Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
9 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 

เงาบรรณ 14


คุยกันก่อนอัพ

เพิ่งไปเดินขึ้นดอยกลับลงมาค่ะ สนุกดี
แถมจ๊ะเอ๋กับน้องที่เคยรู้จักกันมาก่อน เลยได้นั่งคุยถามไถ่ข่าวคราว

มาว่ากันเรื่องนิยายต่อก่อนเนอะ
ถึงผีไม่หลอนแต่ก็อดคิดอยากให้คุณหนิงเธอเจอผีเสียมั่งไม่ได้นะคะ
จะได้รู้ว่าทุกอย่างที่ทำ ยังมี 'อะไรบางอย่าง' จับตามอง

มาลองดูมุขหากินง่ายอีกมุขหนึ่งค่ะ
ถ้าชอบใจอย่าลืมโหวตให้พรรณรังสีนะคะ
ขอโหวตออกจากแวดวงอย่างเดียวค่ะ อย่าโหวตเข้ามาเลยเจ้าประคุณเอ๋ย...
5555+

แต่คนเขียนบอกตรงๆว่า ไม่ชอบ เอาเสียเลยค่ะ
คงเป็นอีกตัวละครที่ 'ไม่ปลื้ม' พอๆกับคนอ่านเลยเชียว T^T

Ploy666.




**************

เงาบรรณ 14
ผู้แต่ง ploy666 (สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย)



ห้องกว้างตกแต่งสวยงามด้วยอาหารเต็มโต๊ะ รอบๆมีการจัดวางที่นั่งเอาไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย บนเวทียกพื้นสูงมีสัญลักษณ์ของสำนักพิมพ์ พิราม พร้อมป้ายบอกให้รู้ว่าเนื่องในงานเลี้ยงเป็นการภายในของสำนักพิมพ์

“ไม่ทราบว่าเป็นนักเขียนหรือครอบครัวคะ...ขอเช็คบัตรเชิญด้วยค่ะ” พนักงานประจำเคาน์เตอร์ทางเข้าบอกอ่อนหวาน

หญิงสาวที่ถูกถามถึงบัตรเชิญวางหน้าเฉยเมยยามบอกว่า

“ไม่ได้ให้มาค่ะ แต่รู้จักกับน้องนักเขียนที่ชื่อลิต้า...ลลิตา ลองโทรถามได้นะคะ เธอชวนมา” พรรณรังสีอ้างอิงเต็มปากเต็มคำ

วันนี้หล่อนคิดว่าตัวเองดูดีอยู่ในชุดกระโปรงสีน้ำตาลอ่อน ผมรวมพันเรียบมิให้หยิกฟูเหมือนอย่างทุกวัน ในมือนอกจากกระเป๋าสะพายใบหนึ่งแล้วยังมีกล้องดิจิตอลถือไว้อย่างเตรียมความพร้อม

คนของสำนักพิมพ์อีกรายเดินเข้ามาถามไถ่ เมื่อทราบความตามนั้นจึงหันมาถามซ้ำอีกครั้งว่า

“น้องลิต้าเชิญมาเหรอคะ เมื่อเช้าเธอแจ้งว่าจะไม่มาเพราะป่วยกะทันหันนะคะ”

“เบอร์โทรก็มีนะคะ...ลองโทรถามได้ค่ะ”

พรรณรังสีกดหาเลขหมายพลางยื่นส่งให้ ยิ้มนิดๆคล้ายไม่อนาทรร้อนใจที่คนชวนไม่ได้เข้างานมาในวันนี้ เต็มที่หล่อนก็แค่เดินไปรอบๆทำความรู้จักบรรดานักเขียนและคนของสำนักพิมพ์ด้วยตัวเอง นี่ไม่ใช่คนแรกที่หล่อนมางานสังสรรค์ประเภทนี้ ช่วงงานสัปดาห์หนังสือยิ่งเยอะ ที่เปิดชวนเชิญคนอ่านทั่วไปมาร่วมงาน

มีอาหารกลางวันเลี้ยงดูปูเสื่อ มีการเล่นเกมชิงรางวัล

...ได้กับได้ทั้งนั้น แค่ยอมเสียค่ารถออกจากบ้านนิดเดียวสุดจะคุ้ม...

