Group Blog
 
 
มกราคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
15 มกราคม 2550
 
All Blogs
 
2046 บทบันทึกความทรงจำ

(ตีพิมพ์ครั้งแรก นิตยสาร Starpics ปักษ์แรก ธันวาคม 2548 บทวิจารณ์หนังชิ้นแรก และชิ้นเดียวของเราที่ได้ตีพิมพ์อย่างเป็นทางการ ขอบคุณตั้มด้วยครับ)

ในนิยายเรื่อง 2046

ปลายทางของรถไฟสายนั้น คือ 2046

2046 อาจเป็นชื่อของสถานที่ เวลา หรืออาจไม่ใช่เลย ไม่มีใครบอกได้ เพราะไม่เคยมีใครกลับมาจาก 2046 นอกจากเสียงเล่าลือว่าใน 2046 ทุกคนจะได้ความทรงจำที่สูญหายไปกลับคืนมา

แต่นั่นไม่ใช่สำหรับทัค (ทาคุยะ คิมูระ) ผู้โดยสารเพียงคนเดียวของรถไฟในเที่ยวนั้น ปลายทาง 2046 ไม่ใช่จุดหมายของทัค มากไปกว่าช่วงเวลาแห่งการเดินทาง ภายใต้การบริการของหุ่นยนต์สาว wjw1967 (เฟย์ หว่อง) ถึงแม้การเอาใจใส่ของเธอ อาจเป็นเพียงแค่โปรแกรมที่กำหนดมา แต่มันไม่ได้เป็นอุปสรรคที่มาขัดขวางไม่ให้ทัคตกหลุมรัก และเรียกร้องการตอบสนองความรักจากเธอ แม้จะได้รับเพียงการตอบสนองที่ปราศจากเยื่อใย

นั่นเพราะเธอถูกตั้งโปรแกรมไว้อย่างนั้น หรือไม่เคยมีใครตั้งโปรแกรมตอบสนองความรักให้กับเธอกันแน่

ในห้องพักหมายเลข 2046 โรงแรมโอเรียนทัล ปี 1966

ห้องนี้เคยเป็นสถานที่แห่งความทรงจำของโจวโม่หวัง(เหลียงเฉาเหว่ย) และซูไหล่เจิน (จางมั่นอี้) ในเวลาที่ทั้งสองตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก แม้ผลลัพท์มันจะเหลือแค่ความทรงจำอันเจ็บปวด

โจวโม่หวังกลับมาที่ 2046 อีกครั้งหนึ่ง และพบว่ามันถูกครอบครองโดยผู้หญิงในอดีตของเขาอีกคน มีมี่ (หลิวเจียหลิง) แม้ตอนนี้เธอจะไร้ความทรงจำที่มีต่อเขาแล้ว เหลือเพียงฝังใจในความรักของเธอที่มีต่อ “นกไร้ขา” ก็ตาม โจวโม่หวังตัดสินใจเข้าพักที่ห้อง 2047 เพื่อทบทวนความรัก และความทรงจำที่เขามีต่อผู้หญิงในอดีตของเขา ซูไหล่เจิน มีมี่ และผู้หญิงลึกลับที่เขาพบก่อนกลับมาฮ่องกง ที่ชื่อซูไหล่เจินเหมือนกัน (กงลี่)

ที่แห่งนี้นอกจากความหลัง เขายังได้เป็นพยานความรักของ หวังจินเว่ย (เฟย์ หว่อง) และแฟนหนุ่มชาวญี่ปุ่น(ทาคุยะ คิมูระ) ที่ถูกพ่อของฝ่ายหญิงกีดกัน โจวโม่หวังเริ่มลงมือเขียนนิยายเกี่ยวกับอนาคต โดยอิงจากบุคลิกผู้คนรอบตัว เขาให้ชื่อนิยายเรื่องนั้นว่า 2046

2046 อาจเป็นนิยายที่มีฉากหลังในอนาคต แต่มันคือบทบันทึกอดีต และความทรงจำของโจวโม่หวัง

