...ไหว...ไหว...ยอดหญ้าส่าย ในป่าฝน....เพียงยอดหญ้าไหว ที่บ้านปลายฟ้า.......
อันเนื่องมาแต่ฟางเส้นเดียว







ปกหน้า "ปฎิวัติยุคสมัยด้วยฟางเส้นเดียว" ของ มาซาโนบุ ฟูกูโอกะ





ปกหลัง


ปฏิวัติยุคสมัยด้วยฟางเส้นเดียว ทางออกของเกษตรกรรมและอารยธรรมมนุษย์


คือชื่อเต็มของหนังสือเล่มนี้ ฉบับ รสนา โตสิตระกูล เป็นผู้แปล
พิมพ์ครั้งแรกกับมูลนิธิโกมล คีมทอง เมื่อ มีนาคม 2530



จากฟางเส้นเดียวของมาซาโนบุ ที่นำกลับมาเปิดอ่านอีกครั้ง
ในขณะที่เราเองเรียนรู้ และครุ่นคิดกับวิถีการคิด การมองโลกของมาซาโนบุ ซึ่งเคยคิดมาแล้วเมื่อ 20 ปีที่แล้ว
เราได้แง่มุมของการคิดที่ต่างกัน ทั้งมุมที่มอง ทั้งแง่ที่ลูบเหลี่ยมใหม่
เพราะเวลาผ่าน วันเปลี่ยนการมองหนังสือหนึ่งบรรทัดของมาซาโนบุในวันวานต่างจากวันนี้


นำหนังสือเล่มนี้ให้แม่อ่าน (แม่ตานุค่ะ) เพราะยินแกเล่าให้ฟังว่าอ่านหนังสือเล่มเล็กของสันติอโศก
ถึงการทำเกษตรกรรมแบบดั้งเดิม เลยหยิบหนังสือเล่มนี้ให้แม่อ่าน เล่าให้แม่ฟังว่า
การเกษตรแบบทางเกวียนสายเก่าของชาวสันติอโสกนั้นมีต้นแบบมาจาก มาซาโนบุ ฟูกุโอกะ
แม่ลองอ่านหนังสือเล่มนี้ดูนะ


แม่อ่านพร้อมกับคาดจมูก...มิฉะนั้นต้องเป็นที่ครหาอีกแน่ๆเลยว่า อิชั้นคิดมิดีมิร้ายกะแม่สามี
วันก่อนเพิ่งเห็นฉบับตีพิมพ์ใหม่ เล่มละ 200 บาท ยืนคิดอยู่นานว่าซื้อเล่มนี้ให้แม่ดีไหม แล้วก็ตัดสินใจไม่ซื้อ เพราะความขลังมันคงผิดกัน....(คิดไปเอง)


จากนั้น แม่ก็เริ่มทดลอง จริงๆแล้วแม่ลองมาล่วงหน้าตั้งแต่อ่านหนังสือสันติอโศกแล้ว
แต่ยังไม่มีข้อยืนยันถึงความเป็นไปได้ของทฤษฎีนี้
เลยยังไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการรื้อแปลงผักเก่าแล้วเอาหญ้าคลุมตากแดดไว้
แปลงผักของเรา อยู่ในบ่อเลี้ยงกบเก่า ทุบผนังลงครึ่งหนึ่งเอาดินใส่แล้วยกเป็นร่อง
เมื่อก่อนเราต้องต่อสู้กับเชื้อรา เพราะที่นี่อากาศชื้น และฝนมาก




ข้อยืนยันว่าความชื้นสูง มอสสารพัดชนิดเติบโตอย่างสวยงามบนกำแพงบ่อกบ
บนพื้นหนาประมาณเซ็นกว่าๆ เวลาเหยียบจะนุ่มมาก ยิ่งกว่าเหยียบพรม