“โทรไม่ติดค่ะ สงสัยเครื่องขัดข้อง”

“ปกติเธอก็ใช้เบอร์นี้อยู่แค่เบอร์เดียวนี่คะ” พรรณรังสีทำท่าประหลาดใจ

“ค่ะ...คุ้นเบอร์เหมือนกัน” อีกฝ่ายไม่ได้ติดใจสงสัยมากมายนัก จึงบอกว่า “ถ้ายังไงเชิญด้านในตามสบายเลยนะคะ ถึงน้องลิต้าไม่มาก็ไม่มีปัญหาค่ะ สำนักพิมพ์เราสบายๆเป็นกันเองอยู่แล้ว”

ผู้มาเยือนไม่รีบร้อนเดินเข้าไปกะทันหัน กวาดตามองราวกับจะแลหา ปากก็ถามทันควันว่า

“คนไหนบรรณาธิการคะ อยากจะสัมภาษณ์ไปลงนิตยสารน่ะค่ะ”

...นิตยสารออนไลน์...ข้อความถูกเว้นไว้ให้อีกฝ่ายคาดหวังว่าจะเป็นนิตยสารดังๆอื่นใด

คราวนี้รอยยิ้มแต้มบนดวงหน้าคนถูกถามยิ่งเด่นชัด

“บรรณาธิการอยู่ทางด้านโน้นค่ะ”

“กำลังคุยธุระอยู่นี่คะ รอได้ค่ะ...ขอไปหาอะไรทานก่อนดีกว่า จะไปทักทายน้องๆคนอื่นด้วย”

หล่อนทำเป็นมองไม่เห็นกิริยาของนักเขียนบางคนซึ่งเคยพูดคุยกันบ้างผ่าน เอ็ม.เอส.เอ็น. ต่างหลบวูบวาบคล้ายไม่อยากประจันหน้าโดยมิได้นัดหมายอีกหลายราย...จะหลบพ้นงั้นสิ ฝันไปก่อนเถอะย่ะ!

หิวจะตายเรื่องอะไรต้องรีบร้อน วันนี้มีเวลาทั้งวัน ชื่อของลลิตาเป็นบัตรผ่านชั้นดีๆพอๆกับหมายเลขโทรศัพท์ที่มีอยู่

พรรณรังสีค่อยๆเยื้องย่างอย่างกรีดกรายไปยังโต๊ะบุฟเฟ่ต์ราวกับนางพญา

เสียแต่ว่าบุคลิกภาพที่สะท้อนออกมาน่าจะจัดอยู่ในหมวดหมู่ พญาสัตว์ล่าเนื้อ เสียมากกว่ากลุ่มนางหงส์อันสวยงาม!



โถงรับแขกของโรงพยาบาลค่อนข้างพลุกพล่านไปด้วยผู้คน กระนั้นยังมีเหตุบังเอิญให้มิรันตีมองไปพบใครอีกคนซึ่งคุ้นตา

“ลิต้า มาอยู่นี่ได้ไง”

“ท้องเสียสิ มานอนให้น้ำเกลือตั้งแต่กลางดึก นี่กำลังจะกลับนะรอแม่ไปรับยามาให้” หญิงสาวหน้าตาค่อนข้างซีดเซียวทักทายอย่างเป็นกันเอง

มิรันตีไม่ค่อยมีโอกาสได้พบเพื่อนนักเขียนรายนี้บ่อยนัก แต่ก็เคยเห็นหน้าค่าตากันผ่านจอสนทนาออนไลน์แลกเปลี่ยนข้อมูลและความคิดกันเป็นครั้งคราว ด้วยความที่วัยใกล้เคียงกันทำให้ทั้งสองสนิทสนมกันไม่ยากนัก

“อ้าว...งั้นก็ไม่ได้โผล่ไปงานมีตติ้งของสำนักพิมพ์สิวันนี้”

“หกโมงเย็นแล้วน่า ป่านนี้เขาเลิกงานกันหมดแล้ว” ลลิตาตอบอย่างอดเสียดายมิได้

“เมื่อกี้ส้มแป้นยังโทรมาบ่นยกใหญ่” มิรันตีเอ่ยถึงนักเขียนอีกรายที่อยู่สังกัดเดียวกันกับลลิตา “ว่าทำไมลิต้าดันไปชวนพี่หนิงมา พาเอาเขาวงแตกงานกร่อยไปเลย ปากแก...ก็รู้ๆกัน อยู่ที่ไหนตายหมู่ที่นั่น ฝ้ายถึงได้บล็อกไม่คุยกับเขาไปตั้งนานแล้ว”

...อยู่ที่ไหนตายหมู่ที่นั่น...

เป็นคำนิยามที่ไม่ได้เกินความจริงแม้แต่น้อย

“เฮ้ย! เราไม่ได้ชวน”

“จะไม่ได้ชวนได้ไง ก็เขาโผล่ไปบอกพวกนักเขียนในกลุ่มว่าลิต้าน่ะชวน ยังมีเบอร์โทรศัพท์ติดต่อกัน”

มิรันตีไม่ได้รู้สึกว่าการคบหากับพรรณรังสีจะผิดร้ายแรงอะไร

หล่อนแค่ไม่ชอบใจในพฤติกรรมหรือคำพูดจาบางอย่างก็เลยถอยห่างออกมา...

