กุมภาพันธ์ 2552

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
19
21
22
23
24
25
26
27
28
 
20th century boys : "เพื่อน" กับ ใครบางคนที่ถูกลืม3




ย้อนกลับไปตอนเมื่อครั้งผมอยู่ม.4

ตอนนั้นเพื่อนผมอยากหาที่เรียนพิเศษภาษาอังกฤษกันแบบกลุ่มย่อย นัยว่าครูจะได้เอาใจใส่อย่างทั่วถึงกว่าเรียนในที่คนเยอะๆ เลยชวนผมกับเพื่อนๆไปด้วยกัน 4-5คน ตอนแรกผมก็ไม่สนใจ แต่จนใจที่เพื่อนมันบอกว่าที่ๆมันไปดู สาวๆที่นั่นน่ะ "แจ่ม" มากกกกกกกก ผมเลยต้องตามไปพิสูจน์ดูว่าจริงมั้ย (เป็นเหตุผลที่ไม่ค่อยดีเลยนะครับ เด็กและเยาวชนไม่ควรเลียนแบบ)

วันนั้น เพื่อนผมพาผมไปที่สยามสแควร์ เดินลดเลี้ยวไปตามซอกซอยข้างโรงหนังแห่งนึง ขึ้นไปชั้น2บนตึกมืดๆเก่าๆ และก็ไปพบกับofficeแห่งนึงที่เปิดไฟสว่างไสวสวยงาม

เข้าไปข้างในก็มีเจ้าหน้าที่มาต้อนรับ หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส พูดคุยเป็นกันเอง เพื่อนๆมันก็ขอดูรายละเอียด และ ค่าลงทะเบียน เห็นแล้วก็แปลกใจที่มันไม่แพงเลย แถมห้องเรียนก็ดูสะอาดเรียบร้อย แอร์เย็นฉ่ำ มีทั้งครูฝรั่ง และ ครูไทยหลายคน มีสื่อภาษาอังกฤษครบครันทั้งซีดีเพลง หูฟัง วีดีโอ

ผมลองเดินๆดูข้างในก็พบมีเด็กไทยและเด็กต่างชาติหลายคนในนั้นเป็นกลุ่มๆ เจ้าหน้าที่มีทั้งคนไทยและคนต่างชาติ คาดว่าน่าจะเป็นคนเกาหลี มีภาพผู้ก่อตั้งชาวเกาหลีวัยกลางคนคู่นึงที่เขาเรียกกันว่า"คุณพ่อ" ""คุณแม่" และ ในนั้นมีภาพกิจกรรมของเด็กที่มาเรียนมากมาย มีรูปเด็กไทยหลายคนในเมืองนอก มีรูปพิธีงานแต่งงานหมู่สวยๆหลายรูป เจ้าหน้าที่บอกว่าที่นี่มีคนเรียนแล้วเป็นแฟนกันเยอะแยะ บางคนก็ได้แฟนเป็นคนต่างชาติก้มี และ ถ้าตั้งใจเรียนดีๆ จะมีทุนให้ไปเที่ยวเมืองนอกด้วย!!!!!!

เพื่อนผมมันได้ยินอย่างนั้นก็ตาลุก และ เริ่มฝันหวานกันแล้ว รีบขอลงทะเบียนเรียนกันทันที!!!!!

ผมรีบดึงพวกมันออกมานอกห้อง และ บอกพวกมันว่าผมไม่สมัครด้วยนะ
เพื่อนๆมันก็แปลกใจกัน เพราะ ทุกทีเรื่องแบบนี้ผมไม่เคยลังเลใจเลยนี่นา และ ถามผมว่าที่นี่มันไม่ดีตรงไหน

