[CR] เปิดถุงช็อป + รีวิวกรุบกริบๆ เวอร์ชั่นกักตุนสินค้าก่อนแพ็คกระเป๋าไปเที่ยว 2 เดือนเต็มๆ ~~


ช่วงนี้เป็นช่วงช็อปกระจายยยยยย ของเราเลยค่ะ .. เพราะอีกอาทิตย์กว่าๆ เราจะแพ็คกระเป๋าไปเที่ยวเป็นเวลา 2 เดือนเต็มๆ ..
เลยวิ่งหากักตุนทุกสิ่งอย่างที่ใช้ประจำ และกำลังจะหมด รวมไปถึงของที่จำเป็นในการเดินทางต่างๆ ค่ะ

เลยจะมาเปิดถุงช็อปให้ดูว่า ซื้ออะไรไปบ้าง .. และบางอย่างที่ได้ลองใช้ไปแล้วก็จะรีวิวให้ด้วยค่ะ ..
จริงๆ แล้วยังมีบางอย่างที่ต้องซื้ออีก แต่เอาเท่านี้ก่อนดีกว่าค่ะ .. ใกล้เวลาเดินทางแล้วเดี๋ยวจะรน ไม่มีเวลามารีวิว .. แฮะๆ




มากันที่กลุ่มแรกนะคะ ..

ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดต่างๆ ..



1. Pigeon Baby Wipes ทิชชู่เปียกขนาดพกพา

ซื้อที่ไหน: วิลล่ามาร์เก็ตอารีย์

ราคาเท่าไหร่: แฮ่ .. จำไม่ได้ค่ะ ซื้อมาตุนไว้ได้พักใหญ่ๆ แล้ว

เหตุผลที่ซื้อ: คิดว่าเหมาะกับการเดินทาง พกใส่กระเป๋าไว้ ใช้ได้สารพัดประโยชน์มาก เช็ดหน้า เช็ดมือ เช็ดที่รองนั่งในห้องน้ำ เช็ดก้น ฯลฯ

ความเห็นหลังการใช้: โอเคค่ะ ไม่มีน้ำหอม เช็ดมือแล้วรู้สึกสะอาดดี ขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวก แผ่นทิชชู่ก็กำลังพอดี


2. Wet Ones for Baby ทิชชู่เปียกขนาดตั้งโต๊ะ

ซื้อที่ไหน: วิลล่าอารีย์เช่นกันค่ะ

ราคาเท่าไหร่: .... ลืมมมมม

เหตุผลที่ซื้อ: เอาไว้ใช้เวลารีบๆ ตื่นสาย อาบน้ำไม่ทัน ก็หยิบมาถูๆ ตัวให้ทั่วๆ รู้สึกสะอาดเหมือนกันค่ะ .. จริงๆ ปกติใช้ Bebe Sup สีเขียวๆ ที่คุณโมเมแนะนำอยู่ แต่มันเป็นแบบห่อๆ เปลืองเนื้อที่บนโต๊ะ พอดี Bebe Sup ใกล้หมด เลยหยิบยี่ห้อนี้มาเพราะเห็นคำว่า Alcohol Free

ความเห็นหลังการใช้: ยังไม่ได้ใช้ค่ะ เพราะ Bebe Sup ยังไม่หมดดี .. แต่ว่าาาาาา



เจาะลึกส่วนผสมของเจ้า Wet Ones for Baby ..
------------------------------------------
ไหนว่าไม่มีแอลกอฮอลล์ไง ดวกส์!!!~
หร่อนขี้โม้ตดเหม็นมาก!!~ .. โกรธธธธ


3. Scentio Goat Milk Cream Bath ครีมอาบน้ำกลิ่นนมแพะ

ซื้อที่ไหน: ร้าน Beauty Buffet เซ็นทรัลลาดพร้าวชั้นใต้ดินค่ะ

ราคาเท่าไหร่: ตอนซื้อจำไม่ได้แล้ว แต่ในเว็บเขียนไว้ว่า 250 บาทค่ะ

เหตุผลที่ซื้อ: เพราะใช้มา 2 ขวดแล้ว .. ไปลองดมเซ็ทนมวัวของ Beauty Buffet เหมือนกันแล้วอันนั้นเราว่ามันกลิ่นแปลกๆ อ่ะค่ะ หอมแปลกๆ มึนๆ ยังไงไม่รู้ เลยหยิบอันนี้มาแทนเพราะมันกลิ่นน่ากินกว่ากันเยอะ 55+

ความเห็นหลังการใช้: ชอบกลิ่นหอมนมๆ หวานๆ มันๆ อาบน้ำทีไรอยากเอามาซดโฮกกกก เพราะมันหอมน่ากินม้ากกกก .. เรื่องบำรุงผิวหรือไม่อะไรยังไงนี่ไม่ค่อยเห็นผลค่ะ แต่ล้างได้สะอาดดี ไม่มีลื่นๆ ติดผิวเท่าไหร่


4. Hada Labo Cleansing Oil ออยล์ล้างเครื่องสำอาง

ซื้อที่ไหน: วัตสัน เซ็นทรัลพระราม 9 ค่ะ

ราคาเท่าไหร่: แฮะๆ .. ลืมอีกแล้ว (จริงๆ ตัดหัวข้อนี้ทิ้งเลยก็ได้มั้งเนี่ย  จำไม่ได้ซักอย่าง 555+)

เหตุผลที่ซื้อ: ไม่ได้ตั้งใจซื้อเลย .. จริงๆ ใช้ออยล์ล้างเครื่องสำอางของ DHC อยู่ค่ะ แล้วใกล้หมด พอดีเดินเล่นๆ ในวัตสันเห็นเจ้านี่วางอยู่ขวดสุดท้าย เลยแอบคิดไปเองว่ามันขายดี เลยหยิบมาตุนไว้เลยละกัน ไหนๆ ก็เป็นสูตรน้ำมันมะกอกเหมือนกัน ไม่น่าแพ้ (จริงๆ หน้าเราก็ไม่ค่อยจะแพ้อะไรง่ายๆ อยู่แล้วด้วยล่ะค่ะ)

ความเห็นหลังการใช้: ยังไม่ได้ลองใช้ค่ะ ข้ามไปเนาะๆ ..