ในภาพยนต์ 2046

นอกเหนือไปจากการใช้ชีวิตที่จมอยู่ในอารมณ์ถวิลหาความสัมพันธ์ในอดีต ที่ 2046 โจวโม่หวังยังมีโอกาสสร้างความสัมพันธ์ครั้งใหม่ กับผู้หญิงขายบริการคนหนึ่ง ไบ่หลิง (จางซื่อยี่)

สำหรับโจวโม่หวัง ความสัมพันธ์กับไบ่หลิงรุดหน้าไปอย่างรวดเร็วกว่าผู้หญิงแทบทุกคนที่เขาเคยมี เขาได้พูดคุย ยั่วเย้า ต่อปากต่อคำ พึงพอใจ สนุกสนาน ตลอดจนความสัมพันธ์ทางเพศ โดยไม่ต้องมีอุปสรรค์ ไม่ต้องแคร์กับสายตาของผู้คน สังคม หรือผิดจารีตประเพณีใดๆ และไบ่หลิงก็แสดงออกอย่างชัดเจน เธอมีใจให้เขา

แม้ว่ามันจะเป็นความสัมพันธ์ที่แลกซื้อมาด้วยเงินตรา นี่น่าจะเป็นช่วงเวลาที่โจวโม่หวังมีความสัมพันธ์ที่เป็นชิ้นเป็นอันและลึกซึ้งมากที่สุด แต่ในความสัมพันธ์นี้ขาดองค์ประกอบเพียงอย่างเดียว เขาไม่ได้อยู่ในห้วงแห่งความรัก

โจวโม่หวังบันทึกเรื่องราวของผู้หญิงในอดีต และผู้หญิงที่ยังมาไม่ถึงเขา อย่างหวังจินเว่ย แต่เขาไม่บันทึกเรื่องราวของผู้หญิงในปัจจุบันของเขาอย่างไบ่หลิง เธอไม่ติดค้างในความทรงจำเขาเท่าผู้หญิงคนอื่นๆ ภาพสะท้อนของไบ่หลิงไม่เคยปรากฏในนิยาย 2046

2046 กับหว่องกาไว

ถ้าภาพยนต์สักเรื่องคือการสะท้อนความคิด และตัวตนของผู้กำกับ 2046 ก็เป็นงานสร้างที่สะท้อนตัวตนของหว่องการ์ไวออกมาได้อย่างชัดเจน ร่องรอยแห่งความประทับใจ ความทรงจำ และความหลงไหลในผลงานที่ผ่านมา ได้ถูกถ่ายทอดผ่านงานชิ้นล่าสุดนี้

สำหรับแฟนภาพยนต์ของหว่องกาไว ความสนุกอย่างหนึ่งในการชมภาพยนต์เรื่อง 2046 นี้ คือการได้เห็นผลงานเก่าๆของหว่องกาไวเรียงหน้าขึ้นจอในรูปโฉม และมุมมองที่แตกต่างออกไป Day of Being Wild และ In the Mood for Love คือเรื่องราวที่ 2046 อ้างอิงมาอย่างชัดเจน ตั้งแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาต่อเนื่องกัน ตัวละครที่เคยปรากฏโฉมมาแล้ว และมีการพูดถึงหนังทั้งสองเรื่องเป็นระยะ เช่นเรื่องราวของนกไร้ขา และห้องหมายเลข 2046 นอกจากนี้ งานอื่นๆของหว่องกาไวยังถูกสะท้อนมาตรงๆ หรือแอบแฝงในแต่ละฉาก ในรูปการถ่ายภาพ การจัดองค์ประกอบฉาก คำพูดตัวละคร การวางท่าทางนักแสดง บล็อกกิ้ง การใช้นักแสดงคู่เดิมมาพบกันในบทที่แตกต่างออกไป ตลอดจนการอ้างอิงความสัมพันธ์ข้ามหนังคนละคู่ (Fallen Angle คือ Chungking Express ในด้านมืด 2046 ก็คือ In the Mood for Love ที่ไม่ได้อยู่ในอารมณ์นั้น) ความลุ่มหลงในงานภาพยนต์ของหว่องกาไว รวบรวมไว้อย่างครบถ้วนในภาพยนต์เรื่องนี้

