Ploy Journey Journal.........Welcome to my world
Group Blog
 
<<
เมษายน 2560
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
24 เมษายน 2560
 
All Blogs
 
Syria before War.. ซีเรีย ไม่ซีเรียส






ความจริงที่อยากสารภาพ...



จริงๆแล้วเดินทางไปเที่ยวในซีเรียเยอะมาก แต่อิฉันจำไม่ได้ว่ามันคือที่ใดกันแน่ เมื่อมาเปิดรูปภาพดูเพราะมันดูคล้ายๆกันไปหมด เมืองโบราณก็มีแต่เสา column กะเมืองพังๆเหมือนกันทุกที ถ่ายภาพออกมาดูแล้วเหมือนจะซ้ำกันแต่ต่างที่ต่างเวลาค่ะ  พอเอาเข้าจริงกลับแยกไม่ออกว่าในรูปนี้มันคือที่ใดกันแน่  อิฉันจึงเอาคร่าวๆมาให้ชมกันพอหอมปากหอมคอนะคะ เผื่อว่าใครอยากจะไปซีเรียแล้วตอนนี้ยังไม่กล้าไปค่ะ   ดูเล่นๆไปก่อนเมื่อท่านได้ไปมาแล้วอย่าลืมมาอัพเดทให้ยัยพลอยดูนะคะว่าสถานที่ท่องเที่ยวได้เสียหายเปลี่ยนไปประการใดบ้าง  หลังจากภาพทั้งหมดที่ยัยพลอยถ่ายมาตอนปลายปี 2010  หลังจากนั้นไม่นาน ISIS ก็เริ่มจัดการยึดพื้นที่  ปี2011 ซีเรียก็เข้าสู่สงครามกลางเมืองเต็มรูป ด้วยเวลาที่ผ่านไปเนินนานมากทำให้ยัยพลอยก็ค่อนข้างลืมเลือนสถานที่ต่างๆไป นอกจากภาพที่นำมาให้ชมแล้วยังมีรูปหลายสถานที่ของประเทศนี้ที่อยู่ในคลังภาพ รอยัยพลอยระลึกความทรงจำ  matching ระหว่างภาพกับสถานที่   ฉะนั้นถ้าบทความนี้ มีความผิดพลาดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้นะคะ  ส่วนท่านใดที่จำได้ว่ายัยพลอย Match ผิด inbox มาบอกให้ย้ายภาพไปให้ตรงกับชื่อสถานที่ได้นะคะ .. ยินดีค่ะ 



..................................  💟 .................................




เมื่อฟังข่าว ISIS ทำลายเมืองหลายเมืองของซีเรีย ก็รู้สึกเศร้าใจและเสียดายที่เมืองประวัติศาสตร์เก่าแก่เหล่านี้จะถูกทำลายจนวอดวาย จึงอยากเอาประสบการณ์ที่เคยไปเห็นไปฟังมา มาเล่าให้ทุกๆคนฟังว่าซีเรียเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่ classic และ สวยงามเพียงใด  แต่ต่อจากนี้ไปไม่รู้อีกนานเท่าไหร่ที่เราจะสามารถกลับไปเห็นโบราณวัตถุเหล่านั้นได้อีก และมันจะยังเหลือให้เราดูอีกไหม ทั้งหมดทั้งปวงก็คำคำเดียว คือ "สงคราม" 💣 มันทำลายทุกสิ่ง มันไม่เคยละเว้น ไม่เคยปราณีไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิต  ภาพต่างๆในบทความนี้อิฉันได้เก็บภาพมาครั้งไปเที่ยวก่อนเกิดสงครามแค่ไม่ถึงเดือน จึงอยากเอามาให้ชมกันว่าเมืองและสถาปัตยกรรมเก่าๆของซีเรียมันสวยงามและมีคุณค่าเพียงใด





