ร้อยวันพันปีอยู่อย่างนี้ก็ดีแล้ว
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2550
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
25 สิงหาคม 2550
 
All Blogs
 
อายุ 19 เป็นผู้ใหญ่แค่ใหนกัน ? คำถามของพ่อคนหนึ่ง

ลูกสาว อายุครบ 19 ปี เมื่อ 2 วันที่แล้ว
หลายคนว่าเธอนั้นโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว บรรลุนิติภาวะแล้ว
ตัวเธอเองก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน

แต่ผมผู้พ่อ ไม่ได้คิดอย่างนั้น ... กลับคิดไปอีกอย่างหนึ่ง
เราพ่อลูก เคยคุยกันหลายครั้งเกี่ยวกับเรื่องการคบหาเพศตรงข้าม
ผมไม่ได้ห้ามเรื่องการคบหาเพื่อนชาย แต่ก็มีปรามอยู่บ่อยครั้ง
เมื่อเห็นว่าไม่เหมาะ เธอก็เชื่อ ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อ
แต่ก็มีหลายครั้งที่เราต้องขัดคอกันอยู่บ้างเพราะความไม่เข้าใจกัน
...


ลูกสาวผมเค้าเป็นคนค่อนข้างอ่อนไหวเรื่องของความรัก
ผมคอยปรามเค้าอยู่บ่อยๆเวลาเห็นเธอคุยโทรศัพท์กับเพื่อนชาย

(เห็นแล้วนึกหมั่นไส้ขึ้นมาตะหงิดๆ)

ในที่สุดเธอก็ต้องเลิกคุยและเลิกคบหากันไป
(เธอเคยบ่นว่า รำคาญพ่อ เลิกมันไปเลยดีกว่า)


ปัจจุบันเธอเองไม่เคยมีแฟนเหมือนเพื่อนคนอื่นในรุ่นราวคราวเดียวกันสักคน
เธอเคยถามผมว่า พ่อพอใจไม๊ ? ที่ลูกสาวของตัวเองหง่ะ
ป่านนี้ยังไม่มีเพื่อนชายที่ใหนกล้ามาคบหาเลยสักคน
พอมีใครแวะเวียนมาหน้าบ้าน พ่อก็ออกมาแยกเขี้ยวใส่เค้าไปซะหมด

จะแยกเขี้ยวทำไม ?

นั่นเป็นเสียงบ่นของลูกสาว
...



ผมก็มีเหตุผลของผม ซึ่งสามารถพอจะสามารถอธิบายได้บ้าง
เป็นเรื่องจริงไม๊ ? ...
ที่พ่อแม่ทุกคนไม่เคยมองเห็นเลยว่าลูกของตัวเองนั้นโตเป็นผู้ใหญ่สักที
ทั้งๆที่หลายคนรอบตัวกลับมองเห็นว่า เค้าโตเป็นผู้ใหญ่มากแล้ว
และบรรลุนิติภาวะแล้ว ?


เป็นเรื่องจริงไม๊ ? ที่เด็กหนุ่มเด็กสาวอายุ 19-20 ปี
จะสามารถปกครองตนเองได้ และเอาตัวรอดได้เองในสังคมของเราวันนี้ ?

...



หนูอายุ 18 ย่าง 19 เพิ่งจบม.6 เปิดเทอมนี้ก็เรียนมหาลัยแล้วค่ะ
สำหรับตัวหนูเองก็ยังไม่เคยมีแฟน เนื่องจากที่โรงเรียนเวลาส่วนมากจะเรียน
และก็ทำกิจกรรมร่วมกับครูและเพื่อนๆ เช้าก็ต้องไปเรียนแต่เช้า
เย็นกลับมาก็เหนื่อย ตัวหนูเอง อายุเท่านี้ ยังรู้สึกว่าตัวเองยังเด็กอยู่เลยค่ะ
เด็กมากๆ นอกจากเรียนแล้ว ยังไม่สามารถที่จะทำอะไรอย่างอื่นได้ดีเลย
ความรับผิดชอบก็ยังไม่ดีพอ อันนี้เป็นหนูคนเดี๋ยวรึป่าวก็ไม่ทราบ

