Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
10 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 

แม่สื่อจอมจุ้น วุ่นรักอลวน บทที่5




บทที่๕

อาบน้ำชำระร่างกายเรียบร้อย อินทัชก็เดินลงมาที่ข้างล่าง
ด้วยชุดเสื้อกล้ามสีขาว กางเกงผ้าฝ้ายในแบบสบายๆ
หน้าต่างที่เพิ่งจะปิดไปเมื่อคืนทั้งหมดถูกเปิดออก
ทำให้สายลมเย็นจากธรรมชาติพัดผ่านเข้ามาในบ้านได้เหมือนอย่างเคย


เปิดหน้าต่างจนครบแล้ว อินทัชเดินเลยไปหยิบเอกสารบนโต๊ะกลาง
ที่อ่านค้างไว้เมื่อคืน ถือติดมือมาวางไว้ที่โต๊ะอาหาร
แล้วย้อนกลับไปเปิดตู้เย็น นำอาหารสำเร็จที่ซื้อเก็บใส่ตู้เย็น
ออกมาอุ่นกับไมโครเวฟ แล้วสักพัก เขาก็ได้อาหารง่ายสำหรับมือเย็น
อินทัชหยิบเอกสารของวรชิตอ่านไปพลางๆด้วย ในขณะที่กำลังกินอาหารมื้อเย็น


เสียงก๊อกแก๊กๆที่ดังอยู่ด้านหลัง ทำให้ชายหนุ่มต้องเหลียวไปมองอย่างอัตโนมัติ

แต่ก็เรียกความสนใจเขาได้ไม่นาน อินทัชก็หันหลังให้
แล้วทำกิจกรรมตรงหน้านี้ต่อไป โดยมีเสียงก๊อกแก๊กนั้น
เข้ามาให้ได้ยินเป็นระยะๆ แต่มันก็ไม่ได้เรียกความสนใจจากเขาได้อีก

“เอายังไงล่ะยาย ดูเขาไม่สนใจเลยนะ”

“เออ...ข้าเห็นแล้ว เดี๋ยวค่อยๆช่วยกันคิดว่าจะเอายังไงดี”

ยายปิ่นพูดพลางคิด

เม่นทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาพร้อมบ่นเบาๆ

“นี่ล่ะน๊า...ไอ้ตอนที่เขาเรียกก็ทำเป็นเล่นตัว ทีนี้อยากจะออกไปให้เขาเห็น
ก็ยังจะมีมาดมีฟอร์มอีก ยายนะยาย...”

“ไอ้เจ้าเม่น” ยายปิ่นหันมามองเขม่นตาขวาง “พูดมากไปแล้วนะเอ็ง...ตัวแค่นี้ซ้ำเติมเก่งนัก” ยายปิ่นกระแทกเสียงใส่เม่น

“เอาๆ” เม่นแกล้งเลียนเสียงผู้ใหญ่ “ยายคิดไปก่อนนะ จะเอายังไงก็บอกมา เดี๋ยวเม่นนอนรอก็ก่อนก็แล้วกัน”

พูดจบเม่นก็ทิ้งตัวลงนอนเอกเขนก พร้อมหลับตาลง
แกล้งไม่สนใจเสียงเรียกของยายปิ่น

แต่เสียงเรียกที่ดังตามหลังยายปิ่นมานี่สิ!

ทำให้ทั้งยายปิ่นและเม่นต่างสะดุ้งโหยง แล้วหันไปมอง
ที่เจ้าของเสียงพร้อมกัน ซึ่งเห็นเขายืนเท้าสะเอว กวาดตามองไปรอบบ้าน
ใบหน้าเข้มดูจริงจัง

“คุณยายครับ ออกมาเถอะนะครับ...”

