ชิล ชิล ในหลวงพระบาง #1 กว่าจะถึงหลวงพระบาง
หลังจากทริปนครวัดประมาณ 3 อาทิตย์ 2 สาว ก็ไปเที่ยวลาวกันต่อค่ะ งานนี้นอกจากความเป็นมรดกโลกกับกิตติศัพท์ของหลวงพระบางจะเย้ายวนใจแล้ว นิยายเรื่องฝนโปรยรัก (ผู้แต่ง:ฬีฬา) กับรอยไหม (ผู้แต่ง:พงศกร) ก็เป็นอีกแรงที่ช่วยให้เราตัดสินใจไปหลวงพระบางกันเร็วขึ้น (2 สาว บ้านิยายกับเที่ยวพอกัน)
ตอนแรกที่บอกใครๆ ว่าจะไปลาว 11 วัน มีแต่คนถามว่า "ไปทำไมกันนานนักหนาเนี่ย" ก็นั่นน่ะสิ ไปทำไมกันนานนัก ความตั้งใจของเราก็คือทริปนี้เราจะไปกับแบบชิล ชิล เพราะจากเริ่มเที่ยวมา เรารู้สึกตัวว่าเป็นคนเที่ยวช้า บ้าถ่ายรูป ก็เลยกะจะใช้เวลากับแต่ละที่ให้เต็มที่เท่าที่จะทำได้ แถมด้วย concept ของสองเราคือ ไปไหนก็ได้ที่ถูกและแปลก และความถูกก็จะมาพร้อมกับเวลาที่เพิ่มขึ้น มันก็เลยนานแบบนี้ล่ะค่ะ
21 ธ.ค. 51
เราออกเดินทางจากหมอชิตมุ่งหน้าไปเชียงของ จังหวัดเชียงรายด้วยรถ ป.1 ของ บขส. (ไปกับเพื่อนดิชั้น อย่าหวังนั่งรถ VIP ซะให้ยาก) ไม่ได้นั่งรถทัวร์มานาน (แทบไม่เคยนั่งเลย ว่างั้นเถอะ -- ดูดัดจริตจริง) เพิ่งรู้ว่าเดี๋ยวนี้บริการเค้าพัฒนาไปมาก ไม่แพ้เครื่องบินเลยทีเดียว seat-pit ก็กว้างกว่า (บขส. พัฒนาเรื่องบริการนะคะ ขอชม)
กิจกรรมบนรถก็มีแต่คุยและนอน มีช่วงเช้าที่บนรถเปิด music video (ชื่อเพลงอะไรไม่ทราบ รู้แต่ดังมาก -- แถมเพลงนี้ยังตามเราไปถึงวังเวียงเลย) กับชิงร้อยชิงล้านให้ดูกันเพลินๆ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 13 ชั่วโมง ก็ถึงเชียงของ
รถคันนี้ล่ะค่ะ ที่พาเราไปเชียงของ
22 ธ.ค. 50
8 โมงครึ่ง เราก็มาถึงเชียงของกันค่ะ รถส่งเราลงที่หน้าสำนักงาน บขส. (มั้ง? ถ้าจำไม่ผิด) แล้วเราก็ต่อสกายแล็ปไปด่าน ตม. เชียงของกัน แถวนั้นมีร้านอาหารอยู่ 1 ร้าน เราเลยได้อาศัยฝากท้องมื้อเช้ากันที่นี่ แถมล้างหน้าแปรงฟันกันด้วยค่ะ
มื้อแรกของทริปนี้ -- ข้าวต้มหมู
ท้องอิ่ม หน้าผ่อง เราสองคนก็แบกเป้เดินไปที่ ตม. กัน ผ่านแดนแล้วนั่งเรือข้ามแม่น้ำโขงไปฝั่งห้วยทรายของลาว
ถึงฝั่งลาว (ข้ามประเทศมาแล้ว ง่ายจริงๆ) ก็จะมีด่าน ตม. คนเยอะมากกกก ส่วนใหญ่เป็นฝรั่ง โชคดีที่เราคนไทยไม่ต้องทำวีซ่า เลยได้ไปต่ออีกแถวนึง เร็วขึ้นมาอีกนิด แต่ยังค่ะ ยังไปไม่ได้ ต้องแลกเงินก่อน ที่แลกเงินก็อยู่ที่ ตม. นั่นแหละค่ะ ทำงานช้าสุดๆ ขนาดเรากับเพื่อนผลัดกันต่อคิวเข้าเมือง จนทำเสร็จแล้วทั้ง 2 คน ยังไม่ได้แลกเงินเลย วันนั้นเราได้เรท 1 บาท = 280 กีบ แลกเงินเสร็จ ยังไปไม่ได้อีก เราสองคนนั่งนับเงินกันด้วยความงวยงง ด้วยความที่เยอะมาก ปรากฏว่าคนแลกเงินแถมเงินให้เราด้วย ต้องเอากลับไปคืนอีก เฮ้อ.........
