BlogGang.com : : I'm wu : มาช่วยเหลือเชียร์ลีดเดอร์กันเถอะ

มาช่วยเหลือเชียร์ลีดเดอร์กันเถอะ

Save the cheerleader, Save the world

ประโยคขายของซีรีย์อเมริกันเรื่องใหม่ ที่กระชากเอาอารมณ์แฟนตาซีของเด็กชาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเรื่องราวของซูเปอร์ฮีโร่ และพลังเหนือธรรมชาติ ที่แทบทุกสิ่งที่เคยพูดถึงในเรื่องราวแนวนี้ถูกจับมารวมกัน คลุกเคล้าปรุงแต่งให้ดูร่วมสมัย ตัวละครที่หลากอารมณ์และสัมผัสได้ และหลักการทางวิทยาศาสตร์ทั้งที่อธิบายได้ และไม่ได้ กลายเป็นซีรีย์ high concept ที่ฮิตตั้งแต่ไอเดียเบื้องต้น

Heroes

จุดเด่นของซีรีย์นี้ มีตั้งแต่การเปิดเรื่องแต่ละตอน ตั้งแต่ชื่อตอนที่โผล่มาเป็นส่วนหนึ่งของฉาก (ถ้าใครจำไตเติ้ลหนัง Panic room ได้ ) และการเริ่มต้นที่ย้อนกลับไปตอนก่อนหน้านี้เล็กน้อย ในมุมมองที่แตกต่างออกไป ซึ่งทำให้เข้าใจมากขึ้น หรือไม่ก็เป็นการหักมุมตอนก่อนหน้าด้วยซ้ำ อีกทั้งพลังพิเศษต่างๆที่ซีรีย์ระดมใส่เข้ามา คงทำให้ผู้ใหญ่หัวใจเด็กทั้งหลายได้เต็มอิ่มไปตามๆกัน นอกจากนี้ ตัวละครที่หลายหลาก การเดินเรื่องฉลาดๆ คาดไม่ถึง และการหักมุมอย่างลงตัว ก็ทำให้ซีรีย์นี้ติดตลาดไม่แพ้ซีรีย์ดังๆเรื่องอื่นเลย

Heroes พูดถึงกลุ่มคนตัวเล็กๆกลุ่มหนึ่งที่เหมือนกับไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกัน นอกเหนือจากแต่ละคนกำลังค้นพบว่าพวกเขามีพลังเหนือธรรมชาติที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด บางคนต้องการใช้พลังนั้นเพื่อปกปักคนอื่น บางคนเรียนรู้ที่จะทำความเข้าใจ และควบคุมการใช้พลัง บางคนรู้สึกแปลกแยก และปกปิดไม่ให้คนอื่นรู้ว่าตัวเองมีพลังนั้น และบางคน ก็ต้องการใช้พลังนั้นในการสร้างอำนาจให้กับตัวเอง โดยไม่สนใจว่าจะกระทบกระเทือนอะไรกับใครเท่าไร และสุดท้าย พวกเขากำลังถูกโยงใยเข้าหากัน และเกี่ยวข้องกัน ซึ่งมันอาจนำไปสู่การทำลายล้างครั้งใหญ่ของโลกมนุษย์ก็ได้

Heroes มีศูนย์กลางการดำเนินเรื่อง และให้น้ำหนักกับตัวละครหลายกลุ่มพร้อมๆกัน ก่อนจะค่อยๆโยงเข้าหากัน โดยมีศูนย์กลางเป็น

1. สาวเชียร์ลีดเดอร์ แคร์ล เบนเน็ท ผู้อาจเป็นจุดพลิกผันกับการทำลายล้าง และเป็นคีย์ในคำกล่าวที่ว่า Save the cheerleader, Save the world
2. นาธาน และปีเตอร์ แพทเทลลี วุฒิสมาชิกหนุ่มและน้องชาย
3. ฮิโร่ นาคามูระ มนุษย์เงินเดือนจากญี่ปุ่น ผู้รู้ว่าตัวเองพิเศษเหนือคนอื่น
4. ไอแซก เมนเดส จิตรกร นักวาดการ์ตูน และติดยา
5. นิกกี้ แซนเดอร์ และครอบครัว สาวเสริฟ และนักระบำเปลื้องผ้าจากลาสเวกัส
6. แมท พาร์คแมน นายตำรวจหนุ่ม ผู้กำลังเบื่อหน่ายกับการงานและครอบครัว
7. โมฮินเดอร์ เซอเรส นักพันธุกรรมจากอินเดีย ผู้พยายามสานต่อสิ่งที่พ่อเขาได้ทำไว้
7. แกลเบียล เกรย์ หรือ ไซเลอร์ นักซ่อมนาฬิกาธรรมดาๆ ที่อยากเป็นมากกว่าคนธรรมดาทั่วไป

