แล้วฉันจะรักกับเธอได้ไหม (2)

โอเค..คุณชายของฉันมีชื่อว่าไมค์ ข้อมูลส่วนตัวเท่าที่ฉันรู้คือ

หล่อ ไม่มีแฟน จบดีกรี จากมหาลัยชั้นดีแถวนี้ ทำงานออดิทบัญชีมาเจ็ดปี อายุเท่าฉัน การเงินใช้ได้ รักพ่อแม่มาก ชอบดูหนัง สะสมดีวีดี..ฉันใช้เค้าเป็นบล็อกบัสเตอร์มานาน ก่อนที่จะห่างหายกันไป

ฉันกะไมค์ มาเจอกันอีกครั้ง กับคำบ่นของเค้า ว่าเค้าเป็นคนจนอยู่ตอนนี้ แต่ด้วยมารยาทของเมกัน เค้าห้ามถามว่าเพราะอะไร ..ถึงถามก็ไม่บอก ไมค์บอกว่า ชอบมาอยู่กะฉันเพราะฉันทำให้เค้ายิ้มได้และช่วยให้ผ่านช่วงเวลายากลำบากของเค้าได้ง่ายขึ้น

คืนนี้ ความจริงทุกอย่าง ทำให้ฉันเศร้าไปกะเค้า ...ทำไมเพื่อนฉันไม่เคยปริปากพูดอะไรเลยนะ

เค้าป่วยด้วยอาการ depress จากสารเคมีที่ไม่สมดุลในสมองอ่ะ (JESSSassss) เค้าเป็นมาสามปีแล้ว อาการคือ...

เมื่อไหร่ดาวน์ ก็จะไม่คุยกะใคร ไม่อยากให้ใครอยู่ใกล้ทั้งนั้น เศร้าซึม ไม่สามารถคุมอารมณ์ตัวเองได้

เมื่อไหร่เคมีมันขึ้น..เค้าก็จะร่าเริงสดใสมาก จนเกินกว่าเหตุ
ถึงเล่นบ้าๆกะฉันตลอดเวลาไง

เมื่อไหร่ ดีเพรส(แปลว่าไรฟะ--น่าจะรู้สึกกดดัน) จะหลับเป็นตาย ปลุกไม่ตื่น...นอนตั้งแต่ สามทุ่มถึงเจ็ดโมง...บางทีไม่ตื่นไปจนเที่ยง (เอ่อ..ฉันก็เป็น ตอนอกหัก)

นี่คือเหตุผล ว่าทำไมเค้าไม่รับโทรศํพท์ และไม่โทรกลับจนเวลาผ่านไปเนิ่นนาน

เค้าเริ่มไปรักษา ตอนที่เค้าหายไปจากฉันอ่ะ
เค้ากลับมาเจอ เพราะคิดถึงฉันมาก..แต่อาการเค้าก็เริ่มเลวร้ายลง ต้องกินยา และพยายามหายาที่ช่วยให้ดีขึ้นให้ได้

โอเค... ฉันคุ้นเคยกะอาการแปลกๆของคนที่เป็นยังงี้มาก่อน น้องชายของฉันเองล่ะ
แต่อาการน้องฉัน จะนอนไม่หลับ เพราะว่าเครียดจากเรื่องงานและเรื่องต่างๆในชีวิต หมอบอกว่า สารเคมีในสมองไม่สมดุล ในที่สุดมันก็กินยาแล้วก็หาย

ปัญหาอีกเรื่องคือ เมื่อไหร่ที่ไมค์มีอาการ ดีเพรส เค้าจะใช้เงินโดยขาดการควบคุมอย่างสิ้นเชิง ...กลายเป็นหนี้บัตรเครดิตหมื่นกว่าเหรียญภายในปีเดียว เยอะนะนั่น เพราะ ต้องผ่อนรถอีกตะหาก

ทุกวันนี้เค้าพยายามผ่อนบัตรเครดิตให้มากที่สุด โชคดีที่ไม่มีดอกเบี้ยอีกหนึ่งปี จนกระทั่งบางวันไม่กินข้าวกลางวันด้วยซ้ำ เพราะตังไม่พอใช้ และเค้าต้องการให้หนี้หายไปเร็วที่สุด

เฮ้อ นี่หรือคือสิ่งที่ทำให้เพื่อนฉันดูแก่ลงอย่างเห็นได้ชัด

ฉันอยากอยู่เป็นกำลังใจให้ตลอด แต่เค้าก็ไม่สามารถยืนยันกะฉันได้ว่า..เวลาเค้าดาวน์แล้ว เค้าจะเป็นยังไง..เพราะที่ผ่านมา เค้าพยายามอยู่คนเดียวทุกครั้งที่รุ้สึกแย่ และไม่บอกใครแม้กระทั่งพ่อแม่