จากนั้นเราก็ต่อสกายแล็ปไปท่าเรือช้า เห็นที่ขายตั๋วเรือแล้วเหนื่อยจริงๆ เพราะตั้งอยู่บนเนิน หญิง 2 คน ทิ้งเป้ แล้วตะกายขึ้นเนินไป ได้ตั๋วเรือ ห้วยทราย-หลวงพระบางมาในราคา 190,000 กีบ เรียบร้อยแล้วเราก็ไปลงเรือ
(ช่วงนี้ไม่ค่อยมีรูปค่ะ แบกเป้ 2 ใบ ไม่สามารถถ่ายรูปไปด้วยได้)
จับจองที่นั่งในเรือได้ เราก็นั่งรอกันด้วยความตื่นเต้น แต่ขอโทษนะคะ กว่าเรือจะออก ก็เกือบเที่ยง ก่อนเรือออก มีคนมาขายที่พักที่ปากแบงสำหรับคืนนี้ คืนละ300 บาท เรา 2 คนซื้อไว้ ซึ่งโชคดีมาก โชคดียังงัย เดี๋ยวรู้กันค่ะ
เรือออกแล้ว
บรรยากาศบนเรือ ฝรั่งทั้งนั้น
กิจกรรมบนเรือ มีอยู่ไม่กี่อย่าง คุย กิน อ่านหนังสือ ถ่ายรูป จากการสังเกต รู้สึกเราสองคน จะเป็นคู่ที่มีเสบียงแยะที่สุดบนเรือเลย
วิวสองข้างทาง สวยดีค่ะ
ระหว่างทาง แวะตามหมู่บ้าน จะมีเด็กเอาของมาขาย ก็จากเมืองไทยเรานี่แหละค่ะ
นั่งกันไปประมาณ 6 ชั่วโมง 6 โมงเย็น ฟ้าเริ่มมืด เราก็มาถึงเมืองปากแบงที่เราจะพักกันคืนนี้ ทางขึ้นจากท่าเรือที่เคยเห็นในรูปว่ามีเทปูน เค้าย้ายแล้วค่ะ มาจอดอีกที่นึงอยู่ใกล้ๆ กัน แต่ขอโทษนะคะ ที่นี่ไม่มีทางเดินค่ะ เป็นแค่เนินทรายสูงชัน จากที่เรากับเพื่อนคุยกันว่า 2 ฝั่งแม่น้ำโขงนี่แปลกดีนะ เป็นทราย ไม่ยักกะใช่ดิน คราวนี้เราจะได้สัมผัสด้วยตัวเองแล้ว ผลปรากฏว่าเดินลำบากสุดๆ ไปเลย หญิงผู้ซึ่งไม่ค่อยออกกำลังแถมเข่าไม่ดีอย่างเรา โดนกระเป๋ากล้องถ่วงถึงกับหน้าทิ่มกันเลยทีเดียว
กำลังท้อใจว่าเมื่อไหร่จะถึงที่พักอยู่นั่นเอง เรากับเพื่อนก็เห็นป้าย บุญมี GH ที่เราจองไว้ตอนกลางวัน ดีใจสุดๆ ไปเลยค่ะ ที่ไม่ต้องแปกเป้เดินต่อไปแล้ว ตะเกียกตะกายปีนขึ้นไปตามป้ายกันทันที