ทุกคนล้วนแต่มีหรือไม่มีพลังพิเศษที่แตกต่างกันออกไป ทุกคนกำลังถูกดึงเข้าหากัน และมีผลกระทบต่อการกระทำซึ่งกันและกัน ทุกคนอาจมีส่วนที่ทำให้เกิดหรือไม่เกิดความรุนแรงนั้น และทุกคน กำลังจะเปลี่ยนแปลงโลกของเรา

###########Spoiler alert #############

อาวุธในการทำลายโลกในซีรีย์เรื่องนี้คือระเบิดนิวเคลียร์ที่มีกำเนิดจากมนุษย์ ซึ่งธรรมชาติและความรุนแรงของนิวเคลียร์เกิดจากปฏิกิริยาที่เรียกว่า Chain reaction ซึ่งกล่าวง่ายๆ คือปฏิกิริยาที่จากจุดเริ่มต้น สามารถส่งผลต่อปฏิกิริยาถัดๆไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ผลลัพท์ที่เกิดขึ้นมีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดที่ไม่อาจควบคุมได้ ซึ่งผู้สร้างใช้ลักษณะคล้ายๆกับ Chain reaction นี้เพื่อเป็นตัวผลักดันในการเดินเรื่องของซีรีย์ชุดนี้ โดยให้การกระทำของตัวละคร เริ่มส่งผลต่อการกระทำของคนอื่นๆ และนำไปสู่การกระทำอื่นๆ จากคนธรรมดาๆ สถานการณ์ที่เรียบง่ายในตอนแรก ค่อยทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถยับยั้งได้ (แม้แต่คำว่า Save the cheerleader, save the world ก็บอกเป็นนัยถึงการกระทำหนึ่ง ที่จะส่งผลต่อกับอีกเหตุการณ์หนึ่งเหมือนกัน)

ตัวละครที่เหมือนกับขั้วตรงข้ามของซีรีย์นี้ (Hero และ Villian) ได้แก่ปีเตอร์ และไซเลอร์ ผู้ซึ่งมีพลังพิเศษคล้ายคลึงกัน คือการเก็บสะสมมาจากพลังพิเศษของคนอื่น (โดยคนหนึ่งชอบธรรม และอีกคนหนึ่งไม่ชอบธรรม) และอาจเป็นตัวต้นเหตุจุดชนวนของระเบิดนิวเคลียร์นั้นได้พอๆกัน ความน่าสนใจของทั้งสองตัวละครนี้ คือการสะสมพลัง (พลังงาน) ไว้ และการพยายามควบคุมให้พลังงานนั้นไม่อยู่ใน exited state โดยไม่จำเป็น รวมถึงปฏิกิริยาของพลังงานด้วยกันเองเมื่อถูกเก็บไว้นานๆ ซึ่งมีความเป็นวิทยาศาสตร์สูงมาก และทำให้ตัวละครสองตัวนี้ต่างจากซูเปอร์ฮีโร่ทั่วๆไป

Create Date : 20 กันยายน 2550

Last Update : 21 กันยายน 2550 7:48:49 น.

4 comments

Counter : 1047 Pageviews.

