กรรมฐานในพระพุทธศาสนาแบ่งออกเป็นสองส่วน คือหนึ่ง สมถกรรมฐาน คือ การทำจิตนิ่งสงบเป็นสมาธิสอง วิปัสสนากรรมฐาน คือ การทำจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้งตามความเป็นจริง ซึ่งผลของการปฏิบัติจะทำให้เกิดผล ๕อย่าง คือ๑.ทำให้จิตใจสะอาดบริสุทธิ์ ปราศจากความโลภ ความโกรธ ความหลง๒.กำจัดเสียซึ่งความทุกข์กายทุกข์ใจ๓.กำจัดเสียซึ่งความลำบากกายลำบากใจ๔.เมื่อปฏิบัติแล้วจะเข้าใจความหมายของชีวิตอย่างถ่องแท้๕.มุ่งสู่นิพพาน (ซึ่งต้องใช้เวลานานทีเดียว)การปฏิบัติธรรมให้เจริญก้าวหน้านั้นต้องมีเรื่องของ สัปปายะ หรือความเกื้อกูลต่อการประพฤติปฏิบัติธรรม โดยเฉพาะฆราวาสจะต้องมี ๔ ประการ๑. อากาศสัปปายะ คือ อากาศที่สบายไม่ร้อนไม่เย็นเกินไป๒. สถานที่สัปปายะ คือ สะอาด สงบ และสะดวก เหมาะแก่การปฏิบัติ๓. อิริยาบถสัปปายะ คือ อิริยาบถในการฝึกปฏิบัติ เช่นการเดิน นั่ง นอน ทำอย่างผ่อนคลาย ไม่เครียด ไม่เกร็งจนเกินไป๔. บุคคลแวดล้อมสัปปายะ คือ แวดล้อมด้วยสังคมที่ดี เช่นเมื่อปฏิบัติธรรมร่วมกันที่วัด ต่างคนต่างปฏิบัติด้วยความตั้งใจ จะมีพลังแห่งความดีแผ่กระจายไปทั่ว ตัวเราซึ่งอยู่ในที่นั้นจะปฏิบัติตามไปได้ด้วยดีและที่สำคัญการฝึกวิปัสสนากรรมฐานนั้นต้องมีครูบาอาจารย์ที่ดี มิฉะนั้นจะมีโอกาสหลงทางมาก ดังนั้นวัดจึงเป็นสถานที่เหมาะสมที่สุดในการฝึกปฏิบัติกรรมฐาน เพราะเอื้อให้เกิดองค์ประกอบทั้ง ๔ ประการต้นเหตุที่ทำให้วิปัสสนาไม่ก้าวหน้าสิ่งเหล่านี้เป็นความสามารถและความชาญฉลาดของอาจารย์ผู้ฝึกปฏิบัติแต่ละท่าน ว่าจะแก้อารมณ์ผู้ปฏิบัติได้อย่างไร เพราะการฝึกปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดา เมื่อฝึกปฏิบัติไปแล้วผู้ปฏิบัติมักพบอุปสรรคซึ่งมีดังนี้๑. แสงสว่าง เมื่อปฏิบัติได้สักระยะมักรู้สึกว่ามีแสงสว่างเกิดขึ้น คล้ายมีรัศมีออกจากตัว ศีรษะจะสว่าง ทำให้คิดนึกว่าตัวเองเป็นผู้วิเศษ๒. โลกียอภิญญา บางคนปฏิบัติไปแล้วอาจ เห็น เทวดา เห็นพรหม เห็นนรก เห็นสวรรค์ เห็นทุกอย่างที่อยู่ในพระไตรปิฎก นี่ก็ทำให้ผู้ปฏิบัติยึดติด ทำให้วิปัสสนาเศร้าหมอง๓. ปิติ จะเกิดกับผู้คนไม่เหมือนกัน บางคนอาจเกิดอาการขนลุกขนพอง บางคนคันตามร่างกาย บางคนรู้สึกซาบซ่าน บางคนสะดุ้งผวาเหมือนตกเหว บางคนนั่งแล้วตัวลอยได้ก็มี ซึ่งสามารถแก้ด้วยการกำหนดว่ารู้หนอ รู้หนอ๔. ปัสสัทธิ เมื่อปฏิบัติจนจิตสงบกายสงบ จะรู้สึกดีมากจนยึดติดกับความสงบ ปฏิบัติทีไรจึงยึดติดอยู่ที่ความสงบนี้ทุกครั้ง ในที่สุดวิปัสสนาก็ไม่ไปถึงไหนนี่เป็นคำตอบให้กับเราว่า บางทีการเริ่มต้นจะเรียนอะไรสักอย่าง โดยเฉพาะเรื่องของจิตนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอาศัยสถานที่และเพื่อนพ้องที่มีความหวังดีต่อเรา ที่สำคัญคือครูบาอาจารย์ที่รู้จริงปฏิบัติจริงที่มา: เป็นบทความส่วนหนึ่งจากหนังสือชีวจิต
" พ่อ กระต่าย เเม่ กระต่าย
*// /ลูก กระต่าย
.. . ชั้นชอบชั้นชอบ 555"
มาเม้นทักทายค่ะ :)