เริ่มจากดิฉันเดินทางท่องเที่ยวที่ Jordan ก่อนแล้วข้ามแดนพรมแดนจากทางเหนือเพื่อเข้าซีเรียทางใต้ VISA ซีเรียก็ขอ on Arrival ที่ด่านข้ามแดนระหว่างซีเรีย-จอร์แดน   ส่วน Jordan ณ ตอนนั้นก็ขอ On Arrival ได้เหมือนกันที่สนามบิน Amman   เมืองหลวงของซีเรีย คือ Damascus  ผู้คนส่วนใหญ่เป็นชาวอาหรับ และ อาร์มาเนี่ยน ส่วนใหญ่นับถือศาสนามุสลิม ฉะนั้น NO หมู Allowed นะจ๊ะ  เมืองดามัสกัตมีความสำคัญและเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่ 2400 กว่าปีก่อนพุทศักราช ฉะนั้นเก่าจริงเก่าจังค่ะ ไม่แอ๊ปว่าเก่า



กลับมาต่อเรื่องของเรา...

เมื่อสะบักสะบอมกะเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองแล้ว คืองี่เหง้าขั้นเทพอะค่ะ  ในที่สุดก็ข้ามแดนมาได้ด้วยวิธีแบบ AmazingSyria เป็นที่สุด   คนขับรถของอิฉันแสดงอภินิหาร ร่วมกะท่าน Andrew Jackson จากสหรัฐอเมริกา กระโดดโจมตีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองซีเรียฉากใหญ่อย่างรวดเร็ว ให้อิฉันชมกันจะๆ คาตา  หลังจากติดอยู่ที่ต.ม.นานมากกกก  ก็ผ่านฉลุยทันที    เรื่องมีอยู่ว่า เอกสารครบ ทุกสิ่งมี แต่เจ้าหน้าที่จะดูๆๆๆ พลิกจนพาสปอร์ตอิฉันปลิ้นแล้วปลิ้นอีก ก็ไม่สแตมป์ ใครจะทำไม... คนรถจึงเดินมาถามอิฉันว่าทำไมนานจัง ยังไม่เสร็จเหรอ  อิฉันตอบว่ายังไม่เสร็จ    เท่านั้นหล่ะ  คนรถก็เริ่มการแสดงสดทันทีด้วยการพ่นภาษาอาหรับรัวๆๆๆ ใส่เจ้าหน้าที่  แล้วหันมาขอเงินยูเอสจากอิฉันไป อิฉันก็งงๆขอทำไมฟระ  ฮีพูดโวยๆวายๆ (คือคนแขกเวลาพูดธรรมดาก็อาจดูโวยวาย เสียงดัง อยู่แล้ว อิฉันไม่รู้ว่า ฮีแสดงละครหรืออะไร)  ฮีขยำธนบัตรแบบคนโมโหแล้วเขวี้ยงเข้าไปในเค๊าเตอร์ตม.แบบเฉียดหัวเจ้าหน้าที่ไปกองอยู่ที่พื้น  แบบตรูโมโหจัดละนะ     เรา 2 คนได้แต่หันหน้ามองกันด้วยความตกตะลึง  ขณะที่เรากำลังตะลึงอยู่นั้น หูของเราก็ได้ยินเสียงที่สแตมป์เอกสารทำงาน ดัง "ปั้ก" และก็อีก "ปั๊ก" ต่อกัน  แล้วหนังสือเดินทางก็มาวางข้างหน้าเราอย่างเร็ว  เราก็รับและผ่านเข้าเมืองมาแบบมึนๆ  


เมื่อเข้าประเทศแล้วหันหลังกลับไปมอง 2 ประเทศนี้ ถูกกั้นไว้ด้วยลวดหนามเล็กๆเพียงเท่านี้ที่ชายแดน

ฉะนั้น การเดินทางเข้ามาทางใต้ของอิฉัน จึงแสดงให้เห็นว่า ประเทศนี้ติดกับ จอร์แดนทางทิศใต้, ตะวันตกเป็น เลบานอนและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน,  ทิศเหนือจรดประเทศ ตุรกี,  ทิศตะวันออกติด อิรัก, และตกเฉียงใต้ ติด อิสราเอล 




ภาพที่เห็น ไม่ได้แปลกตาไปจากเดิมคือ จอร์แดนเท่าไหร่นัก  แต่ที่เพิ่มเติมคือ ความสะอาด (ที่ลดลง)