5. Bioderma Sebium H2O ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางสูตรน้ำ ขนาด 500 ml.

ซื้อที่ไหน: สั่งทางเน็ตค่ะ .. เราจะไม่บอกว่าเว็บไหน เพราะถ้า Google ดูก็มีขายเยอะแยะมาก ต่างกันแค่ราคา เลือกกันดีๆ ละกันค่ะ

ราคาเท่าไหร่: 1,050 บาทค่ะ

เหตุผลที่ซื้อ: ได้ดูวีดีโอ "My Beauty Regime on Long Haul Flights" ของ Lisa Eldridge พอดีกับที่เราก็ต้องบินยาวๆ เช่นกัน เลยพยายามนำวิธีของเค้ามาประยุกต์ใช้ค่ะ .. ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการล้างเครื่องสำอางด้วยเจ้าน้ำนี่ โดยที่ไม่ต้องลุกไปห้องน้ำเลย เราว่ามันสะดวกมากๆ เลยยอมลองซื้อมาใช้ค่ะ

ความเห็นหลังการใช้: ลองใช้เช็ดเครื่องสำอางแบบ Full Makeup ไปหนึ่งครั้งถ้วน พบว่าหน้ารู้สึกสดชื่นมากๆ เหมือนล้างด้วยน้ำเลย และก็ไม่จำเป็นต้องใช้ Eye & Lips Makeup Remover ก่อน เพราะเจ้านี่ก็ล้างอายไลเนอร์จัดๆ สโมกกี้อายแน่นๆ ได้ดีไม่แพ้กันเลย (ต้องแปะทิ้งไว้แป๊บนึงก่อนนะคะ) .. ข้อเสียอย่างเดียวคือเปลืองสำลีค่ะ เพราะต้องเช็ดๆ ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้สำลีที่ไม่มีคราบอะไรติด ถึงจะสะอาดดี .. เราลองใช้ดูโดยที่ไม่ใช้น้ำเลย ตามด้วยโทนเนอร์ที่ใช้ปกติ แล้วโบกสกินแคร์ตามปกติแล้วเข้านอน ตอนเช้ามาหน้าก็ไม่มีสิวอุดตันขึ้นแต่อย่างใด ถือว่าสอบผ่านค่ะ ล้างได้สะอาดจริงๆ



แถมวีดีโอของ Lisa Eldridge ที่กล่าวถึงให้ดูค่ะ






ต่อมาคือประเภทบรรจุภัณฑ์ค่ะ



1. ขวดเปล่าขนาด 300 ml. และ หลอดบีบขนาด 30 ml. แบบใส และแบบขาวทึบ

ซื้อที่ไหน: สั่งในเน็ตค่ะ ไม่บอกว่าเป็นเว็บไหน ลองหาดูใน Google ค่ะ หาไม่ยากเลย

ราคาเท่าไหร่: ขวดใหญ่ขวดละ 21 บาท หลอดบีบแบบใส 18 บาท แบบขาวทึบ 20 บาทค่ะ

เหตุผลที่ซื้อ: แบบขวดจะเอามาแบ่งแชมพูค่ะ ปกติใช้ Tresemme ซึ่งมันขวดใหญ่มโหฬารมวากกก แถมเป็นฝาปั๊มๆ ใส่กระเป๋าไปมีเละเทะแน่นอน ตอนแรกว่าจะไปดูที่ Muji แต่จำไม่ได้ว่า Muji มีขวดใหญ่ๆ มั้ย เพราะเคยซื้อแต่ขวดจิ๋วๆ เลยลอง Google ดูไปเรื่อยๆ จนมาเจอนี่ล่ะค่ะ .. เหตุผลที่ซื้อตั้ง 4 ขวด เพราะเลือกไม่ถูกค่ะ 55+ ฝาปิดไม่เหมือนกัน .. 2 ขวดซ้ายจะเป็นฝา Flip เปิด แบบใสเหมือนกัน ส่วน 2 ขวดขวาจะเป็นฝากดค่ะ ส่วนแบบหลอดบีบสีขาวทึบจะเอามาใส่ Neutrogena Hydro Boost Night Concentrate เอาไว้ใช้เป็น Sleeping Pack บนเครื่องค่ะ .. ส่วนตัวไม่ชอบแพ็คเกจที่เป็นกระปุกครีมอยู่แล้วด้วย ต้องหาช้อนสะอาดๆ มาตักใช้ วุ่นวาย เห็นว่าเนื้อครีมเหลว น่าจะเอามาใส่หลอดได้ เลยกะว่าจะแบ่งใช้ไปแบบนี้แหละค่ะ ไม่ต้องเปิดๆ ปิดๆ ให้ครีมเสื่อมไวอีกต่างหาก .. ส่วนแบบหลอดใสยังไม่รู้ว่าจะเอามาใส่อะไร ซื้อไปงั้นแหละ 55+

ความเห็นหลังการใช้: ยังไม่ได้ใช้จริงค่ะ เพิ่งได้มาเมื่อวานเอง .. แต่จากที่จับๆ ปิดๆ เปิดๆ ดูก็แข็งแรงทนทานใช้ได้ค่ะ ส่วนแบบหลอดจะนิ่มๆ ไปนิด บีบง่าย แต่อาจไม่หนาเท่าแบบหลอดของ Muji


2. ขวดสารพัดแบบ ขนาด 50 ml. และ 30 ml.

ซื้อที่ไหน: Muji เซ็นทรัลลาดพร้าว / เซ็นทรัลพระราม 9 คละๆ กัน

ราคาเท่าไหร่: ขวด 50 ml. 65 บาท / 30 ml. 55 บาท / แบบฝากด 30 ml. 125 บาท

เหตุผลที่ซื้อ: ล็อตนี้ซื้อไว้ตั้งแต่ทริปที่แล้วแล้วค่ะ ซึ่งคราวนั้นไปแค่ 7 วัน เลยหาขวดขนาดเล็กๆ ไปเลย .. เราว่าราคามันค่อนข้างแพง แต่เทียบกับคุณภาพแล้วเราว่าพอรับได้ค่ะ

ความเห็นหลังการใช้: คุณภาพ ความแข็งแรงคงทนเยี่ยมใช้ได้เลยค่ะ Muji รับประกันคุณภาพนี่เนาะ .. ขวดเปล่าซ้ายสุดเราใส่แชมพูค่ะ แต่หมดแล้วเลยล้างเก็บไว้ แบบหัวปั๊มเราใส่เจลล้างหน้าค่ะ ส่วนขวดเล็กสุดเราใส่ Hada Labo ค่ะ ยังเหลืออยู่เลย .. จริงๆ เรามีแบบหลอดบีบใสๆ ขนาด 50 ml. ทรงสูงอีกอันซึ่งใช้ใส่ครีมนวดผม กับขวดใสขนาด 100 ml. อีกขวด (กะเอามาแบ่ง Bioderma H2O นี่ล่ะค่ะ) แล้วก็แบบกระปุกอีกอัน (ไว้ใส่ผงพิเศษ) ซึ่งล้างทิ้งไว้ เปียกมะล่อกมะแล่ก เลยไม่ได้หยิบมารีวิวค่ะ




ต่อมาเป็นประเภทผลิตภัณฑ์บำรุงผิวค่ะ



1. Neutrogena Hydro Boost Night Concentrate ครีมเติมน้ำให้ผิวสูตรกลางคืน

ซื้อที่ไหน: Boots สยามพารากอนค่ะ

ราคาเท่าไหร่: 850 บาทถ้วน .. แพงง่ะ

เหตุผลที่ซื้อ: เช่นเดียวกับ Bioderma H2O คือดูคลิป Lisa Eldridge แล้วเค้าใช้มาสค์แบบใส เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นระหว่างอยู่บนเครื่อง .. เราเองเสาะหามาสค์ใสได้ยากมาก ไม่งั้นก็ราคาแพงไปเลย ซึ่งเกินงบไปไกลจ้าาา .. ในคลิปเค้าใช้ Sisley (กลืนน้ำลายเอื๊อก!) และก็แนะนำ Dermalogica ซึ่งหาในเน็ตยากอีกแล้ว ขี้เกียจเข้าห้างด้วย (ได้ข่าวว่าตัวนี้หร่อนก็ซื้อที่ห้าง 55+) .. พอดีวันนั้นเดินดูของเล่นๆ ในร้าน Boots เลยเจอตัวนี้เข้า เลยหยิบโทรศัพท์มา Search หารีวิวเดี๋ยวนั้นเลย 55+ ก็ไปเจอบล็อกคุณปูเป้พอดี ซึ่งผลการรีวิวส่วนผสมก็ค่อนข้างโอเค เลยหยิบมาซะเลย .. ตัดสินใจไวมาก 55+

