Don't meow over the spilt milk...

<<
พฤษภาคม 2555
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
2 พฤษภาคม 2555
 

ใบไม้รูปกุญแจ

ใบไม้รูปกุญแจ
จากเรื่อง A Leaf in the Shape of a Key

ใบไม้กำลังปลิวขั้วร่วงหล่นจากกิ่งก้านสาขา เพราว่าวันนี้ย่างเข้าสู่วันที่สองของเดือนพฤศจิกายนแล้ว
และก็ยังเป็นวันถัดจากวันครบรอบวันเกิดของทิม เขาจึงมีรถสามล้อคันใหม่สำหรับขี่เล่นในสวน

แรกสุดเขาก็ให้อาหารหอยทากซึ่งอาศัยอยู่ข้างๆสระน้ำในสวน
อาหารที่เขาเอามาให้คือเยลลีสีส้มที่เหลือจากงานเลี้ยงน้ำชาในวันเกิดของเขา
พวกหอยทากล้วนโปรดปรานเยลลีส้มและกินเข้าไปจนหมดจาน
ทิมอยากจะให้เยลลีส้มกับรูปปั้นปิศาจซึ่งนั่งอยู่ข้างสระน้ำในสวนด้วย
แต่ปิศาจตนนี้ไม่ชอบเยลลี ว่าที่จริงแล้วมันไม่เคยกินอะไรเลย มันมักจะมีหน้าอาการเศร้าซึมและอารมณ์บูดบึ้งอยู่เสมอ ซึ่งอาจจะเนื่องมาจากสาเหตุที่ว่าเท้าของมันติดตรึงอยู่ใต้ก้อนหินใหญ่
“นายอยากจะขี่รถสามล้อของฉันมั้ยล่ะ” ทิมเสนอ
ดวงตาของปิศาจแวววาวเป็นประกาย ดูแล้วคล้ายกับว่ามันคงอยากจะขี่รถสามล้อ
แต่ก็ไม่มีประโยชน์อันใด เพราะว่าทิมไม่สามารถขยับก้อนหินก้อนใหญ่ให้เคลื่อนออกไปได้
ทิมจึงผละจากไป เขาขี่รถสามล้อไปบนสนามหญ้าและปิศาจหินก็จ้องมองตามหลังเขาไป



ใบไม้ปลิวร่วงหล่นอยู่เกลื่อนสนาม และเนื่องจากคืนที่ผ่านมามีน้ำค้างแข็งลง พื้นหญ้าจึงระยิบระยับไปด้วยผลึกน้ำแข็งสีขาว
ขณะที่ทิมถีบสามล้อไปรอบๆ เขาก็คอยคว้าจับใบไม้ที่ปลิวคว้างเข้ามาใกล้ตัวเขา แล้วเอาใส่ไว้ในตะกร้าบนรถสามล้อ
เขาจับได้ใบไม้สีแดงใบหนึ่ง สีเหลืองใบหนึ่ง สีน้ำตาลใบหนึ่ง สีเขียวอ่อนใบหนึ่ง สีเขียวแก่ใบหนึ่ง กับสีเงินใบหนึ่ง แล้วเขาก็จับได้สีแดงอีกใบหนึ่ง สีน้ำตาลสองใบ สีเหลืองสองใบ
จากนั้นเขาก็จับได้สีเขียวใบใหญ่ใบหนึ่งซึ่งมีรูปทรงคล้ายกับมือ
ถึงเวลานี้ตะกร้าของเขาก็เกือบจะเต็มไปด้วยใบไม้แล้ว
เขาจึงขี่รถสามล้อกลับไปยังสระน้ำ เพื่อเอาใบไม้ทั้งหมดไปอวดให้หอยทากกับรูปปั้นปิศาจดู
“ดูนี่สิ ฉันจับใบไม้ได้ตั้งสิบสองใบแน่ะ”
เวลานี้รูปปั้นปิศาจเริ่มให้ความสนใจขึ้นมา
“หากว่านายจับใบไม้ที่แตกต่างกันทั้งหมดสิบสองใบ” มันเอ่ยขึ้น “นั่นก็เป็นเรื่องมหัศจรรย์”
ทิมจึงเรียงใบไม้ของเขาลงบนพื้นหญ้า แล้วรูปปั้นปิศาจก็นับดู
“นั่นเป็นใบวอลนัต นั่นก็ใบโอ๊ก นี่ใบเมเปิล โน่นใบซิลเวอร์เบิร์ช ใบนี้ก็แอปเปิล นั่นเป็นใบคอปเปอร์บีช แล้วก็ยังมีใบแอ๊ช ใบคอบนัต ใบแพร์ ใบกุหลาบ ใบมัลเบอร์รี แล้วก็ใบฟิก นายเป็นเด็กที่โชคดีจริงๆ นายจับได้ใบไม้สิบสองใบที่แตกต่างกันทั้งหมดเลย”
“แล้วคราวนี้ฉันจะต้องทำอะไรต่อไปอีก” ทิมถาม เขารู้สึกตื่นเต้นมาก
“นายจะต้องจับใบไม้อีกใบหนึ่ง แล้วนายก็จะได้สิ่งที่นายต้องการมากที่สุดในโลกนี้”