เมืองแรกที่แวะชมคือ Borsa


เป็นเมืองเก่าแก่แห่งหนึ่งของโลก มีอายุกว่า 3,300 ปี ในสมัยฟาโรห์ ทุทโมซิสที่ 3 แห่งอียิปต์ ก็มีการกล่าวถึงเมืองนี้แล้ว  ซึ่งเมืองนี้เคยเป็นเมืองหลวงทางตอนเหนือของอาณาจักรนาบาเทียร (Nabatien) ในยุคโรมัน ปี คศ 106  ส่วนเมืองหลวงทางตอนใต้ในสมัยนั้น คือ Petra (Jordan)  ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1980


ทางเข้าประตูเมืองสมัยก่อน




ทางเข้าเมือง




เมืองนี้สมัยก่อนสำคัญมากเพราะเป็นจุดแวะพักการเดินทางสำหรับผู้ที่จะเดินทางไปเข้าร่วมพิธีฮัจย์ที่เมืองเมกกะในซาอุดิอาระเบีย




เดินเข้าไปชมด้านใน



มีวัตถุโบราณตั้งให้ชม  มากมายทั้ง outdoor และ indoor



ถูกสร้างในศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสตกาล โดยพวกนาบาเทียน ทำจากหินภูเขาไฟ มีวิหาร โบสถ์ โรงอาบน้ำ




ใครมิทราบได้ หน้าตาน่ารักดี มีแต่หัว  อาจเป็นนาบาเทียนบางคน 55




นี่ก็อาจจะเป็น นาบาเทียบางคนอีกเช่นกัน แต่ดูคุ้นๆ 555  มีgimmick แบบโลกปัจจุบัน  ปล่าวหรอกอิฉันเห็นรูปั้นโบราณมันโชว์อยู่กลางแจ้ง จับได้ สัมผัสได้ อิฉันเลยขอซะหน่อย





มีโรงละครกลางแจ้ง Roman Amphitheatre ซึ่งถือว่าเป็นโรงละครโรมันที่ใหญ่ที่สุดในโลก สามารถจุคนได้กว่า 15,000 คน  ช่องด้านล่างเป็นที่ปล่อยสัตว์ประเภทสิงโต เมื่อมีงานแข่งขันวัดความแข็งแรงของคนกับสัตว์ในสมัยโบราณ





ที่นั่ง   ถ้าตอนนั้นมีโดรนคงจะดีไม่น้อย จะได้เก็บภาพให้มันจุใจกว่านี้




ทางเดินเข้าไปด้านในเวทีแสดง




ทางออกของนักแสดงจากหลังเวทีเข้ามาที่state




VIP Seat มีพนักพิงหลังด้วย  ทุกสิ่ง หินล้วนจร้าาา ไม่มีเบาะนุ่มๆก้นนะจ๊ะ VIP




ภาพของยังพลอยมันไม่ค่อยจะสมบูรณ์นัก จึงขอยืมภาพมาจาก wiki มาให้ชมกันนะคะ


cr: https://en.wikipedia.org/wiki/Syria#/media/File:Sy_bosra_divadlo_hlediste.jpg




ที่เมืองเก่า Borsa




โดนพวกโรมันทำลายเกือบหมด






ทุกสิ่งยังคงเป็น Original นะคะ




แต่ก็ยังมิวาย ยังมีคนอาศัยอยู่จริงนะคะ




มีร้านขายของที่ซอกตึก ซึ่งทั้งตึกแทบไม่มีทรง เพราะมันพังทลายเกือบหมด




ยิ่งใหญ่ ไฟกระพริบมากค่ะ







Original แม้กระทั่งพื้นถนน  มันถูกเหยียบย่ำมานานเท่าไหร่แล้วหนอ คิดว่า 1000ปี ยังน้อยไป




Bosra Citadel




หลุดออกมาจากเมืองเก่าเข้าปัจจุบัน





ชมเสร็จตรงเข้าที่พักในเมืองหลวง คือ Damascus



เมืองมาอาลูล่า (Ma'aloula)