ผมก็ตอบมันไปว่า เปล่าเลยที่นี่ดีมากกกกก ดีเกินไปซะด้วยซ้ำ
และอะไรที่มันดีเกินไปเนี่ย ผมว่ามันน่าสงสัย
ผมรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกๆของที่นี่ยังไงก็ไม่รู้ มันบอกไม่ถูก
และ ผมบอกพวกมันว่า ถ้ายังไงๆอย่าเพิ่งรีบจ่ายเงินเขาไปก่อน ลองหาดูที่อื่นหลายๆที่ก่อน แล้วค่อยกลับมาก้ยังไม่สาย

โชคดีที่วันนั้นเพื่อนๆมันเชื่อผม ทุกคนต่างก็เซ็งๆกันหมด แต่ซักพักก็ลืมเรื่องนี้กันไป ตามประสาวัยรุ่นวุ่นรักที่ไม่ค่อยคิดอะไรมาก

หลังจากนั้น พวกเราก็ได้ยินข่าวทางโทรทัศน์ว่า ไอ้สถานที่ที่เราไปกันวันก่อน กำลังโดนจับตามองจากทางการ และ โดนปิดไปในเวลาต่อมา

ลืมบอกไปว่าทางการเรียกที่นั่นว่า Moonism .....




ใน 20 th century boys องค์กร ‘เพื่อน' เติบโตมาจากการเป็นลัทธิแปลกๆ ลัทธิหนึ่งในสายตาของคนทั่วๆไป เป็นการนำ"การเล่นของเด็ก"ที่ไม่ยอมจบมาทำให้กลายเป็น"เรื่องจริง"ได้อย่างน่าสะพึงกลัว

ตัวผู้นำองค์กร ‘เพื่อน' มีการคิดอย่างเป็นระบบ มีเป้าหมายในการก้าวไปสู่อำนาจสูงสุดของโลก ‘เพื่อน' มีจิตวิทยามวลชนที่สูงมากนำมาซึ่งความเชื่อถือ เขาลอยได้เหมือนมีพลังจิต มีเรื่องราวทำให้ผู้คนติดตาม ตอบคำถามที่คนสงสัยได้อย่างชาญฉลาด ใช้ความกลัวร่วมกันของสังคมและความอ่อนแอในจิตใจมนุษย์เป็นเครื่องมือในการชักจูงและนำไปสู่การควบคุมถึงระดับจิตใจ จากนั้นก็แปรความรู้สึกที่มีต่อบุคคลไปเป็นรูปธรรมของเหตุผล และนำไปสู่การกวาดล้างคนที่เห็นแตกต่างอย่างมีเหตุผลเช่นกัน

‘เพื่อน' เริ่มต้นหาแนวร่วมด้วยการปลุกระดมความเชื่อที่เชื่อในตัวบุคคลโดยไม่ตั้งคำถาม จากลัทธิเล็กๆ ก็เริ่มเปิดเผยมากขึ้นและขยายความคิดแบบแทรกซึมทางจิตวิญญาณผ่านกระบวนการต่างๆ เช่น ดนตรีที่เข้าถึงกลุ่มวัยรุ่นก็ถูกนำมาใช้ปลุกระดมเพื่อสร้างความเป็นหนึ่งเดียวด้วย"รูปแบบ" ที่แม้แต่การโบกมือหรือร้องรับส่งก็เป็นแบบเดียวกันไปหมด

สมาชิกในองค์กรเพื่อนยังแทรกซึมไปตามหน่วยงานต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่ในกรมตำรวจ ใช้เส้นสายภายในและก่อตั้งหน่วยงานกำจัดผู้ที่จะเปิดโปงแผนการของเพื่อน ส่วนผู้ที่คลั่งไคล้มากๆ จะถูกใช้เป็นเครื่องมือลอบสังหารฝ่ายตรงข้ามเพื่อทำให้ไม่อาจสาวถึงผู้บงการได้


การไม่เลือกวิธีใช้ของ ‘เพื่อน' ทำให้สามารถแทรกซึมเข้าไปได้ในระบบการเมืองของญี่ปุ่น เมื่อเกิดการก่อวินาศกรรมที่สนามบินแห่งหนึ่งทำให้เกิดความไม่มั่นคงทางจิตใจต่อคนญี่ปุ่น ขณะนั้น ‘เพื่อน'ได้ตั้งพรรคยูมินขึ้นมาเป็นทั้งตัวเลือกทางการเมืองและที่พึ่งทางจิตวิญญาณ ภายในไม่กี่ปีก็สามารถชนะการเลือกตั้งในญี่ปุ่น

