SPANGLISH หนังสะท้อนสังคมอเมริกัน (อิกแล้วคับทั่น)



หนังของอดัม แซนเล่อร์ มักจะมีอะไรดีๆให้คิดตามมากกว่าหนังตลกทั่วไป
ตอนแรกไม่ได้หวังอะไรกับหนังเรื่องนี้มากนัก แต่เมื่อดูจบ ความ อิน บังเกิดอย่างท่วมท้น กระทั่งห้ามน้ำตาไม่อยู่
อาจจะเป็นเพราะเราอยู่ในเมืองที่มีแม็กซิกันเยอะมาก มีเพื่อนเป็นแม็กก็เยอะ
และอาจเป็นเพราะหนังถ่ายทอดความหมายของคำว่ารักและความรับผิดชอบออกมาอย่างลึกซึ้ง

ขออนุญาตสปอยด์ เล่าเรื่อง..และถึงแม้คุณจะรู้เรื่องแล้ว...พอดูหนังจริงๆ จะยิ่งซาบซึ้งมากขึ้น และมากขึ้น

Spalish เป็นเรื่องของ แม่ยังสาว เม็กซิกันที่ต้องเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง...แน่นอนในอเมริกา
เธออพยพเข้าอเมริกาเหมือน คนแม็กฯ สี่แสนคนต่อปีที่ย้ายเข้ามาอเมริกา อย่างผิดกฎหมาย
เธอได้งานแม่บ้านในครอบครัวอเมริกันครอบครัวหนึ่ง และที่นี่เอง เธอต้องพบกับการต่อสู้ต่อจิตใจตัวเองอย่างรุนแรง
ความรักและความรับผิดชอบต่อลูกสาวคนเดียว ทำให้เธอต้องตัดบางอย่างออกไปจากชีวิตอย่างเด็ดเดี่ยว
(หวังว่าจะไม่สปอยด์เกินไปนะ)

หนังเรื่องนี้จะดูให้อินจริงๆ ต้องอาจจะต้องมีพื้นฐานความเข้าใจเรื่องปัญหาสังคมและบุคคลิกภาพของอเมริกันชน รวมทั้งสังคมฮิสทอริค (กลุ่มคนพูดภาษาสแปนิช)ในอเมริกาบ้าง
เริ่มตั้งแต่โลเกชั่น ...แอลเอ...เมืองที่มีเม็กซิกัน 48% แต่แม็กซิกันส่วนมาก สามารถทำงานระดับเลเบอร์ได้เท่านั้น
เพราะ ไม่มีทั้งใบทำงาน รวมถึงภาษาที่ไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดี
ค่าครองชีพในเม็กซฺโก น้อยกว่าในแคลิฟอร์เนีย เกือบสิบเท่า ทั้งๆที่อยู่ติดกันแค่ข้ามเส้นแบ่งแดน (ซึ่งเป็นแค่รั้ว และด่าน)
ค่าแรงขั้นต่ำ ในเม้กซิโกชม.ละ 1$ ในแคลิฟอร์เนี่ย ชม.ละห้าเหรียญ เพราะฉะนั้นชาวเม็กซิกันจึงหลั่งไหลเข้าอเมริกาอย่างไม่ขาดสาย

นางเอกทำงานในแอลเอ ได้อาทิตย์ละ สี่ร้อยเจ็ดสิบเหรียญ ถือเป็นเงินจำนวนน้อยมากสำหรับ สองปากท้อง เมื่อเธอได้งานแม่บ้าน ที่ได้สัปดาห์ละ หกร้อยห้าสิบ นับเป็นการทำให้เธอเลี้ยงลูกได้ง่ายขึ้น

