..... หมดลมหายใจก็ไปแต่ตัว อย่ามามัวแย่งชิงทุกสิ่งอย่าง .....ขอบคุณทุกคน ที่มาแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้กันอย่างเสมอต้นเสมอปลาย มีความสุขกันทุกคนนะครับ....
Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
19 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 
ต้นตาลโตนดบนเกาะกลางถนน



บล็อกที่ 9

ถ้าใครเดินทางผ่านเข้ามาในจังหวัดภูเก็ตช่วงนี้ เริ่มตั้งแต่ปากทางเข้าสนาม

บิน จะเห็นว่า บนเกาะกลางถนนได้เตรียมปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ครั้งยิ่งใหญ่

โดยการรื้อต้นตีนเป็ดหรือต้นพญาสัตบรรณ และต้นโด หรือต้นประดู่ซึ่ง

มีดอกสีเหลืองหอมมากเวลาที่มันบาน

ต้นไม้ทั้ง 2 ชนิดซึ่งปลูกอยู่บนเกาะกลางถนนมากว่า 10 ปี ตามถนนสาย

หลักของภูเก็ต หรือถนนเทพกษัตรี ถูกขุดไป แล้วเอาต้นตาลโตนดมาปลูก

แทน

ระยะแรกชาวบ้านอย่างผม และอีกหลายคน ยังไม่เข้าใจ ว่าไปรื้อมันทำไม

เสียดายต้นไม้ เสียดายเวลาที่ฟูมฟักรักษามาเป็น 10 ปี ให้ร่มเงา กว่ามันจะ

โต อยู่ๆก็มาตัดมันทิ้งไปแล้ว

แต่เมื่อทราบเหตุผล เกี่ยวกับการจัดการดูแลต้นไม้เก่าๆ จะยุ่งยากกว่าการ

ดูแลต้นโหนด..ก็เข้าใจ

ก่อนที่จะลงมือปลูกต้นตาลกัน เรามาดูว่า เขาขุดต้นไม้เก่าๆไปไว้ที่ไหน....

และทำไมถึงได้ขุด

เอาเหตุผลที่มีการปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ก่อนนะครับ..

ประการแรก ถ้าคุณเป็นคนช่างสังเกต จะเห็นว่าบางช่วงของเกาะกลาง ต้นโด

ได้ยืนต้นตายไปจำนวนมาก หรือไม่ก็เหี่ยวเฉา กำลังจะตาย เพราะภายในลำ

ต้นของมันถูกแมลงเข้าไปกัดกินทำลายเนื้อเยื่อ และบางต้นที่งามมากๆ ก็มี

ปัญหากับกิ่งก้าน บดบังแสงไฟ สายไฟ ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายในยามค่ำ

คืน

หรือถ้าวันดีคืนดีฝนตกหนัก ลมพัดแรงจัด กิ่งต้นโดก็หักโค่นลงมาขวางทาง

จราจร

ผู้รู้บางคนเขาบอกกับผมว่า งบประมาณการตัดแต่งกิ่งไม้ตามเกาะกลาง หรือ

ตามข้างทาง ปีหนึ่งไม่ใช่น้อยๆ

ถ้าเปลี่ยนเป็นต้นตาล คงจะดูแลรักษาง่ายกว่า เพราะมันไม่มีกิ่งก้านพารา ให้

ต้องตัดแต่งกันอยู่บ่อยๆ

ประการที่สอง ถือว่าต้นตาลหรือต้นโหนด เป็นสัญลักษณ์การท่องเที่ยวของ

จังหวัดภูเก็ต

แหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่จะขาดต้นโหนดเสียมิได้คือที่แหลมพรหมเทพ

ใครที่ขึ้นไปบนแหลมพรหมเทพ ทุกคนจะต้องเห็นต้นโหนด ซึ่งนับว่าจะ

เหลือน้อยขึ้นทุกที

หากต้นโหนดเก่าๆตายไปตามอายุไข นานวันเข้าแหลมพรหมเทพอาจจะไร้

สิ่งนี้

เราน่าจะมีการรณรงค์ให้ปลูกเพิ่ม

เมื่อซัก2-3 ปีก่อน ผมได้เดินลงไปสุดที่ปลายแหลม ระหว่างทางที่เดินลงไป

เห็นโหนดต้นเล็กๆ 2-3 ต้น คงจะงอกขึ้นเอง เพราะใกล้ๆกันนั้นมีต้นโหนดพ่อ

แม่อยู่

แต่เมื่อเร็วๆนี้ได้ลงไปเที่ยวอีกครั้ง ไม่มีโหนดต้นนั้นแล้ว มันคงจะเฉาตายไป

เองตามธรรมชาติ

และประการต่อมา..เขาขุดต้นไม้เก่าๆ ไปทิ้งที่ไหน?