สภาพห้องนอนของเราคืนนี้ 300 บาท มีห้องน้ำในตัว สะอาดดีค่ะ
ที่ปากแบงนี้ ไม่มีไฟฟ้า เค้าต้องปั่นไฟกัน เพราะฉะนั้น 5 ทุ่มเค้าก็ดับไฟกันแล้วค่ะ
เรากับเพื่อนรีบอาบน้ำ แกะเสบียงอันมากมายออกมากินเป็นอาหารเย็นกัน แล้วก็เข้านอน
23 ธ.ค. 50
เช้านี้ เราตื่นสายกันค่ะ เพราะตั้งนาฬิกาปลุกผิด แหะแหะ รีบอาบน้ำ แต่งตัว ตั้งใจจะเดินไปซื้อเสบียงที่ตลาดเช้าไปกินในเรือกัน ปรากฏว่าออกมาหน้าห้องเราก็เจอเจ้าของ GH คุยกันไปมา ลุงบอกว่าเรือที่จะไปหลวงพระบางออก 9 โมง ที่ท่าเรืออีกที่ที่ปูนเท (เป็นความผิดพลาดอันใหญ่หลวงข้อที่ 1 )
เรา 2 คนก็เลยแบกเป้ออกมากันเลยค่ะ กะจะเอาของไปเก็บที่เรือก่อน แล้วไปเดินตลาด ที่ไหนได้คะ พอเดินไปถึง ถามคนแถวนั้น เค้าบอกว่าเรือจะออกจากที่เดิมที่เราลงเมือคืนแหละ แล้วแนะนำให้เดินเลียบริมแม่น้ำไป ใกล้นิดเดียว (ความผิดพลาดอันใหญ่หลวงข้อที่ 2 ) เพราะเชื่อคนในพื้นที่ เราก็เลยไปตามทางที่เค้าบอก แต่ขอโทษนะคะ มันดูใกล้จริงค่ะ แต่โค-ตะ-ระ ลำบากเลย ต้องปีนป่ายไปตามโขดหิน ยังกับ trekking ย่อยๆ กันเลยทีเดียว แต่ในที่สุด เราก็ไปถึงกันจนได้
โชคดีมากค่ะ ตอนที่เราไปถึง เรือยังว่างอยู่ เราเลยเลือกที่นั่งกันได้ เก็บของเสร็จ เราก็ออกไปเดินถ่ายรูปกัน (ข้าวปลาอาหารอดซื้อ กินของเก่าก็ได้)
เรือลำนี้ล่ะค่ะ ที่จะพาเราไปหลวงพระบาง โขดหินทางซ้ายมือนั่น เรา trekking ผ่านมันมาแล้ววววว
วันนี้มีหมอกด้วย
ซัก 9 โมง 15 เรือก็ออกค่ะ คนบนเรือเยอะมากๆๆ เพราะวันนี้มีเรือไปหลวงพระบางลำเดียว แต่เมื่อวานนั้น มีเรือ 2 ลำมาจากห้วยทราย เพราะฉะนั้น คนทั้งหมดก็เลยมารวมกันในเรือลำเดียว น่ากลัวจริง
ลาแล้วปากแบง จะมีรอบ 2 มั้ยน้า....