ยังสปอยด์อยู่นะครับ

จุดที่ผมสนใจมาก และเป็นความสนใจส่วนตัว ในซีรีย์นี้ คือไอแซกที่มองเห็นอนาคตได้ และ นาคามูระที่สามารถเดินทางข้ามกาลเวลาได้ ซึ่งโดยปกติ การเล่นเรื่อง Precog และ Timetravel อย่างใดอย่างหนึ่ง และเป็นมิติเดียวก็สามารถสร้างความเห็นที่แตกต่าง และการถกเถียงกันได้มากมาย แต่สำหรับซีรีย์ชุดนี้ เขาไม่ได้เล่นเพียงแค่หนึ่ง โดยเฉพาะนาคามูระ ซึ่งมีโอกาสได้ไปอยู่ในมิติที่แตกต่างกันได้ถึง 4 มิติจากการเดินทางข้ามกาลเวลา ทั้งไปอนาคตและอดีต

1. มิติของนาคามูระที่เดินเรื่องตามเวลาเดินเรื่องปกติของซีรีย์
2. มิติของนาคามูระตอนต้นเรื่องที่มานิวยอร์คในอนาคต 2 สัปดาห์ และได้เห็นการระเบิดถล่มนิวยอร์ค (คนนี้น่าจะตายในระเบิด) บางคนอาจแย้งว่านี่ก็คือนาคามูระในข้อ 1 นั่นแหละ แต่ผมว่าไม่ เพราะถึงตอนสุดท้ายของซีซัน 1 ระเบิดที่เกิดขึ้นมันต่างจากระเบิดที่เห็นในตอนนี้ แสดงว่าเป็นคนละมิติ
3. มิติของนาคามูระที่ไปอดีต 6 เดือน เพื่อช่วยเหลือชาร์ลี สาวเสริฟ มิตินี้ ชาร์ลีรู้จักนาคามูระใน 6 เดือนก่อนนี้ ซึ่งต่างจากมิติในข้อ 1 ที่ชาร์ลี ไม่รู้จักนาคามูระมาก่อน
4. มิติของนาคามูระในอนาคต 5 ปี เป็นมิติที่ต่อเนื่องจากปัจจุบัน แต่เป็นกรณีนิวเคลียร์ระเบิด ที่ทำให้เขาเปลี่ยนเป็นอีกคน และเดินทางมาอดีต(ปัจจุบัน) เพื่อบอกปีเตอร์เกี่ยวกับเชียร์ลีดเดอร์
นี่ยังไม่พูดถึง precog ของไอแซก ซึ่งน่าจะเป็น precog ในมิติที่ 4 ของนาคามูระเท่านั้น เฮ้อ ซับซ้อนซะทำเอาหนังอย่าง Back to the future กลายเป็นหนังเด็กๆไปเลย

####################

ลิงค์ไปบล็อกที่ผมพูดถึงมิติ และเวลา https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=pong318&date=04-01-2007&group=2&gblog=7

โดย: I'm wu

วันที่: 20 กันยายน 2550 เวลา:20:42:35 น.

3. มิติของนาคามูระที่ไปอดีต 6 เดือน เพื่อช่วยเหลือชาร์ลี สาวเสริฟ มิตินี้ ชาร์ลีรู้จักนาคามูระใน 6 เดือนก่อนนี้ ซึ่งต่างจากมิติในข้อ 1 ที่ชาร์ลี ไม่รู้จักนาคามูระมาก่อน

ึคิดว่าน่าจะเป็นมิติเดียวกันนะคะ เพราะตอนที่ฮิโระกับเพื่อนเจอชาลี ชาลีพูดเป็นนัยๆเหมือนกับรู้จักฮิโระมาก่อนค่ะ เช่น หนังสือที่บอกว่าได้มาจากเพื่อน และก็ชอบแก้มสั่นๆของฮิโระตอนตั้งสมาธิ ซึ่งจริงๆแล้วฮิโระยังไม่เคยทำให้ชาลีเห็นเลยนะ แต่ชาลีเคยเห็นมาแล้วจากที่เคยอยู่กับฮิโระมาก่อน แล้วรู้ว่าฮิโระย้อนเวลาได้ค่ะ

โดย: Ranz IP: 58.9.233.114 วันที่: 28 ตุลาคม 2550 เวลา:19:53:40 น.

พึ่งได้ดู 4 ตอนแรก ก็ติดใจซะแล้ว
ก็เลยมาหาข้อมูลเพิ่มเติม ขอบคุณครับ

โดย: tinny IP: 61.19.121.50 วันที่: 23 มกราคม 2551 เวลา:12:41:15 น.

วดเส่สทว

โดย: นิวเคลียร์ IP: 203.172.199.254 วันที่: 8 มกราคม 2552 เวลา:14:35:14 น.