ที่นี่เป็นชุมชนชาวคริสต์ ที่ยังคงสื่อสารกันด้วยภาษาอาราไมท์ (Aramaic)  จึงเป็นที่มาของการเรียกเมืองนี่ว่า ประตูสู่อารยธรรมของชนเผ่าอาราเมียนของเผ่าอาราไมท์  ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้เมื่อตอนที่พระเยซูยังมีชีวิตอยู่เมื่อกว่า 3,000ปีที่แล้ว ซึ่งมีที่นี่ที่เดียวที่ยังคงใช้ภาษานี้อยู่




เมืองน่ารักดีนะคะ



ภาพวาดเป็นแผนที่บอกทางของเมือง น่ารักซะจริง



ภาพวาดน่ารักๆ บอกคำอธิบายสถานที่ใต้ภาพวาด




โบสถ์ St.Serge


อายุมากกว่า 2,000ปี สร้างขึ้นจากหิน ไว้ใช้ประกอบพิธีสำคัญต่างๆ  ในโบสถ์มีภาพเขียนสีเฟรสโก  มีแท่งหินศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ในการบูชายันต์ตั้งแต่อดีต  ด้านในมีแม่ชีมืดค่ะ และห้ามบันทึกภาพ


เห็นประตูทางเข้าไหมคะ ด้านท้ายรถ




มันเล็กเตี้ยเยี่ยงนี้ เพราะสมัยก่อนศาสนาคริสเป็นศาสนาต้องห้ามที่นี่ค่ะ เค๊าแอบเข้าโบสถ์กันลับๆ




โบสถ์ เซนต์เทกีอะ



เชื่อกันว่านักบวช เซนต์เทกีอะ ได้นำสารจากพระเจ้า และโดนทหารไล่ล่ามาที่นี่





ซึ่งเป็นทางตัน ท่านจึงอธิฐานให้รอดพ้นภัย จากนั้นภูเขาทั้งลูกก็แยกออกจากกัน ทำให้เกิดทางแคบๆที่ช่องเขา




มันดูเหมือนว่าเป็นทางตันจริงๆค่ะ




แต่มันเป็นช่องเขา  มันแค่หลอกตาว่าตัน แต่จริงๆไม่




ท่านจึงหนีพ้นทหารไปได้  ซึ่งภูเขาแห่งนี้ก็คือโบสถ์  ภายในโบสถ์มีน้ำศักดิ์สิทธิ์ใครได้ดื่มจะทำให้สุขภาพแข็งแรงอายุยืน  แต่อิฉันก็มิกล้ากินค่ะ ได้แต่สัมผัสก็พอ




มาเมืองนี้ ตาไกด์บอกว่า you must try this  ก็แป้งนานเปล่าๆอะนะคะ ไม่เข้าใจความอร่อยเหมือนกัน แต่ตาไกด์กะคนขับรถดูเอนจอยมากมาย






เมืองปาล์มมีร่า (Palmyra)


เดิมชื่อ ทัดมอร์ แปลว่าความสวยงาม เมือนี้ถูกค้นพบในปี 1924 หลังถูกทำลายด้วยแผ่นดินไหวในปี 1089  เป็นเมืองโรมันเก่า ที่นี่ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO ในปี 1980 เป็นเมืองหน้าด่าน ที่เป็นศูนย์กลางการค้าและคาราวานที่สำคัญของโรมันและเปอร์เซีย  ตามหลักฐานว่าเมืองนี้มีมาแต่กว่า 4,000 ปีที่แล้ว ซึ่งสมัยก่อนนอกกจากจะมาทำการค้าแลกเปลี่ยนกันแล้ว ที่นี่ยังเป็นที่พักคาราวานที่ขนสินค้าไปขายระหว่างเอเซียอย่าง จีนและอินเดีย ไปยังยุโรป เมืองนี้จึงเป็นเมืองที่รำ่รวยเพราะการเก็บภาษีจากกองคาราวานที่ผ่าน