ความเห็นหลังการใช้: ลองใช้ไป 2 ครั้งพบว่าตื่นมาหน้ามันเหมือนเดิม 55+ ไม่ได้เห็นผลอย่างชัดเจน (เพราะใช้ไปแค่ 2 ครั้งด้วยมั้ง) แต่คิดว่าถ้าเอาไปโบกๆ บนเครื่องคงให้ผลที่ต่างกว่าตอนไม่ใช้เยอะเหมือนกัน .. ที่ผ่านมาเราแต่งหน้าขึ้นไปแล้วทิ้งไว้อย่างนั้นแหละ อย่างต่ำ 6 ชม. พอเปลี่ยนเครื่องก็ไม่ได้ล้างหน้าอยู่ดี ก็โปะแป้ง กรีดตาทับลงไปอีก ผ่านไปรวมๆ 16-17 ชม. หน้าเน่ามากฮ่ะ! แห้งมาก รองพื้นเป็นคราบ แต่ก็ไม่ได้สำเหนียกเลยว่าผิวเธอขาดน้ำอย่างรุนแรง คิดไปเองว่าปกติแต่งหน้าอยู่บนพื้นดิน ทิ้งไว้ 10 กว่าชม.ก็ยังไม่เห็นป็นไรเลย หารู้ไม่ว่าบนเครื่องมันดูดน้ำออกจากผิวอย่างเลวร้ายมาก .. ต่อไปนี้จะปฏิบัติตามท่านแม่ Lisa อย่างเคร่งครัดเจ้าค่ะ!!~


2. Bioderma Repair Hand Cream ครีมทามือ

ซื้อที่ไหน: สั่งจากเน็ต ร้านเดียวกับ Bioderma H2O ค่ะ

ราคาเท่าไหร่: ไม่ได้ซื้อค่ะ ร้านเค้าแถมมาให้ 55+

เหตุผลที่ซื้อ: ไม่มีเหตุผลค่ะ อยู่ดีๆ เปิดกล่องมาก็เจอแบบงงๆ ต้องเมลกลับไปถามเจ้าของร้านเลยว่าส่งผิดรึเปล่า 55+ .. สรุปว่าเค้าแถมมาให้ค่ะ น่ารักที่สุดเลย (ไม่บอกจริงๆ นะคะว่าร้านไหน หลังไมค์มาถามก็ไม่บอกน้า .. ส่วนตัวไม่ชอบคนหาผลประโยชน์ในพันทิป เลยขออนุญาตไม่บอกแหล่งซื้อในเน็ตค่ะ)

ความเห็นหลังการใช้: กลิ่นหอมอ่อนๆ ค่ะ ไม่ฉุน หอมแบบโลชั่นๆ น่ะค่ะ บรรยายไม่ถูก .. ความชุ่มชื้นก็โอเค ลองใช้ 2 ครั้งทามือแล้วนั่งทำงานในห้องแอร์ไปเรื่อยๆ ถ้าไม่ไปล้างมือก็จะรู้สึกนุ่มๆ ตลอดน่ะค่ะ ไม่แน่ใจว่ากี่ชม. ลืมนับ .. แฮ่~


3. Bioderma Sebium AKN ครีมลดสิวอุดตัน

ซื้อที่ไหน: ซื้อในเน็ต ที่เดียวกับ Bioderma H2O เลยค่ะ

ราคาเท่าไหร่: 600 บาทถ้วน

เหตุผลที่ซื้อ: เห็นท่านแม่ Lisa เชียร์ครีม Bioderma สูตรแพ้ง่ายและผลิตภัณฑ์อื่นๆ เลยเริ่มสนใจ คิดว่าแบรนด์นี้ต้องมีอะไรดี เลยลอง Google หารีวิว หาผลิตภัณฑ์ที่น่าจะเหมาะกับผิวมัน มีสิวอุดตันพอมองเห็นประปราย สิวอักเสบช่วงแดงเดือด .. ใช้ BHA ป้าพอลล่าก็ทำให้หน้าดีขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะ แต่ยังไม่เนียนสนิท (ไม่รู้จักพอนะเธอ!!) ไปเจอ Sebium AI กับ Sebium AKN ก็หาต่อไปอีกว่ามันต่างกันยังไง .. คร่าวๆ คือ AKN เหมาะกับสิวอุดตัน สิวเสี้ยน สิวหัวดำ ส่วน AI เหมาะกับสิวอักเสบ ซึ่งเราเองก็ไม่ได้มีสิวอักเสบเยอะมาก (มาทีละเม็ด แต่มาทีนึงแดงและใหญ่เท่าจาน True!) เลยเลือก AKN

ความเห็นหลังการใช้: ลองใช้มาได้ 3 วัน เช้า-ก่อนนอน (ใช้น้อยๆ กลัวเหลือไม่พอไปทริป 55+) ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่า รอยแดงลดลง สิวจานทรูที่คางที่เพิ่งระเบิดไปก็แห้งลง และมีสิวอุดตันเม็ดจิ๋วมากๆ ขึ้นมา 1 เม็ดที่คาง แต่พอสะกิดๆ ก็หายไป ไม่รู้มันไปผลักขึ้นมารึเปล่า .. แต่หลังจากวันแรกที่ใช้ก็ไม่มีสิวขึ้นมาใหม่ ชอบอ้ะ!~ .. เพิ่มเติมนิดเรื่องกลิ่นค่ะ กลิ่นหอมอ่อนๆ เบาๆ เหมือนหนังสือใหม่ปกมันๆ  55+ พยายามนึกตั้งนานว่านี่มันกลิ่นไรแว้ ชอบจัง พอนึกออกแล้วตลกอ่ะค่ะ .. ครีมทาหน้ากลิ่นหนังสือ!!~


4. Smooth E Cream

ซื้อที่ไหน: Tops Supermarket เซ็นทรัลลาดพร้าว

ราคาเท่าไหร่: น่าจะประมาณ 200 กว่าบาทค่ะ

เหตุผลที่ซื้อ: ช่วงที่ลองใช้ครีมมะขามพะเยามาขัดหน้า ปรากฏว่าหน้าแหกค่ะ เพราะที่คางยังมีสิวอุดตันใต้ผิวที่ไม่ได้โผล่ขึ้นมา แต่รู้สึกได้ ใช้ไปได้ 2 ครั้ง สิวอักเสบเม็ดเล็กๆ ขึ้นเต็มคางและรอบปากเลยจ้า .. .. เลยเลิกใช้กับหน้า และประโคม BHA กับครีมแต้มสิวไปเรื่อยๆ จนหายดี แต่ยังเหลือรอยแผลแห้งๆ ไว้ เลยลองหาครีมลดรอยแผลเป็นมาใช้ (ใช้ Hiruscar แล้วเราว่าเฉยๆ มากค่ะ หน้าด้านแล้ว 55+)