ไม่ทิ้งหรอกครับ..เห็นว่าเอาไปปลูกไว้ที่ทุ่งถลางชนะศึก สถานที่จัดงาน

ประจำปีท้าวเทพฯ

แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ การปลูกตาลบนเกาะกลาง ได้ปลูกผ่านหน้าบ้านผมไปแล้ว

1 เดือนเต็มๆ

เวลา 09.03 ของวันที่ 19 ตุลาคม 2552 คือเวลาที่รถเครนยกต้นตาลต้น

หนึ่งลงหลุมหน้าปากซอยบ้านผม

ต่อจากนี้ไป ผมจะคอยชื่นชม ดูการเจริญเติบโตของต้นตาลที่ปากซอยหน้า

บ้าน และต้นอื่นๆทั่วถนนเทพกษัตรีย์อย่างใจจดจ่อ

อยากเห็นมันงอกงาม ได้รับการดูแลอย่างดีจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

เพื่อเป็นที่เชิดหน้าชูตาถึงความสวยงามตอนที่มันเติบใหญ่ แขกบ้านแขก

เมืองผ่านมาเห็น จะได้ประทับใจในความสวยงามสมกับเป็นเมืองท่องเที่ยว

คือมีเกาะกลางที่สวยงาม สะอาดตา ไม่รกรุงรัง เป็นเมืองที่เกาะกลางถนนมี

การปลูกตาลยาวที่สุดในโลก

แต่ก่อนจะมาถึงวันนั้น ผมได้นำภาพการปลูกตาลบนเกาะกลางถนนในส่วนที่

เสร็จสิ้นไปแล้วมาให้ดูกันก่อน

ผมถ่ายภาพนี้ในตอนเช้าของวันนี้ เวลา 6 โมง 45 นาที จากสะพานลอยหน้า

บ้าน ฝีมือการถ่ายภาพอาจจะไม่แจ่มแจ๋วมากนัก เพราะทุกสิ่งทุกอย่าง กว่า

จะมาเป็นแบบนี้ได้ ถือว่าเป็นการเรียนรู้ที่จะพัฒนาต่อไป



ภาพ 1 ช่วงเช้าแบบนี้ การจราจรยังไม่คับคั่ง แต่หลังจาก 7 โมงเช้าไปแล้ว

การจราจรบนถนนสายนี้จะหนาแน่นมากครับ



ภาพ 2 ทิวต้นตาลบริเวณหน้าวัดศรีสุนทรครับ



ภาพ 1 2 และ 3 ทิวต้นตาลที่เห็นทั้งหมด มีอายุครบ 1 เดือนเต็มในวันนี้ครับ

(นับจากวันปลูกวันแรก 19 ตุลาคม 52 ในช่วงรัศมี 1 กิโลเมตร ใกล้บ้านผม)




Create Date : 19 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 21 กรกฎาคม 2554 22:06:20 น. 23 comments
Counter : 3192 Pageviews.

 
มาเจิมค่ะ..คิดว่าคงทัน

ไม่มีความรู้เรื่องตาลประดับค่ะ..ไม่รู้ว่าต้นเขาจะโตเต็มที่แล้วสูงแค่ไหน เหมือนต้นตาลบ้านเราหรือเปล่าหว่า
มีลูกเป็นทะลายเหมือนบ้านเราหรือเปล่า
พอลมฟ้า ลมฝนมาจะเสี่ยงต่อการโดนใบก้านตาลแก่หล่นใส่หัวหรือเปล่าหนอ

เม้นวันนี้ก็คงแค่มีชมค่ะ..ต้นตาลหนึ่งเดือนคงต้องการการทะนุถนอมบำรุงรักษาอีกนานกว่าจะแข็งแรง
ส่วนตัวถ้าถามก็คงไม่ชอบต้นไม้ประเภทนี้ค่ะ..ด้วยว่าคงไม่ให้ร่มเงามากมายนัก นอกจากความสวยงาม
เพราะชอบต้นไม้ที่แตกกิ่งก้านสาขาได้โดยไร้การควบคุม เป็นร่มเงา ให้ความครึ้มเย็น หลบแดด หลบร้อนได้
แต่อย่างว่า ความพอใจ มักสวนทางกับความสะดวก สบาย สวยงามและงบประมาณการตัดแต่ง

ภูเก็ตเคยไปเที่ยวครั้งเดียวในชีวิตค่ะ..เมื่อครั้งสมัยสาวๆ หุหุ ไปกับบริษัททัวร์ค่ะ
ประมาณว่าไป 4 คืน 3 วัน ไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันเพราะพอเท้าแตะพื้นไม่เกินครึ่งชั่วโมงไกด์ก็ต้อนขึ้นรถไปต่อ
ที่จะเห็นเป็นชิ้น เป็นอัน และเก็บเป็นความทรงจำก็คงไม่พ้นแหลมพรหมเทพยามอาทิตย์อัสดง
กับมื้ออาหารที่แสนอร่อย..(เรื่องอาหารการกินมักอยู่ในความทรงจำหลักๆ เสมอ)
ขนมจีนใต้ ผัดสะตอ น้ำพริกกุ้งเสียบ..ผักสดพื้นบ้านนาๆ ชนิด เกิดความชอบทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นลูกอีสานก็เพราะทัวร์ครั้งนี้แหล่ะ

สมัยเป็นลูกพ่อขุนฯ ขนมจีนหน้ารามฯ ร้านคนใต้ใกล้สะพานลอยคนข้าม
กินกันจนเจ๊เจ้าของร้านนึกว่าเป็นคนใต้ ด้วยความที่เราเป็นคนหน้าตาคมเข้ม คิ้วดก กระเดียดไปทางใต้
ไปถึงแกจะแล่งใต้เป็นชุดเราก็ได้แต่ยิ้มๆ พยักหน้าอือออ ชี้เอานั่น เอานี่ แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตากิน
แกคงคิดว่าเราเป็นคนพูดน้อย ที่ไหนได้เราฟังแกไม่ทันและก็ตอบแกไม่ได้
ขืนปล่อยภาษาใต้ปนลาวออกไป คราวหน้าแกงส้มผักทูนคงไม่ได้ชิ้นปลาอ้วนๆ หมูหวานคงไม่ได้มาพูนจานเป็นแน่