แล้วฉันจะทำไงกะเค้าดีล่ะเนี่ย...แล้วเราจะรักกันได้มั้ย
อิกใจก็คิดว่ามันหลอกฉันรึเปล่าวะ คิดดูอีกครั้ง มันจะหลอกเราไปทำไมล่ะ ถ้าจะหลอกฟันฉัน ก็ฟันไปนานแล้ว(หุหุ)

ตอนน้องชายชั้นเป็น ฉันก็นึกโทษเป็นอาการทางจิต หรือแกล้งทำเพราะตกงานมากกว่า จนต้องมีคนมายืนยันอ่ะว่ามันเพราะสารเคมีในสมอง.....นี่บาปกรรมตามทันเป่าฟะ

ใครรู้มั้ยว่าจะทำไงกะเค้าดีอ่ะ


Create Date : 28 กรกฎาคม 2548
Last Update : 28 กรกฎาคม 2548 17:22:03 น. 25 comments
Counter : 428 Pageviews.

 
ให้เค้าบอกพ่อแม่เค้าดิ
จะได้เข้ารับการรักษาอย่างเต็มที่
มารักษาแบบเป็นๆ หายๆ ไม่ไหวมั้ง
เดี๋ยวมันดื้อยาอ่ะ

ส่วนเรื่องบัตร ก็ให้ที่บ้านช่วยไปก่อน
เป็นหนี้พ่อแม่ ดีกว่าเป็นหนี้บัตรนะ
เข้าใจพวกเมกันแหละ ออกจากบ้านแล้วก็ลาเลย
แต่ว่า ถ้ายังใช้ไม่หมด ปีหน้าดอกกินตายเลย
แล้วจะส่งผลให้ depress กว่าเก่าน่ะซิ

กล่อมให้เค้าบอกที่บ้านเหอะ


ปล. ตอนแรกไม่กล้าโทรไป โธ่ ยังไม่นอนนี่หว่า


โดย: โก้ว่าน่าจะดีนะ IP: 63.203.69.91 วันที่: 28 กรกฎาคม 2548 เวลา:17:46:45 น.  

 
เออ...ยังไม่นอนเพราะอยากเขียนคืนนี้อ่ะโก้
อารมณ์ยังสดใหม่ อึ้งแด่กอยู่เรย

ไม่รุ้ว่า หลังจากนี้ควรจะทำไรต่อไปอ่ะ

บอกเค้าแล้วให้บอกพ่อแม่อ่ะ มันบอกหนี้ของมัน มันจะใช้เอง...... เนี่ย ชั้นรู้แล้วว่า ทำไมมันถึงมีดีวีดีได้เยอะนัก มันป่วยแล้วออกไปช๊อปว่ะ

ตะก่อนตอนป่วยๆ ก็เลี้ยงหนัง เลี้ยงตั๋วเบสบอลตลอดเรย มันบอก มันต้องจ่ายตังอ่ะ ถึงจะหายดีเพรส ตูจะบ้าตาย

แล้วถ้ามีลูก..ลูกเราจะเป็นงี้มั้ยอ่ะ



โดย: เกือกซ่าสีชมพู วันที่: 28 กรกฎาคม 2548 เวลา:18:23:35 น.  

 
depress แลกกับหัว blond ไม่ไหวมั้ง

กลัวถ้าเป็นลูกสาวจะกลายเป็น dumb blond อ่ะดิ
มัน genetic นิ พวกนี้อ่ะ


ไปรักษาเป็นเรื่องเป็นราวเหอะ น่าสงสารออก


โดย: โกโก้ยังไม่หลับแฮะ (cocoa butter ) วันที่: 28 กรกฎาคม 2548 เวลา:18:52:51 น.  

 
เป็นกำลังใจให้เค้าเถอะ.. .สงสารเค้า
ต่อไปก็ดูเค้าใกล้ชิดหน่อยไง ถ้าเห็นหายไปก็ไปดูที่บ้าน หรือตามไปที่มอลล์ ไม่ให้เค้าใช้ต้งค์
หรืองดเน็ต จะได้ไม่ซื้อออนไลน์
...
หรือไม่ก็แนะให้เค้าหยุดใช้บัตรเครดิตไปก่อน ... บัตรเครดิตอันตรายนะ เราว่า ..
ยิ่งคนที่คุมตัวเองไม่ได้ด้วย
....
เป็นเพื่อนเค้าไป... ส่วนเรื่องอื่น... ค่อยดูไปก็ได้มั๊ง


โดย: เอาใจช่วย.. ทั้งนัทจัง และทั้งไมค์นะ.. (ซีบวก ) วันที่: 28 กรกฎาคม 2548 เวลา:18:57:55 น.  