ลลิตาทำหน้างง ตาโตอย่างไม่รู้เรื่องจนมิรันตีเริ่มเอะใจ

“โทรศัพท์ลิต้าทำไมโทรหาไม่ได้ ส้มแป้นว่าจะถามสักหน่อยแต่มันไม่ติดทั้งวันเลยโทรหาใครต่อใครให้ช่วยเช็คสัญญาณ” นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้มิรันตีรู้ข่าวด้วยเช่นกัน

“ตกน้ำ เครื่องเสียไปตั้งแต่หลายวันก่อน ตอนคุยกันยังบอกอยู่เลย”

“บอกใคร”

“บอก...” ลลิตากระสับส่ายตอนแย้มพรายว่า “บอกพี่หนิงไปน่ะ เคยเผลอบอกเขาด้วยว่ามีงานเลี้ยงภายในของสำนักพิมพ์ทั้งที่ข่าวไม่ได้กระจายไปข้างนอกนะ”

“เวรกรรม แล้วไปให้เบอร์เขาไว้ทำไม”

ทว่าคนถูกซักไซ้กลับส่ายหน้า “ไม่ได้ให้ ไม่เคยคิดจะให้...แค่คุยกับพี่หนิงไปวันๆไม่ได้อยากสนิทอะไรนะ ก็เธอมาทักตลอดไม่คุยตอบบ้างก็เกรงใจนี่นา”

คำว่า ‘เกรงใจ’ กลับกลายมาเป็นพิษภัยในเวลานี้เอง

ที่แน่ๆพรรณรังสีมีทั้งหมายเลขโทรศัพท์ อ้างไปทั้งชื่อแบบนี้ แถมเพื่อนยังพากันยืนยันว่าการไปแทรกกลางวงสนทนานักเขียนเหล่านั้นไม่ใช่ท่าทีอันสร้างสรรค์แต่ประการใดยิ่งทำให้ลลิตาร้อนใจ

คนโดนอ้างรีบถามกลับไปยังมิรันตีว่า

“ฝ้ายมาทำอะไรที่นี่”

“พี่ที่สำนักพิมพ์ป่วย เพิ่งรู้ข่าวเลยแวะมาเยี่ยม” หล่อนชูตะกร้าผลไม้ที่ถือติดมือให้ดู

“แล้วจะกลับบ้านเลยใช่ไหม”

“คงอยู่ไม่นานหรอก ทำไม...มีอะไรหรือเปล่า”

“สืบให้ลิต้าที พี่หนิงทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร...ที่สำคัญเธอไปเอาเบอร์โทรลิต้ามาได้ยังไง ลิต้าเริ่มกลัวๆแล้วนะฝ้าย ทำไมพี่หนิงเธอนิสัยแบบนี้ นี่ถ้าเธอเป็นคนโรคจิตขึ้นมาลิต้าคงมีปัญหาใหญ่แน่”

พวกโรคจิตมักทำอะไรที่คนปกติเขาไม่คิดจะทำกัน ช่วยไม่ได้ที่ลลิตาจะหวั่นระแวง

มิรันตีได้แต่เพียงถอนใจ ปลอบเพื่อนว่า

“เอาไว้จะลองถามๆคนที่ไปงานให้ ลิต้าก็พักให้เยอะๆเรื่องอื่นไม่ต้องไปคิดมัน”

“ไม่รู้พี่หนิงทำลิต้าเสียชื่อไปด้วยแค่ไหนแล้ว...” ลลิตาพึมพำอย่างหนักใจ

นักเขียนส่วนใหญ่มีเพียงนามปากกาไว้ประดับเป็น ‘เกียรติยศ’

หากนามปากกาเหล่านั้นถูกนำไปใช้อ้างอิงโดยคนที่ไม่หวังดี ก็ย่อมเป็นที่น่าหวั่นใจ

มิรันตีระแวงสงสัยเช่นเดียวกับคู่สนทนา

...พรรณรังสีไม่ใช่บุคคลที่พึงคบหาอีกต่อไป!