เห็นแมะ..พูดถึงเรื่องกิน มักคุยกันได้ยาว ฮ่า ฮ่า


โดย: กลีบดอกโมก วันที่: 19 พฤศจิกายน 2552 เวลา:23:15:55 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่


วิสัยทัศน์ของผู้นำชุมชมเป็นสิ่งสำคัญมากครับ
ถ้าตัดความเคลือบแคลงใจในเรื่องของงบประมาณออกไป
ผมก็ชอบไอเดียที่นำไม้ท้องถิ่นมาใช้
และยังมีวิธีจัดการกับต้นไม้ที่นำออกไป

ถือเป็นวิธีที่ดี

หลายปีก่อนต้นจามจุรีขนาดใหญ่ถูกตัดโค่นลง
เพราะผู้นำต้องการขยายถนน
สุดท้ายทำได้แค่ครึ่งๆกลาง
มีต้นไม้ใหญ่โผล่อยู่กลางถนน
และมันทำให้เกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้นมากมาย

สองกรณีนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนมากครับพี่ในเรื่องของวิสัยทัศน์










โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 พฤศจิกายน 2552 เวลา:5:48:06 น.  

 
ที่บ้านผม กำลังตีกันยกใหญ่เลยครับ !

>"ตีหมา-ตีแมว"

ไปช่วยกันตีหน่อยนะครับ


"...คนโบราณ พร่ำวอน สอนไว้ว่า

จะตีหมา ตีพลาง เว้นทางหนี

อย่าต้อนติด ปิดมุม หวังรุมตี

หมาจนที่ ตรอกตัน อันตราย..."




โดย: ลุงแว่น วันที่: 20 พฤศจิกายน 2552 เวลา:8:38:04 น.  

 
คุณกุ้ง..

ผมเองก็ใช่ว่าจะรู้อะไรมากมายนัก ตอนแรกนึกสงสัยด้วย

ซ้ำ ว่า..เอ ถ้าต้นมันโตขึ้นมาล่ะ มันไม่มีลูกหล่นลงมา

บนถนนให้รถราที่ขับผ่านไปมาได้รับอันตรายหรือ แต่เมื่อ

ทราบความจริงว่าตาลพันธ์นี้บ่มีลูก เป็นเพียงไม้ประดับ

ประเภทปาล์ม ก็สบายใจไปเปราะหนึ่ง

โอ้โฮ..คุณกุ้ง มาเที่ยวภูเก็ตตั้งแต่สมัยสาวๆถ้าตอนนี้มา

อีกครั้งก็ยังสาวอยู่นั่นแหละ (สาวใหญ่) ฮ่า ฮ่า ผมว่าเวลา

มันต้องผ่านไปแล้วไม่ต่ำกว่า 20 ปี มีโอกาสลงมาเที่ยว

อีกครั้งซิครับ จะเห็นว่าอะไรๆเปลี่ยนแปลงไปเยอะเลย

ยกเว้นพระอาทิตย์ตกที่แหลมพรหมเทพ จะกี่ปีๆผ่านไป

มันก็เป็นอาทิตย์ดวงเดิมนั่นแหละ 555

คุณกุ้งเอ่ยถึงบรรยากาศหน้าราม ทำให้ผมมองเห็นภาพ

ตอนนั้น เวลาว่างส่วนใหญ่ ชอบแว่บหลบเข้าร้านหนังสือ

อ่านอย่างเดียวนะ ไม่ซื้อหรอก จนบางครั้งแอบเห็นเจ้า

ของทำตาเขียวเข้าใส่ เพราะนิสัยรักการอ่าน เลยทำให้ตัว

เองขอบเขียนหนังสือมาจนถึงทุกวันนี้

ภาพที่ตัวเองเดินหิ้วถุงกับข้าว 4 อย่าง 20 บาทเดินมารอ

รถเข้าหมู่บ้านเสรี ยังเป็นความทรงจำที่ดีๆ ไม่เคยลืม

คุณกุ้งเชื่อไหม 3 ปีก่อน ผมเข้ากรุงเทพนั่งรถแท็กซี่จาก

ไหนก็จำไม่ได้แล้ว ปล่อยให้ลูกลงเที่ยวที่เดอะมอลล์

บางกะปิ ส่วนผมบอกแท็กซี่ให้ขับไปส่งผมต่อที่หมู่เสรี

5 อยากไปดูบ้านที่เราเคยอยู่แต่แท็กซี่เจ้ากรรมพาเข้าไป

ไม่ถูก และไม่ได้ไปเลยจนถึงทุกวันนี้


สวัสดีครับคุณก๋า

อย่างที่คุณก๋าพูดทุกอย่างเลย แต่ผมไม่นำลงในเรื่องราย

ละเอียด เพราะคงไม่เหมาะสมที่จะวิจารณ์การทำงานของ

เจ้าหน้าที่บ้านเมือง


ขอบคุณครับลุงแว่น

แต่... อย่าตีหม้อนะครับ เดี๋ยวหม้อแตก แล้วไม่มีหม้อให้

หุงข้าวกิน 5555


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 20 พฤศจิกายน 2552 เวลา:10:13:04 น.  