ความเห็นหลังใช้: ทำให้ผิวชุ่มชื่นขึ้น เราใช้แค่รอบๆ รอยแผลเป็นค่ะ .. บางจุดมันจะเป็นสะเก็ดแห้งๆ ก็เอาครีมนี่โบกไป มันจะช่วยให้ชุ่มชื้นขึ้น จนสะเก็ดๆ มันหายไปได้ไงไม่รู้ ส่วนรอยดำคงต้องรอให้เวลาเยียวยาค่ะ .. ซึ่งผ่านมาได้ 2-3 อาทิตย์ ใช้ Hiruscar กับ Smooth E ร่วมกัน ก็จางไปเยอะมากเกือบหายดีแล้วค่ะ


5. Hada Labo Moisturizing Lotion ขวดเล็กน่าร้ากกกก

ซื้อที่ไหน: Watson เซ็นจูรี่ เดอะมูวี่พลาซ่าค่ะ (แหล่งซื้อเราหลากหลายมาก 55+)

ราคาเท่าไหร่: ถ้าจำไม่ผิดน่าจะ 200 ปลายๆ ค่ะ

เหตุผลที่ซื้อ: เพราะขวดใหญ่ใกล้จะหมด ทีแรกก็ว่าจะสอยขวดใหญ่ แต่พอเห็นไซส์นี้ กรีดรว้องงง น่ารักอ้ะ!!~ อ้วนๆ กลมๆ เหมาะมือ พกพาง่ายกว่าขวดใหญ่เยอะเลย เหมาะแก่การแพ็คกระเป๋ายิ่งนัก ~

ความเห็นหลังการใช้: หน้าชุ่มชื้นขึ้นจริงค่ะ แต่ก็ยังมันเหมือนเดิม 55+ ไม่ได้ช่วยเรื่องความมันเลย แต่เราชอบเนื้อสัมผัสที่เป็นสูตรน้ำค่ะ เพราะ Moisturizer ส่วนใหญ่จะเป็นโลชั่น เป็นครีม เนื้อหนักๆ ไม่เหมาะกับผิวมัน พอมาเจอตัวนี้เข้าเลยคิดว่าน่าจะเหมาะกับผิวมันที่ขาดน้ำค่ะ เลยใช้มาจนหมดขวด และพอใจจนต้องซื้อต่อ


6. Paula's Choice 2% BHA Liquid

ซื้อที่ไหน: ร้านประจำในเน็ตค่ะ Google เอาได้ตามสะดวก มีหลายเจ้ามาก

ราคาเท่าไหร่: 774 บาท (ไปคุ้ยเมลดู 55+)

เหตุผลที่ซื้อ: ขวดเก่าใกล้หมด ขวดนี้เป็นขวดที่ 3 แล้ว ที่ผ่านมา เคยซื้อมา 3 ขวด ดีไซน์ไม่เหมือนกันซักขวด 55+ (ไม่ชอบแพ็คเกจของรุ่น Clear อย่างแรงค่ะ .. เวลาเดินทางแล้วหกเลอะเทอะตลอด ต้องเอาสก๊อตเทปมาซีล คราวนี้เลยเปลี่ยนมาใช้แบบ Original ซึ่งเปลี่ยนแพ็คเกจใหม่ หวังว่าจะปิดสนิทกว่าเดิมนะคะ)

ความเห็นหลังใช้: เลิฟมาตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมา ใช้แล้วสิวลดลงจากเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด .. เวลาช่วงสิวบุกแล้วหยิบมาใช้ก็ไม่ทำให้ผิดหวังตลอด เดี๋ยวนี้เราลดปริมาณเป็นวันละครั้ง หรือ 2 วันครั้งค่ะ .. แต่ตั้งแต่ได้ Bioderma Sebium AKN มาแล้วยังไม่ได้หยิบมาใช้เลย 55+ (เพราะมันมี Salicylic Acid 2% เหมือนกัน)


7. ครีมแต้มสิว Smooth E

ซื้อที่ไหน: Watson เซ็นทรัลพระราม 9

ราคาเท่าไหร่: 200 กว่าบาทละมั้ง .. ลืมแล้ว

เหตุผลที่ซื้อ: หลอดเก่าใกล้หมด และหลอดนี้ใหญ่กว่าหลอดที่ใช้อยู่ เอาไปเป็นไอเท็มฉุกเฉินยามเดินทาง

ความเห็นหลังการใช้: เราเอาไว้แต้มหัวสิวในวันที่ไม่ได้ทา BHA ทั่วหน้า ซึ่งก็ทำให้สิวสุกไวขึ้นและแห้งไวขึ้น .. ช่วงนี้เอาไว้แต้มจุดที่เป็นสิวเม็ดใหญ่ๆ เท่านั้นค่ะ ส่วนเม็ดเล็กๆ ยิบย่อย ก็ปล่อยให้ Bioderma Sebium AKN จัดการไป


8. Olay White Radiance Eye Serum ครีมทาใต้ตา

ซื้อที่ไหน: Watson เซ็นทรัลพระราม 9

ราคาเท่าไหร่: 400 กว่าบาทมั้งคะ

เหตุผลที่ซื้อ: ไม่มีเหตุผลอีกแล้ว เดินวนไปวนมาในวัตสัน แล้วนึกได้ว่า Eye Roll-on ของ No.7 ที่ใช้อยู่กำลังจะหมด อยากหาตัวใหม่ที่ให้ความชุ่มชื้นและช่วยเรื่องใต้ตาคล้ำได้บ้าง (ซึ่งเป็นไปได้ยาก) เดินผ่านชั้น Olay เห็นชื่อ White Radiance พุ่งเข้ามาทิ่มตา! เลยไล่ดูว่ามันมี Eye Cream มั้ย .. ก็มาโป๊ะเชะ โชะเด๊ะกับเจ้านี่ เลยหยิบมาโดยที่ไม่ได้อ่านรีวิวอะไรเลย .. ณ จุดนั้นของเต็มมือแล้วเลยไม่ Search แล้วค่ะ 55+

ความเห็นหลังการใช้: เพิ่งใช้ได้ 2 ครั้ง ยังไม่เห็นผลอะไรที่ชัดเจนค่ะ เพราะฉะนั้นข้ามไป~




ประเภทถัดมาเป็นเครื่องประดับค่ะ



1. กระเป๋าสะพายข้าง ใบเล็กๆ น่าร้าก

ซื้อที่ไหน: อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ .. วิคทรี่ มอนูเมนท์ ..

ราคาเท่าไหร่: 160 บาท

เหตุผลที่ซื้อ: ผู้หญิงกับกระเป๋า ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ? 55+ .. จริงๆ คือราคาเลยค่ะ เห็นราคาแล้วตาลุกวาวมาก ใบเล็กๆ พอใส่กระเป๋าเงิน โทรศัพท์ แป้ง ลิปสติก กระดาษซับมัน กระจก กุญแจบ้าน .. เหมาะนักกับการสะพายไปเที่ยว ใบเล็กๆ แข็งแรง ราคาถูก What more can we ask for!?



