Group Blog
 
<<
มีนาคม 2549
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
2 มีนาคม 2549
 
All Blogs
 

Crash หนังนี้มีอะไรที่มากกว่าการชนกันระหว่างคนขาวกับคนดำ



มองไปทางไหน ก็มีแต่คนถามคำถามคล้าย ๆ กันว่า นี่คุณชอบ Crash หรือ Brokeback mountian มากกว่ากัน ไม่ได้มีแค่ที่ไทยหรอกครับที่ถามคำถามนี้ ตาม web ต่าง ๆ ทั่วโลกก็ทำ poll ทำนองนี้เช่นกัน ถามเลยไปถึงว่าวันที่ 5 มีนาคมนี้ (ซึ่งเป็นวันนัดปิดบัญชี เฮ้ เดี๋ยว ...) ในงาน Academy Award ครั้งที่ 78 ว่า Crash หรือ Brokeback mountain จะได้รางวัล oscar กันแน่ (แบบคิดว่าเรื่องอื่นคงไม่น่าได้)

ก็หลายความเห็นครับ บางคนก็ว่าคณะกรรมการเกลียดเกย์ เลยไม่ยอมดู Brokeback mountain บางคนก็ว่า Brokeback mountian ดีกว่าเพราะว่าเข้าถึงคนกลุ่มใหญ่มากกว่า เนื่องจากเกย์มีทุกแห่งทั่วโลก ซึ่งปัญหาคนผิวดำมีแค่ที่ยุโรป กับ อเมริกาเท่านั้น คนที่ไม่ชอบ crash ก็ให้เหตุผลว่า วิธีการนำเสนอไม่ใช่วิธีใหม่ เป็นวิธีที่มีการใช้แล้ว ก็แล้วแต่ความเห็นครับ ทุกคนพยายามหาเหตุผลให้กับสิ่งที่ตัวเองรักอยู่แล้วครับ

แต่ผมชอบ Crash มากกว่ามากเลยครับ

แน่ละ พูดถึงคำว่า crash ถ้ายังไม่ได้ดูหนัง เราก็คงคิดในใจถึงเสียง เบรคดังเอี๊ยด แล้วก็โครม !! เสียงกระจกแตกตามมา แล้วก็ตามด้วยเสียงร้องให้ช่วย (ถ้าผู้ขับและผู้โดยสารยังไม่ตาย) และอาจจะตามมาคือไฟลุกไหม้ ตามด้วยระเบิด

ส่วนคนที่รอดชีวิต ก็จะตั้งคำถามต่าง ๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ หรือ นั่งคิดทบทวนว่า เกิดอะไรขึ้นนะ




ต่อจากนี้ไปจนถึง ขีดเส้นใต้อีกครั้ง จะเป็นเรื่องคร่าว ๆ นะครับ ถ้าไม่อยากอ่าน ข้ามไปอ่านใต้เส้นขีดแบ่งได้เลยครับ

ก็ครับ ตามคาด เข้ามาดูตอนแรก ก็เริ่มเรื่องด้วยอุบัติเหตุของตำรวจตัวเองก่อน แต่ไม่มีเสียงนะครับ แล้วก็ไม่ตาย แต่หัวกระแทกงง ๆ นิดหน่อย แล้วหนังก็พาเราย้อนไปดูเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น 1 วัน และหลังจากนั้นก็มีฉากอุบัติเหตุรถอีกแค่ 1-2 ฉากเท่านั้น

หลังจากค่อย ๆ ดูไปก็ต้องร้องว่า ให้ตายสิ เป็นหนังที่ใช้ดาราเยอะเหลือเกิน จะจำได้ไหมนี่ ตัวละครแต่ละตัวก็มีเรื่องของตนอยู่ เปรียบเหมือนเป็นเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งในหนังสือรวมเล่ม แต่ทว่าเรื่องสั้นเหล่านี้ มีความเกี่ยวข้องกันอยู่นะครับ เพื่อให้เข้าใจบริบท ขออนุญาตเล่าละเอียดนิดนึงครับ