 


เห็นภาพวิวที่คุณยะลงมาให้แล้วได้ใจจริงๆค่ะ

เวลาม๊าไปธุระผ่านไปผ่านมา ไม่เคยได้คิดถ่ายเก็บไว้สักที

ม๊าไปพักตากอากาศที่ รพ.สิริโรจน์ซะสองวันค่ะ

น้องนุ่นเป็นลมที่หน้ามหาวิทยาลัย อากาศร้อนจัดนะค่ะ

คุณหญิงเธอตัวอ้วนตุ้ยนุ้ยจัด พออากาศร้อน ไขมันจะละลาย

ก็เลยทำให้ใจสั่นหน้ามืดเวียนหัวนะค่ะ ทางมหาลัยตกใจก็เลย

รีบจับยัดใส่รถไปโรงพยาบาลค่ะ นี้ก็หายดีแล้ว ยังคงตุ้ยนุ้ยเหมือนเดิมค่ะ

******************

ต้องขอบคุณสำหรับตำแหน่งตราตั้งที่ตั้งให้ม๊ากับน้องนุ่นนะค่ะ คิกๆๆๆ

วันเวลาผ่านไปรวดเร็วค่ะ ทุกวินาที ม๊าเลยไม่อยากให้ลูก

ขาดความรู้สึกดีๆ ที่จะต้องมีอยู่ในใจเขาไปจนกว่าชีวิตของม๊าจะหาไม่นะ

ม๊าอาจเคยขาดมาก่อน ทำให้ม๊ากลัวว่าลูกจะต้องมาเจ็บปวด

หรือขาดเหมือนม๊าเมื่อตอนเด็กๆ เนอะ แต่เราก็หนีตรงนั้นไม่พ้นค่ะ

เขาเรียกว่ากรรมลิขิตนะค่ะคุณยะ.....................

ม๊าอ่านเรื่องสั้นของคุณยะบางเรื่องถึงรับทราบว่าคุณยะและครอบครัว

เข้าใจในเรื่องกรรม และบาปบุญเป็นอย่างดีนะค่ะ

ดีจังเลยนะค่ะ สมัยนี้ครอบครัวอย่างนี้หาได้ยากเลยค่ะนี้ม๊าพูดจริงๆนะค่ะ

ตอนเด็กๆ ม๊าก็ชอบเขียนเรื่องสั้นค่ะ เขียนตลกๆ ก็เยอะเลย

แต่ด้วยความเป็นเด็ก ได้แต่เขียนแล้วก็เก็บเอาไว้ จนปลวกขึ้นเลย คิกๆๆๆ

***************************

หลังไมค์ด้วยนะค่ะ


โดย: นางมารร้ายจีจี้ วันที่: 20 พฤศจิกายน 2552 เวลา:14:21:23 น.  

 
แหม..คุณม๊าพูดซะผมโตะใจโหมะเลย เรื่องจับน้องนุ่นยัดใส่รถนะ ใครหนอใจร้ายจริง ทำได้ลงคอ (ที่จริงนำตัวน้องนุ่นใส่รถส่งโรงบาลนะ อย่าเข้าใจผิด)
แต่ม๊าพูดถึงการจับยัด ทำให้นึกไปถึงตอนผมขับรถตามหลังรถบรรทุกอู้ดๆนะ เห็นมันกระดุกกระดิกหาง ทำปากจุ่น โดยไม่รู้ว่า อีกไม่กี่วันชะตาก็ขาด ถูกเชือดมาเป็นโลบะบางเหนียวให้เรากิน ฮิ ฮิ (น่าสงสารมันนะ ไม่รู้จะกินมันทำมั้ย)
สำหรับอย่างอื่นก็ขอบคุณนะครับที่ชมเข้ามา


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 20 พฤศจิกายน 2552 เวลา:19:43:13 น.  

 
สวัสดีค่ะ

ยินดีด้วยกับการทำบลอกได้สำเร็จค่ะ

ได้เขียนในสิ่งที่อยากเขียน อยากเล่า

ขอให้สนุกกับของเล่นใหม่ค่ะ



โดย: วีดวาด วันที่: 21 พฤศจิกายน 2552 เวลา:19:25:07 น.  

 
สวัสดีวันเสาร์คุณติน

แวะมาในวันที่เข้าบล็อกของตัวเองไม่ได้ค่ะ
server มีปัญหาอีกแล้ว..เห็นมีแปะข้อความไว้ว่าจะใช้ได้ก็ต้องมี time macchine ย้อนหลังไปวันที่ 5 ก.ย 50 หุหุ
แล้วแบบนี้จะได้มีโอกาสอัพบล็อกหรือไม่เนี่ย อุตส่าห์ทำตับหมูอบซ๊อสไวน์แดง(แต่รูปสำเร็จดำปี๋ ฮ่า ฮ่า) กะมาอวดคนทางนี้สักหน่อย

วันนี้คุณแม่บ้านทำกับข้าวอะไรให้ทานคะ..ท่าทางจะเต็มไปด้วยเสน่ห์ปลายจวักแน่ๆ เพราะดูแล้วหนุ่มน้อยในรูปคงเจริญอาหารซะแก้มยุ้ย
พรุ่งนี้วันอาทิตย์ กุ้งกับครอบครัวจะไปดูมอเตอร์โชว์ที่ Bologna อีกแล้วค่ะ ปีที่แล้วก็ไป เดี๋ยวจะเอารถยนต์งามๆ มาฝากสักหลายๆ คันนะคะ
ว่าแต่ว่า...ที่บ้านมีที่จอดรถเหลือหรือเปล่าคะ อิอิ

มีความสุขในวันหยุดสุดสัปดาห์...ฝากความคิดถึงข้ามขอบฟ้ามาถึงภูเก็ตเลยค่ะ^______^


โดย: kungnang IP: 79.43.41.146 วันที่: 21 พฤศจิกายน 2552 เวลา:20:23:17 น.  