อินทัชรวบรวมความกล้าทดลองเรียกยายปิ่นอีกครั้ง
เขาไม่คิดว่าจะมีใครอื่นอีกแล้วนอกจากหญิงชราที่เจอในโรงพยาบาล

และหากเรื่องเล่าทั้งหมดของเพื่อนบ้านเป็นความจริง
ทั้งบุคลิกและท่าทางที่ว่านั่นก็คือยายปิ่นอย่างแน่นอน


เสียงที่ดังรบกวนสมาธิได้สักพักใหญ่ๆนั้นเงียบหายไป
พร้อมกับเสียงเรียกของอินทัช ทำให้รู้สึกว่าบรรยากาศรอบๆบ้านนั้นดูเงียบ

แสงไฟจากหลอดนีออนริมสองฟากฝั่งถนนในหมู่บ้านค่อยเริ่มส่องแสงสลัว
หลังจากพระอาทิตย์เคลื่อนตัวลับขอบฟ้าไป

อินทัชลุกเปิดไฟกิ่ง ที่ประดับไว้ตามผนังจนทั่ว แม้แสงไฟจะไม่ได้ให้
แสงสว่างจ้าสักเท่าไหร่ แต่ก็ทำให้เขามองเห็นทุกส่วนภายในบ้านได้
ด้วยความเคยชิน


อินทัชไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์อะไรให้ต้องวิตกกังวนมากมาย
และเขาก็ทำใจยอมรับได้แล้ว ถ้าหากยายปิ่นจะมาไม่เหมือนอย่างที่เคยเจอ
ถึงจะไม่เชื่อเรื่องผีสาง หรือไม่เคยคิดกลัว

แต่ก็ไม่เคยคิดเช่นกันว่าจะมาอยู่ร่วมชายคากับผี ไม่ว่าจะมาดีหรือมาร้ายก็ตาม

“คุณยายครับ ยังอยู่ใช่มั้ย...ถ้าอยู่ก็ออกมาเถอะ นะครับ”

อินทัชยังคงร้องเรียกยายปิ่นอีกครั้ง ถ้าหากใครมาเห็นเข้าในเวลานี้
ก็คงจะคิดว่าเขานั้นอาจเพี้ยน หรือบ้าบ๊องไปแล้ว ที่มายืนพูดพร่ำอยู่คนเดียว



“ไปสิยาย ออกไปเลยเขาเรียกแล้ว”

เม่นกระซิบกระซาบกับหญิงชราปานกับว่าอินทัชจะได้ยินเสียงของตัวเอง

“เดี๋ยวเขาไม่สนใจขึ้นมาก็จะบ่นอีกนะ”

“เอ็งน่ะอยู่เฉยๆเถอะ”ยายปิ่นหันมาทำหน้าดุ
“ข้ายังไม่รู้ว่าเอาอะไรไปอ้างกับพ่อหนุ่ม ไอ้ที่เราตามเขามาถึงนี่เนี่ย”

“โธ่ จะยากอะไรเล่ายาย...ก็บอกไปเลยว่าเหงา ไม่มีใคร คิดถึงก็ได้เอ๊า!”
แทนที่จะหยุดพูดอย่างที่โดนดุ เม่นกลับช่วยออกความคิดเห็นตามประสาเด็กชาย



“อื้อฮื้อ...ความคิดเอ็งนี่ มันน่าเตะเสียจริงๆเลยว่ะ แหม คิดถึง พูดออกไปได้ เขาจะว่าข้าเป็นผีแก่ตัญหากลับนะสิ”

“เป็นผีก็ต้องอยู่ส่วนผี ถ้าเขาพูดมาแบบนี้ จะให้ยายว่ายังไง”
ยายปิ่นหันมาทางเม่นลืมตัวพูดกระซิบตอบ

“ก็เขาดันมาเห็นแล้วคุยกับผีได้ทำไมล่ะยาย ผีขี้เหงาอย่างเราก็ตามมานะสิ”

เม่นขยับมาใกล้ๆหูยายปิ่น

“แล้วยายจะกระซิบทำไม เขาไม่ได้ยินเสียงเราสักหน่อย ถ้าเราไม่อยากให้เขาได้ยิน”

“เออ...ข้าลืมไป” ยายปิ่นพูดพลางเขกหัวเม่นไปหนึ่งครั้ง“ก็เอ็งกระซิบมาก่อนทำไม...ข้าก็ลืมสิ”


“โธ่เอ้ย...เม่นผิดอีกคิดอะไรไม่ออกก็มาลงที่หัวเม่นเนี่ย”

เด็กชายพูดพลางเกาหัวแกร็กๆพร้อมทำหน้าหงิกขณะมองยายปิ่น

“ก็เอ็งมาชวนให้เขวนี่หว่า คนกำลังใช้ความคิด”

“กว่าจะคิดได้ เขาก็เลิกสนใจกันพอดี”

“เจ้าเม่น!”

