สิงหาคม 2556
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
13 สิงหาคม 2556

Monster University นี่มันหนังเด็กแน่หรอ ?

MU



ในบรรดาภาพยนตร์อนิเมชั่นของครึ่งปีที่ผ่านมานี้ Monster University ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ "โดน" มาก ๆ เพราะหนังเล่นประเด็นที่เจ็บแสบสำหรับวัยทำงานตอนต้นของเราสุดๆ (เด็กที่กำลังเรียนมหาลัยก็น่าจะรู้สึกคล้ายๆกัน) จริง ๆ แล้วมีหลายประเด็นที่น่าสนใจ แต่จะขอพูดถึงประเด็นที่ "โดน" ใจมากที่สุด คือเรื่องของการ "เกิดมาเพื่อสิ่งนี้" ในหนังเรียกว่า "born to be" 

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่่ชอบนั่งหน้าห้อง อ่าน text หนาเตอะก่อนเข้าห้องเรียน และยกมือตอบทุกคำถามของอาจารย์ คุณจะต้องเข้าใจเค้า "ไมค์ วาซาวสกี้" มอนสเตอร์ลูกกะตาสีเขียว ตัวเตี้ย ๆ น่าเอ็นดู แต่ไมค์ดันฝันที่จะเป็น "นักหลอน" โดยคุณสมบัติข้อแรกของนักหลอนนั้นคือ ต้องมีความ "น่ากลัว" แต่ไมค์ไม่มีเลยซักนิด ไมค์เก่งทุกอย่างในทางทฤษฎี รู้จักวิธีที่จะหลอกหลอนเด็กทุกประเภท แต่อย่างว่า ไมค์ "ไม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้" บุคคลิกร่างกายของเค้าไม่เหมาะเลย นับเป็นเรื่องที่แสนเจ็บปวดที่สุดของเจ้าตาเขียว แถมยังมีเรื่องให้น่าเจ็บใจไปกว่านั้นอีก เพราะ "เจมส์ พี ซัลลิแวน" เพื่อนซี้ของเค้า มีลักษณะที่ตรงข้ามกับไมค์ทุกอย่าง ซัลลี่เกิดมาหน้าตาน่ากลัว เสียงดัง แม้ไม่ต้องตั้งใจเรียน แต่ซัลลี่ก็สอบผ่านวิชาการหลอนได้สบายๆ

หนังเรื่องนี้พยายามจะสอนคนดู (จริงๆสอนผู้ใหญ่นั่นแหละ) ไม่ให้ท้อแท้กับสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ แม้เราจะพ่ายแพ้แก่คนที่เค้า born to be (เช่น อิเพื่อนที่มันไม่เรียน แต่พ่อรวย ดันมีชีวิตที่โคดดี มีธุรกิจส่วนตัวพันล้านที่บ้าน นั่งตบยุุงเพลินๆ ทั้ง ๆ ที่กุตั้งใจเรียนและหาเงินแทบตายก็ยังผ่อนรถคันแรกไม่หมดซักที) ไมค์(ลูกกะตาสีเขียว เตี้ยๆ เห่ยๆ เหมือนคุณนั่นแหละ) พยายามบอกเราว่า ถ้าทำสิ่งที่เรากำลังทำ (เช่น งานประจำแสนน่าเบื่อของคุณ) ให้ดีที่สุดของที่สุด ชีวิตเราก็จะโดดเด่นและเจ๋งได้แน่ ๆ  

ในหนังไมค์เรียนไม่จบ (เพราะโดนไล่ออกจากคณะ เนื่องจากไม่มีคุณสมบัติของนักหลอน นั่นคือ ความน่ากลัว ทั้ง ๆ ที่เค้าคะแนนท็อปทุกวิชา บวกกับวีรกรรมมากมายในเรื่องที่แหกกฎของมหาลัย) ท้ายสุดแล้ว ไมค์ตัดสินใจไปสมัครเป็นพนักงานไปรษณีย์ที่บริษัทหลอน แม้จะไม่ได้เป็นนักหลอน แต่ไมค์ก็ขอทำงานในที่ที่ตัวเองอยากจะอยู่ และเค้าพยายามทำสิ่งที่เค้าทำอยู่ให้ดีที่สุด จนกระทั่งกลายเป็นนักทำลายสถิติของทุกหน่วยงานในบริษัทหลอน จัดการไปรษณีย์ได้ดีที่สุด ทำความสะอาดยอดเยี่ยม ตักข้าวแกงเจ๋งที่สุด เรียกว่าทุบทุกสถิติของงานจิปาถะในบริษัทหลอน จนสุดท้าย ไมค์ได้พิจารณาให้มาเป็น "โค้ช" ของนักหลอน
(ก็บอกแล้วไงว่าไมค์ทฤษฎีการหลอนแน่น ท็อปทุกวิชา) เห็นมั้ย .. ไมค์เป็นนักหลอนไม่ได้ เพราะร่างกายไม่อำนวย แต่ไมค์เป็นโค้ชให้นักหลอนได้

นี่ไง ผลของการทำสิ่งที่มีอยู่ให้ดีที่สุด ไมค์ไม่ต้องน่ากลัว ไม่ต้องเรียนจบคณะหลอน แต่ก็ทำงานนี้ได้ ก็คงเหมือนกับนักกีฬาบางคนตัวเล็กๆ เตี้ยๆ แต่ก็เป็นนักฟุตบอลมืออาชีพได้นั่นแหละ

เอิ่ม นี่ยังไม่ได้พูดถึง ซัลลี่ แวน มอนเตอร์ขนฟูสีฟ้า เพื่อนคู่หูของไมค์เลย คนนี้ก็ประเด็นเยอะและเจ็บเหมือนกัน เอาไว้ว่าง ๆ ค่อยมาพูดถึงซัลลี่กันต่อนะ 

จะว่าไปแล้ว ....เห้ย นี่มันอนิเมชั่นให้เด็กดูจริง ๆ เร๊อะ ผิดกับเรื่องเจ้ามินเนี่ยนตัวเหลืองเลย อันนั้นบันเทิงของแท้อะ 




 

Create Date : 13 สิงหาคม 2556
2 comments
Last Update : 13 สิงหาคม 2556 15:32:53 น.
Counter : 2771 Pageviews.

 

ชอบหนังการ์ตูนเรื่องนี้มากเหมือนกันครับ

 

โดย: คนขับช้า 14 สิงหาคม 2556 6:10:18 น.  

 

จริง หนังให้ข้อคิดหลายอย่างเลย

 

โดย: แฟนlinKinPark 14 สิงหาคม 2556 23:38:31 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


แฮมสเตอร์เซ่อและโหด
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add แฮมสเตอร์เซ่อและโหด's blog to your web]