น่านฟ้าขยับตัวทันทีที่ได้ยินเสียงไอจากคนบนเตียง เขาแทบจะกระโจนจากโซฟารับแขกชิดผนังเข้าที่ร่างบางบนเตียง หากไม่เพราะคุณมุกดาอยู่ภายในห้องนั้นด้วยและท่านตรงไปหาบุตรีอย่างห่วงใย

“ดื่มน้ำหน่อยนะลูก...นี่จ๊ะ”

คุณมุกดาจัดแจงประคับประคองแก้วจรดริมฝีปากบางที่แห้งเป็นขุย

นัยน์ตาที่เปิดเต็มที่กว่าทุกคราวของทัชฌาทำให้คนเฝ้าสังเกตอาการโล่งอกมาบ้าง เพราะเป็นสัญญาณว่าความเจ็บไข้เริ่มจางหายไปและหญิงสาวสามารถรู้สึกตัวได้เต็มที่กว่าเมื่อสี่วันที่ผ่านมา

น่านฟ้าทำได้เพียงไปเกาะขอบเตียง ยิ้มอำพรางความร้อนใจเมื่อถามไถ่

“ยังรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าครับคุณเท็น ผมจะไปบอกหมอมาเช็คใหม่ก็ได้นะครับ”

“เท็นค่อยยังชั่วแล้วค่ะ ขอบคุณค่ะ” หล่อนตอบพอได้ยิน

ฝ่ามือของมารดาที่ลูบไรผมอบอุ่นและอ่อนโยนนัก...ทัชฌาจึงเงยมองแทนคำขอบคุณ

สี่วันที่ผ่านมาหล่อนรู้สึกตัวเหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่นเกือบตลอดเวลา ความฝันมากมายทำให้การจับต้นชนปลายเหตุการณ์ต่างๆยุ่งเหยิง

สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยจางหายจากความทรงจำ

ยามใดที่ร่างกายหล่อนร้อนราวกับจะลุกเป็นไฟด้วยพิษไข้ ใครคนหนึ่งจะมาอยู่ใกล้ๆและกุมมือไว้โดยไม่พูดไม่จาเสมอ

...ผู้ชายคนนั้น...คนที่ทัชฌาติดหนี้เขามากเกินกว่าแค่จะเอ่ยคำขอโทษแล้วให้เรื่องทุกอย่างจบไป

ทัชฌาซ่อนสายตาเอาไว้ตอนถามใครๆว่า

“นอกจากคุณนอตกับแม่ ช่วงที่ไม่ค่อยรู้สึกตัวมีใครมาหาเท็นอีกบ้างไหมคะ”

“หนูฝ้ายแวะมาเมื่อวาน ป้าอ้นกับคุณนานาก็มานะ...” คุณมุกดาพยายามทวนความจำ “ถ้าไม่นับคนที่คลังบุ๊คส์ว่าเขาไปเจอเท็นตากฝนสลบอยู่ข้างทาง ก็คงไม่มีคนอื่นแล้วจ้ะ”

“ผมมาทุกวัน” น่านฟ้ารีบบอก

คุณมุกดาอดยิ้มขบขันกับกิริยาเหมือนเด็กๆที่ต้องการยื้อแย่งความสนใจของน่านฟ้ามิได้ อันที่จริงท่านก็ไม่ได้รังเกียจชายหนุ่มคนนี้แม้แต่น้อย เขาเทียวไล้เทียวขื่อทัชฌามานานนับเดือน ท่าทางดูจะจริงจังมากกว่าที่เพียงถูกตาต้องใจชั่วครู่ชั่วคราว

จึงช่วยสนับสนุนไปว่า

“คุณนอตเขามาบ่อยกว่าแม่เสียอีก นี่ถ้าหมอไม่ว่าอะไรแม่คงปล่อยเฝ้าไข้แทนไปแล้วล่ะ”

“ผมเต็มใจนะครับ คุณน้าจะได้พักผ่อนเสียบ้าง”

ตลอดเวลาที่ทัชฌาอยู่ในภาวะไม่มีสติ น่านฟ้าเห็นคุณมุกดาไม่มีแก่ใจดูแลตัวเองเท่าไหร่เอาแต่วนเวียนใกล้ๆบุตรี แต่จะนอนพักหากไม่มีเขามาอาสาผลัดเวร ท่านก็แทบจะไม่อยากหลับตาลง

ห้องพักส่วนตัวนี้ก็เป็นเขาอีกนั่นแหละที่วิ่งเต้นโยกย้ายให้

ใครจะว่าอาศัยบารมีเจ้าสัวสุธีผู้บริจาครายใหญ่ของโรงพยาบาลก็ช่างปะไร น่านฟ้าไม่เห็นจะสนสักนิด

สำหรับเขาขอแค่ให้ทัชฌาปลอดภัยเท่านั้นเป็นพอ!

