คาเมนไรเดอร์ คิบะ ตอนที่ 23

คาเมนไรเดอร์ คิบะ ตอนที่ 23 : รักต้องห้ามของมนุษย์กับแฟงไกอา ตอนนี้มีเพลงช่วงต่อสู้ใหม่ เป็นเพลงประจำตัวของการูลูฟอร์มชื่อเพลง Shout in the moonlight จากตอนที่แล้ววาตารุเริ่มจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนกับมิโอะ (แสดงโดยน้องมาริจากคาเมนไรเดอร์ไฟส์) แต่เรื่องราวคงไม่ได้ลงเอยอย่างหวานแหววสนุกสนานกันแน่ๆ เริ่มเรื่องราวที่ปี 1986 ยังมีคู่รักกำลังส่งกันกลับบ้าน แต่ทว่าฝ่ายหญิงกลับถูกหมายหัวโดยควีนแห่งแฟงไกอา มายะ ซึ่งเมื่อมายะมาพบตัวผู้หญิงคนนั้นก็บอกว่า แฟงไกอาที่ไปรักกับมนุษย์นั้นถือว่าทำผิดกฎ และต้องถูกกำจัด จากนั้นเธอก็ใช้พลังแห่งจันทราสีเลือด ส่งพลังไชนิ่งฟิงเกอร์ (ใช่เรอะ) กำจัดแฟงไกอาหญิงคนนั้นไปเสีย ซึ่งดูเหมือนว่ามายะจะเป็นผู้ทำหน้าที่ออกไปตามฆ่าแฟงไกอาที่ผิดกฎไปหลงรักมนุษย์นี่เอง หาผัวได้ก่อนควีนเรอะ เป็นศพไปซะเถอะหล่อน ทางด้านร้านคาเฟ่ มาสเตอร์ที่กลับมาจากข้างนอกก็ถูกยูริและจิโร่ล็อคตัวไว้อย่างน่าตกใจ แต่ว่าเป็นแค่การล้อเล่นเพราะจะอวยพรวันเกิดอายุ 34 ปีของมาสเตอร์ ยูริก็ให้ของขวัญเป็นเสื้อยืดรูปซูโม่ (รสนิยมพิลึกแฮะ) แต่ของขวัญเจ้าจิโร่โดนใจกว่า เพราะเป็นอัลบั้มภาพพร้อมลายเซ็นของนักร้อง Onyanko Club ที่ทั้งจิโร่และมาสเตอร์คลั่งไคล้ เล่นเอาซึ้งจนน้ำตาซึมเลยทีเดียว แต่ว่างานนี้มีคนเดียวที่ไม่มีของขวัญให้นั่นคือป๋าโอโตยะ รายนี้มีแต่เล่นเพลงแฮปปี้เบิร์ทเดย์โดยใช้ไวโอลินแบบไม่ค่อยเต็มใจ เลยโดนพวกจิโร่และยูริเข้ามาต่อว่าซะยกใหญ่ โอว..รวมภาพน้องอ้อย จิโร่นายช่างรู้ใจมาสเตอร์จริงๆ กลับมาปี 2008 ที่ร้านคาเฟ่เหมือนกัน แต่คราวนี้มาสเตอร์คุยกับวาตารุและเมกุมิ เริ่มแซวกันถึงเรื่องวาตารุกับมิโอะว่าคงจะได้คบกันเป็นแฟนแล้ว เล่นเอาวาตารุหน้าแดง (แดงจริงๆ) วาตารุเลยยิงคำถามมาแซวเมกุมิบ้างว่า ไม่มีหนุ่มๆคนไหนมาจีบอะไรทำนองนี้ แต่สุดท้ายก็วกไปหาเรื่องอีตาเกรียนเทพนาโกจนได้ เพราะอย่าลืมว่านาโกมันเคยบอกว่าชอบเมกุมิที่สุด (แต่เล่นทำตัวเกรียนจนดูไม่ออกว่าจีบอยู่) ตอนนั้นนาโกก็เข้ามาพร้อมลูกสมุนเคนโกะ เมกุมิก็ทำท่าทีหลบๆ เลยไม่รู้ว่าใจจริงเมกุมิจริงๆก็แอบสนอีตาเกรียนเทพนี่ด้วยรึเปล่านะ หน้าแดง ...