เม่นเอี้ยวตัวหลบเมื่อยายปิ่นหันมาทำหน้าดุพร้อมเตนรียมยกมื้อจะซ้ำลงบนหัวเขาอีกครั้ง


“อยากจะทำแบบไหนก็ตามสบายเลย เม่นไม่ยุ่งแล้ว”

เม่นพูดจบก็ทิ้งตัวลงไปนอนเอกเขนกอยู่บนโซฟาในท่าเดิม


แสงสลัวๆจากดวงไฟกริ่งภายในบ้าน ช่วยให้มองเห็นได้ทั่วถึง
เก้าอี้ที่อินทัชนั่งเมื่อครู่ถูกขยับให้หันหน้าเข้าหาโซฟาห้องรับแขก
เพราะมั่นใจว่าเสียงที่ได้ยิน มันดังมาจากตรงนั้น

อินทัชนั่งหลังตรงกอดอกนิ่ง มองเขม่งไปที่โซฟา แอบหวังว่ายายปิ่น
จะมาปรากฏตัวให้เห็น ถึงแม้จะไม่อยากยุ่งเกี่ยวสักเท่าไหร่

แต่เมื่อมันมีอะไรบางอย่างคอยตามกวนใจเขาอยู่ตลอดเวลาแบบนี้
สิ่งที่ไม่เคยคิดอยากจะยุ่งเกี่ยว มันก็จำเป็นที่จะต้องเข้ามายุ่งวุ่นวายสักที
ไม่อย่างนั้น คงไม่เป็นอันทำอะไรอย่างแน่นอน

“คุณยายครับ”

น้ำเสียงเรียกที่หนักแน่นกว่าเดิม ทำให้ยายปิ่นใจฝ่อเพราะนางยังหาเหตุผลที่บอกกับเขาไม่ได้ว่าตามมาถึงนี่เพราะอะไร

จะบอกไปตรงๆคงจะตลกและน่าอาย และเขาก็จะคิดว่ายัยพิมพ์ของนางขายไม่ออกเสียปะไร


เหมือนเม่นจะรู้ทันในท่าทีและความคิดของหญิงชรา

“จะกลัวอะไร๊ คนนู้นต่างหากที่ต้องกลัว”

เม่นทำหน้ายื่นไปยังชายหนุ่มเจ้าของบ้านที่นั่งกอดอกนิ่ง

“ยายเป็นผีนะ ต้องทำให้เขากลัว ไม่ใช่ไปกลัวเขา”

“อุบ๊ะ! ไอ้เจ้าเม่น”

ยายปิ่นแสร้งดุเสียงดัง ถึงแม้จะแอบคิดคล้อยตามคำพูดของเม่น แต่เพราะกลัวเสียหน้าจึงรีบแก้ต่างให้ตัวเอง


“ข้าไม่ได้กลัวโว้ย เอ็งจะแก่แดดรู้ดีไปหน่อยแล้วนะเจ้าเม่น”

“หนูไม่ได้แก่แดดสักหน่อย แต่รู้จริงต่างหากล่ะยาย คนที่โรงพยาบาลสอน
อะไรๆมาตั้งเยอะแยะ แล้วแต่ละคนนะ ก็สอนไม่เคยเหมือนกันสักเรื่อง
หนูฟังจนจำได้หมดนั่นแหละยาย”

เม่นบอกเล่าด้วยความภาคภูมิใจ ส่วนใหญ่เขาต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่
โรงพยาบาลสถานที่ๆรู้สึกคุ้นเคยยิ่งกว่าบ้านของตัวเอง
เม่นต้องเจอะเจอผู้คนหลากหลาย และด้วยเหตุนี้ เขาจึงมีความคิด
แตกต่างจากเด็กในวัยเดียวกัน


เสียงเรียกซ้ำๆของอินทัช ทำให้ยายปิ่นต้องตัดสินใจ

หญิงชราถอนหายใจดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงหัวเราะคิกคักของเม่น

ยายปิ่นจึงอดไม่ได้ที่จะหันไปเขม่นตาเขียวใส่
จอมก่อกวนตัวน้อยอย่างเหลืออดอีกครั้งก่อนออกไปให้อินทัชได้มองเห็น


ยายปิ่นก้าวเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าอินทัช แล้วนางก็ค่อยๆ
ปรากฏตัวให้เขาเห็น เด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ แต่ดูเหมือนชายหนุ่มคนนี้
ไม่แสดงอาการให้เห็นว่าจะตกใจเลยแม้แต่น้อย เขายังคงนั่งนิ่งแต่
แววตาเข้มยังคงจับจ้องมาที่นาง

“คุณยาย...”