จนในที่สุด ‘เพื่อน' ก็ดำเนินมาถึงแผนการสุดท้ายที่จะปูทางไปสู่อำนาจสูงสุด นั่นคือการสร้างสถานการณ์ ‘นองเลือด' ด้วยวิธีการแพร่ไวรัสที่ทำให้เลือดออกจากตัวอย่างน่าสยดสยองและตายในเฉียบพลัน


สิ่งที่ 20th Century Boys พยายามบอก ก็คือการเป็นกระจกสะท้อนภาพความจริงที่กำลังเตือนสติเราว่า คนที่เราเชื่อ กลุ่มองค์กรที่เราเชื่อ หรือแม้แต่ศาสนาที่เราเชื่อ มันอาจไม่ได้ใสสะอาดบริสุทธิ์อย่างที่เห็นและอาจมีเบื้องหลังที่เปื้อนเลือดอย่างที่คาดไม่ถึง และความเชื่ออย่างขาดสติคุ้มคลั่งก็อาจสร้างความหายนะได้อย่างสุดจะบรรยาย






กลับมาพูดถึง Moonism
ผมมารู้ในภายหลังว่าตอนนั้นตัวเองมีโอกาสสูงมากที่จะหลุดเข้าไปในลัทธิความเชื่อที่น่ากลัวแบบที่ไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลย โชคดีที่ไหวตัวทันซะก่อน

เพราะ หน้าฉากเขาจะมีภาพลักษณ์ที่ดีมาก มีการนำเสนอสิ่งที่วัยรุ่นต้องการลึกๆในจิตใจทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการยอมรับในตัวเขา การพูดภาษาอังกฤษได้ การได้คบเพื่อนต่างเพศ ต่างชาติต่างภาษา การได้ไปเที่ยวเมืองนอก และ ความรัก ความอบอุ่นจากครอบครัว

แต่หลังฉาก มีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลเยอะมาก

ตั้งแต่เจ้าลัทธิ สาธุคุณ Sun Myung Moon นำเสนอความเชื่อสุดโต่ง ยกตัวเองเป็น Messiah หรือ พระผู้ช่วยให้รอด โดยเรียกโบสถ์ของลัทธิว่า Unification Church

เจ้าลัทธิจะบอกว่าพ่อแม่ที่แท้จริง มีแค่เขากับภรรยาเท่านั้น ไม่ต้องไปเชื่อฟังพ่อแม่ตัวเองหรอก (โดยพ่อแม่ของเด็กที่ไปเข้า Unification Church จะสังเกตเห็นลูกตัวเองมีการเปลี่ยนไปมาก มีอาการเหม่อลอย ออกไปช่วยงาน church ทุกวัน โดยที่ไม่สนใจครอบครัวตัวเองเลย )

สาวกจะมีลักษณะการอยู่ในรูปคอมมูนหรือสหกรณ์ ทุกคนต้องหาเงินให้ชุมชนที่ตัวเองอาศัยแบบขาดสติ มีการจัดให้สมาชิกได้แต่งงานกันในชุมชน ในรูปแบบแต่งงานหมู่เป็นพันๆคน






ผมเคยคิดว่าเรื่ององค์กร"เพื่อน"นี่มันเพี้ยนสิ้นดี เช่น แนวคิดที่ให้เชื่อ"เพื่อน" คนเดียว ถึงจะทำให้พ้นจากวันสิ้นโลกได้ (ถ้าไม่เชื่ออาจโดน"เลิกคบ" หรือ "ล้างบัญชี" แปลว่าอะไร ต้องลองไปอ่านดู) แนวคิดหลุดโลกแบบมีจานบิน และ มนุษย์ต่างดาว จะมาบุกโลก ต้องมีหุ่นยนต์ยักษ์มาต่อสู้!!!!! แต่ทำไมมันถึงมีคนไปหลงเชื่อหัวปักหัวปำได้ซะขนาดนั้น แนวคิดในการ์ตูนแบบนี้มันไม่มีทางเป็นจริงหรอก