เมื่อก่อนเราปลูกผักไว้กินเอง ตอนปลูกรุ่นแรกๆจะงามเสียจนเราไม่อยากกิน แล้วโตไวจนกินไม่ทันช่วงนั้น
เราปลูกทั้งถั่ว ผักกาดกวางตุ้ง ผักกาดฮ่องเต้ ผักโขม ฯ ช่วงไหนกินไม่ทันก็เก็บไปขายตลาดนัด
เราพูดได้เต็มปากว่าผักเราปลอดสารแน่นอน เพราะไม่ใช้ยา ใช้ปุ๋ยชีวภาพ (เศษผัก อาหารฯ แม่จะเอาไปหมักกับกากน้ำตาลไว้ให้เป็นปุ๋ย)


แต่พักใหญ่ เราก็ประสบปัญหากับเชื้อราที่มากับตั๊กแตนตัวขาวเล็กๆ
ปลูกถั่วฝักยาวฝักยังไม่ทันหมดเถา ใบเหลืองราลง เรียบร้อย


เราแก้ปัญหาด้วยการรื้อแปลง ตากแดด ซุยดิน พลิกขึ้นมาตากแดด แล้วเผาหญ้า หมกดิน เอามาทำปุ๋ยใหม่ แต่ปัญหาเดิมก็กลับมา เป็นปัญหาที่แก้ไม่ตกจนแม่เลิกปลูกผักไประยะหนึ่งในบ่อเลี้ยงกบ
(เพราะแม่แกได้ทำเลใหม่ ย้ายไปปลูกในสวนยางแก ต้นยางแก่เริ่มโค่นลงปีละหลายต้นตามอายุ เลยมีที่ว่างให้ปลูกผัก)






ทีนี้...แม่ก็ลองใหม่ตามทฤษฎีที่เพิ่งได้อ่าน พร้อมกับการสนับสนุนความคิดจากมาซาโนบุ
แม่รื้อแปลงผักในบ่อกบแล้วเอาหญ้าที่ถอนออกคลุมแปลงไว้
ให้โดนแดด โดนฝนจนเปื่อยไปเองได้เกือบอาทิตย์
ก็เริ่มเอาเมล็ดไปหว่าน ผักโขมต้นน้อย ก็เริ่มชูคอกันขึ้นมา






ลูกเผ็ด.....พริกขี้หนู ภาษาใต้แถวนี้เรียกลูกเผ็ด
ใบไม้ใบหญ้าที่เอามาถม ลูกเผ็ด 2 ต้นออกดอก เป็นเม็ดจนกินไม่ทัน






หญ้าที่คลุมแปลงหนาเกือบ 2 นิ้ว บนแปลงบวบหอม กับถั่วฝักยาว

บวบรุ่นก่อนที่จะคลุมด้วยหญ้า ไม่เคยได้กินเลย เพราะเชื้อราลงใบ และแมลงไชเข้าไปตั้งแต่ยังเป็นดอก
พอลูกเริ่มโต หนอนก็โตตาม ฝักจะเริ่มหงิกแล้วเน่าคาต้น
ถั่วเพิ่งทอดยอดแค่นี้ ยังไม่ออกดอกก็เริ่มมีเชื้อราลงใบ

แต่รุ่นนี้ยังไม่ปรากฏทั้งเชื้อราและแมลง แต่แมลงตามธรรมชาติพวกตั๊กแตนนั้นมีอยู่แล้ว






บวบหอม ที่ยาวเกือบวาแล้ว เป็นลูกดกมากจนเริ่มจะเบื่อเมนูบวบหอมเสียแล้วสิ

ถ้าเป็นช่วงก่อน อย่าหวังเลยว่าจะได้เห็นลูกหน้าตาเฉกเช่นนี้ จนแม่ถอดใจว่าปลูกทิ้งๆไว้กินยอดก็ยังดี
ถั่วพูก็เริ่มทอดยอดคลุมค้างที่ทำไว้ให้ ถั่วพูโตเร็วขึ้นทั้งๆที่ใส่ปุ๋ยปกติเหมือนเก่า
ถั่วฝักยาวก็ยังไม่มีวี่แววของเชื้อราลง