ไม่ต่างจากโจวโม่หวังรวบรวมความลุ่มหลงต่ออิสตรีผ่านนิยาย 2046

ในนิยาย 2046 โจวโม่หวังเปลี่ยนเนื้อหา และอารมณ์ของนิยายไปเรื่อยๆ ตามความรู้สึกเขาและผู้คนรอบข้างในขณะนั้น แต่เขาก็ยังแน่วแน่ต่อการบันทึกความทรงจำเขาผ่านตัวละครทัค

หว่องกาไวแม้ต้องเจออุปสรรค์และการเปลี่ยนแปลงแทบตลอดเวลาในการสร้างหนังเรื่องนี้ ก็กำลังสร้างบทบันทึกงานของเขา ผ่านตัวละคร โจวโม่หวัง

In the Mood for 2046

2046 เป็นโครงการที่อยู่ในใจหว่องกาไวมานาน เขามีโครงเรื่อง แนวคิด นักแสดง เทคนิคที่จะใช้กับงานนี้อย่างชัดเจน เมื่อรวมกับความพร้อมของทีมงาน งานสร้าง และความกระตือรือร้น งานนี้น่าจะเป็นผลงานชิ้นเอกของเขา แต่ขณะที่งานสร้างหนังเรื่องนี้กำลังดำเนินหน้าไป หลายสิ่งหลายอย่างที่เคยวางแผนไว้มีการเปลี่ยนแปลง แตกยอด และแตกต่างออกไปจากภาพที่เขาคิดไว้แต่แรก และผลงานที่ออกมาก็มีหลายส่วนที่สะท้อนตัวเขาออกมาอย่างชัดเจนและแสดงถึงการก้าวไปข้างหน้า ในขณะที่มีบางส่วนที่ยังไปไม่ถึงจุดที่เขาเคยทำไว้

เช่นเดียวกับผลงานที่ผ่านๆมาของหว่องกาไว 2046 ไม่บอกเล่าเรื่องราวออกมาตามลำดับขั้นตอน มากไปกว่าการลำดับเรื่องตามอารมณ์ การละเลยรายละเอียดบางอย่าง การตัดต่อข้ามเหตุการณ์สลับไปมา และหลายๆครั้งเป็นการผสมกันของเรื่องจริงและจินตนาการ ไปจนถึงการทิ้งเรื่องราวให้ค้างคา ไม่มีบทสรุปแน่นอน

มีเพียงช่วงเดียวที่หนังดำเนินเรื่องตามลำดับเวลา มีเนื้อหาให้จับต้องได้ง่ายและชัดเจน มีการเร้าอารมณ์ มีบทสรุป คือช่วงความสัมพันธ์ของ โจวโม่หวัง กับไบ่หลิง

ตัวละครไบ่หลิงเป็นตัวละครที่แปลกแยกที่สุดในหนังเรื่องนี้ ทั้งที่นอกเหนือจากบทโจวโม่หวังแล้ว บทเธอมีความเป็นดราม่า และรายละเอียดที่สมบูรณ์มากที่สุด แต่เธอกลับเป็นตัวละครที่เข้ามาลอยๆ ขาดการอ้างอิงจากงานเก่าๆของหว่องกาไว ไม่มีความเกี่ยวพันกับตัวละครอื่นๆในเรื่อง บุคลิกที่ต่างจากตัวละครอื่นๆในหนังของหว่องกาไว นักแสดงที่ไม่เคยร่วมงานกันมาก่อน ตลอดจนชื่อในเรื่อง ที่ไม่ได้อิงมาจากผลงานอื่นๆของหว่องกาไวหรือสัมพันธ์กับชื่อจริงนักแสดง (เช่น ตัวละครของเฟย์ หว่องชื่อหวังจินเว่ยซึ่งเป็นชื่อจริงของเธอ ตัวละครของทาคุยะ คิมูระ ชื่อ ทัค ตัวละครของจางเจินชื่อ C.C. หรือตัวละครของธงไชย แมคอินไทร์ชื่อ เบิร์ด) และเธอยังเป็นตัวละครที่ขาดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับคนดู เช่นตัวละครเอกในภาพยนต์ของหว่องกาไวก่อนหน้านี้