เขาพูดเสียงต่ำ ตระหนักแล้วว่าสิ่งที่เขาได้รับฟังมาจากเพื่อนบ้านเป็นความจริง


“ยายเอง”

ยายปิ่นตอบเบาๆ เตรียมใจรับมือกับเหตุการณ์ตรงหน้า เพราะไม่รู้ว่าอินทัชจะว่ายังไง กับการที่นางตามเขามาถึงที่บ้าน


ขณะที่นางกำลังลอบสำรวจท่าทีของเขา ก็อดจะแปลกใจไม่ได้

แม้ใบหน้าเข้มนั้นจะเปลี่ยนสีไปบ้างเล็กน้อย แต่เขาก็ยังนั่งนิ่งๆอยู่เช่นเดิม
ซึ่งต่างจากที่นางคิด

“อย่าไปกลัวเขานะยาย”

เสียงกระซิบของเม่นดังที่มาจากทางด้านหลัง ทำให้ยายปิ่นใช้ศอกกระทุ้งใส่เสียงดังพลั๊ก และคงทำให้เม่นคงจุกไปเลย เพราะนางเห็นเด็กชายโก่งตัวงอทีเดียวเชียว



“เงียบๆอยู่เฉยๆ” นางกระซิบ


อินทัชลุกออกจากเก้าอี้ เขาเดินตรงเข้ามาหาหญิงชรา แล้วมองสำรวจด้วยความสนใจ


“คุณยายจริงๆ”

“อื้อใช่...ยายเอง” ยายปิ่นพูดพลางเลี่ยงหลบสายตาเข้มของเขา

“คุณยายตายแล้วนะครับ ทำไม...”

“เอ่อ...ยาย” ลุกออกจากเก้าอี้ เขาเดินตรงเข้ามาหาหญิงชรา

ลุกออกจากเก้าอี้ เขาเดินตรงเข้ามาหาหญิงชรา

“มีอะไรอยู่ข้างหลังครับ...”

“อ๋อ...เอ่อ...อะไรข้างหลัง ไม่มี ไม่มี๊”

ยายปิ่นรีบปฏิเสธ และเอี้ยวตัวหลบ ทุกครั้งที่อินทัชเดินอ้อมมาด้านหลัง
ทำให้เม่นซึ่งซ่อนอยู่ต้องคอยขยับตามไปด้วย

“ผมได้ยินเสียงคุณยายพูดคุย คุณยายคุยกับใครล่ะครับ”

“อ๋อ...ไม่นี่ ไม่มีหรอก”

ยายปิ่นตอบแบ่งรับแบ่งสู้ ดูจากท่าทีของอินทัชแล้ว
เขาคงจะไม่เชื่อนางสักเท่าไหร่ เพราะคิ้วบนใบหน้าเข้มขมวดยุ่ง
ขณะเดินมาเมียงๆมองๆที่ด้านหลังของนาง


ยายปิ่นไม่อยากให้อินทัชรู้ว่ามีผีอยู่ใต้ชายคาบ้านเขาถึงสองตน
และยิ่งโดยเฉพาะผีเด็กจอมป่วนอย่างเม่นแล้วด้วย เขาคงเอือมระอา
ได้ง่ายๆไม่เหมือนนางที่วันๆหนึ่ง ก็มีเพียงเม่นที่เป็นเพื่อนพูดคุย
ให้ได้คลายเหงา แต่เขาล่ะ...เขาจะว่าอย่างไรได้

นอกจากจะไล่ทั้งตนและเม่นให้ไปอยู่ไกลๆนะสิ และนั่นมันก็ไม่ใช่
ความต้องการของนางเสียด้วย!

