...ไหว...ไหว...ยอดหญ้าส่าย ในป่าฝน....เพียงยอดหญ้าไหว ที่บ้านปลายฟ้า.......

^0^......ผ่าแล้วจ้า 3.....^0^






“พี่......พี่......พี่.....” แว่วเสียงลางเลือนไกลมาก วูบแล้วหาย
“พี่......ตื่นได้แล้วค่ะ....ตื่นหรือยัง ?” วูบ.....พร้อมกับรู้สึกเหมือนใครตบเบาๆที่แก้ม
พยายามจะลืมตา แต่มันว่างวาบอยู่ พร่างภาพเขียวๆ เงาคนห้อมล้อม
ไหวเงาคนวูบ แล้วตัวเราก็ถูกยกรวบขึ้นจากเตียงหนึ่งไปอีกเตียงหนึ่ง
สัมผัสรู้ถึงจังหวะของล้อที่เคลื่อนผ่านทางลาด กึง กึง กึง....รู้อย่างพร่าเลือนเต็มที


รู้สึกอีกครั้งเมื่อถูกยกจากรถเข็นอีกรอบขึ้นบนเตียงแล้วความรู้สึกก็วูบไปอีกครั้งหนึ่ง
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานสักเท่าใด.....แต่เหมือนไม่ได้ผ่านไปเท่าไรนัก
อาจจะเป็นเพราะเราไม่รู้สึกและไม่สามารถจดจำเรื่องราวต่างๆได้


เข้าห้องผ่าตัดไปประมาณ 9 โมงเศษๆ แต่ออกมาปาเข้าไปตั้ง 2 โมงกว่า เกือบ 5 ชม.
พี่สาวบอกว่าตอนเที่ยงสอนเสร็จก็แวะมาที่หน้าห้องผ่าตัดแล้วรอบหนึ่ง
“ยังไม่ออก ผ่าใหญ่เลย แต่ไม่ต้องเป็นห่วงน้องอาจารย์ปกติดี ทั้งชีพจร ความดัน หัวใจ ปกติดีมาก”
ไงล่ะ....บอกแล้วว่าเราน่ะมันถึกสุดๆอยู่แล้ว ขนาดไม่รู้ตัวร่างกายยังบ่ยั่นเลย


เจ๊แกก็กลับมาอีกรอบหลังจากไปส่งข้าวอีตาลุงที่ใช้เวลาระหว่างรอปั่นงานในห้องหัวฟู
“เดี๋ยวให้นอนผ้าห่มไฟฟ้าสักพักก่อน ตัวเย็นมาก” พยาบาลบอก ไม่เย็นได้ไงตั้ง 5 ชม.
หมอจ่างแกก็ออกมาก่อน เจอหน้าอาเจ๊ถึงกะส่ายหัวป้อยๆ
“กินฝืดเลยอาจารย์ เล่นเอาเหนื่อยเลย”
แกคงเหนื่อยจริงค่ะ มื้อเที่ยงก็ไม่ได้ทาน ยืนผ่าปลายแปรงจนขาแข็ง



นพ.กระจ่างวงศ์ ศิริวัฒนา หมอรุ่นแรกๆที่อยู่ใน American Board OB/GYN
ที่เดินทางกลับมาทำงานให้กับชุมชนบ้านเกิด เมื่อก่อนหมอจ่างจะดุ และเข้มงวดมาก
บรรดาพยาบาล หมอ จะกลัวแกมาก แต่ปลายแปรงว่าแกมีเมตตาสูงมากเลยค่ะ
หมอชอบพูดตรงๆ ผิดรับผิด ถูกก็นิ่งเสีย.....หมอน่ารักจริงๆเหมือนพ่อเลย



ปรากฏว่าเมื่อผ่าหน้าท้องเข้าไป แล้วเปิดมดลูกเพื่อจะตัดเนื้องอกตรงกลางแล้ว
จะมีเนื้องอก เม็ดเล็ก เม็ดน้อยกระจายอยู่เต็มไปหมด แต่ที่สำคัญ.....อาการดึงรั้งจนปีกมดลูกเล็กลงนั้น
สไปเดอร์แมนแอบหลบไปอยุ่ในพุงเราตั้งกะเมื่อไหรไม่รู้