ชายหนุ่มกล่าวอย่างกระตือรือร้นว่า

“ขออนุญาตไปโทรบอกป้าอ้นกับพี่นานก่อนนะครับว่าคุณเท็นฟื้นแล้ว พวกนั้นจะได้สบายใจหายห่วงเสียที”

“ตามสบายเลยจ้ะ” คุณมุกดาอนุญาตด้วยความยินดี

น่านฟ้าถือโอกาสตามแพทย์และพยาบาลเข้ามาดูแลคนป่วยในห้อง โดยไม่รู้เลยว่าสายตาของทัชฌากลับกวาดมองไปยังกลุ่มคนที่เข้ามาใหม่เหล่านั้นละม้ายแลหา

ดวงตาคู่สวยรื้นอีกครั้งเมื่อนึกได้ว่าวันที่จะเห็นใครคนนั้นยามตื่นย่อมไม่มีวันเป็นจริงได้เลย



ความสูญเสียบางครั้งก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวธุลีอันไร้สาระ...

พรรณรังสีพยายามปลอบใจตัวเองเมื่อเห็นอีเมลต่อว่าต่อขานจากลลิตา ในตอนนี้หล่อนยังไม่มีแก่ใจจะมาหาข้อแก้ตัวในสิ่งที่ทำลงไป จึงไม่สนใจมากไปกว่ากดปิดกล่องรับจดหมายอิเลคทรอนิกส์นั้นลงรวดเร็ว

ลลิตาก็เหมือนใครอีกหลายคนที่หล่อนเคยมีปัญหาด้วย อย่างรายที่ชื่อกิ๊บซึ่งเคยมีเรื่องมีราวกันหล่อนก็เขี่ยตกขอบวงการนักเขียนไปเสียเรียบร้อย ใส่สีตีไข่สักหน่อยผู้คนเบาปัญญาก็พร้อมจะเชื่อโดยไม่พินิจพิจารณา

พวกนี้นี่ก็แปลก...พอนักเขียนออกหนังสือมาก็แห่กันไปซื้อโครมๆ พอมีข่าวหน่อยเดียวไม่ทันรู้อะไรจริงไม่จริงก็พร้อมจะเชื่อ ยิ่งถ้าเป็นข่าวร้ายๆเรื่องนิสัยเป็นอันแน่ใจได้ว่าคนส่วนใหญ่มักคิดว่าพวกช่างฝันความเชื่อมั่นรุนแรงเสมอ

นาฬิกามุมจอคอมพิวเตอร์บอกเวลาตีสอง

มีนักเขียนไม่กี่รายที่ยังอยู่ในระบบสนทนา

ทว่า...ล้วนแล้วแต่ไม่น่าสนใจ...

เงินร้อย เงินพัน หล่อนก็สรรหามาได้จากความพยายามมากมายผ่านอินเตอร์เน็ต ตอนนี้ได้เวลาขยับขั้นไปสู่เงินหมื่นและเงินแสนกันเสียทีสินะ

พรรณรังสีไม่เคยเรียกมันว่าเล่ห์กล หล่อนไม่คิดว่าสิ่งที่ทำนั้นเป็นเรื่องเลวร้ายที่ตรงไหน...

จะเงินสามร้อยหรือเงินหนึ่งพันหล่อนก็อยากเรียกมันว่า ‘ข้อต่อรอง’ ทางธุรกิจ

ใครต่อใครคิดจะคบกับหล่อนเพื่อหาข่าววงใน หล่อนก็สรรหามาให้แล้วไงจากการถามเอาเพราะมีคนพูดคุยด้วยมากมาย

คิดเสียว่าแลกเปลี่ยนกันเท่านั้นก็จบ!

ระยะหลังหล่อนส่งผ่านนิยายบางเรื่องจนได้พิมพ์เล่ม เงินในบัญชีจึงมีรองรังอยู่พอสมควร

มันจะยากอะไร...หล่อนก็แค่เลือกคนที่เคยมีผลงานรวมเล่มกับที่เล็กๆไปส่งที่ใหญ่กว่า หนังสือที่เคยพิมพ์มามันก็รับประกันไว้ขั้นหนึ่งแล้วว่านักเขียนไม่ถึงกับห่วยจนยากจะทน แถมดีไม่ดีไปคว้าได้คนมีแฟนคลับมาแต่เดิมยิ่งสบายเลย สำนักพิมพ์สมัยนี้ที่ไหนๆก็อยากได้กันทั้งนั้นแหละ

ไฟฟ้าในห้องกระตุกวูบวาบก่อนดับหาย ห้องนอนตกอยู่ในความมืดสนิท

“อ้าว...อะไรอีกล่ะ”

คนบ่นงึมงำกำลังจะลุกไปเช็คหลอดไฟแต่ก็ยั้งตัวไว้ทันเมื่อหน้าจอมีแถบสีส้มกระพริบวูบวาบขึ้นมาใต้ชื่อ...แสนยากร...