“จะเป็นอะไรก็ช่าง แต่ออกมาเถอะ...ไม่ต้องแอบหรอก”

อินทัชพูดเสียงเข้ม เพราะดูออกว่ายายปิ่นซ่อนบางอย่างเอาไว้ข้างหลัง


เสียงเรียกและเสียงถอนหายใจดังขึ้นเกือบพร้อมๆกัน
เมื่ออินทัชเห็นเด็กชายรูปร่างผอมบาง ผิวขาวซีด ค่อยๆโผล่หน้าออก
มาจากทางด้านหลังยายปิ่นพร้อมรอยยิ้มแหยๆ

อินทัชเตรียมตัวเตรียมใจแล้วกับเหตุการณ์ที่จะต้องเจอะเจอแล้ว
ในเมื่อยายปิ่นเข้ามาอยู่ในบ้านนี้ได้ ทำไมสิ่งอื่นๆจะเข้ามาด้วยไม่ได้

“เอ็งก็กลัวเหมือนกันแหละว้า ทำเป็นเก่งเชอะ!”

เสียงกระซิบเชิงค่อนแคะ เมื่อเห็นเม่นยิ้มแหยๆ ทำให้เด็กชายหันมาตอบโต้ทันควัน

“เขาเรียกว่าเกรงใจนะยาย ไม่ได้กลัว...”

“อ๋อเหรอ?”

ยายปิ่นลากเสียงยาวยียวน ขณะที่ทั้งคู่กำลังจะต่อล้อต่อเถียงกันยืดยาว
ก็ต้องหยุดชะงัก เพราะอินทัชเดินหนีมานั่งที่โซฟา ความเงียบของเขา

มันทำให้ทั้งยายปิ่นและเม่นหยุดโต้ตอบคารมและต่างหันมามองสบตา
กันโดยไม่ได้นัดหมายด้วยความสงสัยในความเงียบของเจ้าบ้าน


ทั้งคู่สงสัยและแอบระแวงระวังในท่าทีของชายหนุ่มซึ่งเงียบไปจนผิดสังเกต
และแล้วสายตาจ้องจับผิดของคู่หูต่างวัยก็หันไปหาอินทัช เพื่อค้นหาคำตอบ
ที่อยู่ในความเงียบนั้นอย่างใจจดใจจ่อ


สมาธิในการทำงานของอินทัชหดหายไป ตั้งแต่มียายปิ่นกับเม่นมาคอย
เฝ้าติดตามเขาไปในทุกหนทุกแห่ง

เช่นวันนี้ที่อินทัชต้องใช้สายตามองปรามไปยังผีคู่กัดทั้งสองนับครั้งไม่ถ้วน



“คุณยายครับ...” ชายหนุ่มลากเสียงยาว

“ผมมีงานด่วนที่ต้องสะสางเยอะแยะเลยนะครับ คุณยายพาเม่นกลับบ้านไปเถอะนะ”

ชายหนุ่มปรับโทนเสียงให้เป็นปกติ แม้ว่าในเวลานี้จะรู้สึกหนักใจ
กับสายตาที่มีแต่คำถามของหญิงชราวัยเจ็บสิบกว่าที่จ้องมองมาตลอดเวลา
จนทำให้เขาไม่มีสมาธิในการทำงาน

“พ่อหนุ่มก็บอกยายมาก่อนสิว่าจะทำงานที่เพื่อนให้มา”

“คุณยายตายไปแล้วนะครับ อย่าใส่ใจกับเรื่องนี้เลยนะ”

อินทัชพูดไปแล้วก็รู้สึกผิด เมื่อเห็นสีหน้าของหญิงชราเศร้าสร้อยลงทันที

“ขอโทษนะครับคุณยาย ผม...”

“ยายรู้” ยายปิ่นพูดแทรกเสียงอ่อน และรู้สึกน้อยใจ

“ผมไม่ได้เจตนาจะพูดให้คุณยายคิดแบบนั้น แต่เราตกลงกันแล้วว่าจะต่างคนต่างอยู่นะครับ”

“ก็พ่อหนุ่มจะทำหรือไม่ทำล่ะ” ยายปิ่นไม่รับรู้ในคำพูดความหมายของอินทัช

“โธ่ คุณยายครับ ผมยังตอบเหมือนเดิมนะครับ”

“เฮ้อ!เล่นตัวจริง”