บวบหอม ยังออกดอกอยู่สม่ำเสมอ



ผลผลิตที่เกือบเต็มร้อยจากการทดลอง ทำให้เราเรียนรู้ว่า บางครั้งการเกษตร เราไปตัดวงจรธรรมชาติ
ที่เอื้อต่อกันอย่างเป็นวัฏจักร แมลงตัวนี้ทำลายพืช แมลงอีกชนิด ทำลายแมลงกินพืช

เมื่อก่อนเราต่อสู้กับราในอากาศ เพราะเราไม่มีภูมิต้านทานจากการที่มีราในดิน การหมักหญ้าในดินย่อมได้เชื้อราตามธรรมชาติมาด้วย และเชื้อรานั่นเองที่เป็นภูมิต้านทานให้กับเชื้อราที่มาจากอากาศและแมลงอื่นๆ
เมื่อไม่มีภูมิคุ้มกันเราจึงจำเป็นต้องพึ่งพายาฆ่าแมลงที่กลายเป็นสิ่งซ้ำเติมความสมบูรณ์ของดิน


ยาแรงขึ้นเท่าใด ดินและพืชผักเรายิ่งอ่อนแอลงมากขึ้นทวีคูณ

ในที่สุดเราก็ไม่สามารถเยียวยา ดั่งเช่นเราจำเป็นต้องทิ้งแปลงผักของเราไป




วงจรธรรมชาติของการปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ การทำความรู้จัก การติดต่อสื่อสาร
การพบปะสนทนา การช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ฯ คือวงจรนั้นๆ
การปะทะสังสรรค์กันโดยตรงทำให้เราเรียนรู้ผู้อื่นมากกว่าที่จะรู้จักตัวเอง

ในการพบปะสนทนา เราสามารถเล่าเรื่องโกหกได้ตลอดเรื่องราวที่เราคุย แต่เราไม่สามารถปกปิดสายตา
และพฤติกรรมที่บ่งบอกว่าเราโกหกได้

เมื่อเราขาดวงจรจุดนี้ “สื่อ” ที่แสดงออกเพื่อนำ “สาร” มาบอกกล่าวเรานั้น
เราไม่สามารถรับรู้ด้วยสัมผัสและความรู้สึกของการเป็นมนุษย์ (Human Touch)
ว่า “สาร” ที่นำมา ”สื่อ” นั้น ลับ ลวง หลอก จริง หรือเท็จ



ไม่แปลก....ที่ไฟไหม้กี่ครั้ง ต่อกี่ครั้ง ไฟฟ้าจึงชอบลัดวงจรเสมอ




ระยะนี้ใช้ Human Touch สูงมาก คือ การเขียนด้วยมือ แล้วพิมพ์ พริ้นต์ แล้วเอาเขียนมือใหม่
(ความจริงแล้ว แย่งเครื่องคอมฯ กันน่ะ)

ยังชอบที่จะได้เขียนด้วยดินสอ ชอบที่จะเหลาดินสอยาวๆอย่างภาคภูมิใจที่เหลาดินสอสวย
ชอบที่จะมีลายมือสวยแต่ไม่มีใครสามารถอ่านออกได้ ด้วยความภาคภูมิใจอีกเช่นกัน
ที่เพื่อนๆบอกว่าลายมือน่าเป็นหมอ หรือคนเขียนลายแทงขุมทรัพย์
ชอบที่สามารถเขียน 3B ได้เส้นบางเบาและตัวเล็กจิ๋ว