 
ตายฮ้า ..โกโก้ เธอทำไรจนตีห้าฟะ

นั่นดิ่..หรือยกเลิกความต้องการลูกดีอ่ะ
ยอมอยู่ด้วยแบบไม่มีลูกก็ด่ะ

มันน่าสงสารมากเรยโกโก้ ตอนเล่าให้เราฟังเรื่องอาการ หน้ามันเศร้ามาก..แบบเห็นแล้ว...คงทิ้งมันไม่ได้อ่ะ

กลัวมันช๊อปปิ้งจนล้มละลายอ่ะจิ่

เดี๋ยวริบบัตรเครดิตมาเก็บไว้ดีกว่า

โอ้ มันบอกว่าเครดิตสกอร์มันสูงมากเรยด้วย แฮ่ะๆ จับมาทำสัญญาด้วยดีมะ
อิอิอิอิ


โดย: เกือกซ่าสีชมพู วันที่: 28 กรกฎาคม 2548 เวลา:18:59:23 น.  

 
ซี....สงสารไมค์จริงๆ แต่เราเองก็เศร้าไม่หยอกนะ ที่เค้าจะหนีหายไปจากเราตอนที่เค้าอาการแย่ๆอ่ะ เลยไม่รุ้ว่าจะทนได้แค่ไหน เค้าเองก็บอกว่าไม่อยากเห็นแก่ตัวโดยขอให้เราอยู่กะเค้า เพราะบางทีเราอาจจะรุ้สึกแย่มากๆแบบที่แฟนเก่าเค้าเป็นก็ได้ แล้วก็ต้องเลิกกันอิก

ตอนนี้ก็เลย..อืมมม...คงจะเป็นเพื่อนล่ะ ทำกับข้าวไปให้กิน ไรงี้ คงไม่ลำบากนัก(ตอนนี้เริ่มว่างจ้ะ)


โดย: เกือกซ่าสีชมพู วันที่: 28 กรกฎาคม 2548 เวลา:19:04:45 น.  

 
เป็นกำลังใจให้เขาคงจะดี..

แต่..คงต้องคิดยาวๆๆๆๆ

คิดไกลๆๆๆ

หากจะเป็นแฟน ตอนรักกัน..ใหม่อะไรก็ดีหมด

เรายอมรับเขาๆยอมรับเรา...

แต่วันหนึ่งนานไปๆอะไรๆก็เปลี่ยนได้
อะไรที่เรารับได้ เราอาจจะรับไม่ได้..
เรื่องแบบนี้..คงต้องคิดนานน้ะพี่ว่า..

อูย..ออกความเห็นยาวเชียว..
เป็นกำลังใจให้น๊ะ


โดย: zaesun วันที่: 28 กรกฎาคม 2548 เวลา:19:44:18 น.  

 
นึกถึงปู่แจ๊คใน as good as it gets ขึ้นมาเฉยๆ


รักษาด้วยการนั่งสมาธิได้หรือเปล่านะ.. ไอ้สารเคมีแปลกๆในหัวเรานี่



โดย: ปิงปองงง วันที่: 28 กรกฎาคม 2548 เวลา:20:15:07 น.  

 
สวัสดีคุณนัท
อ๊ะ คนเป็นเยอะเหมือนกัน จุจุ

น้องสาวเราก็เป็นนะ แต่คุณพ่อเป็นหมอ ถึงจะไม่ใช่หมอด้านนี้ แต่เนื่องจากลูกสาวเป็นเนี่ย ศึกษา และปรึกษา หมอด้านนี้ อ่าน paper อย่างหนักหน่วง จนเป็นผู้เชี่ยวชาญไปแล้วมั้งเนี่ย

ตอนนี้น้องยังต้องกินยาอยู่เลย แต่ไม่รู้ว่า กินต่าง หรือเหมือนเดิม หรือว่าอะไร (ไม่ค่อยได้รู้เท่าไร) ประมาณว่าต้องปรับยาไปจนพอดีกับความไม่พอดี ของสารในสมอง
แล้วไงต่อก็ไม่รู้

แต่รู้ว่ากินยามาเป็นปีแล้วแหละ
อาการก็ต่างๆ กันไป

เห็นพ่อบอกว่า มันรักษาไม่หายหรอก ต้องกินยาไปเรื่อยๆ ก็อยู่ได้เป็นปรกติ แต่ถ้าไม่กิน มันก็มีอาการมาเรื่อยๆ ได้เหมือนกัน
แต่มันก็พิสูจน์ยังไม่ได้นะ ว่าหายขาดหรือเปล่า อาจจะแล้วแต่ชนิดและประเภท