ไม่จริงน่า อย่าบอกนะว่าโอกาสที่หล่อนรอคอยจะจับเงินหมื่นเงินแสนมันมากองตรงหน้า

หูตาหล่อนพราวพรายอย่างมีความหวัง

รีบกลับนั่งลงก้มหน้าก้มตาเปิดขึ้นดูทันที

“ผมแสนยากร...” คำแนะนำตัวสั้นๆเพียงเท่านั้น

เนื้อตัวของพรรณรังสีระริกร้อนผ่าวด้วยความปลาบปลื้มยินดี

“หนิง พรรณรังสีค่ะ”

“ที่ใช้นามแฝงว่า พน. ตามเว็บบอร์ดใช่ไหมครับ”

“เคยเห็นด้วยเหรอคะ”

แบบนี้ก็เข้าทางอีกรายแล้วสินะ...

ทว่าคำตอบจากอีกปลายทางก็ช่างทำให้ใจของหล่อนฟุบแฟบลงได้ดีนักสมกับนิยามนักเขียนปากร้ายลึกลับในเว็บไซต์แท้ๆ

“เห็นครับ แต่ไม่เคยสนใจ!”

แสนยากรเป็นคนแรกที่ทำให้พรรณรังสีรู้สึกว่าความโอหังของหล่อนถูกโยนใส่หน้ากลับคืนมา

หมอนี่มันอวดดี...พรรณรังสีจับความเย็นชาในแต่ละข้อความที่ถูกส่งมาได้หรอกนะ ถึงกระนั้นความหวังของหล่อนยังจำเป็นต้องมีเขา ทำให้ไม่อาจเมินหน้าหนี

หล่อนวาดภาพชายหนุ่มผิวขาวหน้าตานิ่งขรึมเอาไว้หลังบทสนทนาเหล่านั้น

สักวันเถอะหล่อนจะนัดเจอตัวจริงเพื่อเอาภาพลงในเว็บไซต์ให้ได้ คงมีคนอยากเห็นกันเต็มทีแล้วกระมังว่าคนอย่างแสนยากรเป็นแบบไหนกัน

เฉพาะตอนนี้ที่พรรณรังสียังคงต้องปั้นหน้ายิ้ม

“หนิงเป็น Editor เว็บไซต์ค่ะ” หญิงสาวส่งลิงค์ไปให้ดู “ตอนนี้มีหลายๆคนมาโปรโมทนิยายในเว็บไซต์เรา ขนาดบรรณาธิการสำนักพิมพ์ใหญ่ๆยังเข้ามาดูงานเลยนะคะ อย่างคุณกรรบูรนี่ก็สนิทกัน...คุยกันทุกวันค่ะ...เขาเขียนนิยายด้วยก็เลยเอามาอัพลง ว่างๆก็ดูงานพวกน้องๆนักเขียนในนี้เผื่อมีเข้าตากรรมการ”

“มันเกี่ยวกับผมตรงไหนครับ”

ให้ตายสิ! เขาไม่รู้จักตื่นเต้นบ้างเลยหรือไงนะ

“คุณแสนยากรไม่สนใจจะมาลงนิยายบ้างเหรอคะ”

“ผมเขียนแค่เรื่อง เงาบรรณ ตอนนี้ลงที่เว็บไซต์คืนฝันกลางจันทร์ยังไม่จบ”

พรรณรังสีรีบขัดทันควัน “ลงอีกที่ก็ได้ค่ะ ลงเยอะๆยิ่งดีนะคะ เป็นการหาแฟนคลับ...”

ยังพิมพ์ไม่ทันจบคำก็มีเสียงของหนักทึบตันร่วงหล่นลงทางด้านหลังทำให้พรรณรังสีสะดุ้งและเอี้ยวกายมองฝ่าความมืดไปยังส่วนที่ตั้งเตียงนอนเอาไว้

หล่อนเห็นเพียงเงาไม้ที่ผ่านหน้าต่างวูบไหวโอนเอนแช่มช้าราวกับมือยาวๆระเกะระกะของสิ่งที่มิใช่มนุษย์แกว่งไกว

ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงจิตนาการยามที่อยู่เพียงลำพังก็เท่านั้นเอง

พรรณรังสีกลืนน้ำลายและพยายามนับหนึ่งถึงสิบตั้งสติในใจ

เมื่อหันกลับมาอีกครั้งจึงอ่านทวนข้อความนั้นและพิมพ์ต่อไปว่า

“...ถ้ามีแฟนคลับเยอะ เราดังเมื่อไหร่ จะส่งนิยายพิมพ์ที่ไหนก็ได้นี่คะ”

อีก ตุ้บ!

มือที่พิมพ์ระรัวชะงักงัน กำแน่น พยายามไม่หันไปมอง พรรณรังสีมั่นใจว่าในห้องหล่อนไม่มีสิ่งของบนที่สูงซึ่งสามารถร่วงหล่นได้เลยแม้แต่ชิ้นเดียว!

