แต่งและเขียนเรื่องโดย เซบาสเตียน 3 เมษายน 2550 เรื่องนี้เป็นจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น หากชื่อบุคคล สถานที่หรือเหตุการณ์ตรงกับใคร ทางผู้จัดทำ ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย -------------------------------------------------------------- ตอนที่ 9 เรื่องWorld Peace (แด่สันติภาพโลก)
ชายภูมิฐานผู้หนึ่งกำลังพิจารณาตารางนัดบุคคลสำคัญ สักพักได้ถอนหายใจ "เฮอออออ...คุณนัดท่านฑูตที่ไม่ถูกกันมาเจอกันได้ไง ตามหลักการฑูตแล้วแบบนี้ไม่ควรทำ" ชายภูมิฐานที่กล่าวมานั้นคือเอกอัครราชฑูตประเทศญี่แปง ขณะนี้ท่านประจำอยู่ประเทศไทยา
ชายหนุ่มได้แต่ก้มหน้ากับความผิดของตัวเองที่โดนผู้ใหญ่ตักเตือน "ผมรู้ ผมเคยเป็นแบบคุณมาก่อน อยากสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ เชื่อผม ผมเดินมาก่อน ทุกคนที่เดินแบบนี้ได้ผลมาแล้ว" ท่านฑูตอบรมเด็กซึ่งขณะนี้เป็นผู้ช่วยฑูต
ชายไร้ประสบการณ์ที่ผมกล่าวถึงเป็นชายหนุ่มที่เกิดในวงการตระกูลชั้นสูง พ่อแม่ของชายคนนี้ได้ฝากฝั่งให้เด็กหนุ่มมาฝึกงานกับท่านฑูต เพราะผู้ใหญ่ท่านนี้มีผลงานและเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ ชายก้มหน้าดังกล่าวคือธัมมะสึ
ธัมมะสึเป็นเด็กใหม่ที่รักประเทศและอยากให้ตัวเองมีชื่อในประวัติศาสตร์ ด้วยความใจร้อนจึงอยากนัดประเทศที่กำลังมีข้อพิพาทกัน ความหวังดีของตนเอง อยากให้โลกจารึกว่าประเทศญี่แปงเป็นประเทศที่ช่วยไกล่เกลี่ยกรณีพิพาทของสองประเทศนี้
"สิ่งหนึ่งที่คุณต้องเรียนรู้ก่อนอันดับแรกในการเป็นนักการฑูตที่ดีคือ....ความจริงใจ" ท่านฑูตเห็นเด็กเศร้าและไม่อยากให้เสียใจไปมากกว่านี้ "เอาล่ะ คุณเดินตามผมเรื่อยๆแล้วจะดีเอง ไปทำงานที่ค้างได้แล้ว"
ธัมมะสึยกมือไหว้ ตนเดินออกจากห้องพร้อมน้ำตาที่เอ่อล้นออกมา ความรู้สึกขณะนี้เหมือนหมดกำลังใจ ไม่คิดว่าตัวเองจะทำเรื่องงี่เง่าเช่นนี้ได้ ทุกอย่างนอกจากความจริงใจแล้วยังต้องอาศัยประสบการณ์ ผู้ไร้ประสบการณ์ยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ
..... ผ่านไป 10 ปี ..... ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จย่อมตามมา ธัมมะสึได้รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพและเป็นผู้ถูกจารึกในประวัติศาสตร์ งานเลี้ยงรับรองคืนนั้นใครๆต่างพูดถึงบุคคลที่ทำให้สงครามระหว่างประเทศสงบลงได้
"เรียนเชิญท่านธัมมะสึกล่าวสักเล็กน้อยด้วยครับ" พิธีกรงานเลี้ยงรับรองได้กล่าวเชิญผู้ได้รับรางวัลโนเบล
ธัมมะสึยืนบนเวทีเห็นผู้คนกำลังมองมาที่ตน ขณะนี้ความรู้สึกของตนเองตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกของการยืนอยู่บนที่สูงเป็นความรู้สึกเช่นนี้เอง "อะฮึม...การทำงานที่ดีนั้น นอกจากมีความรู้ในสาขาที่ตนทำงานอย่างรู้จริงแล้ว สิ่งหนึ่งที่ต้องมีสำหรับนักการฑูตที่ดีคือความจริงใจ" เพียงท่านกล่าวจบ ทุกคนในงานต่างลุกขึ้นปรบมือเพื่อเป็นเกียรติแด่ท่านที่ช่วยสงบศึกสงครามระหว่างสองประเทศได้