ความเห็นหลังการใช้: ยังไม่เคยเอาไปออกภาคสนามค่ะ ต้องเลยดูอีกทีว่าจะทนอย่างที่เห็นมั้ย เพราะตัวกระเป๋าดูแข็งแรงดี มีด้ายรุ่ยๆ ให้ดูเหมาะกับราคา แต่เราไม่สนค่ะ 55+ ลองใส่สมบัติเข้าไปดูแล้วพอดีเป๊ะ! .. แต่ลองเอากล้อง DSLR มายัด ยัดลง แต่ปิดกระเป๋าไม่ได้ เหยยยยยย เสียดายยยย


2. กิ๊บติดผมแบบต่างๆ

ซื้อที่ไหน: อนุเสาวรีย์เช่นกันค่ะ

ราคาเท่าไหร่: ชิ้นละ 20 บาทเอง

เหตุผลที่ซื้อ: ปกติเราไม่เคยยุ่งกับผมเท่าไหร่ แต่ทริปนี้ต้องไปงานแต่งงานเพื่อนด้วย แล้วก็กะไว้แล้วว่าจะรวบผมแบบ French Twist ง่ายๆ ไวๆ .. ซึ่งคราวก่อนที่เราไปงานแต่งเพื่อนก็ทำผมทรงนี้เช่นกัน แต่ไม่มีเครื่องประดับผมเลย เกลี้ยงมาก คราวนี้เลยเสาะหากิ๊บสวยๆ ไว้ก่อน กะว่าจะใช้สองอันล่างสุดเหน็บที่รอยตะเข็บผมเอาค่ะ .. เบาๆ



ความเห็นหลังการใช้: ยังไม่ได้ใช้งานจริงค่ะ ข้ามไปๆ


3. กล่องใส่แว่น สีเจ็บ

ซื้อที่ไหน: ร้าน Komonoya เซ็นทรัลพระราม 9 .. ทุกอย่าง 60 บาท

ราคาเท่าไหร่: 60 บาทค่ะ

เหตุผลที่ซื้อ: เพราะมีแว่นกันแดดแบบไม่มีแบรนด์ที่ใช้มานานมากและรู้สึกสบายตา แต่ไม่เคยมีกล่องเป็นของตัวเอง ไปใส่กล่องแว่นอันอื่นบ้างอะไรบ้าง คาดหัวไปบ้าง .. พอมาเจอกล่องแว่นอันนี้ กับสีแบบนี้ คว้าหมับ!~

ความเห็นหลังการใช้: ใส่แว่นกันแดดเราได้พอดีเด๊ะค่ะ .. แค่นั้นล่ะ




ต่อไปเป็นประเภทถุงๆ ค่ะ



1. ถุงซิปล็อคแบบแพ็คขนาด B7

ซื้อที่ไหน: ร้าน Komonoya เซ็นทรัลพระราม 9

ราคาเท่าไหร่: 60 บาท

เหตุผลที่ซื้อ: อยากเอามาใส่ Cotton Buds และสำลีแผ่นเวลาเดินทางค่ะ .. แบ่งบรรจุเป็นเซ็ทๆ ได้ เซ็ทนี้ไว้พกขึ้นเครื่อง เซ็ทนี้ไว้ใช้ที่บ้าน แต่จริงๆ คงไว้แพ็คอะไรเล็กๆ น้อยๆ เวลาจัดกระเป๋าเครื่องสำอางได้อีก .. เอาไว้คิดอีกทีค่ะ

ความเห็นหลังการใช้: ยังไม่ได้ใช่ค่า~


2. ถุงซิปล็อคหลากหลายขนาด

ซื้อที่ไหน: Muji เซ็นทรัลพระราม 9

ราคาเท่าไหร่: ไม่แน่ใจค่ะ น่าจะประมาณ 65 บาท

เหตุผลที่ซื้อ: ซื้อเพราะเหตุผลเดียวกับข้างบน แต่ดันเดินเข้าร้าน Muji ก่อน เจอเจ้านี่ก่อน เลยหยิบมา แต่จริงๆ ต้องการไซส์เดียวคือไซส์ประมาณอันด้านบน ซึ่งของ Muji นี่จะให้มาหลายไซส์ ไซส์ละ 2 ถุง .. พอไปเจอที่ร้าน Komonoya แบบมีไซส์เดียวทั้งแพ็ค .. ฮือออ จะร้องไห้

ความเห็นหลังการใช้: ยังไม่ได้ใช้เช่นกันค่ะ


3. แผ่นสำลีมาสค์ใต้ตา

ซื้อที่ไหน: Muji เซ็นทรัลพระราม 9

ราคาเท่าไหร่: 65 บาท

เหตุผลที่ซื้อ: ใต้ตาอิดโรยมากๆ ช่วงนี้นั่งทำงานยันเช้าติดๆ กันหลายวัน อยากมาสค์ใต้ตา กะว่าจะเอาไปจุ่ม Hada Labo ทำ Lotion Mask เพิ่มความชุ่มชื่นให้บริเวณใต้ตาค่ะ

ความเห็นหลังการใช้: ยังไม่ได้ลองใช้อีกแล้ว




ต่อไปเป็นประเภทเครื่องสำอางค่า
(ตอนถ่ายรูปรวม มีเครื่องสำอาง 2 ชิ้นกลิ้งตกไปใต้โต๊ะ .. เพิ่งเห็นค่ะ เลยจับมาวางใหม่ .. แฮ่ๆ)



1. Rimmel Blush สี Summer Fever

ซื้อที่ไหน: ร้านตัวเองค่า (ห้ามหลังไมค์มาถามเน้อ ไม่ตอบๆ) .. เนื่องจากคราวก่อนที่ไปอังกฤษ เราหิ้ว Rimmel จำนวนหนึ่งมาขายในเว็บร้านตัวเอง แล้วจะเหลือ 3 ชิ้นนี้อย่างละชิ้นสุดท้าย ซึ่งพอดีกับที่เราต้องการบลัชกับอายแชโดว์อันเล็กๆ แบบพกพาไปแต่งบนเครื่องพอดี (เราคงไม่แบกบลัช Nars พร้อมแปรง กับ Naked ไปแต่งบนเครื่องหรอกค่า .. ส่วนอันนี้มีแปรงพกพามาให้เลย Travel Light เบาๆ ไม่ต้องคิดมาก) เลยจิ๊กของที่ตัวเองขายมาใช้ซะเลย ประหยัดงบ 55+

ราคาเท่าไหร่: ตอนซื้อมากี่ปอนด์จำไม่ได้และ

เหตุผลที่ซื้อ: เหตุผลที่ซื้อคือจะเอามาขายค่ะ ส่วนเหตุผลที่จิ๊กมาใช้คืออยากตัดงบช็อปอยู่พอดีค่ะ จะได้ไม่ต้องไปหาซื้อพาเล็ทอันเล็กๆ ใหม่



ความเห็นหลังการใช้: ยังไม่เคยใช้จริงจังค่ะ เลยสวอชสีให้ดู .. สี 1 ที่ตัวพาเลทออกแดงๆ ส้มๆ แต่พอทาแล้วมันชมพูแป๋วแหววมากๆ เลย


2. Rimmel Quad Eyeshadow สี Smokey Brun

ซื้อที่ไหน: จิ๊กมาจากร้านตัวเองอีกแล้วค่ะ

ราคาเท่าไหร่: แฮ่ ลืมค่า ..