หนังสะท้องสภาพความเป็นจริงของชีวิตเม็กซิกันที่เป็นแม่บ้านทั้งหลาย เช่น บ้านที่เธอไปทำงาน อยู่ห่างจากป้ายรถเมล์ 1.6miles ประมาณ สามกิโลได้ เพราะบ้านคนรวยในแคลิฟอร์เนีย ส่วนใหญ่จะอยุ่บนเนิน ที่ไม่มีสายรถเมล์ผ่าน ไม่มีมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ไม่สามารถขี่จักรยาน เพราะมันชันมาก ต้องเดินอย่างเดียว
รถเมล์มีตารางเวลาที่น้อยมาก เพราะ เกือบทุกคนมีรถ หนังแสดงอารมณ์นี้ออกมาอย่างชัดเจน ให้ลองนึกถึงว่า บ้านเราอยู่ในหมู่บ้านแลนด์แอนด์เฮ้าส์หลังสุดท้ายก้นซอยอ่ะ ไม่มีมอเตอรไซด์ ไม่มีรถสองแถว
นี่คือสิ่งที่แม็กซฺกัน รวมถึง ชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในอเมริกาอย่างผิดกฎหมายจะต้องเจอ ( เรยอินมาก...เคยเจอมาก่อน )

เรามาดูกันที่พื้นฐานด้านบคคลิกภาพ และ สังคมกันมั่ง
ใครที่ดูอเมริกันบิวตี้มาบ้างแล้ว จะพบว่า ผัวเมีย อเมริกันนั้น มีความเปราะบางมากเมื่ออยู่ในวัยทองของชีวิต
ครอบครัวอเมริกัน ส่วนใหญ่ สามีจะทำงาน เมียเป็นแม่บ้าน และเมื่อ ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมีปัญหา..มันจะแตกแยกได้อย่างง่ายดาย
เมียของพระเอก(อดัม) มีปัญหา (ที่เป็นกันมากในสังคมอเมริกัน) คือ การให้คุณค่าในตัวเองน้อย อันเกิดมาจากแม่ของเธอมีปัญหาติดเหล้าเมื่อเธอยังเด็ก..ปัญหาในจิตใจนี้แสดงออกด้วยการออกกำลังกายอย่างบ้าคลั่ง ชอบจัดการชีวิตคนอื่น และการหวาดกลัวที่จะรับฟังคำวิจารณ์ด้านไม่ดีของตัวเอง
ในขณะที่อดัมเอง ทำงานเพื่อครอบครัวอย่างหนักเพื่อเมียและลูก

สังคมแม็กซิกัน ผุ้หญิงระดับชาวบ้านมีลูกเมื่ออายุน้อยๆและส่วนใหญ่จะเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง นิสัยของแม็กฯนั้น สู้งานหนัก ค่อนข้างหยิ่งและมีศํกดิ์ศรีในตัวเอง

นางเอกดูจะต่างจากชาวบ้านตรงที่เธอเองมีความรั้นในแบบฉบับของเม็กซฺกันอยู่มากที่จะไม่รับของของคนอื่นฟรีๆ เธอจะเลี้ยงลูกด้วยตัวของเธอเอง และรู้ว่าลูกของเธอควรจะเติบโตขึ้นด้วยความคิดเช่นไร
แปลกประหลาดแท้ ที่ใกล้เพียงเส้นแบ่งแดนกั้น

อารมณ์....ในหนังเรื่องนี้แสดงถึงอารมณ์อย่างหลากหลาย ความรักของสามี ภรรยา ความรักที่พ่อมีต่อลูก ความรักของเม่ต่อลูก ความรักที่ต้องหักห้ามใจ อยากให้ดูเอาเอง จะพบว่า หนังเรื่องนี้สามารถคั้นอารมณ์หวามใจ ไปจนถึงเศร้าซึ้งอย่างชัดเจน



พระเอกนางเอก ที่รักกัน แต่ไม่สามารถต่อยอดความสัมพันธ์ใดๆได้ เพียงเพราะ เขาทั้งสองคนมีลูกที่พวกเขารักและต้องรักษาความรู้สึกของครอบครัวเอาไว้ เป็นสิ่งที่น่ายินดี ที่ความดียังคงเป็นพื้นฐานอยู่ในความรักของทั้งสองคน