แต่พอมานึกดูดีๆแล้ว มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้นะครับ
ทั้งเรื่อง Moonism และ องค์กร"เพื่อน" พอจะเห็นอะไรที่มันคล้ายๆกับเหตุการณ์บางอย่างในบ้านเราที่ผ่านมาไหมครับ

ไม่ว่าจะเป็น
- วัดๆนึง ที่มีการจัดตั้งองค์กร และ การหาสมาชิกเพิ่มด้วยแผนการตลาดยอดเยี่ยมแบบ MLM เจ้าอาวาสมีคำพูดติดปากว่า "นะจ๊ะ" มีหลักคำสอนแปลกพิสดารมากมาย และ มีเจดีย์ทรงประหลาดเหมือนจานบิน (ดูๆไปนี่เหมือนจานบินในเรื่อง 20th century boysเลยแฮะ) ลูกศิษย์ลูกหาก็เป็นคนใหญ่คนโตในบ้านเมืองมากมาย คงไม่ต้องบอกนะว่าวัดอะไร ครอบครัวไหนที่มีสมาชิกเผลอหลุดเข้าไปในวัดนี่ซักคน ก็คงจะรู้สึกคล้ายๆกันเลยว่า "มันจะอะไรกันนักกันหนาเนี่ย"

- หมอดูฟันธง คอนเฟิร์ม ที่มีคนเชื่อ และ ข่าวก้เสนออยู่นั่นแหล่ะ จนเขารวยไม่รู้เรื่องไปแล้ว

- จตุคามฟีเวอร์ ที่ทำให้คนเชื่ออย่างขาดสติว่า จะ"ขอได้" ด้วยการเช่าบูชาเหรียญของเทพองค์ใหม่

- ลัทธิขายตรงบางอัน ที่ทำให้สมาชิกต้องมาชุมนุมกัน เพื่อชักจูงกันไปหาสมาชิกเพิ่มมากๆ

พูดถึงเรื่องขายตรง ผมรู้สึกครั่นเนื่อครั่นตัวอย่างบอกไม่ถูกเวลาที่เห็นพวกนี้พูดอะไรที่เหมือนๆกันทุกทีเวลาจะคุยกับผม

วันก่อน จู่ๆเพื่อนที่จากกันมานาน ก็มานัดเจอกัน พอผมจะชวนคุยเรื่องครอบครัว มันกลับชวนผมมาร่วมกันสร้างเครือข่ายทางธุรกิจมั่งล่ะ มาช่วยให้เรามีอิสรภาพทางการเงินมั่งล่ะ ได้ไปเที่ยวเมืองนอกทุกปีเลยนะ มีเวลาอยู่กับลูกมากขึ้น (แต่ผมเห็นมันไม่มีเวลาอยู่กับลูกเลย วันๆมีแต่ไปอบรมสัมนาหาดาวน์ไลน์กันจนมืดค่ำ) ซักพักก็มาชวนเป็นสมาชิก หรือไม่ก็หลอกให้ไปฟังวิทยากรเขาพูดสิ่งดีๆในที่ประชุม(เสียตังด้วยนะเออ) วันดีคืนดีก็เสนอขายเครื่องกรองน้ำ เครื่องฟอกอากาศ อาหารเสริม ข้าวของเครื่องใช้ตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบมันซะเลย ฮ่วย!!!!!!

- ลัทธิความเชื่อทางการเมือง ทั้งเสื้อเหลือง-เสื้อแดงนั่นแหล่ะ ผมเห็นความเป็นองค์กร"เพื่อน" อยู่ในนั้นเลยนะ บรื๋อ......








ไม่เอาดีกว่า พูดๆไปแล้วชักเครียด
เอาเป็นเก็บตกจากเรื่อง 20th century boysดีกว่า

- ในเรื่องมีพูดถึงว่า หากมีเด็กนักเรียนบางคนที่ครูเห็นว่าดื้อดึง หรือ ทำท่าสงสัย ระแคะระคายในตัว"เพื่อน" ก็จะโดนส่งไปที่ "เพื่อนแลนด์" เพื่อจัดการอบรมกล่อมเกลาให้เป็นคนดี(แต่จริงๆแล้วเป็นการล้างสมองต่างหาก) แต่หากยังไม่ได้ผล ก็จะโดนส่งไป levelถัดไป คือ "เพื่อนเวิรลด์" ที่ไปแล้วไม่มีใครได้กลับมาอีกเลย โอ้! amazing มากๆๆๆ

แถมในเรื่องยังมีศัพท์แปลกๆอย่าง "ปีเพื่อนศักราช" และ ใช้ยังเงินสกุล "ยูโรเพื่อน" กันอีกต่างหาก ผมว้าคนเขียนนี่มันต้องเพี้ยนเข้าขั้นเลย ถึงสามารถนึกอะไรที่createขนาดนี้ได้

ตอนสมัยผมเรียนมหา'ลัย มีรุ่นพี่คณะผมคนนึง ชื่อพี่"ปูน้อย" (บางคนก็เรียกแกว่าพี่อ้อยหวาน) แกเรียนไม่ทันจบ ก็เครียดมากจนโดนเชิญให้ออกมาซะก่อน วันๆแกจะเตร็ดเตร่ไปตามมหา'ลัยต่างๆ มีอยู่วันนึงตอนงานรับน้องก้าวใหม่ แกปรี่เข้ามาคุยกับผม และเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ"อาณาจักรปูน้อย"ให้ผมฟัง คนที่จะไปอยู่ที่นั่นได้ ต้องเป็น"คนดี" แถมแกยังร้องเพลงประจำอาณาจักรปูน้อยให้ฟัง พร้อมเต้นท่าปูน้อยให้ผมดูอีกต่างหาก และ แกยังพูดถึง"ปูน้อยศักราช" และ เงิน "ปูน้อยเครดิต" อีกด้วย ..... ผมมานึกๆดู เออแฮะ! ทำไมมันถึงได้เหมือนอะไรกันขนาดนี้วะ


- ในหนังเวอร์ชั่นพากษ์ไทย มีทีมพากษ์สุดฮา ชื่อว่าอะไรทราบไหมครับ
......ทีมพากษ์พันธมิตร

แล้ว"พันธมิตร" แปลว่าอะไร รู้มั้ย
......"เพื่อน"........

โอ้! นี่มันอะไรกัน มันดูไม่ชอบมาพากลจริงๆด้วยแหล่ะ
ผมว่าเรื่องนี้ต้องมี"เพื่อน"อยู่เบื้องหลังแน่นอนเลย ตามทฤษฎีสมคบคิดของผมเอง (conspiracy theory) หุหุ



- มีช็อตประทับใจอันนึงที่เคนจิในวัยกลางคน สวมหมวก ใส่แว่นกันแดด และ สะพายกีตาร์ บุกฝ่ากองทัพทหารเข้าไปหาชายลึกลับผมยาวคนนึงที่เคยก่อเรื่องชั่วๆเอาไว้มากมาย ( รวมทั้งเคยผลักแฟนของพี่สาวเคนจิเองลงไปโดนรถไฟทับด้วย )

ระหว่างที่กำลังโดนเล็งยิงจากปืนนับร้อยกระบอก
สิ่งที่เคนจิทำก็คือ.....เล่นกีตาร์แล้วร้องเพลง !!!!!
และพูดออกมาจนทำเอาทหารทั้งกองทัพงงเป็นไก่ตาแตกว่า