กอขิงชมพูและม่านบาหลีที่หน้าโต๊ะเขียนหนังสือมีเรื่องราวมากมายในมุมเล็กๆมุมนี้
มีสรรพชีวิตมาเยือนให้สังเกต สังกา จนบางวันเถลไถลไปกับการเพลินชมธรรมชาติ
ซุ่มดักถ่ายรูปนกกินปลีที่มากินน้ำหวานข้างหน้าไม่เคยได้สักที
มีแต่จิ้งเหลนหลายไซส์ เดินนวยนาดรอแอ๊คท่า

จนชักจะซุ่มเพลินหลับคา....
หายไปอีกนานก็อย่าว่า....มาเคาะโต๊ะเรียกด้วยนะคะ



Create Date : 01 กันยายน 2551
Last Update : 1 กันยายน 2551 12:34:18 น. 16 comments
Counter : 3190 Pageviews.

 
อยากจะลองปลูกผักบ้าง แต่ล่วงเลยมาหลายปีก็ไม่ได้ปลูกเสียที


โดย: นักเดินทางพเนจร (นักเดินทางพเนจร ) วันที่: 1 กันยายน 2551 เวลา:13:41:35 น.  

 
สวัสดีจ้ะปลายแปรง

มาได้จังหวะพอดี
อ่านเรื่องนี้แล้วชื่นใจอย่างบอกไม่ถูก
เห็นภาพลูกสะใภ้กับแม่ผัว(อุ๊ย !ไม่หยาบนะ)
กระหนุงกระหนิง คุยกันเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ไม่เหมือนนิยายน้ำเน่าหลายเรื่องและหลายเรื่อง

อ่านแล้วมีความสุขกับสิ่งที่สามารทถทดลองทำในสิ่งที่เราเชื่อให้เห็นเป็นรูปธรรม

และเคยเห็นบ่อเลี้ยงกบบ้านนี้แล้วด้วย

เมื่อไรจะขึ้นเหนือล่ะ ช่วงหน้าฝนคนเงียบดีจ้ะ

ระลึกถึงเสมอ


โดย: พ่อพเยีย IP: 61.7.177.83 วันที่: 1 กันยายน 2551 เวลา:19:58:51 น.  

 
สมัยเด็ก ๆ ก็เคยปลูกพืชผักเหมือนกันนะ ปลูกไว้เล่น ๆ เอาสนุก ก็พวกบวบ ฟักทอง น้ำเต้า อะไรเทือกนั้น แต่แล้วก็ลืม ๆ ไป มาช่วงนี้ปลูก"ต้นลูกเผ็ด" ไว้หลายต้น เพาะจากเมล็ดในซองจิ๊ว ๆ ที่ซื้อหามา ปลูกต้นโหระพาไว้ใส่แกงเผ็ดแกงเขียวหวานด้วย หรือจะใส่ในผัดต่าง ๆ เช่น ผัดพริกก็อร่อยดี
อีกหน่อยถ้าบุญมาวาสนาส่งมีที่ดินกว้าง ๆ บ้างก็คงปลูกใหรกไปเลย ว่าจะปลูกตำลึงไว้ทำแกงจืด ปลูกไม้ดอกไม้แดกไปตามอารมณ์ ไม้ดอกนี่อยากปลูกดอกไม้ไทย ๆ อย่างดอกแก้ว ดอกราตรี ดอกลั่นทม ดอกมะลิ ดอกพิกุล ดอกจำปี ดอกจำป่า ส่วนไม้แดกนี่ก็ว่าไปแล้วข้างบน 555

เห็นภาพมอสในสวนแล้วชอบจัง มันให้ความรู้สึกที่ดีมากเลยนะ "ผืนมอสในสวนแห่งชีวิต นุ่มนวลและอ่อนหวาน" แถว ๆ นี้ไม่มีมอส มีแต่ตะไคร่น้ำเท่านั้น

เห็นทีจะต้องเผ่นไปแล้วท่านน้องเอ๋ย อยู่นานไปเดี๋ยวจะเกินห้าคน เดี๋ยวนี้ไปไหน ถ้าเจอเพื่อนฝูงนั่งเมากันอยู่ 4 จะเข้าไปนั่งให้เป็น 5 ก็คงลำบาก ประเดี๋ยวท่านผู้ทรงอำนาจจะหาว่ามั่วสุม ตอนนี้มันฉุกเฉินไปหมดแล้ว


โดย: THAN YUTTHACHAIBODIN IP: 202.91.19.205 วันที่: 2 กันยายน 2551 เวลา:9:16:05 น.  