ไบ่หลิงเป็นตัวละครที่ถึงแม้ โจวโม่หวังจะรู้สึกดีด้วย แต่เขาไม่ได้ตกหลุมรักเธอ

ถ้าเปรียบผู้หญิงของโจวโม่หวัง คือผลงานภาพยนต์ของหว่องกาไว ไบ่หลิง ก็คือ 2046

2046 เปิดกล้องเมื่อห้าปีที่แล้ว เป็นโครงการที่หว่องกาไวไม่เคยปิดบังว่าเป็นโครงการหนังในฝันของเขา แต่เมื่อเขาได้ลงมือกำกับจริงๆ อุปสรรค์และการเปลี่ยนแปลงต่างๆมากมาย ทำให้งานสร้างหนังเรื่องนี้กลับคืบหน้าไปช้ากว่าที่ควรจะเป็น และแทนที่เขาจะเร่งรีบทำงานนี้ให้เสร็จสมบูรณ์ เขายังแบ่งเวลาไปกำกับ In the Mood for Love หนังที่เขาตกหลุมรักมากกว่า ในขณะที่กำลังดำเนินงานสร้าง 2046 และสามารถนำ In the Mood for Loveออกสู่สายตาผู้ชมและกวาดรางวัลต่างๆก่อน 2046 ได้นับปี

ฤาหว่องกาไว จะไม่ได้อยู่ในห้วงแห่งความรักที่จะทำงาน 2046

จากข่าวคราวปัญหาที่มีมาตลอดการถ่ายทำ และการสร้างที่ยืดเยื้อยาวนาน ทำให้เดาได้ว่าหว่องกาไวไม่น่าจะทำความฝันของเขาได้สมบูรณ์นักขณะทำงานชิ้นนี้ บทหนัง โครงเรื่องที่มีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลา ไปจนถึงนักแสดงที่มีทั้งคนต้องถอนตัว คนที่ต้องเปลี่ยนตัว และคนที่เพิ่มขึ้นมาใหม่

จางซื่อยี่กับบทของไบ่หลิง คือนักแสดงที่เข้าร่วมทีมนักแสดงในลำดับท้ายๆ

หว่องกาไว สะท้อนความรู้สึกที่เขามีต่อ 2046 ออกมาในรูปของความรู้สึกที่โจวโม่หวัง มีต่อไบ่หลิง

แม้ว่า 2046 เป็นผลงานที่ปรากฏออกมาในระดับที่น่าพึงพอใจ และคุณภาพทุกอย่างยังอยู่ในมาตรฐานของหว่องกาไว โดยเฉพาะดนตรีประกอบ และการถ่ายภาพที่สร้างอารมณ์ให้กับหนังได้เป็นอย่างดี การจัดองค์ประกอบภาพ โดยการทิ้งพื้นที่กว่าครึ่งไว้ใต้ความมืด หรือโดนบดบัง การจัดตำแหน่งของตัวละครเยื้องไปด้านข้าง และทิศทางการเคลื่อนไหวกล้อง และนักแสดง ทำให้งานภาพของ 2046 โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ นักแสดงที่ทำหน้าที่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แม้บทส่วนใหญ่จะไม่มีรายละเอียด หรือแง่มุมที่หลากหลาย คำพูดบาดลึก อารมณ์เปลี่ยวเหงา แปลกแยก หรือการกระทำแปลกๆแต่จับใจ ก็ยังมีให้ชมอย่างครบถ้วน

