Hida No Sato (Hida folk village)





เช้าวันใหม่นี้ ไปชมวิว ของสถานีกระเช้า Shinhotaka Ropeway นั่งจากข้างล่างขึ้นไป ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ระยะทางยาว 3200 เมตร ระดับความสูง 2156 เมตร








รู้สึกว่าเป็นโปรแกรมที่กระโดดอยู่สักหน่อย เนื่องจากอุณหภูมิที่นี่ติดลบ อย่างเช่นวันนี้ -3 ํc การจะมาที่นี่ควรเตรียมเสื้อผ้าที่เหมาะสม แต่ขี้เกียจแบกมาค่ะ เพราะว่าสถานที่อื่นๆซึ่งต้องไปนั้น อากาศร้อน จึงจัดมาเพียงเสื้อยืดขนสัตว์ แจ็คเก็ตหนังกลับ และผ้าคลุมไหล่แคชเมียร์ กับถุงมือ ของพวกนี้บางๆ หลังเลิกใช้แล้วเก็บซุกเข้าเป้ได้ ไม่เกะกะ


แต่อุ่นเพียงพอแหละค่ะ สำหรับการอยู่นอกอาคารระยะสั้นๆ










เพิ่มฝนตกอีกด้วยแน่ะ ทั้งลดแลกแจกแถม หากมาวันอากาศดี จะเห็นเทือกเขา Alps สีน้ำเงินสวยเป็นฉากหลัง ชอบจริงๆเชียว ทิวทัศน์ ที่มีเขาซ้อนเหลื่อมสลับกัน ต้นไม้ ลำน้ำ ทำนองนี้ รู้สึกผ่อนคลาย สงบ มีอิสระยังไงไม่รู้ ชาติก่อนเกิดเป็นสัมภเวสี หรือไงหว่าเรา









แต่วันนี้ดูหิมะไปละกัน









มีตื่นเต้นเล็กๆ ด้วยลมพายุกระโชก ทำให้กระเช้าไม่สามารถเดินทางต่อได้ เล่นชิงช้าสวรรค์กับเพื่อนร่วมชะตากรรมอีก 9 คนบนนั้น ต้องจอดหยุดต่องแต่งอยู่กลางทาง รอให้พายุสงบราวสิบนาทีจึงขยับต่อ











มุมมองอย่างนี้ถ้าวางตุ๊กตาหิมะซานต้าแอบอยู่ด้านหนึ่ง ตรงกลางนั่นเด็กขว้างหิมะ จัดองค์ประกอบภาพให้ดีอย่าให้ยอดสนขาด เหมือน สคส.ที่เค๊าทำมาหลอกขายเคยเห็นสมัยเด็กเลยนะ









ก่อนกลับชมการแสดงเป่าแตรไม้แบบพื้นถิ่นของเขา เห็นแปลกตาดี นำภาพมาแปะไว้ด้วย











Hida No Sato (Hida folk village)




ช่วงบ่ายเป็นรายการที่รอคอย ไปเที่ยวหมู่บ้าน Shirakawa ขยายภาพประกอบเรื่องส่วนนี้ และขออนุญาตแปะชื่อหน่อยนะคะ เพราะหวง



ลงจากเขาหิมะหนา มาเจอฝนที่หมู่บ้านนี้เหนื่อยใจจริงๆ










เดินฝ่าฝนข้ามสะพานตรงนี้ไปก่อน








แวะเก็บภาพใต้สะพานนิด









หากเป็นช่วงฤดูกาลของเขา น้ำเต็ม คงสวยไปอีกแบบนะ









ข้ามมาถึงอีกฝั่งก็วิ่งหาร้านขายของที่ระลึกเพื่อซื้อร่มเป็นลำดับแรก ถึงกับหกล้มกลิ้งด้วยความลื่นเนื่องจากพื้นเปียกแฉะ แต่ล้มแบบนักแสดงแทนมืออาชีพคือพอเข่ากระแทกก็กอดกล้องม้วนกลับเอาหลังลง ใช้เข่าแตกรักษาชีวิตกล้องไว้ได้











ถือร่มเป็นเรื่องเหนื่อยใจ ความที่ชอบถ่ายรูป จึงไม่ถืออะไรนอกจากกล้อง ของใช้ที่จำเป็นมักเลือกให้เหมาะสมกับกิจกรรมของตัวเอง เช่นกระเป๋าแบบเป้แทนการสะพายซึ่งอาจปัดเป๋ไปมาขณะเคลื่อนไหว หมวกกันฝนแทนร่ม แต่เมื่อจำเป็นทำไงได้