"ข้ากำลังร้องเพลงอยู่ และคนที่กำลังร้องเพลงอยู่เนี่ย...ห้ามยิงเฟ้ย"


หลังจากนั้น ชายลึกลับนั้นได้ประจันหน้ากับเคนจิ แล้วก็หัวเราะเยาะ บอกว่าแสนจะสมเพชเคนจิในสภาพซอมซ่อแบบนั้นมาก และ คิดว่าตัวเคนจิเองน่าจะเคียดแค้นในตัวเขาซะเต็มอกล่ะสิ

แต่เคนจิที่"นิ่ง" และ "สุขุมนุ่มลึก" กลับบอกว่า จากการที่เขาผ่านอะไรๆที่หนักหนาสาหัสมามาก เขาก็เริ่มเข้าใจอะไรๆในชีวิตได้ดีขึ้น และ ไม่คิดจะหลีกหนีปัญหาต่อไปอีกแล้ว เขาไม่ได้เคียดแค้นอะไรเจ้านั่นเลย และ คิดว่าชายคนนั้นเองก็คงไม่ได้รู้สึกดีอะไรกับการทำชั่วๆแบบนั้น หลายปีมานี่ตัวเจ้านั่นเองก็คงจะแบกรับความทุกข์และความรู้สึกผิดลึกๆในใจมาตลอด ไม่งั้นก็คงไม่สามารถจดจำรายละเอียดเหล่านั้นได้หรอก และ ก็ยังพูดต่ออีกว่า

"การเป็นคนชั่วลำบากนะไอ้น้อง อยู่ฝ่ายธรรมะสบายกว่ากันตั้งเยอะ"

จากคำพูดนี้เอง เล่นเอาเจ้าคนผมยาวนั่นถึงกับเข่าอ่อนไปเลย และ เคนจิเองก็ชนะไปได้โดยไม่ต้องสูญเสียเลือดเนื้อเลย

.......โอ้!!! เท่ห์สุดๆ แมนโคตรๆเลยครับพี่









- แรกเริ่มที่ผมได้อ่านการ์ตูนเรื่องนี้ก็คิดๆว่า แนวเรื่องที่สมัยเด็กๆเคยทำอะไรบางอย่างไว้ แล้วต้องกลับมารวมตัวใหม่ตอนโตนี่มันคุ้นๆนะ ว่าแล้วก็เพิ่งนึกออก มันคล้ายๆกับหนังสือ และ หนังที่ผมเคยดูนานมาแล้วเรื่อง "IT" ของ Stephen King ราชานิยายสยองขวัญนี่เอง

เรื่องย่อๆคือ เด็กกลุ่มนึงในนาม"ชมรมไอ้ขี้แพ้" the Losers' Club ในเมืองเล็กๆที่บังเอิญจับพลัดจับผลูไปกำราบปีศาจได้ และ สัญญากันไว้ว่าหากวันข้างหน้าปีศาจตัวนี้ยังออกมาอาละวาดอีก จะกลับมาร่วมมือกำจัด"มัน"กันอีก แต่ภายหลังเมื่อทุกคนโตขึ้น และ สูญเสีย"ความเป็นเด็ก"ไปอยู่ในโลกความเป็นจริงของผู้ใหญ่ "มัน"ก็ได้กลับมาใหม่ และ เริ่มโจมตีสมาชิกให้ตายไปทีละคนๆ โดยจู่โจมที่"ความกลัว"ที่ซ่อนอยู่ในจิตใจ สมาชิกชมรมไอ้ขี้แพ้จึงต้องกลับมารวมตัวกันใหม่เพื่อร่วมต่อสู้กับ"มัน"