ของจริงเลยนะ กลับมาปี 1986 ที่แหล่งกบดานของพวกจิโร่ คราวนี้กลายเป็นว่ากำลังโดนยึดของ เพราะคงไม่ได้จ่ายค่าเช่า และทำงานร้านนวดมันคงไม่ได้เงินซักเท่าไหร่ จึงโดนไล่ที่ตามระเบียบ (เอ.. ไอ้จิโร่มันช่วยทำมาหากินรึเปล่าเนี่ย วันๆเห็นแต่แต่งหล่อ หม้อสาว) แน่นอนพอถูกไล่ที่ จิโร่เลยต้องพาสองคนนี้ไปหางานทำและที่อยู่ใหม่ อ่ะ ...ไหนว่าบ้านเอื้ออาทรมันฟรีไงล่ะ และงานที่หาให้กับริกิและรามอนก็คือ ...ไปเป็นเมดให้ร้านคาเฟ่...... (รามอนก็ดูดีนะ ...แต่ริกิสยอง......) จะสั่งรับอะไรดีครับ ถ้าไม่รับ...เอากำปั้นมั้ยครับ ที่ร้านก็มีเรื่องฮาๆวุ่นวายเพิ่มขึ้นพอมีริกิและรามอนไปอยู่ ยูริท่าทางจะหัดทำข้าวไข่เจียว แต่ดูแล้วฝีมือจะสาหัสเกินกว่าจะเยียวยามาก แต่ว่าท่ามกลางความเฮฮาของร้านนั่นเอง ก็มีแขกสองคนที่มานั่ง เป็นคู่รักที่ชื่อ ชินจิ และ เรียวโกะ และสองคนนี้ก็จะเป็นตัวสำคัญของบทรักรันทดยังกะน้ำตาหนึ่งลิตรให้เราชมสำหรับช่วงนี้ เขาว่าตัวประกอบเรื่องนี้อยู่ไม่เกินสองตอนน่ะ กลับมาปี 2008 เมกุมิที่กำลังไปถ่ายแบบ (เกือบลืมไปเลยว่าเธอมีอาชีพเป็นนางแบบ หลังๆบทรั่วไปเยอะ) งานใหม่นั้นคนมาถ่ายแบบคู่กับเธอดันเบี้ยวงาน ช่างภาพเลยอ้อนวอนให้เธอหาใครมาแทนที เมกุมิก็นึกออกได้ สาวสวยในหนังเรื่องนี้มันมีไม่กี่คน และแน่นอนตอนนี้ก็ไม่พ้น มิโอะ ทุกคนจึงไปปรึกษากัน มิโอะทีแรกก็ไม่กล้า แต่ว่าพอวาตารุให้กำลังใจก็เริ่มพยายาม และก็ไม่วายโดนเมกุมิแซวให้เมื่อวาตารุจะเรียกมิโอะว่ามิโอะจัง เมกุมิดีใจที่มีบทมากกว่าเดิมอย่างออกนอกหน้า กลับมาปี 1986 คู่รักรันทดชินจิกับเรียวโกะ แม้ว่าเรียวโกะพยายามทำดีกับชินจิแค่ไหน แต่ทำไมชินจิไม่ดีตอบ และดูเหมือนเป็นการปฏิเสธแบบฝืนใจ จนเรียวโกะต้องยอมจากไป แต่สุดท้ายชินจิก็ยอมที่จะตามเรียวโกะไป และกลับมาคืนดีเพื่ออยู่ร่วมกันให้ได้ แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันนั่นคือ อุปสรรคของชินจิที่มีต่อเรียวโกะ ไม่ใช่เรื่องทางบ้าน ชาติตระกูล เงิน งาน รัฐบาลหรือพันธมิตร (มันเกี่ยวเรอะ) แต่ว่าเมื่อทั้งคู่เดินคู่กันอย่างมีความสุด ควีนมายะได้เดินผ่านและมองตาขวางใส่ชินจิ หรือว่านี่ล่ะคืออุปสรรคที่ชินจิพยายามปฏิเสธเรียวโกะตลอดมา นี่ถ้าไม่มีไรเดอร์ออกมาเดี๋ยวเขาจะว่าเป็นซีรีย์เกาหลีนะ อูย...