พังผืดที่สานไขว้กันไปมาเหมือนใยแมงมุม ดึงรั้งปีกมดลูกจนผิดรูป
แล้วลามเกือบจะถึงลำไส้ หมอจ่างจะต้องค่อยๆเลาะพังผืดทีละนิด ทีละเส้น
เพื่อไม่ให้โดนอวัยวะส่วนอื่น แล้วตัดปีกมดลูกออกเสีย
(และยังมีแถมด้วยค่ะ.....ตัดไส้ติ่งให้ด้วย เป็นบริการเสริมไม่คิดค่าบริการ)


นั่นแหละ....ถึงได้ใช้เวลามากขนาดนั้นในการผ่า หมอจะบรรจงเลาะไม่ให้บอบช้ำ
ตัดมดลูกพร้อมสไปเดอร์แมนออกไปแล้ว ก็ดองทั้งยวงส่งไปแล็บที่กรุงเทพ
ต้องส่งไปพิสูจน์หลักฐานอีกครั้งว่าแค่เนื้องอกธรรมดาหรือว่า.....หรือว่า..
เราแอบไปมีอะไรกะสไปเดอร์แมน...อิ...อิ
ตอนพนักงานเปลลากเตียงออกมาจากห้องผ่าตัด เจ๊บอกว่าตัวซีด เย็น
เพราะอยู่ในห้องแอร์เสียนานหลายชั่วโมง แต่ไม่ได้ใช้เลือดสำรอง
ตอนผ่าตัดเสียเลือดไม่มาก (แหม...เลือดเยอะขนาดนั้น พอกะไขมันที่สะสมไว้เชียว)


แล้วมารู้ก็อีตอนตื่นขึ้นน่ะ ประมาณ 4 โมงเย็นเห็นจะได้
ตื่นเต็มตาอีกครั้งเมื่อตัวเองอยู่ในห้องเรียบร้อยแล้ว......จำไม่ได้ว่าประโยคแรกที่พูดคืออะไร
แต่ที่แน่ๆ......ทำไมปากตูบวมเจ่อพองอยู่ข้างขวาด้วยเหวย
ตอนที่เราไม่รู้สึกตัวพยาบาลจะเอาทิวบ์หายใจ เป็นท่อหายใจวงเท่าเวลาเราทำนิ้วโอเคน่ะ
สอดเข้าไปช่วยหายใจ ปากถึงได้เจ่ออยู่อย่างนั้น พอขยับตัวจะลุก
“หยะ...อย่า....อย่า....อย่าเพิ่ง” เสียงร้องตกอกตกใจตามมาพร้อมกับพี่สาวที่ผวาเข้ามาถึงตัว

“เมื่อย.....อยากลุก”
“ใจเย็น....ค่อยๆ รอเดี๋ยวจะหมุนเตียงก่อนแล้วค่อยเอาหมอนรองหลัง”
ตานุมาหมุนเตียง หัวนอนก็โงขึ้น เจ็บแปลบขึ้นมาหน่อยแล้วให้ตกใจ
อะไรวะ.....ทำไมเราระโยงระยางแบบนี้ ทั้งน้ำเกลือ ทั้งสายปัสสาวะ เกะกะไปหมด
“เมื่อยหลัง.....กี่โมงแล้ว” ฉันถาม “หิวน้ำ”
ก้อตั้งกะเมื่อคืนยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย คอแห้งผาก ปากแห้งเผือด.....แต่ไม่หิว


ก็ได้แค่กลั้วปาก กลั้วคอให้มันชื้นขึ้นบ้าง แต่ยังดื่มไม่ได้
เพราะตอนที่โปะยาสลบ ร่างกาย อวัยวะต่างๆจะคลายตัวทั้งหมด ทั้งตับ ไต ไส้ พุง กระเพาะ
จนกว่าร่างกายจะค่อยๆเริ่มทำงานตามปกติ ช่วงนี้ก็พึ่งพาน้ำเกลือไปก่อนก็แล้วกัน
แต่ที่ดีกว่านั้นคือมาผ่าตอนอากาศหนาว.....ตัดปัญหาเรื่องอาบน้ำ อาบท่าไปได้
หนาวนะคะ..... แล้วถูกโยงอยู่กะกระโดงเรือจะไปได้ไง
ถึงว่าหนุ่มๆชอบไปให้คนนอกบ้านอาบน้ำ อาบท่าให้........มีคนอาบให้มันสบายเนอะ




ป้าคำจัน.....ไฮเปอร์นิดๆ แกมีชื่อจริงหรูนะ
แต่เรียกติดปากตามเจ๊เป็นชื่อล้อสมัยยังเรียนพยาบาลอยู่ด้วยกันน่ะ