เค้าว่าไม่เสี่ยงจะดีกว่า กินคุมไป เกิดกำเริบมาครั้งนึง สมองไม่รู้เสียไปเท่าไร ความทรงจำส่วนลึกไม่รู้คิดอะไร จำอะไรไปเท่าไร
(เป็นหนี้บัตรเครดิตไปเท่าไร )
ไม่คุ้มกัน

คิดไปคิดมา ตอนนั้นเราก็หัวปั่นเหมือนกัน วุ่นวายไปหมดทั้งบ้าน

มีหนังสือเล่มนึง มีหมอคนนึง เค้าเป็นโรคนี้ เค้าเป็นจิตแพทย์ด้วย
พ่อให้เราหาซื้อ (แต่นานหละ เราหาไม่ได้ ไม่มีขายในเมืองไทย)

ใจเย็นๆ นะคะ ทุกอย่างมีทางแก้
เรายังไม่รู้เลย ตอนนั้นหัวปั่นไปกันหมดทำไมกัน

เพิ่มเติม mail มาได้นะค่ะ navarat_t at hotmail.com


โดย: เด็กเล็ก วันที่: 28 กรกฎาคม 2548 เวลา:22:48:34 น.  

 
จำชื่อหนังสือไม่ได้ แอบไป search
เจอ เป็นล้านเลย
ทั้ง วิธี ของ parent และผู้ใกล้ชิดคนเป็น
biography
autobiography
และอื่นๆ

แล้วก็หนังสือที่ว่า ข้างบน คือเล่มนี้อะค่ะ
An Unquiet Mind: A Memoir of Moods and Madness - Kay Redfield Jamison
Paperback, Vintage, 1997, 240 pages. ISBN: 0679763309. Read the Blurb.


เหลือบไปเห็นอันนี้
What Goes up... Surviving the Manic Episode of a Loved One - Judy Eron
Paperback, Barricade Books, 2005, 212 pages. ISBN: 1569802858.

มาจากแถวนี้
//www.bpso.org/booklist.php?topic=booklist.shtml

สู้ๆ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
(ปล. ไปดีกว่า ได้ข่าวพรุ่งนี้สอบ)


โดย: เด็กเล็ก วันที่: 28 กรกฎาคม 2548 เวลา:23:13:44 น.  

 
เอ่อ อ่า เอ่อ

เอ๋อ ไปเลย เรา

น่าสงสารนะ

แต่ในความเห็นของเจ๊

ไม่เกี่ยวกับโรคที่เป็นหรอกนะ

ถ้านัทอยู่กับเค้าแล้วนัทมีความสุข

นัทก็อยู่ไปเถอะ อะไรจะเกิด ก็ให้มันเกิด และยอมรับมัน

พร้อมทั้งช่วยเหลือกัน อยู่เคียงข้างกันนะ

ร่วมสุข ร่วมทุกข์

เรื่องอนาคต และลูก เรื่องในภาคภาคหน้า อย่าเพิ่งไปคิดถึงมันมากเลย

ถ้ารัก ก็อยู่เคียงข้างกัน และเป็นกำลังให้ให้กันและกัน ต่อสู้ชีวิตด้วยกัน

แต่ถ้าไม่รัก ก็เป็นเพื่อนที่ดีตอ่กัน ช่วยเหลือกัน ในฐานะของความเป็นเพื่อนนะ

คุยกันให้เข้าใจ

อนาคต ในความหมายของเจ๊นะ คือการยอมดี และยินยอม กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นมาในภายภาคหน้า


โดย: พฤษภาคม 2510 วันที่: 29 กรกฎาคม 2548 เวลา:0:46:14 น.  

 
อนาคต ในความหมายของเจ๊นะ คือการยินดี และยินยอม กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นมาในภายภาคหน้า


โดย: พิมพ์ผิดว้อย (พฤษภาคม 2510 ) วันที่: 29 กรกฎาคม 2548 เวลา:0:47:57 น.  

 
ขอบคุณคับเจ๊ตุ
หนูยังไม่มีไอเดียเลยว่า..อาการของเค้าจะมีผลอะไร กับหนูมั่ง
ก้คงต้องลองอยู่ใกล้เค้าขึ้นไปอีกนิดอ่ะ ..อย่างน้อย เราก็เป้นคนที่เค้าเลือกที่จะบอกความจริงทั้งหมดอ่ะ

หนูเด็กเล็กคะ..ขอบคุณมากๆๆๆๆเลยสำหรับข้อมูลทั้งหมด (ทั้งๆที่จะสอบ อิอิอิ) แอบบอกว่าที่ไม่นอนเพราะนั่งเสิร์ชหาข้อมูลเหมือนกัน แล้วก็จนปัญญา เพราะนัทเองก็ไม่มีพื้นฐานความรู้เรื่องพวกนี้เลย (ภาษาอังกิดก็ห่วยอยู่แล้ว ยังต้องไปเสิรชศัพท์การแพทย์ ตาลาย น้ำลายห้อยอยู่หน้าคอม) ขอบคูณที่เล่าเรื่องน้องสาวให้ฟังด้วยค่ะ .... เพราะสับสนมากว่า..จะเชื่อตาไมค์ดีมั้ย...มันยากที่จะทำใจให้เชื่อว่าเค้าเป็นอย่างนี้จริงๆ มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อจริงๆอ่ะ ถ้าเราไม่ได้เป็นคนในครอบครัวเค้า