เหตุผลที่ซื้อ: จิ๊กตัวเองมาเพราะอยากประหยัดงบค่ะ เหมือนด้านบนเลย ..

ความเห็นหลังการใช้: ยังไม่เคยใช้ แต่สวอชสีให้ชมตามภาพด้านบนเลยค่ะ เราว่าตัวอายแชโดว์ 4 สี ค่อนข้างโอเคค่ะ สีสวย พิกเมนท์จัด ชิมเมอร์สวยงาม แต่ตัว mono eyeshadow สีดำ พิกเมนท์ไม่จัดมากค่ะ เนื้อจะออกแป้งๆ ไปหน่อย
ถ้าใช้จริงอาจต้องย้ำหลายๆ ทีหน่อย .. แต่ถ้าใช้จริงกับ eyeshadow primer น่าจะให้สีที่ชัดเจนกว่านี้ค่ะ


3. Maybelline BB White

ซื้อที่ไหน: Watson เซ็นทรัลพระราม 9

ราคาเท่าไหร่: ถ้าจำไม่ผิดน่าจะประมาณ 200 กว่าบาทค่ะ

เหตุผลที่ซื้อ: ปกติใช้ Laura Mercier Silk Creme Foundation อยู่ค่ะ ซึ่งเราเลิฟมาก ปกปิดดี ควบคุบความมันได้บ้าง แต่ยังหนาไปนิด .. เราเลยอยากหาอะไรเบาๆ มาใช้เวลาไปทริปยาวๆ ดูค่ะ เพราะอากาศคงไม่ร้อนเท่าเมืองไทย เลยน่าจะใช้อะไรบางๆ เบาๆ ได้ ซึ่งกะไว้ว่าจะไปซื้อ Laura Mercier Tinted Moisturizer Oil Free แต่อีกใจก็ลังเลนิดๆ เพราะอยากจำกัดงบช็อปไว้เที่ยวมากกว่า ไม่อยากซื้ออะไรแพงๆ .. พอวันนั้นเดินวนๆ ใน Watson เจอบีเอ Maybelline น่ารัก แนะนำดี เลยเอาตัวนี้แทนเลยค่ะ ..

ความเห็นหลังการใช้: ลองใช้ไป 1 วัน หน้าไม่ลอย ไม่วอก คอบคุมความมันได้ดีระดับนึง ปกปิดไม่ดีเท่า LM ที่ใช้อยู่ปกติ แต่โดยรวมถือว่าเราพอใจค่ะ .. ยิ่งราคาไม่แพงมากแบบนี้ มีสารกันแดดค่าสูงแบบนี้อีก (แน่นอนว่าเราลงกันแดดไว้ก่อนด้วย เพราะเราทาบีบีครีมในปริมาณน้อยมาก คงไม่สามารถกันแดดได้จริงจัง) .. สรุปคือชอบและจะใช้ต่อค่ะ .. (แต่ทริปจบกลับมาแล้วก็ยังอยากลอง LM อยู่ดีล่ะนะ 55+)


4. Rimmel Mono Eyeshadow สี Jet Black

ซื้อที่ไหน: จิ๊กร้านตัวเองมาใช้อีกแล้วค่ะ

ราคาเท่าไหร่: ราคาที่ซื้อมากี่ปอนด์จำไม่ได้แหล่วว

เหตุผลที่ซื้อ: ซื้อมาจะขาย แต่จิ๊กตัวเองมาใช้เพราะจำกัดงบช็อปค่ะ (เหมือนด้านบนๆ อ่ะแหละเน้อ)

ความเห็นหลังการใช้: ไม่เคยใช้ค่ะ แต่จากการสวอชสีตามภาพด้านบนนู้น .. เป็นสีดำแมทๆ ด้านๆ ธรรมดาๆ ค่ะ .. เราเป็นคนชอบแต่ง Smoky Eye เข้มๆ สีนี้เลยเป็นไอเท็มจำเป็นมาก


5. Maybelline Clear Smooth All-in-one BB Stick (ตัวนี้ล่ะค่ะ ที่กลิ้งตกพื้นตอนถ่ายรูปรวม 55+)

ซื้อที่ไหน: Watson เซ็นทรัลลาดพร้าว

ราคาเท่าไหร่: ช่วงออกใหม่ ลด 50% เหลือร้อยกว่าบาท

เหตุผลที่ซื้อ: โดนสาวๆ ห้องแป้งและคำว่าลด 50% สะกดจิต

ความเห็นหลังการใช้: มันเป็นครีมสติ๊กที่แมทเลยทีเดียวค่ะ เราว่ามันไม่ควบคุมความมันเท่าไหร่ แต่ไม่ทำให้หน้ามันขึ้น .. คือปกติเราหน้ามันยังไง เจ้านี่ก็จะช่วยเคลือบเอาไว้แค่ช่วงแรกๆ พอไปเรื่อยๆ ก็จะมันเหมือนเดิม แต่ถ้าเติมแป้งและซับมันก็โอเคเหมือนเดิม ก็เหมือนรองพื้นทั่วๆ ไปแหละค่ะ .. มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่คนหน้ามัน มาใช้ผลิตภัณฑ์รองพื้นแบบควบคุมความมันแล้วจะทำให้หน้าหายมันไปเลย ก็ต้องซับหน้า เติมแป้งเป็นปกติอยู่แล้ว .. เพียงแต่เจ้าบีบีสติ๊กตัวนี้ พอซับหน้าแล้วก็ยังรู้สึกว่าไม่ลบเลือน คือหน้ายังโอเคอยู่ ไม่เยิ้ม ไม่เป็นคราบน่ากลัว (เหมือนตอนหลงผิดไปใช้รองพื้นสำหรับคนหน้าแห้งอย่าง Lunasol ) .. แต่เราว่าเราชอบ BB White มากกว่าตัวนี้ค่ะ


6. Maybelline Baby Lips กลิ่น Protecting Berry (อีกตัวที่กลิ้งตกพื้นตอนถ่ายรูปรวม)

ซื้อที่ไหน: Watson เซ็นทรัลลาดพร้าว

ราคาเท่าไหร่: 89 บาทขาดตัว

เหตุผลที่ซื้อ: เพราะชอบสีดำชมพู 55+ .. อีกอย่างคือใช้กลิ่นอื่นของรุ่นนี้อยู่แล้วเราว่ามันก็โอเคดี แถมราคาถูกมาก เลยหยิบมาอีกอันแบบไม่ต้องคิดมากค่ะ

ความเห็นหลังการใช้: ชอบค่ะ กลิ่นหอมเปรี้ยวๆ ให้ความชุ่มชื้นได้นานพอควร แถมราคาถูกอีกต่างหาก และนั่นเป็นเหตุผลที่สำคัญที่สุดจริงๆ นะ




ต่อมาเป็นประเภทอุปกรณ์แต่งหน้าค่ะ



1. กระจกขนาดพกพา

ซื้อที่ไหน: Muji เซ็นทรัลพระราม 9

ราคาเท่าไหร่: คุ้นๆ ว่า 95 บาทมั้ง ลืมไปแล้ว .. แฮ่~

เหตุผลที่ซื้อ: ปกติใช้กระจกพกพาของ Boots อยู่ แล้วมันเป็นสีชมพูสดเป็นที่น่าสยดสยองมาก แต่ก็ทนใช้มานานเพราะยังไม่เจอแบบเรียบๆ ที่ถูกใจ จนมาเจออันนี้แหละค่ะ