ในวันครบรอบวันเกิดที่ผ่านมาของทิม เขาได้รับรถสามล้อคันหนึ่ง กับของขวัญต่างๆอีกมากมาย เขารู้สึกว่าเขามีเกือบทุกสิ่งที่เขาต้องการแล้ว
แต่ก็ยังมีอยู่อีกสิ่งหนึ่ง
“โอ๊ะ” เขากล่าวขึ้นว่า “สิ่งที่ฉันต้องการมากจริงๆก็คือสามารถเข้าไปในถ้ำเล็กๆที่อยู่เหนือสระน้ำในสวน”
มีฝั่งอันสูงชันอยู่ทางด้านหนึ่งของสระน้ำในสวน ซึ่งดูแล้วก็เกือบจะคล้ายเชิงผาเล็กๆมีน้ำไหลรินออกมาจากโพรงๆหนึ่งแล้วก็ไหลลงไปยังสระน้ำ
บนเชิงผานั้นมีถ้ำเล็กๆอยู่แห่งหนึ่ง มีขนาดไม่ใหญ่เกินกว่าช่องว่างภายในกาน้ำชา สามารถมองเข้าไปเห็นด้านในซึ่งปกคลุมไปด้วยหญ้ามอสส์เหมือนกับกำมะหยี่สีเขียว ช่างงดงามยิ่งนัก แล้วก็ยังมีดอกไม้เล็กที่มีขนาดไม่ใหญ่เกินกว่าหัวเข็มหมุดเติบโตงอกงามอยู่ในท่ามกลางดงหญ้ามอสส์ ทั้งดอกสีฟ้า และสีขาว ทิมอยากจะให้ตัวเองเล็กพอที่จะเข้าไปในที่อันสวยงามแห่งนั้นได้
ดวงตาของรูปปั้นปิศาจเป็นประกายขึ้นมาอีกครั้ง
“ขี่สามล้อของนายออกไปสิ” มันบอก “ไปจับใบไม้มาอีกใบหนึ่ง แล้วก็เอามาที่นี่ นายจะต้องไปเอาใบไม้ใบแรกที่จับได้มาให้ฉัน”



ทิมจึงขี่รถสามล้อออกไปด้วยความเร็วสูงสุด เกือบจะในเวลาเดียวกันนั้นเอง ใบไม้ใบหนึ่งก็ปลิวคว้างลงมาตรงเบื้อหน้าเขาแล้วร่วงตรงลงไปในตะกร้า
“ระวังนะ” นกสีดำตัวหนึ่งร้องตะโกนขึ้นขณะที่ร่อนถลาต่ำลงและผ่านหน้าเขาไป
“อย่าไว้ใจปิศาจตนนั้น มันมีเจตนาร้าย ฉันสามารถเห็นได้จากแววตาของมัน”
แต่ทิมก็ไม่สนใจใยดีกับคำเตือนของนกสีดำ เขาถีบรถกลับไปหารูปปั้นปิศาจพร้อมกับใบไม้ใบที่สิบสามในตะกร้าของเขาอย่างรวดเร็ว
“อยู่นี่ไง” เขาบอก แล้วก็หยิบเอาใบไม้ออกมา
ใบไม้ใบที่สิบสามมีสีน้ำตาลอ่อน และมีรูปทรงคล้ายกับลูกกุญแจ
“ดูที่กลางท้องของฉันสิ” รูปปั้นปิศาจบอก “แล้วนายจะเห็นรูกุญแจ”
ทิมก้มมองดู และพบรูกุญแจดังกล่าว
“เอาลุกุญแจสอดเข้าไปแล้วก็ไข” รูปปั้นปิศาจบอก
ทิมสอดลูกกุญแจเข้าไปแล้วก็บิด เขาต้องใช้ความพยามยามอย่างมาก เพราว่ามันแข็งกระด้าง แต่แล้วก็สามารถไขได้