ส่วนเรื่องที่ลุงบอกว่า ลูกสาว จะมีแฟน หนูว่ามันเป็นช่วงเวลาสั้นๆมั้งคะ
ของวัยรุ่นที่เห็นเพื่อนมีก็อยากมี บางทีหนูก็อยากมีนะคะ
แต่คิดว่าเรายังต้องเรียน ยังต้องมองเห็นหน้าพ่อแม่
และเวลาได้อยู่กับเพื่อน หนูก็ลืมมันไป
เวลาอยู่ที่โรงเรียนส่วนมากก็จะอยู่กับเพื่อน หนูมีเพื่อนผู้ชายนะคะ
แต่เป็นเพื่อนแบบเพื่อนนะคะ เยอะมากด้วย ซึ่งอันนี้พ่อแม่หนูก็ไม่ได้ว่าอะไร
เพราะเป็นเพื่อนกันจริงๆ พ่อหนูก็เคยถามนะคะเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง

ถามว่า "ก้อยมีแฟนรึยัง" หนูก็เลยบอกบอกไปว่า
"ก้อยยังไม่มีความรับผิดชอบขนาดนั้นที่จะมีแฟนได้"

หนูบอกออกไปอย่างงี้ค่ะไม่รู้เป็นคำตอบที่ถูกหรือผิดแต่หนูคิดแบบนั้นจริงๆ
สำหรับลูกของลุง วุฒิภาวะ ก็คงไม่ต่างกับหนู

"วัยรุ่นไม่เคยเป็นผู้ใหญ่นะค่ะ แต่ผู้ใหญ่เคยเป็นวัยรุ่นมากก่อน"
น่าจะเข้าใจปัญหาเรื่องวัยรุ่นดีกว่าที่จะให้วัยรุ่นมาเข้าใจผู้ใหญ่นะคะ
อันนี้พูดในแง่ที่เข้าข้างตัวเองนิดหนึงนะ
...




พ่อ" คำๆนี้ไง ที่ทำให้ พ่อ ต้องรับผิดชอบทุกอย่าง
และ พ่อ เป็นเพศชาย ย่อมรู้เรื่องผู้ชายดีอยู่แล้ว
ดังนี้การ หวง ห่วง ลูกสาวจึงย่อมมีมากนัก

เด็กสาวอายุ 19 ปี หรือกว่านี้ในสังคมไทยปัจจุบันเปลี่ยนไปมากแล้ว
เด็กบางคนเรียนรู้ได้ดีกับสังคม แต่เด็กบางคนใส ซื่อ ไม่เท่าทันคนในสังคม

กรณีที่พ่อต้องทำอย่างยิ่ง คือเป็นเพื่อนลูก ให้ความรู้ ความเข้าใจเรื่อง
เพศศึกษา ศาสนา เรื่องสังคมและการครองสถานะของเด็กในช่วงแต่ละเวลา
อย่าปิดกั้นหรือห้ามโดยเข้มงวดเกินไป ซึ่งที่ถูกต้องคอยดูอย่างห่างๆ
แล้วคอยทัก หรือเอ้อ ออไปด้วยเพื่อให้เด็กไม่เครียดและมีวัยที่สดใส
ตามสภาพสังคมของเด็กในปัจจุบัน

หากเห็นว่าไม่ปลอดภัย ก็อธิบายอย่างมีเหตุมีผล
โดยการยกตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริง เชื่อว่าเด็กทุกคน ก็คงเข้าใจพ่อแน่นอน

พ่อ ต้องหัดเรียนรู้ลูก มิใช่ให้ลูกเรียนรู้พ่อ

นี่จึงเป็นสิ่งที่ถูกต้องในสังคมแห่งการเรียนรู้ในปัจจุบัน หากพ่อทำได้
ลูกก็จะเป็นคนมีเหตุผล และพิจารณาเรื่องที่ผ่านเข้ามา อย่างถูกต้อง
...