มองแบบนี้เสียววาบ กลับไปที่ร้านคาเฟ่ ยูริที่พยายามทำข้าวไข่เจียวนรกหลายจาน จนไม่มีใครกล้ากินเพราะแค่ได้กลิ่นก็แทบจะไม่สบาย ริกิจอมตะกละเลยอาสาเสี่ยงตายกินซะ แต่กลายเป็นว่าข้าวรสชาตินรกของยูริกลับกลายเป็นของอร่อยให้ริกิไปซะงั้น เล่นเอาริกิต้องมนต์เสน่ห์ปลายจวักของยูริไปซะแล้ว ที่หลงรักนี่เพราะหวังแดรกใช่มะ ทางด้านชินจิกับเรียวโกะก็พยามประคองความรักของทั้งคู่ไว้อย่างเดียว แต่วันหนึ่งมายะก็มาพบทั้งคู่จนได้ และกำลังจะเข้าไปจัดการ แต่โชคดีที่โอโตยะเข้ามาขวาง ด้วยความขี้หลีก็เข้าไปหลีมายะตามฟอร์ม ทำให้มายะคลาดสายตาจากชินจิและเรียวโกะไป การหลีอย่างไม่ดูตาม้าตาเรือบางทีมันก็มีประโยชน์เหมือนกัน แต่ว่าหลังจากเรื่องขี้หลีเที่ยวนี้ยูริก็มาเห็นพอดี เจ้าจิโร่ก็เลยได้ทีมาแจม แล้วก็มีมวยกันอีกแล้ว อยากมีเรื่องเรอะ เดี๋ยวโดนโห่ไล่แบบศรรามหรอกแก กลับมาปี 2008 มิโอะเริ่มเข้างานกับเมกุมิ แต่ว่างานนี้คนไม่มั่นใจอย่างมิโอะเลยยิ้มไม่ออก ช่างภาพพยายามบอกให้เธอยิ้มแต่ก็ยังไม่ได้ เมกุมิเลยแนะนำว่าให้นึกถึงเรื่องที่ดีๆไว้ มิโอะเลยไปมองที่วาตารุจากนั้นก็ยิ้มออกทันที (บทน้ำเน่าลอยหึ่ง) งานนี้เลยช่างภาพเลยได้ภาพสาวสวยทั้งสองคนไปอย่างสบายๆ สาวกน้องมาริชื่นใจ ในขณะที่ทุกคนกำลังถ่ายภาพกัน ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาทำลับๆล่อๆ และฉกเอาสร้อยไปจากกองถ่าย ทุกคนก็วิ่งตามไป ชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่ใคร เขาคือชินจินั่นเอง ถ้ารับขนมยัดใส้สองล้านไปก็คงไม่ตกอับแล้วมังเรา วาตารุซึ่งตอนนี้ต้องแอ๊บแมนเป็นพิเศษเพราะเริ่มมีแฟน เลยวิ่งตามขโมยไปด้วย แต่ว่าสิ่งที่เขาเจอรออยู่นั่นกลับเป็นคุม่า เอ้ย กรีสลีย์แฟงไกอา มาทำแอ๊บแมนรึแก พี่หมีทนไม่ได้ ขอกระซวกไส้ทีเถอะ วาตารุจึงไม่รีรอ ต้องแปลงร่างเป็นคิบะ แต่ว่าคิบะท่าทางจะสู้แรงของเจ้าหมีนี่ไม่ได้เลย คุม่า พันช์ !! คิบัตจึงบอกว่าคุม่าต้องเจอกับโอคามิ เป็นหมีก็ต้องเรียกหมาป่ามาฟัด จึงเรียกการูลูฟอร์มออกมา