 
คิดถึงชะมัด

ที่บ้านเราก็เคยปลูกผักกินเอง อร่อยมหันต์เลย แต่ตอนนี้ดินหายหมดแล้ว ต้องปลูกในกะละมังแทน

ไม่ได้ดองบล๊อกซะหน่อย แค่ช่วงนี้ขอแช่แข็งบล๊อกไว้ก่อน



โดย: ช่อชบา IP: 58.9.165.232 วันที่: 2 กันยายน 2551 เวลา:11:06:30 น.  

 
ที่บ้านนอกน่ะแม่เราก็ปลูกผักเยอะ
ตอนนี้ยิ่งเยอะมากขึ้นอีก(จากคุยโทรศัพท์)
อยากกลับบ้านอ่ะ..


โดย: เสือจ้ะ วันที่: 2 กันยายน 2551 เวลา:14:08:21 น.  

 
เห็นผักโขมต้นนิดเดียวก็นึกถึงเมนูเย็นนี้ซะแล้ว
ปลูกเอง คิดร้ายต่อต้นไม้ต้นเล็กเองเฮ๊อ...
มนุษย์หนอมนุษย์...
เราคงเป็นคนบ้านนอกที่ปลูกผักกินเองเหมือนกันนะคะคุณปลายแปรง
ว่าแต่ว่ารวงข้าวที่เห็นนี่ที่บ้านกำลังแต่งตัวเตรียมคลอด....นึกถึงภาพทุ่งข้าวสีทองเมื่อปีกลายของคุณปลายแปรงนะคะ
ยังจำได้ติดตา
ระลึกถึงเสมอค่ะ


โดย: โมกสีเงิน วันที่: 2 กันยายน 2551 เวลา:16:39:15 น.  

 
ปฏิวัติ
ก็ต้องไปกรีดยาง
ตื่นไปหิ้วน้ำยางด้วยตัวเอง
ห้ามใช้มอญ
เอ้
รูปหน้าปกคล้ายใครตอนแก่ป่าว


โดย: ตาพรานบุญ วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:0:02:12 น.  

 
เห็นแปลงผักปลูกเองแล้วชื่นอกชื่นใจ
ปล. เราก็ชอบเขียนด้วยดินสอ นะ มันขลังๆดีเนอะ


โดย: filmgus วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:7:27:13 น.  

 



พุ ธ สุ ข สั น ต์ จ๊ ะ

พักความร้อน…..ผ่อนด้วยสายน้ำเย็น

มาเคาะโต๊ะเรยกแล้วจ้าาาาาาาาาา
จะแวะไปฟังเพลงที่ป้าชอบกันมั๊ย

ปลายแปรงร้อยเรียงภาษาด้วยท่วงทำนองที่ไพเราะจริงๆ
ขอบอกว่าอ่านเพลินจ๊ะ

พริกขี้หนูบ้านปลายแปรงเรียกลูกเผ็ดเหรอ …แต่บ้านป้าเรียก ดีปลี นิ
มุมสร้างงานของปลายแปรงน่ารักเนอะ ไม่ต้องแพง แต่ก็เพียงพอ

รักษาสุขภาพ และมีความสุขกับวันดีๆทุกทุกวันนะจ๊ะ




โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:20:05:03 น.  

 
หายไปนานเกินไปแล้วนะ
กลับมาไวๆๆนะปลายแปรงจ๋า


โดย: ยิปซี IP: 58.8.236.237 วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:14:45:22 น.  