ป้าคำจัน (พยาบาลมาเข้าเวรบ่าย-ดึก เพื่อนพี่สาวอีกแหละ) เข้ามาวัดไข้ วัดความดัน
ตกใจที่เจอคนไข้หลังผ่านั่งหัวเด้งอยู่บนเตียง....เคสที่แล้วยังนอนแซ่วอยู่เลย
“ดี...ดี....ดี....24 ชม.หลังผ่าตัดนะ กัดฟันลุกนั่ง ลุกยืนได้ดีที่สุดแผลจะหายไว”
พยายามอยู่ค่ะป้า เมื่อยจะตายชักแต่มัน โค-ตะ-ระ ลำบากกับอุปกรณ์เสริมนี่สิ
“พรุ่งนี้ลุกมาเดินได้ ลุกเลย” เฮ้ย..เอางั้นเลยนะ
“ถ้าไม่เดินนะแผลจะติด เนื้อมันจะงอกเป็นคีลอยด์ต้องมาผ่าซ้ำ เจ็บกว่านะ” นั่น...มีขู่


สองวันแรกหลังจากออกห้องผ่าตัดยังงดน้ำ อาหารเหมือนเดิมค่ะกลั้วปากอย่างเดียว
ที่ทรมานสุดๆ คือช่วงนี้จะขย้อนเอาเสลดและกรดในกระเพาะออก
ขย้อนอาเจียนทีเราต้องใช้พลังโหนทั้งตัวใช่ไหมล่ะ.....นั่นล่ะร้าวแปล๊บไปทั้งตัว
“หมอจ่างให้อยู่กี่วันก็ตามใจแกนะอย่าขัด” ป้าคำจันกระซิบ “เคสแกต้องอยู่ครบผ่าวันไหนออกวันนั้น”
อือ......ได้ ตอนแรกว่าจะอยู่สักสองวัน สงสัยไม่ได้แฮะ ต้องอยู่กะเสากระโดงเรือ กะสมอเรือต่อไป
พยาบาลมาวัดไข้เช้า ย้ายสมอเรือเรามาซ้าย มาวัดบ่ายย้ายสมอเรือมาขวา
นะ....ก่อนผ่าเป็นปลาเค็มแขวนรอเข้าเข่ง ออกมากลายเป็นเรือซะนี่เรา


พอวันที่ 2 หมอก็สั่งออกเรือค่ะถอดสมอเรือออกได้ อ้อ....สายปัสสาวะน่ะค่ะลืมบอก
“เดินเยอะๆ แผลจะได้ไม่ติด ไม่อักเสบ เนื้อจะไม่งอกผิดปกติ” หมอสั่ง
หมอจะมาทุกเช้าประมาณ 8 โมงเช้า วันนี้หนีบหมออินเทิร์นหน้าใสมาคนหนึ่ง
“มันเกะกะเสาน้ำเกลือ” เกือบหลุดปากว่าเสากระโดงเรือแล้วเรา......หมอตาขวาง
“อดเอา....ค่อยๆเดิน ถ้าไม่อยากผ่าซ้ำ กว่าจะผ่าได้ ไขมันหนาซ๊ะ”
โห.....โห.....ป้าจ่างไม่ไว้หน้าเรากะหมอหน้าใสเลยนะ ขายกันสุดๆ


พอถอดสายปัสสาวะออกไปได้สักพัก ช่วงบ่ายๆก็มีเลือดไหลออกมาตามช่องคลอด
ตานุไปตามพยาบาล ก็ได้ป้าคำจันมา.....แกว่าปกติค่ะ เพราะสายปัสสาวะจะเปิดช่อง
ให้เลือดจากการผ่าตัดไหลออกมา ป้าคำจันว่านี่หมอจ่างผ่าดีมาก ใส่ถุงปัสสาวะอยู่สองวัน
ในถุงฉี่ไม่มีเลือดปนออกมาเลย ถ้าหมอหนุ่มๆที่เคยผ่า เลือดตกข้างในพลั่กๆเชียวล่ะ
เพราะข้างในหมอต้องเลาะพังผืดไม่พอ ตัดปีกมดลูก เย็บช่องคลอด ตั้ง 3 ชั้น
กว่าจะมาเย็บปิดข้างนอกซึ่งโดนปะซะมิดชิด ยาวเกือบคืบตั้งแต่สะดือถึงหัวเหน่า