เสียงถอนหายใจของยายปิ่นดังมาตามหลังคำพูดของอินทัช
แต่ชายหนุ่มแกล้งไม่สนใจ ก้มหน้าทำงานที่คงค้างนั้นต่อไป

“เชิญครับ”

ชายหนุ่มเงยหน้ามองไปที่ประตูพร้อมเอ่ยอนุญาตเมื่อเสียงเคาะดังขึ้น
แล้วก็เขาแอบยิ้มให้กับใบหน้าบึ้งๆอย่างขัดเคืองใจของยายปิ่น
ที่จ้องเขม็งมายังสินีย์ ขณะเธอกำลังเดินเข้ามาพร้อมเอกสารหอบใหญ่

“คุณอินทัชช่วยตรวจเซ็นเอกสารชุดนี้ให้สินีย์ด่วนเลยนะคะ”

เธอพูดพร้อมวางเอกสารไว้ให้เขา และยืนรอ

“พรุ่งนี้ต้องเสนอราคาให้ลูกค้าแต่เช้าค่ะ”

“ครับ”

ชายหนุ่มเปิดเอกสารด้วยใบหน้ายิ้มๆ จนเลขาสาวนึกเอะใจ

“วันนี้คุณอินทัชดูอารมณ์ดีจังนะคะ”

“อ๋อครับ” เขารับคำสั้นๆ แต่สายตายังคงอ่านเอกสารที่สินีย์นำมาให้

เอกสารชุดนี้ อินทัชเขียนแบบและลงรายละเอียดเอาไว้ก่อนหน้านั้นเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ให้สินีย์ไปเพิ่มเติมเอกสารบางชุดมาตามที่สั่งเท่านั้น




อินทัชกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบปากกาที่วางอยู่ข้างๆ แต่เพราะช้าไปหรือเพราะอะไรก็ไม่ทราบได้ เมื่อจู่ๆปากกาด้ามนั้นก็ลอยมาเสียบเข้าที่มือเขาอย่างพอดิบพอดี



เสียงถอนหายใจดังขึ้นเบาๆ แต่ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
และกับใบหน้าที่ซีดเผือดของสินีย์ เพราะเธอยืนตะลึงตาค้างกับสิ่งที่เห็นเลยทีเดียว


ชายหนุ่มรีบกรอกตัวเลขและลงลายเซ็น เมื่อเรียบร้อยแล้ว
ก็ยื่นเอกสารทั้งหมดคืนกลับไปให้สินีย์ เสียงเรียกแม้จะเพียงเบาๆ
แต่ก็ทำให้ เลขาสาวสะดุ้งโหยง และเห็นเธอหันมองไปรอบห้องทำงาน
ของเขาอย่างขลาดๆ

“คุณไปจัดการตามนี้ได้เลยครับ”

“อ๋อค่ะคุณอินทัช... แต่ว่า คุณ..คุณอินทัชคะ...เมื่อสักครู่นี้ สินีย์...สินีย์เห็นปากกามัน เอ่อ...”

“ไม่มีอะไรหรอกครับ คุณกลับไปทำงานของคุณต่อเถอะ”

อินทัชรีบพูดตัดบท ไม่อยากให้เรื่องราวบานปลาย หรือต้องมานั่งอธิบายเรื่องเหลือเชื่อแบบนี้ เพราะคนฟัง ต้องคิดว่าเขาบ้าหรือเพี้ยนแน่ๆ ที่จู่ๆจะเที่ยวบอกว่ามีผีมาคอยตามกวนใจเขา

อินทัชถอนหายใจโล่งอกอีกครั้ง ที่สินีย์รีบคว้าเอกสารจากเขาแล้วเดินตัวปลิวออกจากห้องไปในทันทีโดยไม่มีคำถามอีก



“ทำแบบนั้นทำไมครับ”

อินทัชหัน แต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรมาก เพราะกลัวนางจะเสียใจเพราะเขาอีก

“คนอื่นเขาจะตกใจกลัวนะครับ”

คำถามอินทัชทำให้ยายปิ่นสะดุ้งเล้กน้อย แต่ก็ยังทำหน้าตายไม่รู้ไม่ชี้

“ก็พ่อหนุ่มไม่ยอมตอบยาย”

“คุณยายครับ มันคนละเรื่องแล้วนะครับ”

