่วยเหลือ ผู้ที่เดือดร้อนจากแผ่นดินไหว ทั้งเงิน และสิ่งของอื่นๆ ผม ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัทนีโอไลฟ์ จึงมาเรียนทุกท่านที่มีใจ อยากช่วยให้ทราบกัน ตอนนี้ทางเราได้รับบริจากมาแล้วเฉพาะสมาชิกในบริษัทเป็นเงินรวมแล้ว50,000 กว่าบาท แต่ก็ยังไม่พอ เพราะทาง ท่าเดื่อ และที่อื่นๆ เสียหายหนักมาก ขอผู้ใจบุญได้เข้ามาช่วยกัน สิ่งของและเงินที่ได้บริจากนั้น ทางเราจะนำไปที่ พระครูบาแสงหล้า เจ้าอาวาสวัดสายเมือง จังหวัดท่าขี้เหล็ เป็นผู้นำส่งมอบให้ถึงมือผู้ที่เดือดร้อนจริง ถึงที่ ผู้ใดที่อยากร่วมบริจากโทร สอบถามข้อมูลได้ที่ 083-985-3200 จากใจ ถึงใจ ด้วยความนับถือ ขอบคุณครับ


โดย: ชลสิทธิ์ ( ชาย ) IP: 183.88.249.14 วันที่: 4 เมษายน 2554 เวลา:12:19:32 น.  

 
ข่าวด่วย ตอนนี้ทางเรา ชมรม ชาวไทยใหญ่ นีโอไลฟ์ กำลังรับบริจาก ช่วยเหลือ ผู้ที่เดือดร้อนจากแผ่นดินไหว ทั้งเงิน และสิ่งของอื่นๆ ผม ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัทนีโอไลฟ์ จึงมาเรียนทุกท่านที่มีใจ อยากช่วยให้ทราบกัน ตอนนี้ทางเราได้รับบริจากมาแล้วเฉพาะสมาชิกในบริษัทเป็นเงินรวมแล้ว50,000 กว่าบาท แต่ก็ยังไม่พอ เพราะทาง ท่าเดื่อ และที่อื่นๆ เสียหายหนักมาก ขอผู้ใจบุญได้เข้ามาช่วยกัน สิ่งของและเงินที่ได้บริจากนั้น ทางเราจะนำไปที่ พระครูบาแสงหล้า เจ้าอาวาสวัดสายเมือง จังหวัดท่าขี้เหล็ เป็นผู้นำส่งมอบให้ถึงมือผู้ที่เดือดร้อนจริง ถึงที่ ผู้ใดที่อยากร่วมบริจากโทร สอบถามข้อมูลได้ที่ 083-985-3200 จากใจ ถึงใจ ด้วยความนับถือ ขอบคุณครับ


โดย: ชลสิทธิ์ ( ชาย ) IP: 183.88.249.14 วันที่: 4 เมษายน 2554 เวลา:12:19:58 น.  

 
ประเทศไทยต้องหันหน้า มองเมืองเชียงตุงบ้าง ซึ่งเคยเป็นเมืองๆหนึ่งของประเทศไทย ทำอย่างไรที่จะให้คนไต เขาคิดว่าไทยไม่ทิ้งเขา เอาคืนได้ก็ต้องเอาคืนมาสู่อ้อมอกของเราให้จงได้ อย่าทอดทิ้งเขาให้เผชิญชะตากรรมอย่างโดดเดี่ยว


โดย: คนใต้เมืองพัทลุง IP: 118.173.165.22 วันที่: 16 มิถุนายน 2554 เวลา:1:23:04 น.  

 
ดูแล้วคิดถึงบ้านค่ะ พลอยป็นคนเชียงตุงอะค่ะขอให้เพื่อนๆไปเที่ยวกันเยอะๆนะค่ะ เชียงตุงมีสถานที่น่าที่ยวเยอะแยะเลยค่ะ


โดย: Nong ได้รับตรา: ผู้ค้นพบมือใหม่ IP: 27.130.90.10 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:17:39:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ลั่นทมสีแสด
Location :
เชียงราย Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ฉันมีแต่ความรักมีแต่ความฝัน
พอจะแบ่งปันคนทุกคน
ถ้าเธอจะมีรักเธอจะมีฝัน
เธอจะปันให้ใครหรือเปล่า

ซื้อคืนฟ้าพราวแสงดาวแสนงามจับดวงตา
ถักทอให้เป็นเช่นรองเท้ามาให้ฉัน

แล้วจะใส่ไปหาโลกในนิทราของเธอ
แต่งเติมความฝันแสนดีให้มีสองเรานิรันดร์
Friends' blogs
[Add ลั่นทมสีแสด's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.