ถึงแผลข้างนอกติดดีแล้วแต่ข้างในจะใช้เวลาหลายเดือนอยู่
แล้วไหมจะค่อยๆละลายมากับสิ่งตกค้างในช่องคลอด
ปกติเวลาผ่าท้องคลอดหมอจะเย็บด้วยไหมละลาย แต่ผ่าเช่นนี้หมอจะใช้ไหมที่ต้องตัดทีหลัง
(เป็นกุศโลบายของหมอว่าอย่าซ่ามากนะเฟ้ย ต้องตัดไหมออกก่อนเฟ้ย)


พอวันที่สาม หมอสั่งอาหารน้ำ (น้ำจริงๆ...น้ำข้าว) และให้จิบน้ำได้แล้วค่ะ
วันนี้พยายามจะเดินให้มากขึ้น เดินวนมันรอบห้องนั่นแหละ เดินวนตานุที่นั่งแปะทำงานอยู่
นึกภาพเอานะคะคุณขา....ไก่อุ้มปีกตัวเขียวๆ ลากเสาไฟฟ้าแกรกๆๆๆน่ะ
วันนี้ป้าคำจันกะป้าแก้วไม่ขึ้นเวรค่ะ น้องพยาบาลคนอื่นก็น่ารักดีทุกคน
ยกเว้นเจ๊ที่มาสวนทวารก่อนผ่าน่ะ....ดุอิ๊บอ๋าย ไร้เหตุผลสิ้นดี (ว่าซะหน่อย)




นี่...ตึกนี้เดินเวียนทั้งเช้า สาย บ่าย เย็น
เพราะห้องพิเศษตึกที่ปลายแปรงพัก เปิดประตูห้องผางก็เจอกันเลย




เอ้า....ดูชัดๆว่าอาคารอะไร เดินสวนกันแถวระเบียงทุกวันบางวันก็ 2 ศพ 3 ศพ
ตานุจะออกไปสูบยาเส้นหน้าอาคาร พี่ที่เฝ้าอาคารแอบมาขอมวนยาเส้นตลอด



วันนี้พยาบาลจะเริ่มถามว่าผายลมไหม มันบ่งบอกว่ากระเพาะเราเริ่มทำงาน
ถ้าไม่ผายลม ลมจะดันไปตามตัว จุกเสียด ปวดตึงไปทั้งหลัง ปกติหมอจะสั่งให้เคี้ยวแอร์เอ็กซ์ได้
บังเอิ๊ญ....บังเอิญวันนี้ลากเสากระโดงเรืออุ้มปีกเดินหลายรอบก็ยังเอาลมออกไม่ได้
เมื่อคืนไข้ขึ้นอีกตะหากเลยปวดหลัง แน่นหน้าอก ให้ตานุไปขอแอร์เอ็กซ์ โดนตะเพิดกลับมา
ว่าเดินไปกลับจากระเบียงห้องถึงประตูตึก 3 รอบก่อนถึงจะให้......แม๊
ทางเดินแคบแค่นั้นจะให้ลากเสากระโดงไปมาให้คนเขามาสะดุดสายไมค์เรารึ...ไม่เอาก็ได้เฟ้ย
พอน้ำเกลือหมดขวดก็ถอดสายน้ำเกลือออก หมอสั่งไว้แต่เช้าแล้ว
ให้ถอดเสากระโดงเรือ....ลอยแพมันได้แล้ว....ไชโย


วันที่สี่......เชื่อหมอค่ะ เดินเยอะๆ เดินเยอะๆ เช้าตื่นขึ้นมาก็รอพยาบาลมาวัดไข้วัดความดันก่อน
แล้วก็ไปเดิน เดินรอบตึกริมกว๊าน เช้า สาย บ่าย เย็น วันละเป็น ชั่วโมงๆ
แล้วก็รีบกลับมานั่งรอ อวดหมอ.....หมอจ่างบอกดีมาก เดินเข้าไป แต่ต้องถ่ายให้ได้รู้ไหม
ปัญหาใหญ่เลยค่ะ....เลยต้องกินส้มทีละเข่ง ให้มีกากเยอะ หลังจากนี้ก็ปกติแล้ว
เดินจนซี้กะหมาหลังตึกแล้ว พอเราเดินมันก็จะวิ่งนำหน้า เดินช้า มันก็รอ....เกือบต้องพาไปเลี้ยงแล้วไหมเรา