เพื่อนวัยรุ่นคนดำสองคนเดินด้วยกัน บ่นว่าทำไมสังคมถึงดูถูกคนผิวดำนัก เหมือนเป็นพลเมืองชั้นสอง ระหว่างกำลังคุยกันอยู่นั้น ก็เห็นคนสามีภรรยาคนขาวเดินด้วยกันมา โดยฝ่ายภรรยาแสดงอาการกลัวคนผิวดำทำร้าย วันรุ่นทั้งสองจึงถามตัวเองว่า เกิดอะไรขึ้นนะ ท่าทางมันทำให้เหมือนโจรกระจอกมากเลยหรือไง ในที่สุดก็เลยตัดสินใจปล้นรถยนต์มาจากสามีภรรยาคู่นั้น



ที่แท้แล้วฝ่ายสามีนั้น มีตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งฐานเสียงคือคนดำ จึงไม่อยากให้มีข่าวในแง่ว่าคนดำเป็นคนไม่ดี แต่เหตุการณ์นี้ก็ตอกย้ำความกลัวให้กับฝ่ายภรรยา แม้ว่าจะเปลี่ยนกุญแจใหม่หมดแล้ว ก็ยังระแวงว่าช่างกุญแจ ซึ่งเป็นคนดำ จะแอบเอากุญแจสำรองไปให้โจรคนอื่นมาปล้นบ้านอีก ฝ่ายช่างกุญแจคงโมโห เพราะฟังอยู่นาน ก็เอากุญแจทั้งหมดวางไว้ให้ที่โต๊ะ

ตำรวจผิวขาวนายหนึ่งต้องดูแลพ่อที่มีปัญหาต่อมลูกหมากโต ทรมานมาก เพื่อให้พ่อต้องได้รับการรักษาตามสิทธิ์ เขาต้องให้เจ้าหน้าที่ sign เอกสารบางอย่างให้ (เหมือน sign รับรองการใช้สิทธิ์สามสิบบาทบ้านเรา) แต่ทว่าเจ้าหน้าหญิงที่ผิวดำไม่ยอมทำให้ อ้างเหตุผลต่าง ๆ นานา เช่นผิดขั้นตอนอะไรประมาณนั้น เมื่อตำรวจคนนั้นได้รับแจ้งว่ามีคนขโมยรถและทราบว่าเป็นคนผิวดำจึงรีบออกตามหาทันที ทว่าตำรวจนายนั้นขับรถออกตามหารถกันที่ถูกขโมยนั้น ระหว่างขับรถไปก็ไปพบสามีภรรยาคนดำคู่หนึ่งขับรถอยู่ จู่ ๆ ก็ตัดสินใจเลิกตามหารถคันที่ถูกขโมย แต่กลับจะมาเล่นงานรถคันดังกล่าวแทน !!!



ฝ่ายสามีคนผิวดำยอมให้ตำรวจผิวขาวแกล้ง ฝ่ายภรรยาคนดำจะขัดขืน ในที่สุดก็ถูกตำรวจนายนั้นลวนลาม โดยที่ฝ่ายสามียืนดูไม่เข้าช่วยเหลือเพราะไม่อยากให้เรื่องบานปลาย ก็อีกฝ่ายคุมกฎหมายอยู่ในมือ (เพียงแต่ไม่ทำตาม) ตำรวจคู่หูที่ตามมาด้วย พยายามทัดทานแต่ไม่เป็นผล ในที่สุดตำรวจคู่หูผู้มีอุดมาการณ์เห็นว่า ตำรวจคนแรกเป็นพวกเหยียดผิด เขาจึงขอเปลี่ยนคู่หู

ฝ่ายภรรยาคนดำเมื่อกลับถึงบ้านโทษสามีตลอดที่ไม่ยอมลุกขึ้นสู้ ฝ่ายสามีคนดำพยายามอธิบายว่า อีกฝ่ายเป็นคนขาวและคุมกฎหมายอยู่ จะสู้ไปก็ไม่เป็นผล คู่นี้จึงระหองระแหงกัน