ป.ล. ดูเรื่องนี้เสร็จคุณจะรู้สึก"สยอง"กับ"ตัวตลก"ไปอีกนาน












อีกเรื่องนึงที่ผมนึกถึงคือเรื่อง "Stand by me" หนัง coming of age เรื่องเยี่ยม เจ้าของประโยคสุดคลาสสิกที่ว่า "ผมไม่เคยมีเพื่อนเหมือนอย่างตอนที่อายุ 12 อีกเลย" หนังเรื่องนี้ก็ดัดแปลงมาจากเรื่องสั้น " The Body "ของ Stephen King เช่นกัน เรื่องราวก็เกี่ยวกับเด็กชาย 4 คนที่มีนิสัย และ ปมหลังที่แตกต่างกัน ชวนกันออกเดินทางตามหาศพของใครคนนึงที่ได้ยินมาจากข่าวลือ และ การเดินทางครั้งนั้นก้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเด็กทั้ง 4 ไปตลอดกาล ลองหามาดูกันนะครับ







Create Date : 20 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2552 10:16:14 น.
Counter : 5306 Pageviews.

5 comments
  
มาแอบอ่านสองสามตอนแล้ว^^

มาเป็นกำลังใจค่ะ

ชอบอ่านการ์ตูนของอาจารย์คนนี้มากๆเลย

แต่หาคนรีวิว วิเคราะห์เรื่องนี้ไม่มี เคยอ่านแต่ มอนสเตอร์ ซึ่งลอกอินที่รีวิว ก็รีวิวไม่จบ - -

ครั้งนี้ ขอจบๆนะคะ^^



ปล.ไม่มีรีวิว พลูโต บ้างเหรอคะ แหะๆ อยากอ่าน^^







ก้ออ่านะ
โดย: วุ้นใสจ้า IP: 58.8.30.201 วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:20:10:02 น.
  
พี่ปูน้อย

รู้จักค่ะ
มาเดินแถวคณะพาณิชย์ฯ ธรรมศาสตร์เหมือนกันนะ
เราเจออยู่หลายปี

หอบหนังสือตั้งโตๆ
ไว้ผมยาว
ใส่รองเท้าส้นสูง

นึกว่าเป็นตุ๊ดซะอีกค่ะ
.
.

คุณหมอโยงเข้าเสื้อเหลืองเสื้อแดงได้น่ากลัวจริงๆ

ดีใจ
ตอนนี้เครื่องรับสัญญาณ ASTV ที่บ้านของคุณตา มีอันเป็นไป

ฮ่าๆๆ
(อยากหัวเราะดังๆ ให้ก้องฟ้า)

ดีใจ สุดๆ
ไม่งั้นได้ยินทุกเช้าเลย
โชคดีที่สมองยังไม่โดนล้าง

อิอิ
โดย: ภช.ชภ IP: 58.10.213.38 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:23:21:06 น.
  
ตอบคุณวุ้นใสจ้าครับ

ตอนนี้คงเป็นตอนสุดท้ายแล้ว ทั้งที่ยังอยากเขียนอีกเยอะ
แต่เดี๋ยวมันจะกลายเป็นการspoilคนอื่นๆที่ยังไม่อ่านมากเกินไปน่ะครับ เพราะ ถ้าจะวิเคราะห์กันจริงๆ มันต้องบอกด้วยง่ะครับว่า"เพื่อน"เป็นใคร และ เหตุจูงใจให้ทำมันเป็นเพราะอะไร

เอาเป็นว่า ถ้าติดใจสงสัยตรงไหนให้คลิกที่ " ฝากข้อความหลังไมค์" ตรงมุมขวาด้านบน แล้วลองมาคุยกันดูนะครับ

คุณหนึ่งเคยเจอพี่ปูน้อยด้วยเหรอครับ
และ จบ บัญชี ธรรมศาสตร์ด้วย

ผมนึกถึงอดีตตอนเรียนมหาลัยประมาณปี2537-38
มีครั้งนึงเคยไปเที่ยวสิมิลันแล้วเจอสาวๆกลุ่มเด็กธรรมศาสตร์ทั้งก๊กเลยเหมาเรือไปด้วยกัน แถมมีคนนึงชื่อ"หนึ่ง"อีกต่างหาก แถมรู้สึกว่าจะอยู่บัญชีด้วย
ขากลับแวะไปภูเก็ตด้วยกันอยู่วันนึง
คงจะไม่ใช่คนเดียวกันนะ....(นึกหน้าไม่ค่อยออก)
โดย: ฉิกซิงแซ วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:8:24:22 น.
  