ยามเย็นที่หลังอาคารเก็บศพ หลังโรงพยาบาล ติดชายกว๊าน เดินเวียนทั้งวัน

อยู่โรงพยาบาลจนครบ 7 วัน หมอสั่งตัดไหมแล้วพรุ่งนี้กลับบ้านได้
แผลสมานกันดีมาก แข็งแรงเกินเหตุ.......กลับบ้านไป๊
แหม......ยังเสียดายอยู่เลย กลับบ้านน่ะอากาศเย็นกว่าที่นี่ อยากอยู่ต่อก็เสียตังค์นิ
กลับก็ได้.....ร่ำลา คุณหมอกะป้าแก้ว ป้าคำจัน น้าที่เฝ้าห้องเก็บศพ แล้วก็กลับ





ผ่าตัดครั้งนี้.....รำลึกเสมอว่า สังขาร ร่างกายนั้นไม่ใช่ของเรา
ธรรมชาติให้และสร้างมา ถึงเวลาอันควร สังขารเครื่องมือของธรรมชาติจะพากลับไป
ร่างกายของเรา....เราไม่อาจยื้อยั้ง ร้องขอ วิงวอนใคร ให้ธำรงรักษา
แต่สิ่งที่ธำรงอยู่กับเราตลอดเวลาคือ.....”จิต” ของเราเอง
“จิต” ที่รับรู้ว่าสิ่งใดเกิดขึ้น ดำเนินไป “จิต” ที่มองเห็น รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงใดๆ
ทำ “จิต” ให้สว่าง ทำ “จิต” ให้เบิกบาน กับสิ่งที่บังเกิด
ร่างกายที่ฟื้นตัวรวดเร็วก็เพราะ “จิต” ที่เบิกบาน และสว่างจากข้างใน “จิต” ตน
และที่สำคัญกว่านั้น........ได้มิตรภาพที่ดีงามกลับมา แม้ว่าจะสูญบางสิ่งไป
ไม่มีการสูญเสียใด...สูญไปอย่างว่างเปล่า.....จริงไหมคะ









 

Create Date : 21 มกราคม 2552
16 comments
Last Update : 22 มกราคม 2552 9:31:19 น.
Counter : 2436 Pageviews.

 

จริิงครับ เห็นหน้าเห็นตาแล้วบ่งบอกว่ายังสบายดี ไม่มีอะไรเสียหรอก มีแต่กำไร
พี่ติ๋มมีโอกาสได้ใกล้ชิดกะความตายก่อนจะตายจริง ถือว่าเป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบ
อิอิ มาแนวนักปฏิบัติ...

 

โดย: ธารดาว IP: 202.149.25.197 21 มกราคม 2552 12:31:00 น.  

 

ดีใจที่เจ้สบายดี กำลังใจมากมายนี่นะ
คิดถึงเจ้มากจ๊ะ แต่ว่างานนู๋มันมากจังนิ เมื่อวันครูไปร่วมงานที่รร.สันติคีรีที่แม่สลอง ขับรถสวนกันกะพี่ราด ยังไม่กล้าทัก กลัวว่าแกไม่รู้จักเราแล้วหน้าแตก เหะเหะ ไว้เจ้หายดีขึ้นมาเที่ยวผ้องเน้อจะได้ไปแนะนำตัวเองกะพี่พี่ศิลปินมั่ง เป็นแต่ผู้ดูอยู่ห่างๆไม่กล้าไปสัมผัสตัวเป็นๆพี่เขาเลย แต่แค่ได้อยู่ในอ้อมใจเจ้ทุกขณะก้อเป็นบุญกุศลล้นเหลือแล้วเนอะ หายไวไวนะจ๊ะซือเจ้

 

โดย: นู๋โหน่งเอง IP: 118.172.64.219 21 มกราคม 2552 18:08:33 น.  

 

โฆยพี่อะไรๆก็ดีหรอก
แต่ฝั่งตรงข้ามห้องพี่นี่สิ เป็นนาห์คงนอนไม่หลับ

...วันนี้เห็นรูปพี่แบบชัดๆสวยจังเลยค่ะ

...ขอให้แผลหายเต็มร้อยไวๆนะคะ
ยางใกล้ถึงหน้าผลัดใบแล้ว คริคริคริ

...ช่วงสัปดาห์ก่อนมันขึ้นจนถึง 46 บาทค่ะ
แต่วันนี้เหลือแค่ 39

 

โดย: มัยดีนาห์ 21 มกราคม 2552 21:45:36 น.  