คงต้องใช้เวลาซักนิด ในการดูแลเค้าไปก่อน จะเมล์ไปหา และไปซื้อหนังสือมาอ่านนะคะ

ปิงปอง ...จำเรื่องนี้ไม่ได้ว่ามันเกี่ยวกะโรคนี้ด้วยเหรอคะ ฮืมมมมม ไปหามาดูดีกว่า

พี่ซีซันคะ...ขอบคุณสำหรับคำเตือนค่ะ
ตอนนี้ก็ชั่งใจอยู่ค่ะ
ว่าควรจะลงแรงในการดูแลเค้า และลงใจให้เค้าแค่ไหน.. เพราะเรามีเวลาในชีวิตจำกัดอ่ะ นัทก็มีอะไรที่ต้องทำเยอะมาก... และไม่อยากมีอะไรมาทำให้อารมณ์เสียหรือเศร้าเพราะจะทำงานไม่ได้อ่ะค่ะ
ขอบคุณสำหรับความเห็นของทุกคนนะคะ



โดย: เกือกซ่าสีชมพู วันที่: 29 กรกฎาคม 2548 เวลา:8:14:24 น.  

 
แวะมาเป็นกำลังใจ่ค่ะ

เย่ สอบเสร็จแล้ว 3 วิชา อิอิ


โดย: เด็กเล็ก วันที่: 29 กรกฎาคม 2548 เวลา:13:26:19 น.  

 
มาให้กำลังใจครับ...

อาการนี้ต้องอยู่ในการดูแลของคนใกล้ชิดครับ...
ซึ่งผมคิดว่า ถ้าเขาอยากอยู่ใก้ลคุณ
นั่นหมายถึง เขาจะคิดถึงคุณก่อนคนอื่น...
แต่มันก็ไม่แน่เหมือนกัน
เพราะอาการอย่างนี้เอาแน่ไม่ได้
ทางที่ดี ต้องทำให้เขาควบคุมอารมณ์
และความคิดให้ได้ครับ...
วิธีง่ายๆ ก็อาจจะพากันไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะ
แล้วแข่งกับเขาว่า ใครสามารถทำตัวหยุดนิ่ง
ไม่เคลื่อนไหวได้นานกว่ากัน...
โดยสภาพแวดล้อมต้องเหมาะสม
สงบ เย็นสบาย ยิ่งอยู่ข้างๆทะเลสาปได้ยิ่งดี
จะทำให้เขามีสมาธิ ได้มากขึ้น
อีกทั้ง กระแสน้ำจากการนั่งนิ่งๆ
จะส่งกระแสความเย็น และ สงบให้เกิดขึ้นในใจ
อาจจะช่วยได้บ้าง แต่ต้องทำบ่อยๆครับ...

แต่ทางที่ดีที่สุดควรพาไปหาจิตแพทย์ เพื่อรับการรักษาครับ...


โดย: wbj วันที่: 29 กรกฎาคม 2548 เวลา:18:06:47 น.  

 
นังนู๋นัท.....ไพ่(ใช่เรื่องนี้? ที่บอกเจ๊ในบล็อกอะ) คงช่วยไม่ได้มั้ง
อ่านแล้วอึ้ง.....

เอาใจส่งไปช่วยละกันน่อ


โดย: มีอมยิ้ม วันที่: 29 กรกฎาคม 2548 เวลา:18:36:27 น.  

 
เพิ่งคุยกะแป๋วเสร็จ ขอจดไว้ในบล็อกหน่อย น้องให้ท่องว่า
"จริงใจแต่ไม่ทุ่มเท" ใช่มะ
"เค้าต้องการแค่ความยอมรับและความเข้าใจ แต่ไม่ต้องการความช่วยเหลือ"ใช่มะ

"ยิ่งใส่ใจเค้ามากไป บางทีอาจจะทำให้เค้ารู้สึกแย่กะตัวเองมากขึ้นไปกว่าเดิม"

เฮ้ออออออออออออออออออออออ
จะท่องเอาไว้ จะได้ทำตัวถูก

โลกมืดไปสองคืน เริ่มมีสติขึ้นมามั่งละจ้ะ
กลับไปทำงานของเราเองดีกว่านะ ให้มันโทรหาเราเองเหมือนที่เป็นมา คงจะดีกว่า ใช่มั้ย


ขอบคุณคำแนะของทุกคนเลยนะคะ
ให้ไอเดียมากๆเลย
(ตอนที่น้องชายเป็น เราไม่สนิทกะน้องมากอ่ะ เลยไม่รุ้ว่าควรจะทำไง


โดย: เกือกซ่า IP: 66.91.254.36 วันที่: 29 กรกฎาคม 2548 เวลา:21:26:05 น.  