สวัสดีค่ะลุง

ค่ะ สำหรับดิฉันเองก็อยู่ในวัยเดียวกันกับลูกของลุง
ถ้าลุงถามว่าอายุแค่ 19 เป็นผู้ใหญ่แค่ไหน ดิฉันขอตอบว่า
ก็โตพอที่จะคิดอะไรได้แล้วบ้าง แต่ก็ยังขาดความพร้อมที่จะเป็นผู้ใหญ่อยู่บ้าง
ยังไงก็ต้องมีผู้ใหญ่คอยให้คำแนะนำว่าสิ่งที่จะกระทำนั้นควรหรือไม่ควร
ดีหรือไม่ดีอย่างไร ดิฉันก็เป็นอีกคนหนึ่งที่พ่อ-แม่คิดว่าเรายังเด็กอยู่
เป็นเด็กยังไม่ควรมีแฟน ถ้าจะมีก็มีได้แต่ก็คบๆแบบเพื่อนไปก่อน
เพราะตอนนี้เรายังเรียนอยู่ แฟนค่อยหาเมื่อไหร่ก็ได้อนาคตข้างหน้ายังอีกไกล

เรียนให้สูงๆเข้าไว้ต่อไปในภายภาคหน้าจะได้สบาย
ดิฉันก็เข้าใจหัวอกของพ่อ-แม่ดีที่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อลูกอยากให้ลูก
ได้อยู่สุขสบายไม่ต้องมาลำบากลำบนเหมือนเค้า
แต่ปัจจุบันสังคมของเราก็แปรเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างรวดเร็ว
โดยนำวัฒนธรรมของชาวตะวันตกมาเผยแพร่กันมากขึ้น
เพราะความอยากรู้ อยากลองกับสิ่งแปลกใหม่
ในกรณีนี้พ่อ-แม่ควรแนะนำให้ความรู้และความเข้าใจในเรื่องเพศศึกษา
ศาสนาและสังคม อย่าปิดกั้นเด็กหรือเข้มงวดกับเด็กมากจนเกินไป
เพราะมันอาจทำให้เด็กเครียด หาทางออกไปในทางผิดๆก็เป็นได้


ทางที่ดีพ่อ-แม่ควรดูแลพวกเค้าอย่างห่างๆ และคอนตักเตือน
ในเวลาที่พวกเค้าได้กระทำผิดพลาดไปอย่างมีเหตุมีผล
อธิบายให้พวกเค้าเข้าใจ เชื่อว่าเด็กผู้หญิงทุกคนก็อยากที่จะเรียนรู้ว่า
การที่ผู้ชายกับผู้หญิงมีความรู้สึกดีดีต่อกันมันจะเป็นยังไง
ถ้าคบกันแล้วจะเกิดอะไรไหม ...


...



อายุ 19 ปี เมื่อโบยบิน จะปกครองตนเองได้ดีแค่ใหน?

ผมเคยคุยกับลูกสาวอยู่เสมอว่า คนเรานั้นต้องย่อมรู้จักที่จะเรียนรู้กันทุกคน
แต่การเรียนรู้นั่นใช่ว่าเราจะต้องเอาอนาคตของตัวเราเองเข้าไปเสี่ยงเมื่อไร
เพื่อนฝูงบางคนเริ่มสกิดบอกกับผมว่าน่าจะให้ลูกสาวออกไปเรียนรู้ด้วยตัวเอง
เพียงลำพังเสียบ้าง ผมแย้ง ที่แย้งเพราะเห็นว่าเธอเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้าน
เรื่องที่จะอนุญาตให้ออกไปทำอะไรตามลำพังนั้นคงเป็นไปได้ยาก

ปัจจุบันเวลาขออกไปนอกบ้านจะให้ไปกับเพื่อนหญิงที่สนิทกัน 2-3 คนเท่านั้น
ส่วนเพื่อนชาย หวังจะให้ออกไปเที่ยวด้วยตามลำพังนั้น ไม่ได้เด็ดขาด
...



เรื่องคบหากับเพื่อนชายนั้นผมไม่ได้ห้าม จะคบใครไม่ว่า
แต่ขออย่างเดียวว่าอย่าอ่อนไหวกับพื่อนชายเชื่อใจไว้ใจกันจนเกินไป
ต้องเป็นคนแข็งกร้าวให้มากและรู้จักการห้ามใจตัวเองรู้จักการปฎิเสธให้เป็น
อย่าเพิ่งเชื่อในสิ่งที่เห็นและได้ยินอันนี้สำคัญ
อนุญาตให้คุยโทรศัพท์ได้โดยอิสระในบ้าน แต่ก็ต้องอยู่ในเวลาที่กำหนด


อายุ 19 เป็นผู้ใหญ่แล้วหรือ ? ...