ในทันทีทันใดหลังจากที่ทิมบิดลูกกุญแจได้ รูปปั้นปิศาจก็เริ่มโตขึ้นและโตขึ้น มันดึงเท้าของตนออกจากก้อนหินหนักที่ทับเอาไว้ แล้วก็ยืนขึ้น ด้วยอาการที่ค่อนข้างจะแข็งกระด้าง
“ค่อยรู้สึกดีขึ้น” มันว่า
แต่มันก็ยังคงโตขึ้น และโตขึ้นไปอีก
“นายสัญญาว่าฉันจะสามารถเข้าไปในถ้ำนั่นได้” ทิมทวงถาม
“นายจะได้เข้าไป” ปิศาจหินบอก
มันใช้มือจับทิมขึ้นมาอย่างง่ายดาย แล้วก็เอื้อมข้ามสระน้ำไปและจับทิมใส่เข้าไปในถ้ำ
“อะไรกันนี่” ทิมร้องอุทานขึ้นมา “นายไม่ได้ตัวใหญ่ขึ้นเลยนี่ แต่เป็นฉันที่ตัวเล็กลงต่างหาก”
เขารู้สึกท่วมท้นไปด้วยความสุขที่ได้เข้าไปอยู่ในถ้ำ เขาปีนป่ายไปมา แล้วก็ไปชมดอกไม้อันงดงาม ซึ่งเวลานี้ดูเหมือนกับว่าจะใหญ่ขึ้นมาเท่ากับถ้วยชา แต่ทิมก็พบว่า เพราะเขาช่างตัวเล็กเหลือเกิน ขาทั้งสองของเขาจึงจมลงไปในหญ้ามอสส์สีเขียวชื้นๆจนถึงระดับหัวเข่า เขาจึงรู้สึกไม่ค่อยสบาย ถึงกระนั้นเขาก็ยังพึงพอใจในชั่วขณะหนึ่งที่ยังไม่ได้มองออกไปนอกถ้ำ จนกระทั่งเขาได้ยินนกสีดำส่งเสียงร้องขึ้นมาอีกครั้ง