 
เฮ่อ....เรื่องนี้แก้ยากจริงๆ นะนัท....น้องสาวของฮับบี้ก็เป็นอยู่ อาการคล้ายๆ กัน ..แต่เจน(ชื่อเธอ) เธอเป็น Panic attact..คือเธอกลัวการขึ้นเครื่องบิน และการขับรถไปไหนไกลๆ หน่ะ...แต่ว่าถ้าเจอเรื่องผิดหวังหนักๆ ก็เป็นนะ คือจะซึมเศ้รา กินเหล้าหนัก ไม่ทำไร นอนอย่างเดียว แล้วเรื่องใช้เงินเก่งก็ืั้ที่หนึ่ง ไม่รู้เป็นส่วนนึงของอาการหรือเปล่า

....อย่างคราวที่แล้วเธอไปทำเรื่องขอจบที่มหาัลัย แล้วทำสกอร์วิชาสุดท้ายไม่ผ่าน ก็ไม่จบใช่ป่ะ..แล้วเธอไม่บอกใครเลยนะ ..บอกแค่ว่าเดินในพิธีรับปริญญาไม่ได้แค่นั้นเอง...ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าก็โทรบอกญาติหมดแล้วว่าจะรับปริญญานะ...1 วันก่อนวันพิธี..เจนให้สามีโทรยกเลิก graduation ของเธอไป...

เธอหายไป 1 อาทิตย์ เราก็ไม่รู้เรื่องไรเลย เพราะไม่ได้อยู่ด้วยกัน..ปกติเธอจะมาบ้านเราบ่อยๆ คุยกันเสมอในทุกๆ เรื่อง ก็เห็นเป็นปกติดี เราก็คิดว่าไม่มีไีีีัััีรอ่ะ...

วันนึงสามีเธอก็โทรไปคุยกับแด๊ดของฮับบี้ว่าเจนอยู่บ้านทั้งอาทิตย์ไม่ทำไรเลย กินเหล้าแล้วนอนอย่างเดียว ซึมเศร้า...ก็ผลมากจาก panic attact นั่นแหละ...

สามีเจนบอกว่าปกติเธอก็ืำเป็นอย่างนี้..ชอบกินเบียร์ ว๊อดก้าหนักๆ ทุกวัน...วันๆ ไม่ทำอะไร นอน...พอรู้จากแด๊ดว่าสามีเธอโทรไปปรึกษา เราถึงรู้ว่าเจนไม่ได้อยู่อย่างปกติเลย...

เธอไปหาหมอจิตแพทย์นะ..แต่ก็ไม่เห็นไรจะดีึ้ขึ้น...แด๊ดว่าเธอไม่ยอมรักษาอย่างต่อเนื่อง เพราะบางทีเธอก็อ้างว่าไปหาหมอมานะ แต่จริงแล้วไม่ได้ไปหรอก ไปช๊อปปิ้งอ่ะ...อีกอย่างเธอดิ่มหนักขนาดนี้ อัลกอฮอร์มันต้องมีผลต้านยาที่เธอกินแน่ๆ (เธอกินยาเยอะมากๆ) แล้วก็สุดท้ายคือจิตใจเธอไม่หนักแน่นที่จะรักษาให้ดีขึ้นเอง (ง่ายๆ คือเธออ่อนแอ ไม่ยอมตังใจรักษาตัว แล้วพยายามทำให้ทุกคนคิดว่าเธออยู่เป็นปกติดี ทั้งๆที่ไม่ใช่เลย สามีืของเธอคนเดียวเท่านั้นที่รับรู้ เพราะเ้ค้าอยู่กับเธอ)

เรามารู้ทีหลังว่าเจนเป็นอัลกอฮอร์ลิึค มันถึงทำให้เรื่องแย่ลงๆ อย่างนี้...สามีเธอก็พูดเปรยๆ ว่าเค้าเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว เพราะเวลาเธอดาวน์เธอจะไม่ยอมพูดกับเค้าเลย

แด๊ดก็เลยโทรมาคุยกับฮับบี้ว่าจะรวมตัวกันทั้งครอบครัว ทั้งมัม แด๊ด ฮับบี้ เรา และญาติๆ คนอื่นๆ ที่สนิทกับเจน ให้พูดกับเจนครั้งนึง ว่าทุกคนอยากให้เจนเข้มแข็ง และตั้งใจรักษาตัวเองหน่ะ..