คำถามเช่นนี้มีคำแย้งจากเพื่อนๆหลากหลายทัศนะ เพื่อนกลุ่มหนึ่งแย้งว่า
น้องเค้าเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่ เปรียบเหมือนนกที่กำลังอยากบิน
ควรให้เธอได้โบยบินออกไปเรียนรู้ถึงโลกภายนอกบ้าง


เพื่อนอีกหลายคนบอกว่า สำหรับลูกผู้หญิงไม่ควรเป็นอย่างยิ่ง
เพราะเสี่ยงต่อความเลวทรามของสังคมปัจจุบัน
ไม่อยากให้เอาตัวเองเข้าไปลองเสี่ยงเพียงแค่ได้เรียนรู้
...



ผมเชื่อเหตุผลในสองประการของเพื่อน แต่ก็ใช่ว่าจะคล้อยตามไปเสียทั้งหมด
เพราะถึงอย่างไรผมก็ยังมองเห็นว่า
"เด็กผู้หญิงก็คือเด็กผู้หญิง ย่อมเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่วันยังค่ำ"
กลัวเหมือนกันว่าจะเป็นเหมือนคำเปรียบเปรยโบราณที่บอกว่า
"มีลูกสาวสวย เหมือนมีส้วมอยู่หน้าบ้าน"

หมายถึง ... ทำอะไรไม่ดี ย่อมเหม็นไปทั่ว ทั้งตำบล
กลัวเด็กใจแตกเพราะสังคมใหม่ๆ น่ะสิ ผมว่า
...


*************






Create Date : 25 สิงหาคม 2550
Last Update : 9 มกราคม 2551 22:22:23 น. 0 comments
Counter : 156 Pageviews.

Pleng-Ticha-korn
Location :
สุพรรณบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








ลูกเล่า-พ่อเขียน
ลูกเขียน-พ่อนั่งปลื้ม

แมวไม่อยู่หนูอดโซ



เป็นคนที่ไม่มีอะไร
ที่น่าสนใจเท่าไรนัก
บางครั้งบางทีอาจดูต๊องส์ๆ
เสียด้วยซ้ำ





คนเราแก้ไขอดีตไม่ได้
แต่เราแก้้ไขอนาคตได้


บางเวลา
บางจังหวะของชีวิต
ก็ใช่ว่าจะราบรื่น
ตกหลุมตกบ่อมาก็มาก
ระวังเสมอไม่ให้ตกเหว
พ่อเองพยายามพยุงลูกๆให้ลุกเดิน
ถึงฝั่งด้วยมั่นคง
เจ้าลูกชายมาได้ครึ่งทาง
ลูกสาวจะถึงปลายทางอยู่รอมร่อ




หวังอยู่มากเหมือนกัน
ที่จะพยายามสร้างความมั่นคง
ให้กับพวกเค้า
พยายามสุดสามารถเช่นกัน
ที่จะไม่ให้พวกเค้าต้องมาลำบาก
เศรษฐกิจบ้านเรา
มันไม่ได้ดีอย่างที่ใครๆ เค้าคิด
พ่อสอนลูกเสมอว่า
สิ่งที่ลูกได้เห็น ได้รู้
และได้สำผัส

นั่นแหละมันคือของจริง
เชื่อมั่นในสิ่งที่เห็น
ศรัทธาความจริง
อย่าเอาตัวเราเองไปวัดกับใครเค้า
แล้วก็อย่าเอาเค้า
มาเป็นบรรทัดฐานให้กับตัวเรา

"ทำด้วยตัวเองให้ถึงที่สุด
เมื่อต้องรู้ว่าไม่ไหว
แล้วค่อยกวักมือเรียกใครเค้า"

ศรัทธาไม่ละลาย
ลมหายใจยังอุ่นๆ
Friends' blogs
[Add Pleng-Ticha-korn's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.