แต่สิ่งที่ขาดหายไปคือความสามารถในการสร้างความผูกพันระหว่างคนดูกับตัวละคร โดยเฉพาะกับบทไบ่หลิง จนกลายเป็นความรู้สึกอันหนึ่งอันเดียวกัน ดังเช่นที่เขาเคยทำสำเร็จมาแล้วกับผลงานที่ผ่านๆมา ที่แม้จะเป็นตัวละครที่ประหลาด แปลกแยก การกระทำที่ปราศจากเหตุผลในสายตาคนทั่วไป แต่คนดูก็สัมผัสได้ถึงอารมณ์และความรู้สึก เข้าใจและตกหลุมรักตัวละครนั้น ในขณที่ไบ่หลิงถึงแม้จะได้การแสดงที่ดีจากจางซื่อยี่ และเหตุผล การกระทำต่างๆทำความเข้าใจได้ไม่ยาก แต่กลับขาดเสน่ห์เมื่อปรากฏตัวในหนังหว่องกาไว

บางคนอาจมองว่านี่คือก้าวที่ถอยหลังของหว่องกาไว

แต่ถ้ามองในอีกแง่มุมหนึ่ง หว่องกาไวได้สร้างสรรค์งานในรูปแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะนอกเหนือจากการที่เราได้มองเรื่องราวในหนังผ่านสายตาตัวละครอย่างโจวโม่หวัง เรายังได้ก้าวข้ามไปอยู่ในมุมมองเดียวกับหว่องกาไวอีกด้วย

แม้ไม่อาจพูดว่าเข้าใจแนวคิด มุมมอง และการทำงานที่หว่องกาไวมีต่อ 2046 ได้อย่างครบถ้วน แต่นี่คือการเปิดเผยตัวตนของหว่องกาไวให้เราเข้าไปสำรวจได้มากที่สุดครั้งหนึ่ง หว่องกาไวได้พาคนดูกระโดดข้ามมายาของภาพยนต์สู่ความคิด และอารมณ์ในการทำหนังของเขา จนสามารถสัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่น ความรักและผูกพันกับหนัง ความทะเยอทะยาน ตลอดจนถึงความอ่อนล้า ในเบื้องหลังการทำงานชิ้นนี้ และสามารถทำให้เราเข้าใจเขาได้ แม้จะไม่ต้องมีเหตุผลอะไรมาช่วยอธิบาย

ความผูกพันใน 2046 อาจไม่ได้เกิดขึ้นระหว่างคนดูและตัวละคร มากไปกว่าเกิดขึ้นระหว่างคนดู และผู้กำกับ

และถ้ามองในแง่นี้ นี่คือความสำเร็จอีกครั้งหนึ่งของหว่องกาไว



Create Date : 15 มกราคม 2550
Last Update : 26 มกราคม 2550 9:57:50 น. 4 comments
Counter : 1881 Pageviews.

 
เห็นด้วยครับว่าบทไป่หลิงขาดเสน่ห์เมื่อเทียบกับตัวละครอื่นๆ

จริงๆแล้ว ยิ่งผมดู 2046 ผมก็ยิ่งไม่ชอบไป่หลิงมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็พาลเป็นไม่ชอบจางซื่อยี่ไปด้วย ทั้งๆที่ปลื้มเธอในฮีโร่จะตาย

แต่อาจไม่ได้เป็นเพราะว่าผู้กำกับฝีมือตกก็ได้นะครับ เพราะตัวละครอื่นๆก็ยังคงเสน่ห์ได้ไม่เสื่อมคลาย อย่างซูไลเจินคนใหม่ฉายาแมงมุมดำ ที่เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเธอเลย แต่เราก็ยังเชื่อว่าเธอคือคนที่มี "อดีต"

บทของเฟย์ หว่องคือผู้หญิงที่น่าจดจำที่สุดของหนังเรื่องนี้ อาจเป็นเพราะผมชอบเธอเป็นทุนเดิมอยู่แล้วล่ะมั้ง ถึงทำให้มองว่า....ตัวละครตัวนี้คือ "แสงสว่าง" เดียวในเรื่องที่ตัวละครจมอยู่แต่ปลักตมของอดีต