แต่ก็ยังไม่ได้รวมตัวกันเลย เวลาแต่ละคนไม่ตรงกันอ่ะ...แต่เราก็จะมาบอกผลละกันว่าเป็นไง เผื่อจะเป็นแนวทางให้นายไมค์ได้นะ

เฮ้อ...เป็นเพื่อนที่ดีไปก่อนนะนู๋นัท..ช่วยเหลือจุนเจือกันไปก่อน อย่าไปทิ้่งเค้านะ...และถ้าเราคู่กันจริงๆ วันข้างหน้าเราก็ไม่รู้หรอกว่าจะเป็นไง อย่าพึ่งคิดมากไปเลย...ตอนนี้ก็หาทางช่วยเหลือเค้าไปก่อนละกัน เราเชื่อว่านู๋ันัททำได้นะ ให้กำลังใจนะ


โดย: tiny IP: 68.68.29.123 วันที่: 29 กรกฎาคม 2548 เวลา:23:38:18 น.  

 
"เค้าต้องการแค่ความยอมรับและความเข้าใจ แต่ไม่ต้องการความช่วยเหลือ"ใช่มะ

ข้อความนี้อาจะจริง...แต่ลึกๆ ในใจของคนป่วยทุกคนต้องการความช่วยเหลือมากๆ คือทั้งการยอมรับและการเข้าใจมันไม่พอหรอก....เค้าคงไม่อยากให้ตัวเองดูอ่อนแอไงเวลาที่เค้าคิดว่าเราจะช่วยเหลือ..


โดย: tiny IP: 68.68.29.123 วันที่: 29 กรกฎาคม 2548 เวลา:23:42:47 น.  

 


หลับฝันดีนะคะ

คิดถึงค๊า

แบมคิดเหมือนคุณโกโก้ค่ะ ต้องรักษาอย่างจริงจังค่ะ

ให้หายขาด ถ้าเขายังเป็นอยู่แบบนี้ ไม่ดีเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นที่ตัวเขา หรือคนรอบข้างค่ะ

เป็นกำลังใจให้นะคะ


โดย: yadegari วันที่: 30 กรกฎาคม 2548 เวลา:3:29:05 น.  

 
ขอบคุณมากค่ะ คุณแบม ดอกไม้สวยจัง

หนูทอย....
ตั้งแต่เจอกันมาปีนึง เค้าก็ไม่เคยทำให้เรารุ้สึกเลยนะ ว่าเค้า insane
จนกระทั่งมีสาเหตุให้ต้องบอกกันนี่แล่ะ เค้าถึงกลั้นใจยอมบอกเรา

ตอนนี้กลายเป็น ...ไม่รุ้ว่าเค้าจะกลับบ้านไปพานิครึเปล่าว่าพอเรารู้แล้วเค้าจะดูไม่ดีพอที่จะเป็นเพื่อนกัน....ตั้งแต่คุยกันเสร็จ ยังไม่ยอมรับโทรสับเรย

เราปรึกษาตาหนวด(ซึ่งเคยมีแฟนเก่าเป็นงี้เหมือนกัน แต่เป็นแบบเกรี้ยวกราด -- ทำไมคนเป็นโรคนี้กันเยอะจังฟะ ) ตาหนวดบอกว่า ยูต้องเตรียมใจไว้เลยว่าจะต้องผ่านความยุ่งยากลำบากใจที่สุดของที่สุด เพราะมันแย่กะความรู้สึกเราเอง เวลาเห็นเค้าดาวน์ และไม่ดีขึ้นเลย แม้เราจะพูดหรือทำอะไร

โทรไปคุยกะน้องชายมาชั่วโมงนึง
ปรากฎว่าน้องชายยังไม่หายล่ะ เราไม่เคยรู้เลยว่าน้องชายเราซัฟเฟอร์ขนาดนั้น น้องเราก็มีปัญหาเรื่องการใช้เงินด้วย มันเก็บตังได้เป็นแสน แล้วเอาไปผลาญหมดภายในสองวัน (โอย..ตาย มันปล่อยให้ชั้นหาเงินงกๆตอนอยู่เมืองไทยแล้วเอาเงินไปผลาญเนี่ยนะ)... โชคดีตอนนี้ดีขึ้น เพราะบังเอิญหยิบหนังสือธรรมะขึ้นมาอ่าน แล้วช่วยได้เยอะ...ถ้าหนุนัททำได้ จะพยายามเอาไมค์ไปวัดเมตตา (ในซานดิเอโก้) พระฝรั่งท่านเก่งเรื่องฝึกสมาธิ อาจจะช่วยบางอย่างได้
ขอบคุณหนูทอยสำหรับเรื่องเจนนะจ้ะ


โดย: เกือกซ่าสีชมพู วันที่: 30 กรกฎาคม 2548 เวลา:5:54:27 น.  