ที่นี่เป็นโอเอซิสที่มีความสมบูรณ์มาก




สถาปัตยกรรมต่างๆก็ยังคงสมบูรณ์  แต่ตอนนี้คงไม่เหลือ




ในสมัยโบราณคงธรรมดามากสินะ  แต่พอมาดูสมัยนี้มันดูยิ่งใหญ่รัชดาลัยเธียร์เตอร์มากค่ะ




วิหารของเทพเบล: ซึ่งเชื่อว่าท่านเป็นเทพที่ปกครองเทพทั้งปวง




ตัวหนังสือที่สลักไว้ก็จางตามรอยจับและแดดลม




ชิ้นนี้นี่สุดยอดมากๆ  สมบูรณ์สุดๆ  สิ่งของทั้งหลาย เราสามารถจับต้องได้เลย ยังพลอยนี่รู้สึกเสียดายของมาก  ที่เค๊าปล่อยของจริงๆ origianl ไว้กลางแดดกลางฝนแบบไม่สนใจ จับได้ต้องยังไงก็ได้   ก็เลยบ่นกะอีตาไกด์ ให้ช่วย comment ไปที่รัฐบาล ฮีก็คงฟังๆไปงั้นๆ อิฉํนบอกว่าแล้วมันจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหนอะ ยูว์ให้คนมาจับมาลูบมาคลำ  ฮีบอกว่ามันก็อยู่มาเป็นพันปียังเป็นสภาพนี้ได้อยู่ แล้วก็ยักไหล่ แต่คงไม่ต้องบอกแล้วหล่ะ ISIS มันคงถล่มซะพินาศไปหมดแล้ว ไม่ต้องรักษาแล้วหล่ะ 555







ด้านในวิหาร






โรงอาบน้ำของพระราชินีเซโนเบีย ซึ่งเป็นราชินีของปาล์มมีร่า  ไม่ได้มีน้ำนะคะ และก็ดูไม่เหมือนที่อาบน้ำด้วยค่ะ  เป็นลานที่มองดูเหมือนลึกลงไปด้านล่าง  เพราะเรายืนชมอยู่ด้านบน แบบเป็น 2 สเตป





Valley of Tomb at Palmyra


หุบเขาแห่งสุสานโบราณ มีทั้งแบบ tower และ ฝังใต้ดิน  ก่อนคริสตกาล-ปี 150 จะฝังเป็น tower แบบอยู่คอนโดเลยค่ะ  บาง tower จุศพได้เป็น 100ศพ และต่อมาหลังจากนั้นนิยมฝังใต้ดิน  เข้าแค่อันเดียว ด้านในค่อนข้างมืด และกลิ่นก็อับๆ





ด้านใน  ศพทั้งนั้น




Agora เป็นส่วนหนึ่งของ complex ใน Palmyra  เคยมีเสาประมาณ 200 ต้น ยึดรูปปั้นไว้




ที่อาบน้ำของ Diocletian  ที่ตรงเสาแกรนิตจะมีร่องรอยของอ่าง อ่างอาบน้ำเค๊าจะแบบคล้ายๆสระว่ายน้ำนะคะ มีห้องแต่งตัว 8 เหลี่ยม  มีรูท่อน้ำทิ้งด้วยหล่ะ  วิวัฒนาการล้ำมากในสมัยโบราณ




ดูรวม


The Tetrapylon








เสาหินทรายที่ยังเนียนเรียบสวยกริ๊บ




ขนาดของเสาแต่ละต้น ไม่ได้เล็กเลยนะคะ  แล้วสมัยก่อนเค๊าขนย้าย ก่อสร้างกันยังไงเนี๊ยะ




ท่อส่งน้ำ




โรงแรมหรือบ้านเรือนก็ตั้งไม่ห่างจากตรงแถวนี้ค่ะ คือประมาณทำเละแล้วขยับไปเริ่มที่ใหม่





ด้านบนยอดเขา ไม่ไกลบริเวณโบราณสถาน มีปราสาทอยู่ด้านบน



ที่ปราสาท




วิวเมือง เมื่อมองลงมาจากด้านบน





สามารถมองเห็น Palmyra ได้โดยรอบ  สร้างอาณาจักรอลังการดาวล้านดวงมากค่ะ 🙇




Palmyra ตอนกลางคืนบางส่วนมีเปิดไฟให้ชมด้วยค่ะ  ตอนขากลับจากการไปรับประทานอาหารเย็นเลยขอแวะชมหน่อย