แม้แต่ ลูลู่ หรือ มีมี่ ออกมาเพียงไม่กี่ฉาก เฮียหว่องก็ทำให้ฉากที่เธอเปลี่ยนความรู้สึกจากเศร้ามาเป็นหัวเราะยิ้มแย้มเป็นอีกฉากหนึ่งที่คนดูจะไม่ลืม

ความผิดอาจจะอยู่ที่ไป่หลิงเองนั่นแหละ คาแรกเตอร์ของเธอไม่ชวนให้คนหลงรัก


โดย: Kino (das Kino ) วันที่: 9 เมษายน 2550 เวลา:22:58:38 น.  

 
ดีใจครับที่คุณ Kino ไม่ชอบไป่หลิงเหมือนกัน เพราะเท่าที่คุยกับคนอื่นๆ มีแต่คนชอบตัวละครตัวนี้ ให้เดาก็เพราะมันมีอารมณ์ที่จับต้องได้ง่ายกว่าตัวละครอื่น แต่มันไม่มีเสน่ห์แบบคลุมเคลือเหมือนบทอื่นๆ

ความจริงตอนเขียนบทวิจารณ์นี้ ผมก็ลังเลเหมือนกัน เพราะตอนนั้นอยู่ญี่ปุ่น แล้วญี่ปุ่นก็ฉายเรื่องนี้เป็นประเทศแรกๆ ทางสตาร์พิคเขารู้ว่าผมเป็นแฟนหว่องกาไว และน่าจะได้ดูหนังเร็วกว่าคนอื่นๆ จะได้เป็นหนังสือฉบับแรกๆที่ตีพิมพ์บทวิจารณ์นี้ เลยติดต่อมา ผมก็รับปากไป และไปดูตั้งแต่หนังเข้าวันแรก ในภาษาจีน ซับไตเติ้ลญี่ปุ่น (ไม่ต้องหวังว่าจะมีซับไตเติ้ล 2 ภาษาเหมือนบ้านเรา คนต่างชาติในไทยโชคดีมากๆ) ดูแล้วก็เข้าใจอารมณ์ระดับหนึ่ง แต่คำพูดต่างๆ หรือรายละเอียด จับไม่ค่อยได้ เลยเลี่ยงไม่พูดถึงรายละเอียดมาก ก็พอกล้อมแกล้มไปได้ แต่พอส่งไปแล้ว ก็รู้ตัวว่างานวิจารณ์ไม่ค่อยเหมาะกับตัวเองเท่าไร เลยเอาชิ้นเดียวพอ


โดย: wu IP: 202.12.97.115 วันที่: 11 เมษายน 2550 เวลา:8:46:45 น.  

 
ไว้จะลองดูหนังเรื่องนี้จากมุมมองที่คุณ I'm wu เขียนบ้างครับ



โดย: รถเล็ก IP: 124.121.106.10 วันที่: 17 พฤศจิกายน 2550 เวลา:10:45:34 น.  

 
พี่คะหนูรบกวนขอชื่อ และนามสกุลพี่ได้ไหมคะ
คือจะนำชื่อพี่ไปอ้างอิงในบทความวิจัยของหนูอ่ะ
ตอนนี้หนูอยู่ปีสี่ คณะอักษร มศก. บังเอิญว่าหนูทำแบบเสนอโครงร่างงานวิจัยเกี่ยวกับงานของหว่องกาไว อ่ะค่ะ
ถ้าพี่ไม่สะดวกโพสในนี้ รวบกวนส่งเมลล์ ploy_shi7@hotmail.com ก็ได้ค่ะ ขอบคุณมากกกค่ะ


โดย: ployshi IP: 183.89.16.74 วันที่: 9 กันยายน 2555 เวลา:23:28:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

I'm wu
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add I'm wu's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.