 

อ่านไปอ่านมา กลัวอ่ะ...
พี่ธารบอก...เธอก็ไปตรวจมั่งดิ..
ไม่เอ๊า...กลัว...เฮ้อ...
มันผ่านไปแล้วเนาะปลายแปรง...
ต่อไปรอรับโชค รับลาภ(ลาบ อิอิ)รับเงินรับทอง

ร่างกายไม่ใช่ของเราจริงๆด้วย
เรายืมมาแค่ 1 ชาติ...
ชาติหน้าว่าจะขอต่อสัญญายืมอีกซักรอบ อิอิ...

 

โดย: เสือจ้ะ IP: 115.67.32.7 21 มกราคม 2552 21:54:49 น.  

 

...............ธารดาว
ว่าจะคุยด้วยตั้งกะบล๊อคที่แล้ว รีบอัพบล๊อคแล้วก็เปิดแน่บ....ท้องอืด
ไอ้ที่ว่าได้กำไรชีวิตมันก็ดีหรอก....ขอหมอถ่ายรูปด้วยเป็นที่ระลึก หมอจ่างยังตาคว่ำเลย
แหม....หมอขา ผ่าตัดนะคะไม่ใช่จะผ่ากันได้ทุกวัน ขอเป็นที่ระลึกมั่งสิ
แต่ไอ้ตอนเฉียดตายถ้าเหมือนโปะยาสลบแล้ววูบไปเลยก็ดีสิ ไม่ต้องรู้อะไร สำคัญก่อนจะไปมันพะงาบๆจนรำคาญตัวเองนี่สิ...ทำไงล่ะ
เสี่ยลุงบูลย์ท่าทางจะงานยุ่ง งานบาน แต่ว่าไม่ค่อยได้ใช้ตังค์ ธารดาวเอากะละมังไปรองไว้รอบๆตัวแกมั่งดิ
เผื่อกระเป๋าแกแหกร่วงมาใส่มั่ง.....


.............นู๋โหน่ง
ดีใจจังที่เน็ตที่โรงเรียนใช้ได้แล้ว ตอนแรกก็กะว่าจะขึ้นไปนอนแม่สลองก่อนกลับ นัดกับราชไว้บ้านที่เช้าไว้บนดอยหมดสัญญาเช่าสิ้นปี ราชเขาอยากให้ขึ้นไปเที่ยวก่อนย้ายลงมาอยู่แถวหน้า ม.แม่ฟ้าหลวง
แต่ติดผ่าตัดเนี่ยแหละ พอไปหาอ้ายตั๊มเสร็จกลับมารอผล มันปวดทรมานเลยไม่ได้ไปไหนเลย รอจนวันผ่าตัด
ระยะนี้เจ๊แกบินบ่อย เดือนหน้าจะไปเมืองจีนอีก....ลงดอยมาก็แวะมาทักทายยายเม้ามั่งนะ



................หนูนาห์จ๋า
แหม...หลับไม่รู้เรื่องเลยล่ะหนูนาห์
เพราะระเบียงทางเดินมันเชื่อมถึงกัน ก็เดินสวนกันทุกวัน เดี๋ยวนี้เขาเข็นมามีมุ้งครอบแล้ว
มุ้งเหมือนฝาชีแต่ยาวเท่าเตียงครอบไว้...เราไม่เห็นหรอก แต่เข็นผ่านตอนเดินออกกำลังตลอด ไม่รู้สึกอะไรนิ....
มันไม่น่ากลัวอย่างรู้สึกหรอกน่า......



.................แม่เสือจ๋า
ไปเช๊คก็ดีนะจ๊ะ....สาวๆวัยใกล้ 40 เอ้ย 30 อย่างพวกเรา ขออำภัย
สาธุ......ขอให้รับเงินรับทองหลังผ่าตัด.......สาธุ ขอให้เป็นจริงด้วยเถิ้ดดดดดดดด

เหอ...เหอ.....ขอยืมต่ออีกชาติ แล้วตาพุงพลุ้ยนั่น
จะขอยืมต่อมาแนบกายอีกชาติหนึ่งอ๊ะป่าว...หรือว่า
หรือว่า.....อยากได้พุงพลุ้ยใหม่ๆหน้าใสๆ สไตล์เกาหลี.....

 

โดย: ปลายแปรง 22 มกราคม 2552 9:14:26 น.  