Krak des Chevaliers


เป็นปราสาทแบบ Crusader ผสมผสานแบบไบเซนไทน์  สร้างในศตวรรตที่ 12 สร้างอยู่บนเนินเขา Jebel Kalakh ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาเลบานอน  สร้างเพื่อปกป้องพวกครูเสทรุกราน  แรกพวกครูเสทเข้ามาที่นี่ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1099 และผ่านออกไปในปี 1110 หลังจากนั้นจึงเริ่มสร้าง 


The Tower




The Chapel




รายละเอียดวิจิตรตลอด



เสายังสลักพระคัมภีร์




ช่องลับหนีภัยของกษัตริย์




ครัว




กำแพงปราสาท






โดยรอบ




Tower อีกทิศ



มีห้องต่างๆมากมาย ห้องครัว ห้องอาบน้ำ สารพัด



เมือง Hom


Mosque of Khaled Ibn al Walid





เมือง Hama : เป็นเมืองทางเหนือห่างจากDamascus ประมาณ 209 กม. 


ชมระบบการจัดการน้ำตั้งแต่สมัยไบเซนไทน์ ประมาณปี 1453



วงล้อไม้ผันน้ำเข้าเขื่อน และท่อส่งน้ำ



Apamea: ห่างจาก Hama ขึ้นไปทางเหนือประมาณ 55 กม.  มันเจ๋งขนาดไหนดูจากภาพ







Aleppo


เมืองนี้เราได้ยินอยู่บ่อยครั้งว่าโดนสงครามโจมตี เมืองนี้สวยงามมากน่าเสียดายจริงๆ เมืองนี้อยู่ทางเหนือ มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากดามัสกัตค่ะ  แผนผังเมืองค่ะ amazing ปะหล่ะ มาสร้างอยู่บนนี้




เมืองเก่า Alleppo




ป้อมปราการ Aleppo





ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCOในปี 1986







เข้าชมด้านใน




วิจิตรเหนือประตู





บนป้อม  รูนี้มีไว้ราดน้ำมันร้อนๆใส่ศัตรู



พร้อมด้วยกระสุนครบมือ



สต๊อกเพียบ




Aleppo Citadel  ยังคงความสมบูรณ์อยู่มาก




ที่โดมด้านบน เจาะรูให้แสงลอดผ่าน จากหลังคาโดม น่ารักดีค่ะ





เมื่อมองออกไปเห็นเมืองใหม่




ยังมีเมืองร้างอีกประมาณ 200 เมืองอยู่รายรอบ Alleppo 



Great Mosque of Aleppo






หอกระจายเสียงของสุเหล่า




เมืองใหม่





Damascus


เป็นเมืองหลวงของประเทศซีเรีย ที่เก่าแก่มากเมืองหนึ่งของโลก และมีประชากรอาศัยอยู่ต่อเนื่องมาตลอด คิดูสิว่า สุเหร่า โอมายาส ในดามัสกัตสร้างตั้งแต่ปี 660  แล้วมีเมืองมาก่อน มันจะเก่าขนาดไหน



National Museum ที่ Damascus


ที่นี่รวบรวมอารยธรรมของมนุษย์กว่า 1000 ปี น่าสนใจมากๆค่ะ มีของให้ชมเยอะแยะ รายละเอียดจัดเต็มค่ะ


ภาพด้านหน้าทางเข้าค่ะ  พลอยไม่แน่ใจว่าด้านในเค๊าห้ามถ่ายภาพหรือเปล่า ยังงงๆกะตัวเองอยู่ว่าภ้าสามารถถ่ายภาพได้ ทำไมตัวเองจึงไม่มีภาพของที่แสดงด้านในเลย