สามีคนดำเป็นผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ ทำรายการได้ดี มีชื่อเสียง แต่ทว่า มีคนมาบอกว่า สำเนียงการพูด และ บุคลิกของเขา และผู้ร่วมงานของเขาดูไม่เป็นคนดำเลย เพราะวิธีการพูดของเขาดูเป็นคนขาวมากกว่า เขาจึงถูกขอให้เปลี่ยนวิธีพูด เพื่อจะได้รุ้สึกว่านี่คือคนดำ



ฝ่ายตำรวจผิวขาวที่ได้ลวนลามสตรีผิวดำ ในที่สุดก็ได้ทำหน้าที่ตำรวจโดยไม่คิดชีวิต คือเกิดเหตุรถยนต์พลิกคว่ำ และรถกำลังจะระเบิด ผู้ขับคือภรรยาผิวดำที่เขาได้ลวนลามนั่นเอง ตำรวจผิวขาวช่วยชีวิตภรรยาผิวดำได้สำเร็จ โดยตำรวจคิดว่าเป็นหน้าที่ และภรรยาผิวดำก็คงสับสนว่าไอ้นี่มันคนดีหรือคนไม่ดี แต่ก็คลายความเกลียดลงไปได้บ้าง และมีสำนึกขอบคุณ

วัยรุ่นผิวดำไม่รู้สึกว่าการขโมยรถคนผิวขาวผิด แต่ถ้าขโมยคนผิวดำด้วยกันสิผิด ในที่สุดก็บังเอิญไปขโมยรถของสามีคนดำเข้า ด้วยความตกใจเพราะผิดอุดมการณ์ตัวเอง ในที่สุดเขาก็ได้บทเรียน สามีคนดำบอกว่า You embarrassed me. You embarrassed yourself.



ฝ่ายตำรวจผู้มีอุดมการณ์ ได้ทำตามอุดมการณ์ของเขาคือ ไม่เหยียดผิว เขาพบสามีคนดำกำลังถูกยิง เพราะถูกสงสัยว่าขโมยรถ(รถของตัวเองนั่นแหละ) เพราะตำรวจผู้มีอุดมการณ์จำได้ว่าสามีคนดำเป็นเจ้าของรถจริง (ก็เจอวันที่คู่หูเขาลวนลามภรรยาคนดำ) และเขายังเอื้อเฟื้อให้วัยรุ่นคนดำนั่งรถไปด้วยได้ แต่ทว่าในที่สุด เขาก็เผลอลั่นไกยิงวัยรุ่นคนดำ เพราะคิดว่าวัยรุ่นคนดำหัวเราะเยาะ และกำลังจะชักปืน ตำรวจผู้มีอุดมการณ์ไม่รู้จะทำอะไรนอกจากจะเผารถของตัวเอง เพื่อทำลายหลักฐาน และเอาศพไปทิ้ง พร้อมกับสงสัยในอุดมการณ์ของตัวเอง ว่านี่มันอะไรกัน

ช่างกุญแจคนดำ ไปซ่อมกุญแจให้กับ ร้านของชำของชาวเปอร์เซีย แต่ทว่าเขาพบว่าปัญหาอยู่ที่ประตู ไม่ใช่ที่กุญแจ จึงแนะนำให้เปลี่ยนประตู เจ้าของร้านชำไม่ฟัง ในที่สุดร้านก็ถูกปล้นโดยวัยรุ่นคนดำ เจ้าของร้านชาวเปอร์เซียแค้นใจมากจึงจะไปยิงช่างทำกุญแจคนดำ แต่ทว่าลูกสาวของช่างทำกุญแจวิ่งมาบังวิถีกระสุน

แต่ไม่ตาย !!! เพราะว่าเป็นกระสุนของปลอมที่ลูกสาวเจ้าของร้านชำซื้อเอาไว้ให้ เจ้าของร้านรับรู้เหตุการณ์นี้ว่า เป็นปาฏิหารย์ที่มีอยู่ในสังคมที่เหลวแหลกนี้ จึงทำให้เด็กไม่ตาย และเขาไม่ต้องเป็นฆาตกร