 

คุณปลายแปรง บรรยากาศโรงพยาบาลแจ่มมากๆ นะเนี่ย ถ้าจะไม่บอกว่า"ยามเย็นที่หลังอาคารเก็บศพ หลังโรงพยาบาล ติดชายกว๊าน "
ดูภาพแล้วคงรู้สึกเริงร่ากว่านี้นะคะ 5555

 

โดย: โมกสีเงิน 22 มกราคม 2552 9:40:05 น.  

 

อ่านแล้วได้ความรู้สึกว่า หายเสียวลงบ้าง

ก็ลุงนะ หมอให้ไปลอกตาก็ยังผัดมา ๒ ปีแล้ว

แท้จริงความตายคือ....เหมือน ๆ ว่าความสุขน่ะ แต่จิตที่ยึดติดอยู่กับโลก มาสอนเราว่า มันน่ากลัวสุด ๆ ในชีวิต อันนี้แหละที่แก้ไม่หายซะที

ปลายแปรงโชคดี ที่ได้.... ไปชั่วขณะหนึ่ง น่าจะให้เหรียญกล้าหาญ

แต่หมอที่นั่นดีมากนะ ดู ๆ จะทันสมัยและคุณภาพเฉียบกว่าที่ชุมพร

เอ้อ แต่เมื่อรอดมาแล้วก็ได้งานเป็นของขวัญปีใหม่ คงจะพอกับการเปลี่ยนยางสี่เส้นละนะ ส่วนค่าน้ำมันรถต้องทำต่ออีกนิดนะ

ขอให้หายปกติเร็ว ๆ

 

โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) 22 มกราคม 2552 9:41:52 น.  

 

สวัสดีครับลุงบูลย์ รีบไปลอกตาเถอะครับ เพราะตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ อิ อิ

หนูปลายแปรง ไปแซวอะไรไว้ที่บ้านเสือจ้ะ หาว่าใครพุงพลุ้ย(เอ๊ะ หรือพุ้ย) ตอนนี้ผมไม่พลุ้ยแล้วนะ แค่หลามเท่านั้น (ฮา)

เห็นคนป่วยมีสีหน้าชื่นสะดือก็รู้สึกดีจัง ก่อนถ่าย(รูป)ได้เมคอัพหรือเปล่า แว่นตาน่าจะถอดออกใส่คอนแทคเลนส์ตาโตแทน อิ อิ

 

โดย: ธาร ยุทธชัยบดินทร์ IP: 115.67.245.193 22 มกราคม 2552 17:57:12 น.  

 

เดิ๊ยนก็กะจะให้คุณปรายแปลง เอาไม้มางัดออกจากเกล็ดน้ำแข็งหน่อย มาอยู่ที่นี้แปดปี เป็นปีแรกที่หนาวตั้งแต่เช้าถึงค่ำเลย เดินผ่านหน้าห้องเก็บศพนะ ถ้าเป็นดิฉันคงป่วยหนักกว่าเดิมแน่ ..เป็นคนกล้วผีอย่างหนัก..เลยขอตายเองดีกว่าจะได้หายกลัว..ว่าไหมคุณปรายแปลง..คอมพ์เครื่องนี้โหลดช้ามาก..วัยรุ่นใจร้อน..ต้องจับช่างเปลี่ยนใหม่..เพราะคอมพ์..ถูกยังกับชื้อปลากระป๋องนะ.(พูดเล่น)...พบกันใหม่นะ

 

โดย: คนสวย (ดาวกระพริบฟ้า ) 22 มกราคม 2552 18:08:00 น.  

 

สู้ๆนะคะ

 

โดย: Charlotte Russe 22 มกราคม 2552 22:25:46 น.  

 

วันนี้เป็นไงบ้างค่ะ หายไวๆนะคะ

จะมาบอกว่า2 วันก่อน เจอเต่แล้วค่ะ รายนั้นสบายดี แต่ทำหน้างงว่าเพื่อนคนไหนฝากความระลึกถึงไปให้ เค้าว่าเพื่อนผู้หญิงมีไม่กี่คนที่วิจิตรศิลป์ แต่ไม่รู้ว่าใคร เลยแนะนำให้โทรไปถามเพื่อนที่แม่สลองแล้วกัน เพราะอธิบายมันแล้วปวดหัวเจ้าค่ะ เพราะพ่อคณยังยืนยันให้เราแจ้งแถลงไขว่าบ้านสูเจ้าอยู่แห่งใด เลยบอกว่าโทรถามอ้ายตั้มแล้วกันเน้อ

สรุปแล้ว..ฟางเส้นเดียว นี่ใช่เค้าเหรอเปล่าค่ะ ขออภัยด้วยนะคะที่เป็นคนส่งสารที่ไม่รู้เรื่องที่สุดในโลกนี้แล้วกระมังเรา

 

โดย: นักเดินทางพเนจร (นักเดินทางพเนจร ) 23 มกราคม 2552 16:11:59 น.  