 
ปล. แปลกแต่จริง
ปรากฏว่าที่น้องชายเล่ามาน่ะ อาการเดียวกับที่ทุกคนเล่ามาเลยค่ะ

น้องชายบอกว่า

ถ้าไปอยู่ใกล้ๆน้ำ หรือทะเล จะรู้สึกสงบสบายขึ้น

อาการของน้องคือ นอนหลับไม่สนิท มันเลยทำให้บางทีไม่นอนไปเลย หรือไม่ก็พยายามนอนไปเรื่อยๆ เพื่อที่ตื่นมาจะได้สดชื่น แต่ว่ามันไม่มีประโยชน์ เพราะสารเคมีมันทำให้ นอนหลับไม่สนิท ถึงนอนไปสิบกว่าชั่วโมง ตื่นมาก็ยังเหนื่อย ตาโรย หดหู่อยู่ดี

น้องบอกว่า มันไม่แย่ขนาดที่ทำให้ชีวิตพังหรอก แต่มันก็ทรมาณเพราะเวลาดาวน์ หรือ เหนื่อยมากๆ มันแก้ไม่หาย แก้ไม่ได้จริงๆ บางทีนอนไม่หลับมากๆ น้องต้องไปบิน (เป็นสจ๊วต)เห็นผุ้โดยสารแล้วอยากอ๊วก

---อันนี้เราว่าคนที่การบินไทยเป็นกันเยอะนะ อาจจะเป็นเพราะงานที่ต้องขึ้นไปทำบนเครื่องส่งผลกะร่างกาย

เลยบอกให้น้องชายไปนั่งสมาธิซักสามวัน ไม่รู้จะยอมไปรึเปล่า เฮ้ออ...คนใกล้ตัวฉันเป็นไรกันหมดนะเนี่ย
ตาหนวดบอกว่า..อย่าคิดมากเดี๋ยวยูจะบ้าตามไปด้วย ...เราว่าใกล้แระล่ะ


โดย: เกือกซ่าสีชมพู วันที่: 30 กรกฎาคม 2548 เวลา:6:03:36 น.  

 
อ้อ นี่ เราเพิ่งดู หนังเรื่อง 50 First date จบเดี๋ยวนี้เอง

ที่จริงดูหลายรอบแล้วหละ ในเคเบิ้ลนะ มันมาฉายบ่อย

ดูทุกครั้งก็รู่สึกดีทุกครั้ง

แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ที่ดูแล้วคิดถึงนัทขึ้นมาจับจิตจับใจ

คิดว่า นัทคงเคยดูแล้ว

แต่ในสถานะการณ์อย่างนัทตอนนี้

ลองไปหามาดูอีกสักครั้ง คงตอบคำถามชีวิตตอนนี้ได้ดีขึ้น

ดูอีกสักครั้งนะ อย่าลืมลากนัยไมค์มานั่งดูด้วย

ขอให้โชคดี


โดย: ใส่ไว้หน้าโน้น แล้วก็มาใส่ไว้หน้านี้ ฝากลบหน้าโน้น ด้วยนะจ๊ะ (พฤษภาคม 2510 ) วันที่: 30 กรกฎาคม 2548 เวลา:6:30:08 น.  

 
คิดเหมือนคุณtinyอ่ะคุณนัท
เขาคงอยากให้อยู่เป็นเพื่อนเขา
ช่วยเหลือ ดูแลเขา

ว่าแต่ลองไปติดตามอ่านบล็อกของคุณผมอยู่ข้างหลังคุณ เขาเอาโรคซึมเศร้ามาบอกว่าเป็นแบบไหนยังไง เข้าไปอ่านนะจ๊ะ


โดย: prncess (เกือกซ่าสีชมพู ) วันที่: 30 กรกฎาคม 2548 เวลา:8:42:56 น.  

 
ขอบคุณมากค่ะหนูเจ้าหญิง
ตอนนี้ทำตัวเองหัวปั่นดีแท้ๆ
แต่พยายามจะไม่คิดมากแล้วค่ะ


โดย: เกือกซ่าสีชมพู วันที่: 30 กรกฎาคม 2548 เวลา:9:04:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เกือกซ่าสีชมพู
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




:บล็อกล่าสุด:
*นิราศอิตาลี (๑)
*นิราศอิตาลี (๒) โปรแกรมอิตาลีหฤโหดต่อ
*นิราศอิตาลี(๓) Roman Holidays วันเเรก
*อีกเรื่องราวของการเดินทาง

Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2548
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
28 กรกฏาคม 2548
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add เกือกซ่าสีชมพู's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.