ประวัติการถ่ายรูปยุคแรกของไทย
ประวัติการถ่ายรูปยุคแรกของไทย พระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จาก Wellcome Library , London ที่นายจอห์น ทอมสัน ฉายพระรูป ทรงฉายพระรูป เมื่อปี ๒๔๐๘ การถ่ายภาพได้เข้ามาในประเทศไทยครั้งแรก ประมาณปี พ.ศ. ๒๓๘๘ ตรงกับปลายสมัยรัชกาลที่ ๓ (รัชกาลที่ ๓ ครองราชย์ พ.ศ. ๒๓๖๗ - ๒๓๙๔) หลังจากนักประดิษฐ์ชาวฝรั่งเศส หลุยส์ เจ. เอ็ม.ดาแกร์ ได้ประดิษฐ์กล้องถ่ายรูปสำเร็จ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๘๒ เพียงไม่กี่ปี นับว่า ประเทศไทยมีความทันสมัยมากในสมัยนั้น ผู้ที่นำการถ่ายภาพเข้ามาในประเทศไทยครั้งแรก ได้แก่ บาทหลวง ฝรั่งเศส ปาเลอกัว และเป็นผู้ถ่ายรูปแผ่นเงินก่อนใคร >> ประวัตินายจอห์น ทอมสัน (John Thomson) ชาวสก๊อต ผู้ฉายพระรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว [ข้อมูลโดยได้รับความอนุเคราห์จาก คุณนุกูล (เจ้าของบล็อก คนช่างเล่า) //www.oknation.net/blog/nukpan และ //www.oknation.net/blog/nakornrajsima ซึ่งได้กรุณาคัดบทความ เรื่อง "นายทอมสัน ผู้ถ่ายพระรูปพระจอมเกล้า" โดย นายแพทย์พิพัฒน์ ชูวรเวช จากวารสารตราไปรษณียากร ปีที่ ๓๔ ฉบับที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๔๗ มาให้ จึงขอขอบคุณเป็นอย่างสูงมา ณ ที่นี้] นายจอห์น ทอมสัน เกิดที่กรุงเอดินเบอเรอ ประเทศสก๊อตแลนด์ เมื่อวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๓๘๐ เบื้องต้นเขาเรียนหนังสือในกรุงเอดินเบอเรอ ต่อมาไปฝึกงานเป็นช่างทำแว่นตาและช่างเครื่องมือวิทยาศาสตร์ ทำให้มีความรู้เรื่องกล้องถ่ายรูป เขาศึกษาภาคค่ำที่ Watt Institution & School of Arts เรียนหลายวิชา เช่น ปรัชญา คณิตศาสตร์ และเคมีเบื้องต้น ทำให้มีความรอบรู้หลายแขนง เขาเคยได้รับรางวัลเรียนดีด้านภาษาอังกฤษ ในปี ๒๔๐๔ เขาได้รับเลือกเป็น Member of the Royal Scottish Society of Arts >> เดินทางสู่สยาม ในปี ๒๔๐๘ นายทอมสัน ขณะนั้นอายุได้ ๒๘ ปี เขาได้ขายกิจการร้านถ่ายรูปที่สิงคโปร์ เดินทางมาสยาม นายทอมสัน ได้เดินทางมาจากสิงคโปร์ โดยสารเรือกลไฟชื่อ"เจ้าพระยา" (เรือลำนี้มี พระภาษีสมบัติบริบูรณ์ หรือเจ้าสัวยิ้ม เป็นเจ้าของ เดินเป็นประจำระหว่าง กรุงเทพฯ กับสิงคโปร์) มาถึงกรุงเทพฯ เมื่อวันที่๒๘ กันยายน ๒๔๐๘ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ระหว่างที่อยู่ในกรุงเทพฯ ๓ เดือน เขาได้เข้าเฝ้าและถ่าย พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ถ่ายรูปพระราชพิธีโสกันต์ของเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ และเดินทางโดยเรือไปเมืองเพชรบุรี และสถานที่อื่น ๆ อีกมากมาย นายทอมสัน อัดรูปภาพที่ถ่ายในกรุงเทพฯ ออกจำหน่าย มีลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์บางกอก รีคอร์เดอร์ ของหมอ ปรัดเล อยู่หลายครั้ง โดยซื้อได้ที่บ้านกัปตันเอมส์ (Captain Samual Joseph Bird Ames) ชาวอังกฤษ ที่เขาพักอยู่ >> นายทอมสัน ทำหนังสือกราบบังคมทูล ขอเข้าไปถ่ายภาพใน พระบรมมหาราชวัง นายทอมสัน ได้ทำหนังสือเสนอสำนักพระราชวัง โดยผ่าน สถานกงสุลอังกฤษในกรุงเทพฯ ขอเข้าไปถ่ายภาพในพระบรมมหาราชวัง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชหัตถเลขาตอบรับนายทอมสันเป็นภาษาอังกฤษ ทรงมีพระบรมราชานุญาต และพระราชทานพระราชวโรกาสให้ฉายพระรูปส่วนพระองค์เองอีกด้วย พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของไทยที่สนพระทัยการถ่ายภาพและเก็บพระฉายาลักษณ์ของพระองค์เอง ซึ่งคนไทยสมัยนั้นเกรงกลัวการถ่ายรูป เชื่อว่าทำให้อายุสั้น พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นอลงกฎกิจปรีชา เป็นผู้พาเข้าเฝ้า >> บันทึกของนายทอมสัน เมื่อเข้าเฝ้า นายทอมสัน เล่าว่า กรมหมื่นอลงกฎฯ ทรงมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าโหรหลวง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเขียนไว้ในพระราชหัตถเลขาว่า พระอนุชาพระองค์นี้ ทรงรู้เรื่องการถ่ายรูปดี จะได้พาไปถ่ายรูปบุคคลและสถานที่ได้ถูกต้อง ทั้งสองเข้าสู่ประตูพระบรมมหาราชวัง มีทหารยามทำวันทยาวุธ เมื่อเข้าถึงวังหลวงฝ่ายใน มีผู้คนหมอบเฝ้าจำนวนมากตามรายทางที่เดินผ่าน พนักงานจัดเลี้ยงต้อนรับ มีผลไม้ ขนมเค้ก และเหล้าไวน์ เขารับ แจ้งว่า ให้รอไปก่อน พระเจ้าอยู่หัวทรงทำวัตรเช้า นายทอมสันเลยถือโอกาสเดินดูสิ่งก่อสร้างและเครื่องตกแต่งภายในท้องพระโรง เขาเล่าว่า ผนังด้านหนึ่งของท้องพระโรงแขวนพระรูปของ จักรพรรดินโปเลียนที่ ๓ และพระราชินีแห่งประเทศฝรั่งเศศ ขนาดเท่าพระองค์จริง อีกฟากหนึ่งติดพระบรมรูปของพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้ เมื่อเสียงแตรดังขึ้น พระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินออกทางพระทวาร ขนาดใหญ่ นายทอมสันตื่นเต้นดีใจที่เกิดมาชาตินี้เพิ่งมีโอกาสเข้าเฝ้าพระมหากษัตริย์เป็นครั้งแรก เขาเล่าว่า พระเจ้าอยู่หัวทรงมีความสูง ประมาณ ๕ ฟุต ๘ นิ้ว (๑๗๐ ซ.ม.) ทรงประทับยืนพระองค์ตรงและโดดเด่น พระพักตร์ค่อนข้างซูบฉลองพระองค์เสื้อคลุมสีขาว มีความยาวถึงพระบาท (เข้าใจว่า ทรงฉลองพระองค์ชุดทรงศีล) เป็นพระภูษาที่เรียบง่ายและบริสุทธิ์ พระองค์ทรงทักทายนายทอมสัน นายทอมสันเสนอให้ฉายพระรูปขณะทรงคุกเข่าสวดมนต์ แต่ขณะที่นายทอมสันกำลังจัดแจงกล้องถ่ายรูปและจัดฉากอยู่ พระองค์ทรงเปลี่ยนพระทัย ทรงหายไปข้างในระยะเวลาหนึ่งกรมหมื่นอลงกฎฯ ตรัสกับนายทอมสันว่า ตนไม่อยู่ในฐานะที่ทูลถามพระเจ้าอยู่หัวได้ ขณะที่คนทั้งสองคอยด้วยความฉงน พระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกมาชุดฉลองพระองค์เครื่องแบบจอมพลแห่งกองทัพฝรั่งเศส ฉลองพระองค์ทั้งชุดไม่มีส่วนที่เป็นผ้าฝ้ายอยู่เลยแม้แต่ถุงเท้า (คงเป็นผ้าขนสัตว์และผ้าไหมที่มีค่าทั้งหมด) นายทอมสัน ปฏิบัติหน้าที่ช่างฉายพระรูปได้อย่างดีและเรียบร้อยต่อมาพระองค์ทรงเปลี่ยนเครื่องทรงเป็นชุดบรมขัตติยราชภูษาภรณ์ ทรงให้นายทอมสันถ่ายภาพเพิ่มเติมอีก นายทอมสันกราบทูลด้วยภาษาอังกฤษง่าย ๆ ระหว่างกราบทูลพระองค์ทรงโพสท่าถ่ายภาพ พระองค์ตรัสกับนายทอมสันว่า "เธอทำทุกอย่างที่ต้องการเพื่อให้รูปออกมาดีเลิศก็แล้วน" นายทอมสันเล่าว่า พระเจ้าอยู่หัวตรัสถามตนว่า มีสัญชาติใด เมื่อกราบทูลว่าเกิดที่กรุงเอดินเบอเรอ พระองค์ตรัสว่า "อา เธอเป็นคนสก๊อตและพูดภาษาอังกฤษที่ฉันเข้าใจ มีคนอังกฤษที่นี่ ที่ไม่เข้าใจภาษาของตนเอง เมื่อฉันพูดกับเขา" >> นายทอมสัน ทูลเกล้าถวายพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ ๔ แด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเข้าเฝ้ารัชกาลที่ ๕ ที่กรุงลอนดอน ในปี ๒๔๔๙ นายทอมสัน ได้ทูลเกล้าถวายพระบรมฉายาลักษณ์ รัชกาลที่ ๔ (ที่เขาฉายพระรูปไว้) แด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยผ่านสถานทูตสยามในกรุงลอนดอน และเมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๔๕๐ ได้เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่กรุงลอนดอน เมื่อคราวเสด็จประพาสยุโรป ครั้งที่ ๒ ทูลเกล้าถวายพระบรมฉายาลักษณ์สมัยที่พระองค์ยังทรงพระเยาว์ >> ภาพเมืองไทยในสมัยรัชกาลที่ ๔ ฝีมือถ่ายภาพของนายทอมสัน จาก Wellcome Library ที่ London #1 Gate of Buddhist temple, Bangkok, Siam. [1866] (คล้ายพระอุโบสถวัดพระแก้ว - ผู้เขียน) #2 State barge of the King of Siam, Bangkok. [1865-1866] #3 State barge of the King of Siam, Bangkok. [1865-1866] #4 Siamese boatman, Siam. [1865-1866] (ฝีพาย - ผู้เขียน) #5 Arrival of the King of Siam at the Temple of Sleeping Idol. [1865-1866] (ร. ๔ เสด็จพระราชดำเนินทางสถลมารคไป วัดโพธิ์ - ผู้เขียน) #6 Crown Prince of Siam in front of Palace with his entourage, Bangkok, Siam. #7 The Crown Prince of Siam, Bangkok, Siam. [1865] #8 A Siamese Prince with his attendant, Siam. [1865-1866] #9 The Kings Buddhist temple, Siam. [1865-1866] #10 The late Kralahorm, Bangkok, Siam. [1865] #11 Siam [1865] #12 Buddhist priests eating, Bangkok, Siam. [1865-1866] #13 Mount Khrai-lat, Bangkok, Siam. [1865-1866] (ในพระบรมมหาราชวัง - ผู้เขียน) #14 View of Bangkok, Siam, looking over the River Menam. [1865-1866] #15 View of the Menam river with sailing ships anchored. ฺ Bangkok, Siam. [1865-1866] #16 View of Bangkok, Siam, looking over the River Menam. [1865-1866] #17 Pechaburi Bridge, Siam, over the river with boats along the embankment. [1865-1866] #18 View of Ayuthia, Siam. [1865-1866] #19 Ayuthia, Siam. [1865-1866] #20 Palmyra palms, Siam. [1865-1866] (น่าจะเป็นที่เพชรบุรี - ผู้เขียน) #21 View of Pechaburi plain, viewed from a hill. At the lower left a Buddhist temple. [1865-1866] #22 Buddhist Temple, Siam [1865] #23 Bangkok, Siam. [1866] #24 Siam [1865] #25 Elephant training ground, Ayuthia, Siam. [1865-1866] (เพนียดคล้องช้างที่อยุธยา - ผู้เขียน) #26 A war elephant of Siam. [1865-1866] (ช้างศึก เป็นช้างที่ได้รับการคัดเลือกความเหมาะสมแล้วและนำมาฝึก - ผู้เขียน) #27 Siam [1865] (น่าจะเป็นการแสดงโขน - ผู้เขียน) ภาพเหล่านี้ มีอายุเกือบ ๑๕๐ ปีมาแล้ว เป็นภาพในยุคแรก ๆ ของการถ่ายภาพในเมืองไทยที่หาชมยาก และยังไม่ค่อยได้พบเห็นในเมืองไทย ต้องขอขอบคุณ Wellcome Library, London ที่ได้ช่วยอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดียิ่ง และหวังว่าคนไทยจะได้ช่วยกันศึกษาค้นคว้าเผยแพร่
Create Date : 06 มกราคม 2557 |
Last Update : 6 มกราคม 2557 12:06:13 น. |
|
0 comments
|
Counter : 8148 Pageviews. |
|
|