“ไม่รู้ล่ะ...พ่อหนุ่มอยากไม่รับปากยายเองทำไม”

ร่างสูงๆ ต้องขยับหันเก้าอี้มาทางยายปิ่นตรงๆ

“ทำไมคุณยายถึงอยากให้ผมรับงานนี้ครับ”

อินทัชถามไปตรงๆ ทั้งๆที่รู้ว่าจะไม่ได้คำตอบจริงๆกลับมาหรอก เพราะคำถามนี้ เกิดขึ้นกับยายปิ่นหลายครั้งแล้ว


“ก็งานมันดีไง ก็อยากให้ทำ”

คำพูดข้างๆคูๆของยายปิ่นยิ่งทำให้อินทัชหนักใจ เพราะยังไม่รู้ว่าจะทำยังไงเขาจึงต้องยอมเงียบไปเอง แต่เขาก็ไม่คิดว่า จะให้ยายปิ่นมาคอยเฝ้าติดตามเขาอย่างทุกวันนี้แน่นอน


“แต่ผมก็มีงานดีๆเยอะแยะแล้วนะครับ”

“คนแก่ก็อย่างนี้แหละ...พูดยาก”

เม่นนั่งฟังอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง ก็พูดขัดขึ้นมาลอยๆ

“ไอ้เม่น!”

ยายปิ่นหันไปตวาดเสียงเขียวและชี้หน้าเม่น ที่เม่นพูดไม่ได้ดั่งใจ
และรู้สึกขัดเคืองกับใบหน้าที่ยิ้มทะเล้นของเด็กชาย

อินทัชส่ายหน้ากับคู่หูต่างวัยที่เถียงกันไปมาอยู่แบบนี้เป็นประจำ

ถึงแม้เด็กชายจะชอบหยอกล้อยายปิ่นซึ่งมักจะพูดเอาแต่ใจตัวเองอยู่บ่อยๆ
ให้มีอารมณ์ขุ่นมัว แต่หากไม่มีเม่น ยายปิ่นก็คงจะเหงาน่าดู แล้วเขาเอง
ก็ยังไม่เคยเห็นทั้งคู่อยู่ห่างกันได้นานเลย

อินทัชลอบถอนหายใจและนึกเสียดายเด็กฉลาดอารมณ์ดีอย่างเม่น
ที่ไม่น่าจะอายุสั้นอย่างนี้



ชายหนุ่มรีบเร่ง มาที่รถพร้อมเอกสารที่จะเข้าประชุมในบ่ายวันนี้
ขณะเปิดประตูและกำลังจะก้าวเข้าไป อินทัชแทบจะกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่

เมื่อเจอยายปิ่นมานั่งหน้าแชล่มอยู่ในรถก่อนแล้ว โดยมีคู่หูอย่างเม่น ที่นั่งยิ้มหน้าแห้งอยู่เบาะหลัง




“พ่อหนุ่มจะไปไหนหรือ”

เสียงถามที่แสร้งไม่รู้ว่าตนนั้นเป็นส่วนเกิน


อินทัชหันมายิ้มให้กับคนที่ตามตอแยเขามาตลอดทั้งสัปดาห์ พร้อมตั้งคำถามกลับ

“คุณยายจะไปไหนล่ะครับ”

“ไปประชุม”


หญิงชราตอบพร้อมเหลียวกลับไปมองยังท้องถนน ไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับการตามก่อกวนของตนที่มีมาให้อินทัชหนักใจอยู่เรื่อยๆ


“ครับ...ประชุม”

ชายหนุ่มรับคำและแอบขำกับท่าทางของยายปิ่นที่ทำท่าเหมือนนางจะไปประชุมเสียเอง ซึ่งไม่ใช่เรื่องเขา ที่ต้องเข้าประชุมเพราะรับปากวรชิตเอาไว้



ตลอดสัปดาห์ที่อยู่ด้วยกัน ยายปิ่นจะคอยตามกวนและนางเทียวมาถาม
แต่คำถามเดิมซึ่งเขาเองก็ตอบกลับไปเหมือนเดิมทุกครั้งเช่นกัน และดูท่าทางนางจะขัดเคืองใจอยู่ไม่น้อย