ภรรยานักการเมือง ผู้ระแวงเขาไปทั่ว ไม่เว้นแม้แต่แม่บ้านซึ่งไม่ใช่คนขาว แต่ในที่สุดก็พบว่าเพื่อนคนขาวก็ไม่ใช่เพื่อนในยามยาก แต่คนที่ใกล้ชิดที่สุดกลับเป็นแม่บ้านนี่เอง

มีเรื่องย่อยกว่านี้อีกนะครับ เล่าไม่ไหวแล้ว




ว่ากันต่อนะครับ ว่าผมชอบอะไรในมัน

ผมมองว่า Crash แปลว่า "การล่มสลาย" หรือ "collapse" ก็ได้ครับ เป็นการพังทลายของสิ่งต่าง ๆ ตลอดที่เราอ่าน เราได้เห็นการชนกันในหลายรูปแบบ แบบหยาบ ๆ คือ รถชน แบบละเอียดขึ้นคือ การกระทบกระทั่งของคนมากกว่า 1 คน ละเอียดไปมากกว่านั้น คือการชนกันระหว่างความคิดเห็น ยิ่งไปกว่านั้นคือ การขัดแย้งไปในจิตใจของตน คือระหว่างมโนธรรมอุดมการณ์กับประสบการณ์ที่เป็นจริง

และในที่สุด ก็คือการล่มสลายของอุดมการณ์ อารมณ์ ความรู้สึก

ทุกคนในเรื่องนี้มีอุดมการณ์ทั้งนั้นล่ะครับ บางคนอาจจะคิดว่ามันเป็นความเห็นบ้า ๆ บอ ๆ ก็ได้

บางคนมีความคิดว่า ต้องไม่ทำร้ายคนพวกเดียวกัน แต่ทำร้ายคนอื่นไม่ผิด โดยไม่เคยคิดว่ามันจะทำให้สังคมเป็นอย่างไร และไม่เคยคิดว่าจะทำให้ใครมองพวกเขาโดยรวมผิดเพี้ยนไปแค่ไหน (อาจจมองถูกก็ได้นะ จากการชี้นำของคนบางคน)

คนบางคนคิดอยู่แต่ว่า คนพวกนี้ มันต้องเป็นแบบนี้ ถ้าทำผิดจากนี้ ก็จะไม่ใช่ และพยายามทำให้เขาทำแบบนั้นต่อ ดังจะเห็นได้ว่ามีคนบอกให้นักจัดรายการคนดำ ทำตัวให้เหมือนคนดำหน่อย เช่นการพูดจาไม่เรียบร้อย ใช้อารมณ์ ซึ่งมันอาจจะไม่ใช่ลักษณะโดยพื้นฐานของคนดำก็ได้ แต่มีคนต้องการให้ภาพออกมาเป็นแบบนั้น

ก็เหมือนกับการพยายามทำให้โลกมองคนมุสลิมว่าเป็นผู้ก่อการร้าย นิยมความรุนแรง ฉันใดก็ฉันนั้น

สิ่งที่ตามมาก็คือ การหวาดระแวงกัน !!!

อุดมการณ์ของตำรวจคนหนึ่งต้องถูกสั่นคลอน และท้าทายมโนธรรมด้วยเหตุการณ์ข้างต้น สุดท้ายเขาเลือกทำลายหลักฐาน

จะเห็นได้ว่า มูลเหตุของเหตุวุ่นวายนี้ มาจากการระแวงซึ่งกันและกัน การไม่ใจกัน ซึ่งความรู้สึกนี้ มันได้ฝังรากลงแล้วในสังคมหลายสังคม แม้ในบ้านเราก็เถอะ การเสนอขาวสาร และพฤติกรรมของฝ่ายต่าง ๆ กำลังจะทำให้เกิดการระแวงซึ่งกันและกันในบ้านเมืองมากขึ้นเรื่อย ๆ

ผมชอบนะที่สุดท้ายแล้ว วัยรุ่นคนดำคงจะคิดออกว่า ปลาตัวเดียวเหม็นไปทั้งข้อง แม้ว่าคนภายนอกพยายามยัดเยียดความรู้สึกทางสังคมว่าคนดำต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้แล้ว ถ้าตัวของตัวเองไม่ทำตัวแย่ ๆ เสียเอง ใครจะมาว่าได้ และมันก็จะทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อนไปด้วย