.... ในวันต่อมา .... "คุณทำแบบนี้ได้ไง เอาบุคคลที่ไม่ถูกกันมาเจอกัน ทำแบบนี้ทะเลาะกันตายพอดี" เอกอัครราชฑูตประเทศญี่แปงประจำประเทศเรเวียกล่าวด้วยสีหน้าไม่พอใจ "ครับ ครับ" เด็กหนุ่มไฟแรงโดนตักเตือน "คุณทำงานกับผมมากี่ปีแล้ว" ท่านฑูตธัมมะสึถามผู้ช่วยฑูต "แปดปีครับ ผมเรียนรู้จากท่านได้มากเลยครับ" แม้ประสบการณ์ยังบินไม่ได้ แต่อย่างน้อยคมปากถูกลับมาบ้างแล้ว "คุณจำได้ไหม ผมเคยสอนเสมอการเป็นนักการฑูตที่ดีได้ ต้องทำอย่างไร" "ผมจำได้ครับ ต้องมีความจริงใจ" ผู้ได้รับการอบรมจำคำสอนของผู้ใหญ่ได้ขึ้นใจ "งั้นผมจะสอนให้อีกอย่างหนึ่งสำหรับการฑูตที่ดี เรื่องความจริงใจเราต้องทำให้เขารู้ว่าเรามีความจริงใจเช่นมีใครด่าหรือว่ากล่าวอีกฝ่ายหนึ่ง เราต้องเก็บในสิ่งที่พวกเขาพูดหรือทำทุกอย่างไปบอกอีกฝ่ายหนึ่งให้ได้"ใบหน้าผู้มีประสบการณ์ยิ้มอย่างมีเลศนัย "แล้วอีกฝ่ายไม่โกรธหรือครับ" นกน้อยยังสงสัย "มันคือจุดประสงค์ของนักการฑูตที่ดี ข้อสำคัญเราจะไม่ลงมือเอง ต้องให้ลูกน้องของแต่ละฝ่ายจัดการแทน เข้าใจไหม"
วงการนี้อาศัยความไวประสาทตา หูและปาก สิ่งสำคัญไม่ใช่ความฉลาดแต่ต้องอาศัยไหวพริบด้วย คนที่มองโลกในแง่ดีอย่างผู้มีประสบการณ์น้อย ยังมีสิ่งติดค้างในใจ 'ไม่เป็นมั้ง ลองถามดีกว่า'
"ผมเข้าใจตามที่ท่านกล่าวครับ ผมอยากให้อธิบายเพิ่มเติมเพื่อเป็นความรู้ผมอีกหน่อย" ผู้ช่วยไม่เข้าใจไม่ถามตรงๆ เพราะสิ่งที่ผู้ใหญ่เคยสอนไว้ ในวงการนี้ห้ามพูดคำว่าไม่เข้าใจ "ง่ายมาก เราเอาเทปหรือหลักฐานไปให้ลูกน้องอีกฝ่าย ให้นำไปให้หัวหน้าตนเองดูจะได้เกลียดอีกฝ่ายไง" ท่านธัมมะสึอธิบายอีกครั้ง "แบบนี้ไม่ทะเลาะกันแย่หรือครับ" "ยังคิดไม่ออกอีก เวลาทะเลาะกันมีเพื่อนอย่างเราช่วยไกล่เกลี่ยไง" นกอินทรีหัวเราะอย่างมีชัย "แล้วมันจะดีหรือครับ ทำแบบนี้" นกกระจอกไม่สามารถปิดบังใบหน้าที่มีคำถามได้ "ทุกคนทำแบบนี้กันทั้งนั้น เชื่อผม.....เดินตามผมไม่ผิดหวัง แล้วคุณจะดังเอง" ท่านธัมมะสึหัวเราะอย่างสะใจ "อ๋อ...จำไว้อย่างหนึ่ง อย่าให้พวกทะเลาะกันเจอกันโดยไม่มีเรา" เอกอัครราชฑูตธัมมะสึเน้นย้ำอีกครั้ง
'โอ้ ชีวิตมันเป็นแบบนี้เอง' ผู้ช่วยกำลังงง
----------------- บทสรุป ----------------------- ในสังคมชั้นสูงบางสังคมมีบทเรียนหนึ่งที่ต้องเรียนรู้ เวลาใครทำผิดจะไม่บอกกล่าวแต่ต้องให้ผู้ทำผิดรู้ตัวเอง ถ้าพูดให้เห็นภาพเหมือนผู้หญิงงอนผู้ชายแล้วไม่บอกผู้ชายว่าผู้ชายทำผิดอะไร จะงอนจนกว่าผู้ชายรู้ตัวเอง พอเข้าใจนะครับ
นั้นเป็นสาเหตุว่า ทำไมพวกทหารบางคนถึงสอนแบบนี้ พวกนี้ยุแหย่เก่งและรู้ดีว่าทำอย่างไรให้อีกฝ่ายทะเลาะกัน เพื่อให้ตัวเองแทรกเข้าไประหว่างกลางเพื่อผลประโยชน์หรือต้องการแสดงว่าตนเองจริงใจอย่างไร