เมื่อทิมมองออกไป เขาก่อนข้างจะตกใจ เพราะรูปปั้นปิศาจได้ปีนขึ้นไปบนรถสามล้อของเขา และกำลังขี่ออกไป
“ช่างเถอะ ฉันเองก็ได้ชวนให้เขาขี่มาก่อนหน้านี้แล้ว” ทิมคิดอยู่ในใจ
แต่เมื่อเขาเห็นรูปปั้นปิศาจถีบรถสามล้อตรงไปที่ประตูสวนซึ่งเปิดออกไปสู่ถนนภายนอก
“หยุด หยุดนะ” ทิมส่งเสียงตะโกน “ฉันไม่อนุญาตให้นายขี่ออกไปข้างนอกนะ มันอันตราย”
แต่ว่าทิมตัวเล็กเสียจนเสียงที่เขาร้องตะโกนออกมากลายเป็นเพียงเสียงแหลมเล็กๆ รูปปั้นปิศาจตนนั้นจึงอาจจะไม่ได้ยิน เพราะมันไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย มันโบกมือไปมา ขับร้องเพลง ส่งเสียงร้องตะโกน พร้อมกับโยกตัวไปมาอย่างสนุกสนาน
“ฉันเป็นอิสระแล้ว” มันร้องตะโกน “ในที่สุดฉันก็เป็นอิสระแล้ว ฉันจะไปไหนก็ได้ตามแต่ฉันต้องการ ฉันจะไปทั่วทุกแห่งหนบนโลกนี้เลย”
แล้วทิมก็ค้นพบสิ่งที่น่าตื่นตระหนก เขาตัวเล็กลงเสียจนเชิงผาเล็กๆที่อยู่ปากถ้ำก็ดูเหมือนว่าจะสูงจนน่ากลัวสำหรับเขาและไม่มีทางที่จะลงไปเลย เขาคงจะต้องติดอยู่ในถ้ำนี้ตลอดไป
“ช่วยด้วย” เขาร้องตะโกนเรียกรูปปั้นปิศาจ “ฉันปีนลงไปไม่ได้ กรุณากลับมาจับฉันลงไปหน่อย”
“ฉันไม่ยอมช่วยนายหรอก” รูปปั้นปิศาจตะโกนตอบ “นายควรจะติดถึงเรื่องนี้เสียตั้งแต่แรก นายจะต้องอยู่แต่ในนั้น นายจะไม่ได้พบเห็นฉันอีกเลย”
แล้วรูปปั้นปิศาจก็ถีบรถสามล้อตรงไปที่ประตูสวน
ทิมผู้น่าสงสารจึงได้แต่จ้องมองจากหน้าผาที่สูงชันอย่างน่ากลัวลงไปยังสระน้ำเบื้องล่าง เวลานี้สระน้ำก็เหมือนกับทะเลสาบอันกว้างใหญ่
“แล้วฉันจะทำอย่างไรดี” เขานึกสงสัย “แม่กับพ่อคงไม่มีทางรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่ เขาทั้งสองคงไม่คิดที่จะมามองหา เวลานี้ฉันตัวเล็กกว่าหนูเสียอีก ฉันคงไม่สามารถร้องตะโกนได้ดังพอที่จะให้เขาทั้งสองได้ยิน ฉันคงต้องอยู่ในถ้ำนี้ตลอดไป แล้วฉันจะเอาอะไรกิน”
เขานั่งลงบนหญ้ามอสส์สีเขียวชื้นๆด้วยอาการโศกเศร้า



เขานั่งอยู่ตรงนั้นได้ไม่นานก็ต้องประหลาดใจ เมื่อเห็นหนวดยาวๆสี่สายซึ่งมีดวงตาอยู่ตรงปลายยื่นโผล่ขึ้นมาจากพื้นปากถ้ำ
หนวดทั้งสี่สายนั่นก็คือหนวดของหอยทากสองตัวที่กำลังคืบคลานขึ้นมาตามหน้าผา ไม่ว่าหน้าผาจะสูงชันสักเพียงไร ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับหอยทาก เพราะมันสามารถเกาะยึดเข้ากับก้อนหินได้ด้วยเมือกกาวของมันเอง
“ไม่ต้องวิตกกังวลแล้วละ ทิม” หอยทากทั้งสองตัวเอ่ยขึ้นอย่างเอื้ออารี “เพียงแต่นายเกาะบนหลังของเราทั้งสอง แล้วเราก็จะพานายลงไปจากหน้าผานี้ เกาะเปลือกของเราให้แน่นๆเลยนะ”
แล้วหอยทากทั้งสองก็กลับหลังหัน ทิมเอาแขนทั้งสองข้างโอบเปลือกหอยแต่ละตัวเอาไว้ แล้วหอยทากทั้งสองตัวก็ค่อยๆคืบคลานลงไปตามหน้าผาช้าๆ โดยเอาหัวลงไปก่อน ทิมรู้สึกกลัวเล็กน้อย เพราะหอยทากทั้งสองคลานลงไปอย่างช้ามาก เขาจึงต้องมองลงไปยังเบื้องล่างอยู่เป็นเวลานาน
ในท้ายที่สุดเขาก็พบว่า เมื่อเขามองดูแต่ที่เปลือกหอยซึ่งปกคลุมไปด้วยสีสันอันงดงามทั้งสีชมพู น้ำตาลและเหลือง หรือว่ามองดูวิธีการที่หอยทั้งสองตัวยืดลำคออันยาวออกไปข้างหน้า แล้วก็ดึงส่วนหางอันแข็งแรงตามไป เขาก็รู้สึกดีขึ้น