ถ้าคุณหมอป้อมยังจำหน้าสาว "หนึ่ง" บัญชีธรรมศาสตร์ได้อยู่ ...
คุณหมอจอมต้องค้อนขวับแน่ค่ะ

อิอิ

อาจแถมหมากหยิกให้อีกหลายรอบ
.
.

จะแกล้งตู่ว่า "ใช่" ก็ไม่กล้าโกหก (กลัวผิดศีลอ่ะ)

เม.ย. ปี ๓๗ ไปฝึกงานค่า ปิดเทอมไม่ได้เที่ยว
เม.ย. ปี ๓๘ ก็เรียนจบ ตามเพื่อนไปสัมภาษณ์งานโดยไม่ตั้งใจ แต่กลายเป็นอาชีพอยู่ทุกวันนี้

(้ความรู้ที่เรียนมา .... เป็นพื้นฐานที่ดีสำหรับการทำงานมากๆ แต่ ได้ใช้แบบ "ถากๆ" เท่านั้นเองค่ะ)
โดย: ภช.ชภ IP: 58.10.213.111 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:21:56:27 น.
  
moomism เป็นศาสนาอีกแขนงหนึง ซึ่งอ้างถึง กล่าวถึงคำภีย์ไบเบิ้ล
ไม่ได้เป็นองค์กร ก่อการร้าย อย่างที่ท่านกล่าวหา
- มูนนี้แสวงหา การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
--
เราไม่เถียงว่าคริสจักรว่ารานอกรีต
-เช่นกันกับพระคริส ท่านก็ถูกตรึงกางเขน ด้วยการกล่าวหาจากโรมว่านอกรีต -
ศาสนา หรือนิกายทุกนิกาย จุดเริ่มต้น ก็ถูกกล่าวหาแบบเีดียวกัน คือนอกรีต
-
เราไม่ขอให้ท่านเชื่อ แต่เราอยากให้ท่านมาพิสูจน์ ว่าเราเป็นแบบนั้นจริงหรือเปล่า
โดย: 9340 IP: 125.27.208.114 วันที่: 24 กันยายน 2554 เวลา:17:27:47 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ฉิกซิงแซ
Location :
นครศรีธรรมราช  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]



เกิดและโตที่กรุงเทพ
เป็นศิษย์เก่าร.ร.ใกล้บ้าน คือ วัดสุทธิ
จับพลัดจับผลู สอบติดหมอจุฬา แบบงงๆ
แล้วมาต่อเฉพาะทางด้านเด็กที่ มอ. หาดใหญ่

บังเอิญมาเจอ"จอม" ที่ต่อมากลายมาเป็นคู่ชีวิต
เลยได้มาอยู่อยู่ภาคใต้ยาวเลย
ไม่ได้กลับมาอยู่กทม.อย่างที่ตั้งใจไว้
เพราะ"คุณนาย"ไม่ชอบรถติดอย่างแรง

เป็นอาจารย์ด้านโรคหัวใจเด็กที่ มอ.ได้ไม่เท่าไหร่
ก็มาได้ข่าวดีว่าจะได้เป็นพ่อคนแล้ว

ต้องมาตัดสินใจกันอีกว่าจะไปเรียนต่อที่ ILLINOIS, USA
ดีหรือเปล่า เพราะ "ผบทบ." กลัวหนาวมาก เลยลาออกมาซะเลยดีกว่า

ตอนนี้ สบายๆกับงานที่คลินิก 2 แห่ง
ว่างๆก็เล่นกับลูกสาว(น้องพลอย)และ ลูกชาย(น้องเพชร)จอมซนน้อยๆ และ หาเรื่องไปเที่ยวกับครอบครัวบ้างตามสะดวก

New Comments