 



สวัสดีค่ะคุณแป้นพิมพ์

ขอบพระคุณที่แวะไปทักทาย
ป้าไม่มีความรู้เรื่องการปลูกต้นไม้บนเกาะกลางถนนเลยค่ะ
รู้อยู่อย่างเดียวเพียงว่าตัวเองเป็นคนชอบความเขียวของต้นไม้
ชอบมากกกกกกก กระทั่งล็อกอินก็ยังใช้ว่า ….ร่มไม้เย็น

ดูจากรูป….ก็ดูสวยดี
โตขึ้นในระดับสายตาคงโชว์ลำต้น….สวยไปอีกแบบค่ะ

วันนี้อากาศเริ่มเปลี่ยนอีกแล้ว
ดูแลและรักษาสุขภาพนะคะ

คมคำ : ความขัดแย้งจะตามมา หากเหตุผลของสองฝ่ายสวนทางกัน




โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 21 พฤศจิกายน 2552 เวลา:20:51:34 น.  

 

ขอบคุณวีดวาด(น้องจ๋า) มากนะครับ ที่เข้ามาเยี่ยมเยือนบ้านใหม่ของโก้ อิ อิ

แล้ววันไหนว่างๆ ได้กลับไปบ้านอีก อาจจะแวะไปชิมฝีมือการชงโก้ปี้ที่แสนหรอยของน้องจ๋าที่ตะกั่วป่าซักจอกนะ ท่านพี่ขอคารวะ


คุณกุ้งนางครับ
ลานจอดรถยังจอดได้อีก 2 คัน รีบส่งมาไวๆนะครับ

วันนี้ขอบอกว่าไม่ได้ทำกับข้าวกินเอง ตอนเย็นไปรับลูกที่ไปเรียนพิเศษ(ดนตรี)

แล้วก็เลยไปเที่ยวงานโอท้อปที่สะพานหินภูเก็ต ลงจากรถเดินได้เพียงล้อคเดียว

ฝนกระหน่ำไม่ลืมหูลืมตา แต่ก็ยังดีที่ได้ น้ำพริกมะขามอ่อน ผัดเผ็ดหมูป่าผัดผ็ดไก่บ้านใส่เครื่องซากลิ่นหอมหวน รสชาติจัดจ้านเผ็ดจนน้ำหูน้ำตาไหล

กินเสร็จเดี๋ยวว่าจะเล่าให้คุณกุ้งฟังทางหลังไมค์ พอมาเปิดคอมก็เห็นเมนท์ เลย

ถือโอกาสเล่าตรงนี้เลย แหม..อยากให้คุณกุ้งได้ร่วมวงด้วยซักคน สะเด็ดสะเด่าจริงๆ ตับหมูอบซอสไวน์แดงดำปี๋นะ ชิดซ้ายไปเลย ขอบอก ฮิ ฮิ

ผมก็ฝากความสุขไปยังคุณกุ้งและครอบครัว ผ่านข้ามสะพานสารสินตอนดึกๆไปเช่นกัน ขอให้มีความสุขมากๆนะครับ แล้วอย่าลืมรถสวยๆล่า...


ขอบคุณครับคุณป้า (ร่มไม้เย็น)

แล้วจะแวะไปเยี่ยมชม ร่มไม้เย็นๆโดยสม่ำเสมอครับ

เช่นเดียวกันครับ รักษาสุขภาพ พักผ่อนเยอะๆ ทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายนะครับ


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 21 พฤศจิกายน 2552 เวลา:23:07:03 น.  

 


มาแอบอ่านเรื่องน้องศรีนวลของม๊าตอนดึกๆนะค่ะ คิกๆๆๆ

พรุ่งนี้วันอาทิตย์ค่ะ เด็กๆ จะนอนตื่นสายตามม๊ากันหมดทุกตัวเลย

ในบรรดาลูกๆนะค่ะ น้องศรีนวลจะรักม๊าที่สุด บอกไม่ถูกนะค่ะ ทั้งๆที่เขาเป็นเด็กเงียบๆ

แต่ความรู้สึกของม๊าสัมผัสเขาได้อย่างนั้นค่ะ ....................

เด็กๆ จะโชคดีตรงที่ มีพี่ปุยนุ่นชอบถ่ายภาพแมวมากๆเลยค่ะ

พี่ปุยนุ่นเป็นเด็กติ๊งต๊อง ชอบถ่ายภาพสไตล์นี้มากๆเลยค่ะ

ม๊าเลยได้มีภาพเด็กๆ มาลงบ่อยนะค่ะ ลำพังตัวของม๊าเองไม่มีเวลาเลยค่ะ

เป็นหัวหน้าครอบครัว จะมานั่งเล่นเหมือนเด็กๆ ก็ลำบากแย่เลยนะค่ะ

ยิ่งช่วงนี้ผู้ป่วยเยอะมาก บางครั้งม๊ารู้สึกท้อนะค่ะ แต่พอมานอนคิดๆดู

ว่าทุกสิ่งทุกอย่าง ชะตาฟ้าลิขิตแล้ว ตรงนี้ล่ะค่ะ ที่ทำให้ม๊ามีพลังขึ้นมาทันที

แล้วนี้จะให้ม๊าเรียกคุณยะ ต่อไปดีไหมค่ะ สำหรับม๊าที่เขาเรียกม๊า กันนั้น

ก็เพราะว่าเรียกม๊าตามปุยนุ่นนะค่ะ ปุยนุ่นเรียกแม่ว่าม๊า........