 

เรื่องเล่าจากปลายเตียง ฮือๆ
ไม่เป็นไร ขนาดนอนที่เตียงคนไข้
ยังสวยแจ่มออกขนาดนั้น น่ารักอ่ะ ปลายแปรง....
ขอให้หายเร็วๆๆๆๆมีแรงพลัง
เขียนหนังสือ ช่วยคนรักวาดรูปเร็วๆนะจ้ะ

 

โดย: ยิปซีสีน้ำเงิน 23 มกราคม 2552 18:52:09 น.  

 

รีบหายนะ
จะได้มาร่ำสุรากันต่อ
สุรามีน้อยใช้สอยประหยัด
เอ้
แล้วนี่ใครอัพบล็อกให้ล่ะ
อย่านะ
อย่าบอกว่าชายผมยาวคนนั้น
ไม่.....น่ะ
แล้วตอนนี้อยู่ไหนล่ะเนี่ย

 

โดย: (@-@) (ตาพรานบุญ ) 24 มกราคม 2552 21:34:55 น.  

 

ว่าจะอ่านแบบผ่าน ๆ แล้วเชียว แต่ไปเจอพ่อธารยุทธแซว ก้เลยจะบอกว่า

เรื่องลอกตา(ต้อกระจก)น่ะ ตาอ้างไม่ว่างสักที แต่ยายว่าง จึงอยากให้ยายไปลอกแทน เพราะยายเองก็หมอตรวจว่าเป็นต้อกระจก แต่ยายก็ไม่ไปลอก แถมยังประจักษ์ว่า ยายที่เคยบ่น ๆ ว่าตาไม่ดีนะ ยายยังขับรถไปไหนมาไหนกลางคืน(ไปงานศพ)ไม่ว่างเลยสักคืน

ส่วนตา(ตาจริง ๆ ของหลาน ก็คือลุง)พอกลางคืนไปไหนแทบไม่ได้ เคยขับรถปีนฟุตบาธ ก็เลยรอดจากการไปงานสังคมกลางคืนไป ฮา

เลยไม่อยากไปลอกตา

เพราะพอลอกมาแล้วจะต้องไปพวกงานศพ สวด บวช ฉลอง... โอย แค่คิดยังเบื่อ ไม่รู้อะไรกันนักหนา(ที่บ้านลุงนี่)

 

โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) 25 มกราคม 2552 10:24:41 น.  

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้ ซินนี้เกียงคง ซินนี้เพ่งอัง ซินนี้ตั่วถั่ง

สวัสดีปีใหม่ ขอให้เจริญรุ่งเรือง มีสุขภาพแข็งแรง
ปลอดภัยจากอันตราย และโรคภัยไข้เจ็บ ธุรกิจก้าวหน้า กำไรงดงาม
……………………………….

ถือโอกาสมาส่งเข้านอน หลับสบาย ฝันดี มีความสุขนะคะ


 

โดย: ร่มไม้เย็น 26 มกราคม 2552 0:32:25 น.  

 

เอาคอมไปสังหารไวรัสสักวัน - สองวันค่า

โดนพ่อม้าไม้โทรจันฝังมาเพียบเลย
แล้วจะแวะไปทักทายนะคะ....ไปเป็นมือปราบก่อน

 

โดย: ปลายแปรง 26 มกราคม 2552 10:51:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ปลายแปรง
Location :
พังงา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สุดปลายของแปรง
อาจป้าย...ได้ภาพเขียนงาม
อาจปาด....ได้ภาพสะเทือนขวัญ

แปรงสุดปลาย....วาดในอากาศ
สูญญากาศของสีที่ว่างเปล่า

เพียง "ใจ" ผู้ป้ายแปรง
ว่างเปล่า....ไร้แปรง....ปราศจากปลาย
สรรพเรื่องราว...ว่างเปล่าในกาลเวลา
Group Blog
 
<<
มกราคม 2552
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
21 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ปลายแปรง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.