ความเห็นหลังการใช้: เรียบหรูดูดีมีราคา ฝาปิดที่เป็นพลาสติกขาวขุ่นดูหนาทนทาน .. ชอบค่ะ ส่วนตัวชอบสินค้าจาก Muji แทบทุกอย่างอยู่แล้ว คุณภาพดีมากๆ (ถ้าไม่ติดว่าบางอย่างแพงโคตรล่ะก็นะ)


2. กล่องใส่นามบัตร 2 ด้าน

ซื้อที่ไหน: Muji เซ็นทรัลพระราม 9

ราคาเท่าไหร่: ร้อยกว่าบาท .. น่าจะประมาณ 120 กว่าๆ

เหตุผลที่ซื้อ: อยากเอามาใส่กระดาษซับมันกับฟิล์มซับมันค่ะ .. ส่วนตัวชอบใช้แผ่นซับมันหลายๆ แบบ ขึ้นอยู่กับสภาพหนังหน้า ณ ตอนนั้น เช่นถ้าวันไหนไม่ได้แต่งหน้าเลย ก็จะใช้แบบฟิล์ม ถ้าวันไหนแต่งแบบอ่อนๆ ธรรมชาติๆ ก็จะใช้แบบกระดาษซับมันเยื่อไผ่ แต่ถ้าแต่งจัดเต็ม เน้นความเนียนเรียบ ก็จะใช้แบบกระดาษซับมันแบบมีแป้ง (หร่อนเป็นชะนีที่เยอะมาก!!!) .. ซึ่งพอเราพกแผ่นซับมันทั้ง 3 แบบไปไหนด้วยกันตลอดเวลาเนี่ย แพ็คเกจมันจะเริ่มยุ่ย เปื่อย ไม่โอเค เราเลยมองหากล่องที่จะเอามาใส่กระดาษซับมันพวกนี้ให้อยู่ด้วยกัน แต่หาได้ก็แค่แบบใส่ได้แค่ 2 ช่องเองค่ะ .. แต่เท่านี้ก็โอเคแล้ว ดีกว่าไปเจอแบบ 3 ช่องแต่เป็นสีชมพูสดลายคิตตี้ .. เหยยยย



ความเห็นหลังการใช้: ด้านนึงใส่ฟิล์มซับมันของ Gatsby ได้พอดีเต็มแผ่นค่ะ ส่วนอีกด้านใส่กระดาษซับมันแบบมีแป้งของ Gatsby ได้ไม่พอดี กระดาษยาวไป เลยต้องเล็มออกบ้าง .. แต่รวมๆ แล้วก็ชอบค่ะ


3. กระจกตั้งโต๊ะแบบพกพา ขนาดใหญ่ไซส์ไอแพด ผ้าลูกไม้น่าร้ากกก

ซื้อที่ไหน: สั่งจากเน็ตค่ะ ร้านอะไรไม่บอกเช่นเคย

ราคาเท่าไหร่: 200 บาท

เหตุผลที่ซื้อ: อยากได้กระจกใหญ่ๆ ไว้ใช้เวลาแต่งหน้าระหว่างทริปค่ะ เพราะที่พักไม่มีกระจกบานใหญ่ๆ ในห้องเลย ที่ผ่านมาได้กระจกจากร้านทุกอย่าง 20 บาท (หรือ 10 บาทหว่า จำไม่ได้แล้ว) ที่ชั้นล่าง Union Mall ช่วยชีวิตไว้ แต่กระจกมันหลอกตายังไงไม่รู้ แถมมันเป็นลายการ์ตูนสีฟ้าๆ เป็นที่น่าสยดสยองยิ่งนัก .. พยายามหากระจกดีไซน์สวยๆ ราคาไม่แพงอยู่นานมาก เพิ่งมาเจอเนี่ยล่ะค่ะ

ความเห็นหลังการใช้: ขนาดนี่มันไอแพดชัดๆ ใครเห็นก็นึกว่าเป็นเคสไอแพด 55+ ความสะท้อนดีกว่าอันละ 20 บาท (หรือ 10 บาทเนี่ยล่ะ) ไม่หลอกตา ขนาดใหญ่ได้อารมณ์ สะท้อนหน้าแป้นๆ กลมๆ ของเราได้เต็มๆ .. ชอบๆ


4. กระจกตั้งโต๊ะแบบพกพา ขนาดกลาง

ซื้อที่ไหน: Muji เซ็นทรัลพระราม 9

ราคาเท่าไหร่: น่าจะประมาณ 200 กว่าบาท

เหตุผลที่ซื้อ: เหตุผลต๊องมาก .. ทั้งๆ ที่ตอนนั้นสั่งกระจกดำอันบนไว้แล้ว แต่ของยังมาไม่ถึง พอไปเห็นอันนี้เริ่มเกิดกิเลสอยากได้อีก เพราะดีไซน์มันมินิมัลเข้ากับกระจกอันเล็กที่หยิบใส่ตะกร้ามาแล้ว ชั่งใจเอาดีไม่เอาดีหว่า .. อารมณ์ตอนนั้นเหมือนมีนางฟ้ากับซาตานตัวเล็กๆ เกาะไหล่ 2 ข้าง นางฟ้าบอก "ไม่เอาๆ เราสั่งไปแล้วนะ เอามาอีกทำไม ประหยัดสิๆ " .. ซาตานบอก "ซื้อไปเลย มันสวยนะ อยากได้ไม่ใช่เหรอ ฮี่ฮี่" .. คงไม่ต้องบอกว่าตัวอะไรชนะ

ความเห็นหลังการใช้: กระจกเงาแว้บมากกกกกกก 55+ โอเคค่ะ แข็งแรง ทนทาน ดีไซน์เรียบๆ ตามสไตล์ Muji


5. กระจกพกพาแบบมีไฟ

ซื้อที่ไหน: สั่งจากเน็ตร้านเดียวกับกระจกดำค่ะ (จริงๆ สั่งสีดำไปแต่คนขายแจ้งว่าไฟเสีย เลยได้เปลี่ยนมาเป็นสีชมพูอันน่าขนลุกอันนี้ค่ะ )

ราคาเท่าไหร่: 250 บาทค่ะ

เหตุผลที่ซื้อ: นั่นสินะ เราซื้อมาทำไม??? 555+ .. อารมณ์ประมาณว่า บ่อยๆ ที่นั่งรถตอนกลางคืน จะไปกินข้าวหรือไปไหนซักที่ แล้วเราอยากแอบเช็คไวๆ ว่า หน้าเป๊ะมั้ย อายไลน์เนอร์เยิ้มรึยัง มีอะไรติดฟันมั้ย อะไรแบบนี้น่ะค่ะ แต่มันมืด ส่องกระจกลำบาก ไม่งั้นก็ต้องเอาโทรศัพท์มาส่องหน้าข้างๆ กระจกเอา ซึ่งมันจะลำบากไปมั้ย .. พอมาเจอเจ้านี่ปุ๊บ อาหหห์ ปัญหาทุกอย่างคลี่คลายแล้ว