ความรักของนางเอกต่อลูกสาวนั้น แสดงออกอย่างชัดเจน อารมณ์ของแม่ที่ห่วงลูก อารมณ์ของแม่ ที่เห็นลูกยินดีที่มีคนอื่นให้ของกำนัล เธอไม่เห็นด้วยต่อ การปฏิบัติตัวตามกระแสสังคมอเมริกัน และเธอไม่อยากให้ลูกสาวของเธอ"เปลี่ยน"ตัวตนไปตามสังคมอเมริกันที่เห็นเงินเป็นทุกสิ่ง ทั้งๆที่รากเหง้าของพวกเธอเป็น ฮิสตอริค

สุดท้าย หนังเล่นประเด็นการใช้ภาษาอังกฤษอย่างeducatedของลูกสาวนางเอก (ที่เราเริ่มเห็นตั้งแต่ต้นเรื่อง) แสดงให้เห็นว่า แม้จะเป็นคนที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแรก..แต่เธอก็ใช้มันได้อย่างสมบูรณ์แบบ กว่าคนอเมริกันบางคน เธอภาคภูมิใจในความเป็นฮิสตอริค และไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวตนไปเป็นอเมริกัน เธอก็สามารถประสพความสำเร็จได้

หนังยังมีอีกหลายช๊อต หลายซีนที่สื่ออะไรๆออกมาให้คิด...ทั้งบทและนักแสดงสามารถสื่อารมณ์และเล่น กะนิสัยและสังคมอเมริกันได้น่าสนใจทีเดียว



Create Date : 13 เมษายน 2548
Last Update : 13 เมษายน 2548 19:19:10 น. 4 comments
Counter : 4633 Pageviews.

 
อ่านผ่านๆ กลัวรู้เรื่องมากไป อิอิ
ว่าจะไปดูเหมือนกันค่า


โดย: Robotoon วันที่: 13 เมษายน 2548 เวลา:19:05:16 น.  

 
น่าดูนิ....

นังนู๋นัทเล่ายาวดีจัง ชอบ ๆ



โดย: มีอมยิ้ม วันที่: 13 เมษายน 2548 เวลา:20:12:55 น.  

 
พอเห็นตรง "ขออนญาตสปอยล์" ก็ขออนุญาตไม่อ่านต่อนะ
เดี๋ยวไปหามาดูก่อน

ไปละ


โดย: ซีบวก วันที่: 13 เมษายน 2548 เวลา:21:29:00 น.  

 
ดูแล้วค่ะ ชอบมากๆ น้ำตาไหลเลยอ่ะ ตอนแม่กะลูกพูดกันตอนเกือบจบเรื่อง (ที่ป้ายรถเมล์) อินมาก แม่เล่นได้ดีมาก และ เด็กก็น่ารักมาก

ปรกติไม่ชอบ Tea Leoni (ภรรยาของAdam ในเรื่อง) อยู่แล้ว มาดูเรื่องนี้ยิ่งไม่ชอบไปใหญ่เลยอ่ะ

แนะนำให้ทุกคนดูค่ะ ได้อะไรหลายๆ อย่างจริงๆ


โดย: sandpainter วันที่: 26 พฤษภาคม 2548 เวลา:2:34:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เกือกซ่าสีชมพู
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




:บล็อกล่าสุด:
*นิราศอิตาลี (๑)
*นิราศอิตาลี (๒) โปรแกรมอิตาลีหฤโหดต่อ
*นิราศอิตาลี(๓) Roman Holidays วันเเรก
*อีกเรื่องราวของการเดินทาง

Group Blog
 
<<
เมษายน 2548
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
13 เมษายน 2548
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add เกือกซ่าสีชมพู's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.