เพื่อนๆในบล็อคก็เลยเรียกม๊ากันหมดทุกคนเลยค่ะ แต่หาได้ชื่อนี้หรอกนะค่ะ

***************

หลังไมค์ต่อนะค่ะ


โดย: นางมารร้ายจีจี้ วันที่: 21 พฤศจิกายน 2552 เวลา:23:57:29 น.  

 
เสียดายเหมือนกันนะครับ

ต้นตีนเป็ด หรือต้นไม้อื่น ๆ ที่ปลูกไว้กลางถนน

ทำให้ถนนไม่ร้อนระอุเดือดในหน้าแล้ง

แม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่า

การปลูกพืชตระกูลปาล์ม ไม่ว่าโตนด หรือปาล์มขวด หรือ ปาล์มฟ็อกซ์เทลล์ จะดูแลง่ายกว่า

แต่สิ่งที่ขาดหายไป คือความร่มรื่น

แม้จะต้องแลกกับค่าใช้จ่ายในการดูแลมากกว่าก็ตาม

ก็คงอยู่ที่การให้น้ำหนักของผู้บริหารบ้านเมืองแล้วละครับ

คิดด้านที่ว่า ประหยัด ดูแลง่าย ปลอดภัยสำหรับรถรา ก็คงต้องเลือกไม้ตระกูลปาล์ม

แต่ถ้าให้น้ำหนักกับคนเดินดินริมถนน ไม่มีรถราขับขี่ อะไรจะดีเกินกว่าต้นไม้ใหญ่ทีให้ร่มเงา

สมัยนี้ ใคร ๆ ก็ให้ความสำคัญกับถนน

ถนนในแง่ที่ว่า เป็นทางวิ่งของรถ

มากกว่าถนนในแง่มุมของคนเดินเท้า

เราเริ่มให้ความสำคัญกับรถยนต์ อันประกอบด้วยเครื่องยนต์กลไกที่ทำจากโลหะ

มากกว่าคนหรือประชากร ที่ประกอบขึ้นด้วยเลือดเนื้อและจิตวิญญาณ...

ไม่แน่ใจว่า

การให้น้ำหนักเช่นนั้น จะถูกต้องหรือไม่ประการใด

ฝากให้แต่ละคนเก็บไปคิดกันนะครับ...



โดย: ลุงแว่น วันที่: 22 พฤศจิกายน 2552 เวลา:7:21:17 น.  

 
ม๊าครับ..

เรียกอย่างใดก็ได้ครับม๊า ต่อให้มีชื่อไพเราะเพราะพริ้งแค่

ไหน แต่ถ้าเป็นคนไม่ดี ชื่อมันก็ช่วยอะไรเราไม่ได้หรอก

ขอบคุณนะครับที่เป็นเพื่อนคุยอย่างดี


สำหรับคุณลุงแว่น

ผมไม่มีคำอธิบายอะไรต่อครับ ที่ลุงแว่นเขียนมานะดีสุด

ผมเชื่อว่าคนอีกจำนวนมากคิดเหมือนลุงแว่น แต่...ขอละ

ไว้ เป็นว่า.... เข้าใจครับ


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 22 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:20:19 น.  

 
ขอบคุณนะคะที่ไปเยี่ยม...

นักล่าฯไม่เคยกินยำย่านัดค่ะ แต่อ่านแล้วก็น้ำลายหกเรี่ยราดอยู่หน้าคอมพ์

มีโอกาสคงได้กินสักวัน

คงไม่ผิดหวังเหมือนตะวันตกดินที่แหลมพรหมเทพ...อันนั้นไปทีไร เมฆบังทุกที

ไปจ้องอยู้สี่ห้าครั้งแล้ว ยังไม่เจอตะวันตกน้ำ...ไม่รู้โม้ป่าว...หุหุ

.................

เห็นต้นไม้บนเกาะถนน ไม่ว่าต้นอะไร เห็นเขียวๆ ก็ชื่นใจทั้งนั้นค่ะ

หวังว่าคงดูแลต้นโหนดอย่างดี...โตกว่านี้ คุณยะ(เรียกตามเค้า)ถ่ายรูปมาอวดหน่อยนะคะ

นักล่าชอบภูเก็ตอยู่อย่าง คือดินที่นั่นเป็นทรายขาวๆ

ในเมืองเลยไม่ค่อยสกปรก ดูสะอาดตาดี

ไปดูแถวสุราดสิคะ..ดินเป็นดินแดง...กลายเป็นฝุ่นโคลนสีแดงทั้งเมือง ดูไม่ได้เลยค่ะ


โดย: นักล่าน้ำตก (นักล่าน้ำตก ) วันที่: 22 พฤศจิกายน 2552 เวลา:16:12:02 น.  