A'zem Palace


เป็นพระราชวังเก่าที่เหลือจากสมัยออตโตมัน  สร้างในศตวรรตที่ 18th




สุเหร่า Omayad Moque




สร้างเสร็จในปี ค.ศ.705 โดย โอเมยาร์ด คารีฟ มาร์วาน





รอบๆ






ระฆังบอกเวลามาละหมาดและหอกระจายเสียง




ไม่เพียงแต่ชาวมุสลิมเท่านั้นที่เดินทางมาละหมาด แต่ชาวคริสต์ก็มาสักการะพระเศียรของ St. John the Baptist ที่นี่ด้วย เพราะเชื่อว่าพระเศียรของท่านถูกฝังอยู่ภายในสุเหร่านี้




ต้องแต่งกายสุภาพ แบบฉบับคนมุสลิม ถ้ามิเช่นนั้นก็ต้องใส่ชุดคลุมที่เค๊ามีให้ยืมแบบอิฉัน และโพกผ้าที่ศรีษะก่อนเข้าด้านใน  คือกลิ่นก็.... คิดเองนะคะ เลยต้องใช้ผ้าของตัวเองโพก และหลุดไม่ได้นะคะ มีคนเข้ามาหาคุณทันที


ตรงที่กระจกสีเขียวเป็นหลุมศพนึงของศาสดาศาสนาอิสลาม




Holy Place เห็นเค๊าเอาหัวไปแตะ และสวดๆ หรือขอพรก็ไม่ทราบได้ค่ะ




ด้านข้าง Mosque มี Salaheddin Tomb  มีรูปปั้นท่าน Saladin อยู่ด้านหน้าค่ะ


ประวัติโดยย่อของท่าน Salaheddin คือ ท่านเป็นสุลต่านของอียิปต์และซีเรีย  คือจินตนาการว่าสมัยก่อนดินแดนแถบนี้ยังมีพื้นที่รวมๆกันอยู่ค่ะ แต่ปกครองกินพื้นที่ 2 ประเทศนี้อยู่  ท่านเป็นผู้ก่อตั้งราชวงศ์ Ayyubid, เป็นผู้เริ่มต้นเอาศาสนามุสลิมนิกายสุหนีห์เข้ามาให้พวกเคร์ต  ฮีเป็นผู้น้ำชาวมุสลิมต่อต้านพวกครูเสต  ประมาณผู้ชนะสิบทิศ ทำนองนั้น ท่านจึงมีความสำคัญกับผู้คนแถวนี้มากๆ  พลอยหารูปถ่ายที่นี่ไม่พบ แต่จำได้เลยมีรูปปั้นท่านทรงม้าอย่างยิ่งใหญ่อยู่  จึงขอใช้ภาพจาก gg นะคะ


Statue of Saladin



cr: https://en.wikipedia.org/wiki/Saladin#/media/File:Statue_of_Saladin_Damascus.jpg



Citadel of Damascus  


อยู่กลางเมืองเลยค่ะ ติดๆกะซูคที่เป็นตลาดขายของ ใกล้ซาลาดินด้วยค่ะ อยู่ละแวกเดียวกันหมดค่ะ เดินถึงกัน   อิฉันหารูปของตนเองไม่เจอขอใช้รูปจาก wiki มาให้ชมแทนนะคะ



cr:https://en.wikipedia.org/wiki/Citadel_of_Damascus#/media/File:Damaskus4.jpg



ผู้คนก็ยังใช้ชีวิตร่วมกับของเก่าอย่าปกติ รอบๆป้อม


cr.https://en.wikipedia.org/wiki/Citadel_of_Damascus#/media/File:Damascus-citadel.JPG



คือว่ารูปของอิฉันมันค่อนข้างเบลออย่างสูงค่ะ แต่อิฉันอยากให้เห็นความเป็นอยู่จริงๆที่โลกปัจจุบันอยู่ร่วมกับโบราณสถานยุคเก่าค่ะ