 
โอ้...หนังสือเล่มนี้อ่านเมื่อนานมากๆแล้ว
และก็เป็นเล่มที่ชอบมากๆอีกเล่มนึงเลยค่ะ


โดย: Charlotte Russe วันที่: 5 กันยายน 2551 เวลา:0:30:14 น.  

 
ฮะฮ่า พวกชอบของดองเหมือนกันสินะ อิอิ

มัวแต่เรียนทำขนมเพลินไปหน่อย ไม่ได้มาที่บลอคเลยน่ะ

ไว้ร้านเปิดเมื่อไหร่ จะชวนมาชมจ้า

สบายดี ซ้อมทำขนม สนุกๆทุกวันค่ะ


โดย: วีดวาด วันที่: 5 กันยายน 2551 เวลา:15:49:41 น.  

 
อิจฉา ไลน์สไตร์ การใช้ชีวิตของคุณปรายแปลงจัง ได้วาดภาพ ถ่ายรูป ปลูกต้นไม้ นี้ถ้ามีเมล็ดพันธ์ข้าวคงเอาลงปลูกหลังบ้านไปแล้ว ดิฉันก็มีเวลาทำนะแต่ไม่เคยมุ่งมั่น ทำไม่ได้นาน ช่วงนี้เลยบอกตัวเองว่า เรียนภาษาอิงลิสให้เก่งก่อน ไม่ต้องไปสนใจ ภาษาสเปน ฝรั่งเศส ปร่อยให้เพื่อนในห้องพูดไป ขอบคุณที่ยังคิดถึงนะคะ


โดย: คนสวย (ดาวกระพริบฟ้า ) วันที่: 7 กันยายน 2551 เวลา:16:24:04 น.  

 
ค่ะ

สวัสดีค่ะพี่ปลายแปลง

มารายงานตัวค่ะ

เรียนอีกอาทิตย์ก็จะสอบ
แล้วจะได้ปิดเทอมค่ะ

อยากกินขนมจีบป้าเพียรต้องมาพะเยาค่ะ
ตอนนี้ป้าเพียรร่วมทุ่นกับป้าเขียว
เปิดขายก๋วยเตี๋ยวด้วยค่ะ

คิดถึงเสมอค่ะ



โดย: เบญจวรรณ IP: 61.7.231.132 วันที่: 8 กันยายน 2551 เวลา:13:23:28 น.  

 
ฝนทางใต้ตกเยอะไหมค่ะ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ


โดย: นักเดินทางพเนจร (นักเดินทางพเนจร ) วันที่: 8 กันยายน 2551 เวลา:19:39:42 น.  

 
สวัสดีค่ะ

เพราะเจอหน้าแรกจึงตามมาค่ะ

ชอบพริกขี้หนู ลูกเผ็ด ช่างเข้าใจเรียกจริงๆ

เคยปลูกค่ะ ฟูมฟักถนุถนอมเขามาก กว่าจะมีเม็ดน้อยนิดให้

อย่าได้เผลอชื่นชมเชียว เพราะรุ่งขึ้น นกน้อยมาฉกไปแล้ว

ยินดีกับภาพที่เห็นมากค่ะ ขอได้มีแต่สุขฉะนี้ตลอดกาลค่ะ


โดย: ลัลลลียา IP: 202.91.19.205 วันที่: 28 กันยายน 2551 เวลา:19:07:24 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปลายแปรง
Location :
พังงา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สุดปลายของแปรง
อาจป้าย...ได้ภาพเขียนงาม
อาจปาด....ได้ภาพสะเทือนขวัญ

แปรงสุดปลาย....วาดในอากาศ
สูญญากาศของสีที่ว่างเปล่า

เพียง "ใจ" ผู้ป้ายแปรง
ว่างเปล่า....ไร้แปรง....ปราศจากปลาย
สรรพเรื่องราว...ว่างเปล่าในกาลเวลา
Group Blog
 
<<
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
1 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ปลายแปรง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.