 
หุ หุ..ขอบอกนักล่าว่า

มาอยู่ภูเก็ต 20 ปีได้แล้วมั้ง แต่ไม่เคยเห็นพระอาทิตย์ตกที่แหลมพรหมเทพฯเช่นเดียวกัน ไปครั้งไหน

(ขนาดเลือกวันที่ฟ้าเปิดแล้วนะ) แต่พอถึงเวลาพระอาทิตย์จ๋อมแจ๋ม เดี๋ยวก็ขี้เมฆบ้างล่ะ ทัศนิวิสัยไม่ดีบ้าง

ล่ะ มาเบียดบังทุ้กที นับประสาอะไรกับคนไกล เฮ้อ จะบ่นไปทำมั้ย..มันเรื่องของธรรมชาติเค้าน่า

ขอบคุณนะคร๊าบที่เข้ามาทักทายอย่างรวดเร็วนิ


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 22 พฤศจิกายน 2552 เวลา:16:46:56 น.  

 
ต้นตาลโตนดกับถนนในเมืองภูเก็ต
ผู้บริหารคงเอาความสวยงามเข้าว่าและไม่เป็นอุปสรรค
กับการจราจร หรือว่าดูได้ง่าย นี่ก็ได้แต่เดา
เหตุผลไป ไม่รู้ว่าอันใดถูก

ในกทม. เอง เพื่อนผมที่จบเกษตรเคยแนะนำให้
ผู้ว่า กทม. ปลูกผลไม้ที่กินได้ เผื่อคนยากไร้
พอจะหาของกินได้ คำแนะนำนั้นดูเหมือนจะสิบกว่าปีแล้ว
แต่ก็ไม่เป็นมรรคผลแต่อย่างใด

คงมีเพียงต้นขนุนกับมะขามที่ปลูกมาแต่ดั้งเดิมเท่านั้น

ผู้บริหารเขาคงมีวิสัยทัศน์ตามแบบของเขา...


โดย: Insignia_Museum วันที่: 22 พฤศจิกายน 2552 เวลา:20:04:57 น.  

 
สายัณห์สวัสดีค่ะปลายแป้นพิมพ์
+--------------------------------------------+

ยินดีที่ได้รู้จักมิตรภาพ ณ บล๊อกแก๊งค่ะ
ขอบคุณที่แวะไปทักทายสม่ำเสมอ

สาวฯ แวะมาอ่านเรื่องสั้น ผู้บ่าวใต้เกือบทุกเรื่องแล้วค่ะ
พอเปิดม่าน อะกึ๊ย! เรื่องเล่าฯ แล้วล๊อคอ๊อฟ (ลดต้นทุนค่าเน็ต) อะคึ่ ๆ

ขออภัยด้วยค่ะ ที่ไม่ได้ฝากคำเขียนใด ๆ ให้ จขบ. รับทราบ
รอบนี้แวะมาเยือนเมืองภูเก็ตจนเหม็ดใจ หุ หุ


โดย: สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น วันที่: 22 พฤศจิกายน 2552 เวลา:20:37:05 น.  

 
ถูกต้องนะคร๊าบ..คุณอิม

แต่ก็..นั่นนะซิ เมื่อก่อนตามข้างทางยังมียอดมะขามอ่อน

ให้เด็ดไปต้มส้มปลาบ้าง หน้ามะขามสุก ยังพอมีฝักสุก

ให้ปีนขึ้นไปเก็บมาทำส้มมะขามเปียก แต่เดี๋ยวนี้มี

การขยายถนนหนทาง แนวคิดผู้บริหารบ้านเมืองปลูก

แต่ต้นไม้สวยงาม เด็ดใบมากินไม่ได้ ได้แต่ชื่นชม

อย่างเดียว นี่ยังดีนะ ยังไม่เคยเห็นปลูกขนุน (คงกลัว

ผีขนุนมั้ง อิ อิ


ฮักผู้สาวขอนแก่นจริ๊ง เฮ้อ..นึกว่าไม่สนใจหนุ่มใต้รูปหล่อ

ซะแล้ว อะคึ่ๆ เห็นมะ หยิบยืมเสียงหัวเราะอันแหลมคม

มาใช้อย่างรวดเร็วทันใจ แล้วอย่าลืมมาเยี่ยมกันอีกหลาว

นะ


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 23 พฤศจิกายน 2552 เวลา:4:52:10 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 พฤศจิกายน 2552 เวลา:8:26:56 น.  

 
สวัสดียามเช้าเช่นกันครับคุณก๋า

เข้าบล็อกคุณก๋าไม่ได้ 2 วันเต็มๆ คิดถึงความน่ารักของ

น้องหมิงหมิง วันนี้ส่งรูปมาให้ดูตะเช้า เฮ้อ สดชื่น..ชื่นใจ

เหมือนยืนอยู่บนเทือกเขาหิมาลัย อิ อิ


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 23 พฤศจิกายน 2552 เวลา:9:26:18 น.  