แต่ว่าไม่ทันที่จะได้ตัดสินกรีสลีย์แฟงไกอาก็หนีไปได้ก่อน ศึกหมาฟัดหมี ใครจะอยู่ใครจะไป กลับมาปี 1986 โอโตยะได้ลองชิมข้าวไข่เจียวที่ยูริพัฒนาฝีมือขึ้นมา แต่ว่าถ้าให้พูดตามจริงโอโตยะก็บอกว่ามันไม่อร่อย แต่เรื่องหลังจากนั้นกลับน่าห่วงกว่า เพราะเมื่อโอโตยะปลีกตัวไปเล่นไวโอลิน จิโร่ได้เข้ามาดวลกับโอโตยะเดี่ยวๆ แน่นอนเพื่อกะเล่นงานให้ถึงตาย เพราะจะได้ชิงยูริมาเป็นของเขาคนเดียว เพราะจิโร่ย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าโอโตยะคือตัวขัดขวางความรักของมันแน่ๆ ป๋าๆ ไวโอลินน่ะไม่ใช่ชุดคลอทนะ จะสู้มันได้เรอะ กลับมาที่ปี 2008 กรีสลีย์แฟงไกอาคืนร่างเป็นคน ก็คือชินจิที่ขโมยสร้อยจากกองถ่ายไปนั่นเอง แต่ว่าเขาไม่ได้ขโมยไปขายที่ไหน เขาเอาไปให้คนที่นอนอยู่ที่โรงพยาบาลคนหนึ่ง คนนั้นก็คือเรียวโกะ ซึ่งตอนนี้ก็แก่ลงแล้ว และกำลังป่วยอยู่ (22 ปีผ่านไปมนุษย์เราต้องแก่ลงแน่นอนสิ แต่แฟงไกอามีอายุขัยประมาณ 300 ปี เลยแก่ช้ากว่ามาก) สังขารคนเรามันไม่เที่ยง... กลับมาปี 1986 ศึกชิงนางระหว่างจิโร่จ้องสืบพันธุ์กับป๋าขี้หลีโอโตยะ เป็นไปตามคาด โอโตยะจะไปสู้ร่างแปลงการูลูได้ยังไง จึงถูกนำเละ และโยนทิ้งน้ำไปอย่างไม่ทราบชะตากรรม รูปนี้เอาไปลงหน้า 1 ไทยรัฐได้เลยนะเนี่ย สรุปมาถึงตอนนี้เนื้อเรื่องของคิบะออกแนวเรื่องราวของความรักไปซะแล้ว ไม่ว่าจะรักสามเส้า ศึกชิงรักหักสวาท รักใสๆ หรือรักรันทด ควีนมายะที่ไล่กำจัดแฟงไกอาที่รักกับมนุษย์แสดงให้เห็นว่ามีแฟงไกอาจำนวนมากที่ทำแบบนี้ แล้วสุดท้ายทุกอย่างจะลงเอยอย่างไร ยังไม่นับถึงปริศนาของมิโอะที่แฟงไกอาตอนที่แล้วทิ้งไว้ว่า เธอคือใครกันแน่ และจะคบกับวาตารุกันหวานชื่นไปจนจบเรื่องงั้นหรือ ........... ไม่มีทาง ภาพจากตอนต่อไป มายะพบชินจิจนได้ ชินจิเอาตัวรอดไปได้ยังไง จิโร่จะหักหน้าเพื่อนตัวเองกับเรื่องหญิงอีกรึ อ้าว.. การูลูจะงาบยูริเองเรอะ เอ๊ะ ไอ้ที่บินมามันคุ้นๆนะ เหมือนเห็นในโฆษณาปกหลังเทเลบิ ใครบอกว่าข้ามาไว เมื่อบันไดสั่งอะไรก็เกิดได้ เอมเพอเรอร์ฟอร์ม มาแล้ว

Create Date : 06 กรกฎาคม 2551		5 comments
Last Update : 6 กรกฎาคม 2551 22:01:26 น.
Counter : 1669 Pageviews.
Share Tweet