เมืองในปัจจุบันบางเขตก็ร่วมสมัย  สวยสะอาดดีค่ะ





Suqs Al Hamadiyyeh   ซูค หรือ ตลาดของคนแขก เก่าแก่มากกกก  อยู่ติดๆกับ Citadel




เป็นตลาด สถานที่ขายสินค้าสารพัน  ตลาดที่นี่เก่าแก่มากๆนะคะ




พี่ไกด์บอกต่อราคาได้ แต่ร้านไม่เห็นลดให้ และทำเป็นฟังไม่รู้เรื่อง  ไม่รู้ไม่ชี้




ส่วนใหญ่เป็นเครื่องเทศ ถั่ว และขนมหวาน




เดินออกมาไม่ไกลจากตลาด มีโบสถ์พระแม่มาเรีย St. Ananias's Church  ซึ่งเป็นแบบอยู่ในซอกหลีบมากเพราะสมัยก่อนคนนับถือศาสนาคริสต์ต้องหลบๆซ่อนๆ แต่ใช้ถือสัญลักษณ์ปลาแทน และเป็นที่รู้กันในหมู่คนคริสต์ว่าถ้ามีปลาเหมือนกันคือพวกศาสนาเดียวกัน


สมัยก่อนเชื่อว่ามีชายคนหนึ่ง ถูกส่งมาโดยพระเจ้า ได้มอบดวงตาวิเศษให้ชายตาบอด และแบปตีสให้ชายผู้นั้น สุดท้ายชายผู้นั้นกลายกลายมาเป็นบิช๊อปองค์แรกของ Damascus  ต่อมาวันดีคืนดีถูกสาปให้เป็นหินตอนอายุ 40 ปี   เสียดายด้านในเค๊าห้ามถ่ายภาพค่ะ




จากลาซีเรียไปแบบมึน แต่ประสาทต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา คนที่นี่มี trick or treat ให้ตื่นเต้นตลอดๆ จนกระทั่งไปนั่งรอที่ปากประตูเครื่องโน่นแหละค่ะ ถึงปล่อยวางได้หน่อย


overall Damascus



จากเวลานี้ไปคงอีกนานเลยทีเดียวที่จะสามารถเดินทางเข้าไปเที่ยวประเทศนี้ได้อีกครั้ง  ISIS จ๋าเลิกล้างแค้นเถอะจ๊ะ ทำไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร คิดซะว่าเพื่อมนุษยชาตินะจ๊ะ ถึงแม้พวกเค๊าจะไม่ได้ยินที่พูด ยัยพลอยก็อยากจะบอกให้โลกรู้ว่า สงครามไม่ได้มีอะไรดี ฉะนั้น หยุดเถอะค่ะ โลกนี้จะได้ค่อยๆฟื้นตัวกลับไปสู่ภาวะสมดุล ถ้าไม่ใช่เพื่อคุณ ก็เพื่อลูกหลานของคุณในอนาคตนะคะ




 . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .



Sending 💕 Love & Peace 👼  

To Syrian and People all over the world




- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


🌸Ploy Journey Journal🌸















Create Date : 24 เมษายน 2560
Last Update : 24 เมษายน 2560 20:05:37 น. 0 comments
Counter : 1894 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 3271775
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Hi guys, I'm "Ploy" who always have full of bucket list. It is because the world is gigantic, so step out 'n explore its. I write, i-dive, i-trek, i-run, i-yoga, i-blog, and I love good food. Let's follow the dream. สวัสดีค่ะ ชื่อ"พลอย"ค่ะ เป็นพวกชีวิตมีแต่บวก ไม่มีลบ Bucket list เต็มตลอดเวย์ อะไรๆก็เป็นลิสต์ที่ต้องทำก่อนตายสำหรับยัยพลอยทั้งนั้น (ก็โลกนี้มันกว้างใหญ่จะตายไป!) ไหนๆก็ได้เกิดมาบนโลกสวยงามใบนี้แล้วหนิ คิดแล้วจะรออะไร...เก็บกระเป๋า ก้าวเท้าออกมา โลกรอเราอยู่ (หรือความอยากรอเราอยู่) พลอยชอบขีดๆเขียนๆ, วิ่ง, โยคะ, ดำน้ำ, เทรค, และทุกทริปจะขาดไม่ได้เลยคือ อาหารอร่อย. มาออกเดินทางตามความฝันกับ "พลอย เจอนี่ เจอนั่น" ด้วยกันนะคะ... : )
New Comments
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 3271775's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.