 
ความรู้ใหม่ ไม่ได้มาภูเก็ตนาน มาภูเก็ตครั้งสุดท้ายดูเหมือนตอนกลุ่มวรรณกรรมภูเก็ตจัดสัมมนาเรื่องวรรณกรรมสึนามิ แต่แล้วก็เหลวเป๋ว ขอไม่พูดเรื่องที่มา

แต่สนใจเรื่องถนนในภูเก็ตมาก เพราะว่าตอนที่ยังใช้ชีวิตอยู่พังงา ๒๐ กว่าปี ภูเก็ตก็เหมือนบ้านที่สอง ไป มาบ่อย จะทำอะไรซื้ออะไรต้องเข้าภูเก็ต ภูเก็ตคือตลาดของพังงาและกั่วป่า สมัยที่ถนนยังแคบ บ้านเมืองยังไม่เจริญมาก เข้าภูเก็ตโดนขับรถเครื่อง หรือไม่ก็รถสองแถว บรรยากาศ ผู้คน อบอุ่นเป็นกันเอง สนิทแนบแน่นแม้ไม่เคยรู้จัก แต่ปัจจุบันพแอถนนกว้างขวาง มาภูเก็ตขับรถเองหลายครั้ง ตั้งแต่ตะกั่วป่า พังงา และภูเก็ต มีความรู้สึกว่า นี่ไม่ใช่เมืองที่เราเคยอยู่ เคยคุ้นอีกต่อไปแล้ว มันเป็นเหมือนบ้านอื่นเมืองอื่น
โอ เพิ่งเห็นว่ามีการปลูกต้นโตนด ใจผมยังอยากให้เป็นต้นโตนดหรือต้นตาลที่มีลูกมากกว่า ถ้ากลัวว่าผลตาลสุกจะหล่นลงมา การเก็บผลตาลไม่น่าจะยาก อย่างน้อยก็ส่งเสริมให้มีอาชีพขายผลโตนด ลูกตาลอ่อน หรือขนมลูกตาลให้เป็นสัญลักษณ์ของภูเก็ตน่าจะดีกว่า

แต่วิสัยทัศน์ของผู้นำย่อมมาก่อนความต้องการของคนนอก

เก่งนะเข้าใจทำให้หลาย ๆ บล็อกมารวมในหน้าเดียวกัน ลุงทำไม่เป็นเลย


โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) วันที่: 30 พฤศจิกายน 2552 เวลา:10:11:04 น.  

 
ขอบคุณครับลุงบูลย์ ที่มาติดตามอ่านเรื่องราวของหนุ่มภูเก็ต ถ้าว่างๆก็มาเที่ยวภูเก็ตอีกซิครับ ยังมีคนใจดีอีกเยอะเลย

บล็อกของผม ที่เป็นอย่างนี้ได้ ก็ได้ความรู้จากเพื่อนชาวบล็อกหลายคน แนะนำให้ทางหลังไมค์

ผมก็ต้องขอบคุณทุกคนที่ให้ความรู้ กับคนไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน จนสุดท้ายรูปร่างหน้าตามันก็ดีขึ้น อย่างนี้ละครับ


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 3 ธันวาคม 2552 เวลา:20:57:34 น.  

 
ภูเก็ตเป็นจังหวัดที่วาดฝันไว้ว่าจะต้องไปเที่ยวให้ได้เลย แต่ก็ยังไม่มีโอกาส ไว้ซักวันต้องไปให้ได้จริงงงงง (ติดดูแลคุณยายอ่ะพี่ตฤณ แก่แล้วย่าง 84 จะไปไหนนานๆต้องลำบากเอาไปฝากคนอื่นดูให้ เกรงใจก็เลยไม่กล้าไปไหนนานๆ)


โดย: หญิงแก่น วันที่: 8 ธันวาคม 2553 เวลา:13:49:17 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปลายแป้นพิมพ์
Location :
ภูเก็ต Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 127 คน [?]




หลังบ้านโกติณ มีกินตลอดปี

ชายหนุ่มหน้าตาธรรมดา
ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย
ไม่ยึดติดกับอะไรมากเกินไป

ชอบเที่ยวทะเล ภูเขา น้ำตก
ตลาดนัด ห้างสรรพสินค้า
ดูหนัง ฟังเพลงลูกทุ่ง
(ถ้ามีโอกาสนะ)

เวลาว่างชอบถักร้อย
ซึ่งหมายถึงชอบนำพยัญชนะ
ตั้งแต่อักษร ก. ถึง ฮ.นกฮูก
พร้อมสระ วรรณยุกต์
มาร้อยเรียงเป็นเรื่องราว
บันทึกเก็บไว้อ่านเองบ้าง
ให้คนอื่นอ่านบ้าง
แล้วแต่โอกาส

มีความสุขมาก
เมื่อได้เขียน เขียนและเขียน
อะไรก็ได้ที่อยากจะเขียน
(โลกนี้มีอะไรตั้งมากมาย
เขียนให้ตายก็ไม่มีวันหมด)

วัตถุประสงค์หลัก
ของการมีบล็อก
เป็นของตัวเองวันนี้
ก็เพื่อที่จะเก็บงานเขียน
ทั้งอดีตและปัจจุบัน
ไว้เป็นหมวดหมู่

และตามบันทึก
เรื่องราวที่น่าสนใจ
เรื่องราวหลากหลาย
ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
เก็บเป็นความทรงจำที่ดี
ตราบที่ยังมีชีวิต
อยู่ในโลกอันแสนสวยใบนี้

ใครที่หลง
เข้ามาในบล็อกของผม
คงได้อะไรไปบ้าง
ไม่มากก็น้อย
มีความสุขทุกๆ วัน
ตลอดไปนะครับ

งานเขียนเรื่องสั้น
ทุกเรื่องในบล็อกนี้
เป็นงานที่มีลิขสิทธิ์ตามกฏหมาย
ห้ามมิให้ผู้ใดนำไปทำซ้ำ
หรือดัดแปลงในเชิงธุรกิจ
นอกจากจะได้รับอนุญาต
จากผู้เขียนแล้วเท่านั้น
New Comments
Friends' blogs
[Add ปลายแป้นพิมพ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.