เล่านิดหมู่บ้านนี้ ได้รับเลือกเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกเมื่อปี 1995 ค่ะ เป็นบ้านแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม หลังคาเอียง 60 ํ ระดับความเอียงช่วยให้หิมะไม่ค้างบนหลังคา ขนาดมาตรฐานของบ้าน กว้าง*ยาว 10*18 เมตร ส่วนมากเป็นบ้านชั้นเดียว แต่ก็มีสองชั้น หรือต่างขนาดจากนี้ให้เห็นเหมือนกันนะคะ









เลื่อนกลับไปดูภาพบนนิ๊ด เห็นไม้ไผ่วางนอนอยู่หนึ่งลำไหม มีป้ายด้วย ป้ายนั้นเขียนว่าอย่างนี้ โห อะเมสซิ่งแจแปน ไม่มีใครล่วงเขตพื้นที่สงวนสิทธิ์เลย รั้วลงคาถา "โอม จงเดินอ้อม" นี้ น่ายืมมาใช้กันขโมยที่บ้านเราจัง








แต่ละบ้านทำสวนหย่อมเล็กๆ ง่ายๆ ปลูกดอกไม้สีสด ส่วนมากเป็นทิวลิป แต่เรื่องดอกไม้นี้ เขาเปลี่ยนตามฤดูกาลไปเรื่อยๆน่ะ ซื้อโปสการ์ดกลับมาสามกล่อง แต่ละฤดูสวยคนละแบบ เลียนแบบไปทำที่บ้านด้วยค่ะ ใช้ต้นดอกเทียนคละสีแทน








มีทั้งหมด180 หลัง








ผู้ใหญ่บ้านเขาคิดโครงการ ให้หมู่บ้านของเขาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์










แม้ว่าวิถีชิวิตความเป็นอยู่แบบดั้งเดิม แต่แอบทันสมัยค่ะ มีฮีตเตอร์ เครื่องต้มน้ำร้อน รถยนต์ ไฟฟ้า ประปา เหมือนหมู่บ้านปรกติข้างนอกทั่วไป เพียงเขาออกแบบตกแต่งให้กลมกลืนกันไป กับภาพรวม เช่นสร้างบ้านจำลองเล็กๆ ครอบอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯ









ระบบระบายน้ำก็น่าสนใจนะคะ ความที่เป็นพื้นที่ภูเขา เขาทำให้น้ำในท่อไหลต่างระดับ ช่วยให้ไม่เน่าเสีย








สโลแกนประจำหมู่บ้านคือ ไม่ซื้อ ไม่ขาย ไม่ทำลาย

ด้านท้ายหมู่บ้านมีอะไรไม่ทราบ อ่านไม่ออก เห็นบางคนขึ้นไปไหว้










ไปเที่ยวเดือนสี่ เดือนของลูกชาย แขวนปลาหน้าบ้าน

ความที่ชอบงานสถาปัตยกรรมด้วย ทำให้เวลาไปเที่ยวไหนมักสังเกตรายละเอียดของเขา บางแห่งนอกจากสวยแล้ว ยังบอกว่าคนที่คิดฉลาดมากด้วย

ดูฝาบ้านซิคะ เหมือนตัดเสื้อกลับเอาตะเข็บไว้ข้างนอก ความสะดวกคือด้านไนเรียบ ทำงานตกแต่งง่ายและสวย สมัยเด็กเคยเห็นยุ้งข้าวบ้านคุณยายเป็นอย่างนี้แหละค่ะ ข้างในเรียบ เทข้าวไว้เต็ม ข้าวไม่ตกไปตามซอกต่างๆของผนัง

ส่วนบ้านไม้เมืองเราต้องเก็บโครงต่างๆไว้ข้างในเพื่อความปลอดภัยจากมิจฉาชีพ หากทำอย่างนี้เพื่อนงัดแงะหมด








บางมุมเหมือนภาพเขียนม๊าก-มาก ขอเป็นแบบหน่อยเท้อะ















ของฝากค่ะ ดอกซากุระอีกชนิดหนึ่ง (มั้ง)






และปิดท้าย ภาพสะสมส่วนตัว แต่อยากอวด








เรื่องถัดไปปราสาทกาดำ Matsumoto และ ภูเขาไฟ Asama




 

Create Date : 22 สิงหาคม 2552
1 comments
Last Update : 7 กันยายน 2552 16:17:31 น.
Counter : 3370 Pageviews.

 

 

โดย: 360D Gallery 23 สิงหาคม 2552 7:47:18 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


anthurium
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




anthurium



#ชื่อเล่น ป้อมป๋อมเปาะ ผักชีโรยหน้า น้ำปลาเหยาะ กะปิใส่หน่อย อร่อยเหาะ




# ชอบถ่ายภาพ(ซึ่งไม่เก่งซะที) รักสุนัข ท่องเที่ยว ดอกไม้ ชื่นชมธรรมชาติ

Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2552
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
22 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add anthurium's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.