วิธีแก้คือให้คุยแบบผู้ใหญ่ที่โตๆกันแล้ว อย่าเชื่อเทป คลิป วีดีโอเพราะทุกอย่างตัดต่อได้ ตกแต่งเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เจ้าตัวได้ นั้นจึงเป็นเหตุผลของพวกชอบยุแหย่ว่าต้องให้อีกฝ่ายรู้ตัวเองว่าทำผิดอะไร (ไม่ยอมบอกตรงๆ) บางคนจะไปนึกออกได้อย่างไร แต่ล่ะประเทศทะเลาะกันเพราะแบบนี้ล่ะครับ ผู้ร้ายตัวจริงไม่เคยร้ายให้เห็น มันแอบตัดต่อให้ทะเลาะกันแล้วแอบหัวเราะอยู่ข้างหลังคุณ
เดี๋ยวผมเขียนบทความนี้เสร็จ มีบางคนจัดฉากให้บุคคลสองฝ่ายมาเจอกันแล้วทะเลาะอย่างดุเดือดบนจอทีวี เพื่อแสดงว่าเจอกันไม่ได้ ขอบอกว่าผมรู้ทันพวกคุณ
ยกตัวอย่างประสบการณ์จริงของผม
เพื่อนที่ทำงาน : "เป้ (นามสมมติของผู้เขียน) กินลูกเกดสิ"
ผมกินลูกเกดตามทำชวน อืม....ลูกเกดรสชาติไม่อร่อยเลย เพื่อนที่ทำงาน : "อร่อยไหม" ผู้เขียน : "เราว่ารสชาติแปลกไม่ค่อยอร่อยนะ" เพื่อนที่ทำงาน : "เหมือนเราเลยเราว่าไม่อร่อย ลูกเกดกระจอก"
ผมเฉย ๆ คิดว่าจะกลับไปนั่งที่โต๊ะตามเดิม เพื่อนที่ทำงาน : "พูดสิ ลูกเกดกระจอก" ผู้เขียน : "ลูกเกดกระจอก" (ผมไม่ได้คิดอะไร)
วันต่อมาผมได้ทำงานอีกชั้นหนึ่ง บังเอิญเจอคนชื่อเกดเกด : "แกว่าชั้นว่ากระจอกเหรอ" ผู้เขียน : ??
คุณเชื่อไหม ผมเจอแบบนี้ในที่ทำงาน ถามว่าไม่ให้ผมเครียดได้อย่างไร เอาคนละเรื่องมาโยงเป็นเรื่องเดียวกันเฉย ผมเคยเจอเกดคนนี้ในห้างแห่งหนึ่ง (เล่นไม่เลิก) ได้ทักทายตามมรรยาทแต่ในใจผมขยะแขยงพวกนี้มากที่สุด
บุคคลชั้นสูงบางคนคิดว่าการที่ไม่ให้ทะเลาะกันคือการไม่ว่ากล่าวใครหรือพูดแต่ชมเท่านั้น คนพวกนี้จึงไม่กล้าว่ากล่าวตรงๆชอบพูดจาประชดประชันหรือตีวัวกระทบคราด สำหรับผมการไม่ทะเลาะกันคือการมีความคิดความอ่านและการพูดคุยกันแบบผู้ใหญ่มากกกว่า
**** บทความนี้ผมขอยกเป็นอุทาหรณ์ให้กับเหตุการณ์สังหารหมู่ของชนเผ่า Tutsi (ตุ๊ทซี่) ที่โดนชนเผ่า Hutu (ฮูตู) สังหาร 1,000,000 ศพ ใน 100 วัน ของประเทศรวันดา ผมเข้าใจว่าที่สายเลือดเดียวกันทะเลาะกันเพราะการยุแหย่ของพวกโรคจิตเท่านั้น ***** ------------------------------------------------------------------------- ผมอยากได้เงินเพื่อมาต่อยอดผลงานอื่นต่อ เคยเขียนบทความนี้มานาน 10 ปี ผมไม่เคยเปิดบัญชีดูว่ามีใครโอนเงินมาให้หรือใหม่ ตอนนี้จะทำใหม่และเขียนเพิ่มเติมอีกครั้ง เลขบัญชีนี้เป็นเลขบัญชีใหม่ครับ หากผู้อ่านสนับสนุนผลงาน ผมยินดีมากหรืออยากอ่านฟรี ผมยินดีเช่นกันครับ แก้ไขเลขที่บัญชีใหม่ ธนาคารกสิรกรไทย / Kasikorn Bank (KBank) สาขา จักรวรรดิ / Jaggrawud Branch เลขที่บัญชี / Account Number : 051-250-1842 ชื่อไทย นายนบณัฐพงศ์ สุริยาโรจน์ / MR.NOBNUTPONG SURIYAROJ
Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2560 |
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2560 15:14:33 น. |
|
0 comments
|
Counter : 208 Pageviews. |
|
|