ความเห็นหลังการใช้: มันอ้วนมาก ตอนแรกว่าจะเอาไว้พกใส่กระเป๋าหลังกางเกงยีน ความหวังพังครืนนนน .. แถมแสงไฟมันจ้า แยงตาสุดๆ  เวลาใช้ต้องเอาบานที่มีไฟคว่ำลงมาจากมุมบน แล้วส่องหน้ากับบานล่างที่ไม่มีไฟเอาค่ะ ไม่งั้นตาพัง


ภาพด้านล่างเรากางกระจกทุกบานออกมาให้ดูค่ะ
นังคนนี้มันจะมีกระจกเยอะไปไหน!~







ตัวสุดท้ายแล้ว วู้ว!!~



วิตามินซี Blackmores Buffered C 500 MG ขนาด 75 เม็ด

ซื้่อที่ไหน: สั่งจากเน็ตค่ะ ราคาถูกกว่าใน Boots / Watson เยอะมากกก .. ไม่บอกร้านเช่นเคยค่ะ .. ลอง Google ดู มีมากมายหลายร้อยร้าน

ราคาเท่าไหร่: 369 บาท

เหตุผลที่ซื้อ: ปกติเรากิน Nat C อยู่ค่ะ แต่ตอนนี้ใกล้หมดเต็มที เห็นว่าตัวนี้เหมาะกับคนเป็นโรคกระเพาะ เลยเอามาลองดู .. ขนาด 75 เม็ดนี่ก็กินได้ครบทริปพอดีค่ะ

ความเห็นหลังการใช้: ยังไม่เคยกินตัวนี้ค่ะ  ข้ามๆๆๆ




แถมตัวสุดท้ายอีกนิดค่ะ ..
ไม่ได้ถ่ายรูปหมู่กับเค้า (ลืม 55+) แต่ก็ซื้อมาช่วงกักตุนสินค้าสำหรับทริปเหมือนกัน เลยเอามาลงอีกนิดค่ะ



สำลีเช็ดหน้าแบบไม่รีดขอบ

ซื้อที่ไหน: Watson เซ็นจูรี่ เดอะมูวี่พลาซ่า

ราคาเท่าไหร่: แพ็คละประมาณ 50 บาท ตอนที่เราซื้อมีโปรฯ ซื้อ 1 แถม 1 ด้วย ไม่รู้หมดไปรึยัง

เหตุผลที่ซื้อ: รู้สึกเหนื่อยกับการใช้สำลีแผ่นตรารถพยาบาลและเอเวอร์กรีนที่หาได้ง่ายตามซูเปอร์มาร์เก็ตแล้วค่ะ เป็นขุยติดหน้าตลอด พอแอบไปใช้สำลีแผ่นของ Beauty Cottage ก็บางเหลือเกิน แถมแอบมีขุย .. ทีแรกเลยว่าจะตัดใจไปซื้อของ Muji เพราะทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่ามันไม่เป็นขุย แต่พอเดินเล่นใน Watson เห็นป้าย ซื้อ 1 แถม 1 เข้าไป โดนสะกดจิตอีกละ หยิบมา 2 แพ็ค มาจ่ายเงินอย่างงงๆ 55+

ความรู้สึกหลังการใช้: ยังไม่ได้แกะใช้เลยค่ะ กะว่าจะเอาไปใช้ทีเดียวตอนไปเที่ยวเลย เพราะตอนนี้ก็ยังเหลือสำลีรถพยาบาลขุยระเบิดอยู่ ใช้ให้มันหมดๆ ไปก่อน เสียดายตัง




ทำรีวิวนี้จบก็นึกขึ้นมาได้ว่าต้องซื้อซับมันมาตุนไว้ด้วยเหมือนกัน แฮะๆ







Create Date : 13 มิถุนายน 2555
Last Update : 13 มิถุนายน 2555 2:43:36 น.
Counter : 24199 Pageviews.

4 comments
  
เยอะมากกกก
โดย: หัวใจสีชมพู วันที่: 13 มิถุนายน 2555 เวลา:7:58:36 น.
  
สุดยอดเลยคะ
โดย: เจ้าหนูมึนอึน วันที่: 7 กรกฎาคม 2555 เวลา:10:12:21 น.
  
เจ๋งดีค่ะ...
โดย: yugi5002 วันที่: 8 กรกฎาคม 2556 เวลา:9:56:27 น.
  
แวะมาทักทาย ด้วยนะจ้าาาาา อิอิ rassapoom rassapoom clinic รัสมิ์ภูมิ รัสมิ์ภูมิ คลินิก ฟิลเลอร์ ฉีดฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์ ฉีดฟิลเลอร์ Ultraformer ยกกระชับ ลดริ้วรอย สลายไขมันใต้ชั้นผิว ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม Drakarian สลายไขมันใต้ผิว ฉีดฟิลเลอร์ปาก ฟิลเลอร์ปาก เลเซอร์กำจัดขน เลเซอร์ขน กำจัดขน Hair Removal ฉีดฟิลเลอร์น้องสาว ฟิลเลอร์น้องสาว ดูดไขมันเหนียง คางสองชั้น FaceTite AccuTite Hifu Super Hifu มาส์กหน้า ตาสองชั้น ทำตาสองชั้น ศัลยกรรมตาสองชั้น ฟิลเลอร์สะโพก ฟิลเลอร์เสริมสะโพก ฉีดฟิลเลอร์สะโพก ฉีดฟิลเลอร์เสริมสะโพก Morpheus Morpheus Pro ยกกระชับผิว ฟิลเลอร์คาง โปรแกรมฟิลเลอร์คาง Exosome Exosome Plus Exosome Plus+ กระชับช่องคลอด ช่องคลอด Vaginal Vaginal Reju Skin Quality ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์ใต้ตา Ultracol ไหมน้ำ Allergan โบ Allergan ฉีดโบ Allergan Super Skin Laser ฝ้า กระ ฝ้า กระ จุดด่างดำ Picocare 450 Laser ร้อยไหม ร้อยไหมคืออะไร Lenisna JUVELOOK สารเติมเต็ม REVIVE BELOTERO REVIVE Rejuran Gouri คอลลาเจน กระตุ้นคอลลาเจน Juvederm Juvederm Volite New Juvederm Volite Radiesse Radiesse Filler Sculptra คอลลาเจน เสริมจมูก ศัลยกรรมเสริมจมูก ปลูกผม FUE ฟิลเลอร์ Filler ฉีดฟิลเลอร์ Thermage Thermage FLX ยกกระชับ ยกกระชับผิว Ulthera New Ulthera SPT Ulthera SPT EMFACE ยกกระชับ ยกกระชับกล้ามเนื้อ ฉีดแฟต สลายไขมัน ฉีดแฟตสลายไขมัน CoolSculpting Elite CoolSculpting สลายไขมันด้วยความเย็น สลายไขมัน BodyTite ดูดไขมัน Emsculpt สร้างกล้ามเนื้อ ลดไขมัน สอนฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ สอนฉีดฟิลเลอร์ ฉีดฟิลเลอร์ ให้ใจ สุขภาพ
โดย: teawpretty วันที่: 13 มีนาคม 2567 เวลา:14:19:53 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

pippopunkie
Location :
ภูเก็ต  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]







Group Blog
  •  
  •   
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
มิถุนายน 2555

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30