ในที่สุด ทั้งหมดก็พากันลงมาถึงเชิงผา แล้วหอยทากทั้งสองก็คืบคลานลัดเลาะขอบหินของสระน้ำอย่างระมัดระวัง จนกระทั่งทิมเข้ามาถึงพื้นหญ้าอย่างปลอดภัย เขามาลงตรงข้างๆจานเปล่าซึ่งเวลานี้ดูเหมือนกับจะใหญ่โตพอๆกับห้องทั้งห้อง
“ขอบคุณ” ทิมบอก “ฉันคิดว่าฉันคงจะไม่มีทางลงมาจากข้างบนนั่นแล้ว พวกนายช่างใจดีเหลือเกิน”
“ไม่เป็นไรหรอก” หอยทากทั้งสองตอบอย่างสุภาพ “นอกจากนี้แล้ว นายก็ยังได้แบ่งเยลลีส้มให้เราด้วย”
แล้วทิมก็ได้ลงมาจากถ้ำอย่างปลอดภัย แต่ตัวเขายังคงเล็กอยู่และมีขนาดเล็กกว่าหนูมาก เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
ส่วนรูปปั้นปิศาจก็ออกไปข้างนอกพร้อมกับรถสามล้อของเขาแล้ว




แต่ในชั่วขณะนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงปะทะดังกึกก้องขึ้นบนถนนที่อยู่เลยแนวรั้วต้นไม้ออกไป
และในเวลาเดียวกัน ทิมก็กลับโตขึ้นจนมีขนาดเท่าเดิมอีกครั้ง

อีกห้านาทีต่อมา พ่อของทิมเดินเข้ามาในสวน สีหน้าอาการของพ่อดูขุ่นเคืองและงุนงง และยกรถสามล้อของทิมเข้ามาด้วย
“ทิม รถคันนี้เข้าไปอยู่ในถนนได้อย่างไร” พ่อถามขึ้น “พ่อไปพบเข้าตรงสี่แยก คงจะมีรถวิ่งมาชนเข้า ล้อหน้าถึงได้พับงออย่างนี้ แล้วยังมีเศษหินแตกๆกระจายอยู่เกลื่อนถนน ลุกขี่ออกไปข้างนอกนั่นหรือเปล่า ลูกก็รู้ว่าพ่อไม่อนุญาตให้ขี่ออกไปข้างนอก”
“รูปปั้นปิศาจขี่ออกไปฮะ” ทิมบอก
“อย่าพูดอะไรเหลวไหล”
“แต่พ่อดูสิฮะ มันไม่อยู่ตรงนี้แล้ว”
พ่อของทิมมองดูพื้นที่ว่างเปล่าซึ่งเคยเป็นที่ตั้งรูปปั้นปิศาจแล้วก็มองดูก้อนหินก้อนใหญ่ หินก้อนนั้นหนักเกินกว่าที่ทิมจะสามารถเคลื่อนย้ายได้ คงจะเป็นปิศาจตนนั้นแน่ๆ
พ่อของทิมจึงได้แต่เกาศีรษะ แล้วเขาก็หยิบเครื่องไม้เครื่องมือออกมา จัดแจงทุบและดัดล้อที่พับงอให้กลับตรงตามเดิม
“เอาละ ห้ามขี่ออกไปบนถนนนะ” พ่อเตือน
“แน่นอนฮะ” ทิมตอบรับ
เขาขี่ไปมาบนพื้นสนามหญ้าอีกครั้ง แล้วก็คว้าจับใบไม้ที่ปลิวร่วงหล่น แต่เขาก็ไม่ได้ใบไม้สิบสองใบที่แตกต่างกันอีกแล้ว
รูปปั้นปิศาจไม่เคยได้กลับมาอีก
และเมื่อไรก็ตามที่มีเยลลีส้มสำหรับทานกับน้ำชา ทิมไม่ลืมที่จะแบ่งเอาไปให้พวกหอยทากเลย




Create Date : 02 พฤษภาคม 2555
Last Update : 2 พฤษภาคม 2555 16:02:16 น. 0 comments
Counter : 1684 Pageviews.  
 
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

แมวดำ_โดนสาป
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




[Add แมวดำ_โดนสาป's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com