รวบรวมสติคืนได้จึงพยายามต่อบทสนทนาที่เริ่มไม่ค่อยจะเข้าที่เข้าทางอีกต่อไปเพราะใจมัวพะวงกับความมืดรอบกาย

“ได้ยินว่าคุณเคยพูดถึงกรณีมีนักเขียนของเว็บไซต์ที่หนึ่งเสียชีวิตเพราะถูกฆ่าตายก่อนนิยายจะออกพิมพ์”

จู่ๆแสนยากรก็นำเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

“คะ...อ๋อ...” ทบทวนความจำครู่เดียวก็นึกออก “รายนั้นข่าวนานหลายเดือนแล้วนี่คะ พูดไปก็น่าขำนะคะ จะบอกว่านักเขียนรายนั้นสงสัยจะโดนแฟนคลับฆาตกรรมมากกว่า...ก็แหมเขียนอะไรมาให้อ่านก็ไม่รู้ ขยะวรรณกรรมชัดๆเลย”

ความขบขันทำให้พรรณรังสีเผลอหัวเราะออกมาจริงๆ

แม้จะมีคนเคยติงหล่อนว่าไหนๆอีกฝ่ายก็ตายจากไปแล้วไม่น่านำมาเยาะหยัน ในเมื่อตัวงานนั้นก็ไม่ได้เผยแพร่และถูกลบหายไปในเวลาไม่นานนัก

อันที่จริงพรรณรังสีไม่ได้อ่านงานเขียนนั่นหรอก หล่อนก็แค่มองว่านักเขียนรายนั้นไม่น่าจะมีปัญญาส่งที่ใหญ่ๆ เพราะไม่งั้นป่านนี้น่าจะอวดโอ่ไม่ใช่เพียงตอบแบ่งรับแบ่งสู้ว่างานผ่านกำลังจะตีพิมพ์แล้วหายเงียบไปโดยฉับพลันภายในไม่กี่วัน

“ชื่ออะไรนะคะ...อคิน...ใช่ไหมคะ คุณแสนยากรเคยอ่านงานเขาหรือเปล่า”

“มีคนบอกผมว่าอันที่จริงเขาไม่ได้ถูกฆ่าตาย”

“แล้วเขาหายไปไหนจนแฟนคลับกลุ่มเล็กๆออกมาโพสต์ไว้อาลัยแบบนั้น อย่าบอกนะคะว่าแค่สร้างเรื่องหายตัวไปแล้ววันหนึ่งจะกลับมา”

ไม่มีคำตอบจากแสนยากรราวกับชายหนุ่มหายไปพ้นหน้าจอ...

คราวนี้เสียงของหล่นนั้นดังใกล้เหมือนเฉียดด้านหลังพนักเก้าอี้ พรรณรังสีสะดุ้งวาบเย็นสันหลัง

หล่อนพิมพ์ข้อความสุดท้ายโดยพลันว่า

“ถ้าคุณแสนยากรอยากเป็นนักเขียนดังก็ต้องโปรโมทตัวเองค่ะ สนใจอยากลงนิตยสารออนไลน์ของหนิงก็บอกได้นะคะ พรุ่งนี้หนิงจะทำบทสัมภาษณ์ส่งไปให้ทางอีเมลก่อน คุณจะได้อ่านดูแล้วตัดสินใจง่ายขึ้น”

จบคำหว่านล้อมที่คลิกส่งไป พรรณรังสีก็ไม่ทำแม้แต่จะปิดจอคอมพิวเตอร์

...ห้องนอนบ้าๆนี่มันต้องมีอะไรสักอย่างอยู่แน่ๆ!

หล่อนเผ่นออกจากเก้าอี้ราวกับฝีเท้าติดสปริง พุ่งกระชากประตูเปิดออกและวิ่งลงบันไดไปยังห้องรับแขกชั้นล่างที่ใครต่อใครนั่งดูทีวีอยู่

ทิ้งให้ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบสงัด

หน้าจอสนทนากระพริบรัวเร็วผิดปกติอยู่ครู่ใหญ่ ใครบางคนที่ซ่อนตัวอยู่ลึกเข้าไปในมุมห้องกลับค่อยก้าวเดินตรงออกมาอย่างช้าๆทว่าฝีเท้ากลับมั่นคง ก้มลงจับเม้าส์เลื่อนไปปิดจอสนทนาที่พรรณรังสีพูดคุยกับแสนยากร

ใบหน้าของเขาถูกซ่อนอยู่ในเงามืดมัว...