อินทัชไม่เข้าใจว่าทำไมนางจึงอยากให้มารับงานนี้นัก นี่ถ้ายายปิ่นยังไม่ตายและนางรู้จักกับเพื่อนจอมกะล่อนอย่างวรชิต เขาต้องคิดว่านางรู้กันกับวรชิตอย่างแน่นอน





โปรดติดตามตอนต่อไป เร็วๆนี้นะคะ ^^


- -ต้องขอขอบตคุณเพื่อนๆ นักอ่านทุกคนที่คอยติดตามเรื่องราวของคุณยายปิ่นนะคะ ... ทุกคอมเม้นท์ เป็นกำลังใจที่ดี ให้กับนักอยากเขียนได้มากมายค่ะ





 

Create Date : 10 กรกฎาคม 2552
4 comments
Last Update : 10 มีนาคม 2559 20:10:08 น.
Counter : 748 Pageviews.

 

คิดถึงยายปิ่นคร้าาาาาา หายไปนานเลย
แต่ไม่ต้องมาหานะคะ มาให้อ่านเป็นนิยายก็พอ

 

โดย: นาวาไม่ไหลกลับ 10 กรกฎาคม 2552 18:43:02 น.  

 

ยายปิ่นมาให้หายคิดถึงกันแล้วค่ะคุณนาวาไม่ไหลกลับ
^ ^
เข้าใจว่าฝนลงหนักคุณปาย่าเลยเขียนนิยายลื่น...หรือเปล่าหนอ คริคริ

 

โดย: ploy666 IP: 124.157.188.161 10 กรกฎาคม 2552 19:18:39 น.  

 

ี่ีพี่พลอย คิดถึงค่ะ ไม่ค่อยได้คุยกันเลยเนอะ ซ่าส์ไม่อยู่รู้สึกเหงาเปล่าคะ เอ๋! หรือว่ารู้สีกดีหว่า

 

โดย: ซ่าส์ (lord_arsenal ) 11 กรกฎาคม 2552 13:58:16 น.  

 

ยังไม่ค่อยแน่ใจค่ะซ่าส์ พี่พลอยว่าจะลองเสี่ยงทายเหรียญดูดีกว่านะ

หัวคิดถึง ก้อยไม่...ดีไหมคะ ลุ้นเน้อ ชอบๆ

55555+

 

โดย: ploy666 IP: 124.157.188.136 11 กรกฎาคม 2552 18:49:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ploy666
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




หนังสือที่มีวางจำหน่ายเฉพาะในบล็อก
https://ploy666.bloggang.com




ชื่อเรื่อง : เศวตธามัน (บัลลังก์ศศิธรา)
นามปากกา : สิตาปางค์
ประเภท : จินตนิยาย , โรแมนติก
รูปเล่ม : ขนาด 700 หน้า A5
ออกแบบปก : Little thing

ราคา : 850.- บาท
สินค้าหมด

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=ploy666&group=28

สั่งซื้อที่ : .........

หมายเหตุ : งดใส่ลายเซ็นนักเขียนทุกกรณีค่ะ

** ***********************************



ชื่อเรื่อง : เงาบรรณ
นามปากกา : ลายน้ำ
ราคา : 259.- บาท
สั่งซื้อที่ (ยุติการสั่งซื้อ)

สินค้าหมดค่ะ



****************

นิยายที่อัพล่าสุดคือเรื่อง

รอยทรายบนลายรัก
...และ...
กระต่ายในใจจันทร์



***********

เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่า
ทนไม่ไหวแล้ว...
จงเรียนรู้ ที่จะขอความช่วยเหลือ

โลกไม่ได้โหดร้ายเกินไปนัก
ผู้คน ก็ไม่ได้ใจร้ายไปซะทั้งหมด

เป็นกำลังใจให้ค่ะ...


Ploy666.



************

หมายเหตุสักนิดค่ะ...

ถ้าเป็นไปได้ งดการแปะรูปใส่คอมเม้นท์นะคะ
เจ้าของบล็อกเข้าหน้าจอไม่ได้จ้า เน็ตห่วยมากมาย

ขอบคุณคนใจดีทั้งหลายล่วงหน้าค่ะ


**************

เนื้อหาต่างๆที่อัพในบล็อก
สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย


Friends' blogs
[Add ploy666's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.