และเรื่องนี้ยังชี้ให้เห็นว่า ทุกคนมีแรงขับข้างใน เป็นเหตุให้ทำชั่วต่าง ๆ นา ๆ เป็นเหตุให้เกลียดชัง และบางครั้งก็เป็นการกระทำที่หาตัวแทนมาระบายเท่านั้น (โกรธเจ้าหน้าที่หญิงผิวดำ ก็มาระบายกับภรรยาคนดำแทน) แต่เนื้อแท้ที่เป็นมนุษย์แล้ว ก็มีส่วนที่ดีเช่นกัน ถ้าเรามองว่าเขาเป็นตำรวจก็ต้องทำหน้าที่สิ ก็จริงอยู่ แต่ลองคิดดู ถ้าครั้งนั้นคุณช่วยไม่สำเร็จ ทั้ง ๆ ที่ช่วยเต็มที่แล้ว คุณจะเสียใจขนาดไหน มันคงหลอนเราไปอีกนาน

ไม่เพียงแต่คน ๆ หนึ่งจะไม่สามารถชี้ชัดได้ว่า เขาเลวหรือไม่นั้น เหตุการณืหนึ่ง ๆ ก็มองให้เป็นลบต่อคนหนึ่ง เป็น บวกต่ออีกคนก็ได้

รถยนต์ที่ถูกเผาถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง เพราะเป็นมีหลักฐานที่แสดงว่าตำรวจผู้มีอุดมการณ์ได้ฆ่าคนดำ
รถยนต์คันเดียวกัน กลายเป็นที่เล่นรอบกองไฟ ขณะที่หิมะตก ภาพหิมะกับไฟตัดกันสวยงามมาก


เหล่านี้เป็นการกระทบกันระหว่างจิตใจและความคิดของคน


แต่ผมว่าจุดที่สำคัญทีสุดตอนที่ crash ก็คือ สิ่งที่ตามมาครับ เครื่องยนต์พัง กระจกแตก ความรู้สึกก็เช่นกัน หลังจากกระทบกัน ก็พังทลายและได้ข้อสรุป

คนเปอร์เซียคลายความแค้น สามีภรรยาคนดำคลายทิฐิ ภรรยานักการเมืองคลายความระแวงต่อแม่บ้าน วัยรุ่นคนดำคนหนึ่งมีมุมมองที่กว้างขึ้น แต่ก็ไม่วายเทียบตัวเองกับคนเอเชีย โดยมองว่าตัวเองดีกว่า ตำรวจผู้มีอุดมการณ์คงได้ข้อสรุปว่า อะไร ๆ ก็เกิดได้ เพื่อนเขาก็คงมีเหตุผลที่ทำชั่ว ๆ แบบนั้น



เอ.... และตำรวจคนดำที่อุบัติเหตุตอนแรกล่ะ ... ผมยังไม่ลืมครับ ผมคิดว่าตรงนี้ก็เป็นอีกข้อสรุป แต่เป็นข้อสรุปของครอบครัวครับ ซึ่งผมว่าลึกซึ้งมาก กล่าวคือ หนึ่งในสองวัยรุ่นคนดำที่ก่อคดีนั้น คือน้องชายของตำรวจคนดำ ซึ่งเป็นวัยรุ่นคนดำคนเดียวกับที่ถูกตำรวจคนขาวผู้มีอุดมการณ์ยิง

แน่ะล่ะ ความแค้นเกิดขึ้นมา เริ่มมีการชนกันของความคิด คิดจะหาตัวการและแก้แค้น สุดท้ายก็ crash ด้วยคำพูดของมารดาว่า คนที่ทำให้น้องชายตายก็คือตำรวจคนดำนั่นแหละ ที่ไม่ยอมดูแลน้องให้ดี ความแค้นก็ถูกกระทบอย่างหนักจากคำพูดมารดา สุดท้ายก็คลายแค้นลงบ้าง ซึ่งในที่นี้หมายถึงความแค้นของครอบครัวโดยรวมด้วยครับ