เสียงสิ่งของตกกระทบพื้นดังขึ้นอีกครั้ง มันกลิ้งหลุนๆตรงมาชนขาโต๊ะและหยุดลง

เขาทำเพียงก้มลงไปดู

...ก็แค่เสื้อผ้าชุดเดียวที่มัดพันกันแน่นหนาจนเป็นก้อนกลม...

แต่เมื่อมันค่อยๆกลิ้งอีกหนคล้ายมีแรงลมมาปะทะ ไปสู่พื้นที่ว่างส่วนที่แสงสว่างนอกหน้าต่างยามม่านถูกลมพัดปลิวส่องตกต้องลงมา จึงเห็นจะแจ้งต่อนัยน์ตาว่าเสื้อผ้าชุดนั้นชุ่มโชกชโลมไปด้วยโลหิต!


















 

Create Date : 09 กรกฎาคม 2552
4 comments
Last Update : 10 มีนาคม 2559 20:09:58 น.
Counter : 616 Pageviews.

 

คุณพลอยคะ ในวงการนี้มีคนอย่างพรรณรังสีอยู่จริงหรือเปล่าคะ
ยิ่งอ่านยิ่งลุ้นค่ะ ใครเป็นคนฆ่าอคิน

 

โดย: peerisa IP: 124.120.209.162 9 กรกฎาคม 2552 19:38:07 น.  

 

^ ^
เป็นคำถามที่พลอยตอบได้ยากจริงๆค่ะคุณพีริสา...

แต่คำถามเดียวกันนี้หากแอบสะกิดถามพี่น้องผองเพื่อนนักเขียนอีกหลายคนและหลากหลายสำนักพิมพ์อาจได้ยินคำตอบอันหนักแน่นตรงกัน

ส่วนจะเป็นคำตอบใดนั้น...เดาไม่ยากใช่ไหมคะ...

 

โดย: ploy666 IP: 124.157.188.110 10 กรกฎาคม 2552 7:14:46 น.  

 

แสนยากร says: อิหนิงแกไม่ได้ตายดีแน่...
พรรณรังสี says: อย่าค่ะ ! ฉันยังอยากอยู่ให้ถึงวันที่สนพ.เบิกฟ้าจัดงานเสวนาที่ริมสระอโนดาต ...ขอร้องละ อย่าเข้ามา ม๊ายน๊าาาาาา !....... *0*

 

โดย: อั้ม-อัสสมา IP: 124.121.68.176 11 กรกฎาคม 2552 17:19:14 น.  

 

อัสสมาวาดปกนะ อย่าหลุดคิวมาเขียนบทนิยายสิคะ
แหมๆ อินเข้าขั้น...คนรู้กันก็แบบนี้แหละเนอะ คุคุ

แต่หลายมุขมันก็เขียนลงไปไม่ได้นี่นา ขออภัยเจ้าค่ะ ^ ^

 

โดย: ploy666 (ploy666 ) 12 กรกฎาคม 2552 10:26:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ploy666
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




หนังสือที่มีวางจำหน่ายเฉพาะในบล็อก
https://ploy666.bloggang.com




ชื่อเรื่อง : เศวตธามัน (บัลลังก์ศศิธรา)
นามปากกา : สิตาปางค์
ประเภท : จินตนิยาย , โรแมนติก
รูปเล่ม : ขนาด 700 หน้า A5
ออกแบบปก : Little thing

ราคา : 850.- บาท
สินค้าหมด

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=ploy666&group=28

สั่งซื้อที่ : .........

หมายเหตุ : งดใส่ลายเซ็นนักเขียนทุกกรณีค่ะ

** ***********************************



ชื่อเรื่อง : เงาบรรณ
นามปากกา : ลายน้ำ
ราคา : 259.- บาท
สั่งซื้อที่ (ยุติการสั่งซื้อ)

สินค้าหมดค่ะ



****************

นิยายที่อัพล่าสุดคือเรื่อง

รอยทรายบนลายรัก
...และ...
กระต่ายในใจจันทร์



***********

เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่า
ทนไม่ไหวแล้ว...
จงเรียนรู้ ที่จะขอความช่วยเหลือ

โลกไม่ได้โหดร้ายเกินไปนัก
ผู้คน ก็ไม่ได้ใจร้ายไปซะทั้งหมด

เป็นกำลังใจให้ค่ะ...


Ploy666.



************

หมายเหตุสักนิดค่ะ...

ถ้าเป็นไปได้ งดการแปะรูปใส่คอมเม้นท์นะคะ
เจ้าของบล็อกเข้าหน้าจอไม่ได้จ้า เน็ตห่วยมากมาย

ขอบคุณคนใจดีทั้งหลายล่วงหน้าค่ะ


**************

เนื้อหาต่างๆที่อัพในบล็อก
สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย


Friends' blogs
[Add ploy666's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.