เรือเราวันนี้ มี sunroof ซะด้วย
แวะรับคน ส่งของระหว่างทาง ถามคนขับเรือที่จอดข้างๆ ได้ความว่าหมู่บ้านนี้ติดกับเมืองไทยค่ะ
วิววันนี้ เราว่าสวยกว่าเมื่อวาน มีใบไม้เปลี่ยนสีซะด้วย
สวยจัง
อีกหนึ่งการเดินทางไปหลวงพระบาง "เรือเร็ว"
เกือบถึงแล้วค่ะ ถ้าเห็นเขาลูกนี้ ฝั่งตรงข้ามจะเป็นถ้ำติ่ง อีกประมาณชั่วโมงก็จะถึงหลวงพระบาง
นั่งเรือมา 8 ชั่วโมง ในที่สุดเราก็มาถึงหลวงพระบางกันซะที (รูปถ่ายขาดๆ เกินๆ ขออภัยนะคะ ไปมาหลายที่ รูปไม่ครบซักที) ลงจากเรือ เราก็เดินไปหาที่พักกัน
เรา 2 คน จองที่พักกันมาตั้งแต่เดือนตุลา แถมก่อนมายังมีคนโทร confirm ให้อีกทีนึงด้วย เพราะกลัวไม่มีที่พัก แต่แล้วก็มีปัญหาจนได้ เราจองที่พักไว้ที่วิลล่าพิไลลัก (มีคนใน BP นี่แหละมาแนะนำไว้ค่ะ) พอเราเดินไปถึง คุยกันเรียบร้อย ตกลงราคากันได้ที่ 14 เหรียญ เอาของวางกันเสร็จสรรพ น้องคนดูแลก็มาเคาะห้อง บอกว่าเราคงต้องย้าย เพราะห้องนี้มีคนจองแล้ว จริงๆ เค้าจองที่อื่นไว้ให้เรา ให้ตามไปดู เค้าก็พาไปดูห้องที่บ้านข้างๆ สภาพห้องสวยสู้ที่พิไลลักไม่ได้หรอกค่ะ แต่เราก็เอา เพราะกลัวไม่มีที่พักอื่นอีก ก็เลยย้ายกันมาที่นี่ (ราคา 10 เหรียญต่อคืน) แต่เราเสียความรู้สึกกับวิลล่าพิไลลักมากกกกก (คืนนั้น เราได้ยินเสียงฝรั่งคุยกันหนุกหนาน เราเลยคิดว่า เค้าคงเอาห้องเราให้ฝรั่งไปอ่ะค่ะ คงได้ตังค์เยอะกว่า )
สรุปแล้วเรานอนกันที่นี่ ชัยชนะ GH เราติดใจนะ ถึงแม้จะไม่ใหม่ก็เถอะ พ่อกับแม่เจ้าของบ้านน่ารักมากค่ะ ให้อารมณ์ประมาณ homestay เลย หน้าต่างรำไรที่ห้องหน้าบ้านนั่น ห้องพักเราเองค่ะ
สภาพห้อง มีห้องน้ำในตัวด้วย เสียอย่างเดียวอยู่นอกบ้าน หน้าบ้านเลย ให้อารมณ์ห้องรับแขกไปนิดนึง
ทีนี้ได้วางของกันจริงๆ ซะที แล้วเราก็ออกไปเดินตลาดกันค่ะ ระหว่างทาง ก็แวะดูบ้านพักต่างๆ ในซอยไปด้วย เผื่อเปลี่ยนใจ
อาหารมื้อแรกของเราในหลวงพระบาง "ข้าวซอยหมู" ในตลาด ชามละ 7,000 กีบ อร๊อยอร่อย
อิ่มแล้ว ไปทำกิจกรรมสุดท้ายของวันนี้และเป็นกิจกรรมภาคบังคับกันค่ะ "ช้อปปิ้งที่ตลาดมืด" อยู่ 5 คืน เราเดินกันทุกคืนเลย
วันนี้หมดแรงแล้วค่ะ
อยากดูรูปมากกว่านี้ เชิญที่นี่ค่ะ
Create Date : 11 มีนาคม 2551 |
|
9 comments |
Last Update : 24 มีนาคม 2551 9:44:27 น. |
Counter : 1990 Pageviews. |
|
|
|
อารมณ์เดียวกันเลยค่ะ เคยตกลงกะรุ่นน้องที่สนิทกันที่มหาวิทยาลัยไว้
เอาไว้ไปเที่ยวกัน เอาแบบที่ถูกๆแล้วก็แปลกๆ ใกล้ๆ
แต่ก็ยังไม่เคยได้ไปซักกะที 5 5 5 เวลาไม่ค่อยตรงกันนั่นเอง
หลวงพระบางนี่น่าไปเนอะ ใกล้แค่นี้เอง อาหารก็น่ากิน
^^~
แต่ดูว่าต้องเดินทางนานจังเลย (ทรหดด้วย หุหุ)
ขอบคุณพี่ป้อนมากค่ะที่มารีวิวให้ดูกัน