จุดเริ่มต้นของความสงบคือ ไม่ไปโทษคนอื่น พยายามโทษตัวเอง อย่าไป project ความผิดไปให้คนอื่นด้วย (เหมือนอย่างเกลียดคนดำคนหนึ่งแต่ทำไม่ได้จึงไปทำกับอีกคนหนึ่ง เป็นวงจรอุบาทว์)

ก็จะทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น และมีความสุขได้จากประสพการณ์ของเราที่มีต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ

เหมือนดังที่เจ้าของร้านชำชาวเปอร์เซียคิดว่าได้เห็นนางฟ้า

หนังจบด้วยการชนท้ายรถอีกคน แล้วคนขับก็ออกมาทะเลาะกัน ผมได้แต่หวังว่าพวกเขาก็จะผ่านกระบวนการชนกันระหว่างความคิด ความรู้สึก และในที่สุดก็จะได้ข้อสรุป คลายทิฐิมานะ

ไม่โทษคนอื่น และก็จะให้อภัยกัน






คุณชอบบทความ "Crash หนังนี้มีอะไรที่มากกว่าการชนกันระหว่างคนขาวกับคนดำ" ไหมครับ



ชอบมาก
ชอบ
เฉย ๆ
ไม่ชอบ
ไม่ชอบมาก



ผลการ Vote

Power by Thaimisc.com







 

Create Date : 02 มีนาคม 2549
4 comments
Last Update : 12 มีนาคม 2549 22:02:52 น.
Counter : 2346 Pageviews.

 

ชอบหนังเรื่องนี้มากกว่าโบรคแบ็คเช่นกันค่ะ


เราว่าบทมันดีมาก การให้น้ำหนักแต่ละเรื่องราวก็ดีมากเช่นกัน




ประเด็นที่ตำรวจดียิงเด็กหนุ่มผิวดำเพราะความเข้าใจผิด

เราตีว่า..จริงๆ แล้วเค้าเองก็แค่ "พยายาม" จะไม่เหยียดผิว พยายามจะเป็นคนดี แต่ลึกๆ แล้วเค้าก็ยังมีความกลัวคนดำอยู่ดี (ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรจากคนเหยียดคนผิวดำที่ก็เกิดจากความกลัวบางอย่างลึกๆ เพียงแต่การแสดงออกต่างกันเท่านั้น)


รักหนังเรื่องนี้ ออกเป็นดีวีดีจะซื้อค่ะ

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 4 มีนาคม 2549 12:56:20 น.  

 

น่าสนใจ
น่าเอาไปฉายในทำเนียบและที่ชุมนุมครับ

 

โดย: คนแถวนี้* IP: 58.10.154.8 5 มีนาคม 2549 4:25:06 น.  

 

ยังไม่ได้ดู Brokeback ค่ะ

แต่เรื่อง Crash ได้ซื้อดีวีดีมาดู และก็ไม่ผิดหวังเลย เป็นหนังที่ดูสนุกได้เลยล่ะ
ตอนแรกเราก็กลัวใจว่าหนังจะออกมาหดหู่ สูญเสียกันทุกฝ่ายหรือไม่
แต่แล้วก็ไม่ใช่ตามนั้น

เราว่าหนังเรื่องนี้ นอกจากจะจับประเด็นสีผิว ชนชาติแล้ว ตัวหนังก็ยังเล่นกับอคติในใจของคนดูด้วย หลายฉากหลายตอนที่เราเองก็เหมือนคิดตามไปว่า จะใช่หรือไม่ใช่ ฉันคิดหรือไม่คิด ฉันทำหรือไม่ทำ

ชอบหนังเรื่องนี้นะ

 

โดย: cottonbook 5 มีนาคม 2549 17:41:51 น.  

 

ฆ่าคนดำๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 

โดย: คลู คลักซ์ แคน IP: 222.123.22.176 9 ตุลาคม 2550 16:36:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Plin, :-p
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]









Instagram






บันทึก ท่องเที่ยว เวียดนาม


e-mail : rethinker@hotmail.com


Friends' blogs
[Add Plin, :-p's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.