สิงหาคม 2560

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
16
17
19
20
21
22
23
24
25
26
29
30
31
 
 
All Blog
ไปโตเกียว...เดี๋ยวก็กลับ - ตอนที่ 3 Time to go to Tokyo Disney Sea








ไปโตเกียว...เดี๋ยวก็กลับ

ตอนที่ 3 Time to go to Tokyo Disney Sea

แม้จะบอกว่าทริปโตเกียวรอบนี้ไม่มีแพลนจะทำอะไรเป็นพิเศษ แต่เอาเข้าจริงแล้ว Tokyo Disney Resort ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้ตัดสินใจมา ทั้งๆ ที่ในใจไม่คิดอยากจะไปเที่ยวต่างประเทศในช่วงซัมเมอร์เลยสักกะนิด เพราะอากาศร้อนเป็นตัวตัดกำลังทุกอย่าง แถมอยู่ไทยก็ร้อนมากพอแล้ว ทำไมจะต้องบินไปเสียเหงื่อที่ต่างประเทศด้วย แต่ก็อย่างที่บอกว่าเรามาแบบงงๆ เบลอๆ รู้ตัวอีกทีก็หลังจองตั๋วเครื่องบิน จองที่พักเสร็จนั่นแหละ


เนื่องจากพี่ฝนเพิ่งจะบินมาเมื่อ 3 เดือนก่อน และฝ่าฟันผ่านมวลมหาประชาชนใน Disneyland แถมยังส่งรูปมาให้เราดูว่ามนุษย์ใน Disneyland มันมากมายมหาศาลแค่ไหน รอบนี้ก็เลยตัดสินใจไป Disney Sea แทน แต่ความจริงมันก็พังไม่แพ้กันหรอก ก่อนบินมาเราทำการบ้านสำหรับ Disney Sea มานิดหน่อย ซึ่งการบ้านที่ว่าก็คือแพลนถลุงเงินใน Shop ด้านในนั่นแหละ โดยเฉพาะน้องหมี Duffy ต้องมาโดนแน่นอน


พอปักหมุดเป้าหมายของวันได้แล้วก็วางแพลนการเดินทางโดยตั้งใจจะออกจากที่พักสัก 7 โมง แต่สุดท้ายกว่าจะออกมาก็เกือบ 9 โมง มื้อเช้าเราแวะไปฝากท้องกันที่มาคุโดนารุโดะ... ค่ะ ก็แมคโดนัลด์อ่ะแหละค่ะ จัดชุด McFish ไปในราคา 350¥ สิ่งที่เราแฮปปี้คือมีน้ำองุ่น Qoo ขายด้วย จำได้ว่าช่วงนึงเคยมีขายที่ไทยแล้วก็หายไปตลอดกาล 



จากนั้นก็มุ่งหน้าสู่สถานี Maihama สถานที่ตั้ง Tokyo Disneyland ส่วน Tokyo Disney Sea ต้องออกมาต่อรถไฟเข้าไปอีก ค่าตั๋วเที่ยวละ 150¥ แต่ถ้าเป็นตั๋วรถไฟแบบ 1 Day-Pass นั่งไป-กลับกี่รอบก็ได้ เหมาะสำหรับคนที่พักอยู่โรงแรมใน Tokyo Disney Resort ทั้งหลาย ราคา 650¥ ซึ่งตอนที่เราไปเป็นช่วงเทศกาล Tanabata พอดี ตั๋วรถไฟแบบ 1 Day-Pass ก็เลยเป็นลาย Limited สำหรับเทศกาล Tanabata และแน่นอนค่ะว่าเราก็ตกเป็นทาสการตลาดเช่นเคย เย้!!



การมาเที่ยวสวนสนุกช่วงวัมเมอร์ก็ต้องทำใจไว้ส่วนนึงอยู่แล้วว่าคนต้องเยอะกว่าปกติ เนื่องจากเป็นช่วงปิดเทอมของนักเรียนญี่ปุ่นเหมือนกัน แต่ที่ทำให้ชีวิตยากขึ้นมาอีก 2 ระดับคือฝนตก.... โชคดีที่ตกแค่ระดับปรอยๆ ซึ่งมันก็จะมีความรู้สึกกระอักกระอ่วนใจนิดหน่อย จะกางร่มดีมั้ย หรือไม่กางดี ฝนก็ตกไม่หนัก ไม่กางดีกว่า เดินๆ ไปอีกแป๊บ อ้าว! เหมือนจะหนักขึ้น กางร่มสักหน่อยแล้วกัน พอกางเสร็จฝนก็หยุดตก แล้วก็วนลูปไปแบบนี้เรื่อยๆ แต่ที่มันทำร้ายจิตใจของเราคืออุตส่าห์เสียเวลานั่งโรลผมมาเป็นชั่วโมง พอฝนตกปุ๊บ ผมที่ลอนไว้ก็ทิ้งตัวกลับสู่สภาพเดิม ขอบคุณค่ะ


ตอนแรกพี่ฝนก็ทักมาว่าช่วงเทศกาล Tanabata ที่ Tokyo Disney Resort มีจัดอีเว้นท์ด้วย เชิญชวนให้ใส่ชุดยูกาตะไปเที่ยวแล้วจะได้ของที่ระลึกสำหรับเทศกาล Tanabata แต่ด้วยความที่มันยังถึงวัน ก่อนหน้านี้เคยไปใส่ชุดกิโมโนที่เกียวโตก็รู้สึกอย่าว่าแต่ใส่ไปเที่ยวสวนสนุกเลย แค่เดินธรรมดาก็ลำบากชีวิตมากแล้ว เรื่องของเรื่องคือกลัวเด๋อด้วย แต่พอไปถึงสถานีรถไฟ Maihama ก็แอบเห็นหลายคนใส่ยูกาตะมาเที่ยวเยอะเหมือนกัน ก็เป็นสีสันดีค่ะ ทำเราอยากจะกลับไปเช่ายูกาตะมาบ้างเลย


ทันทีที่ขาแตะพื้นแผ่นเดินแห่ง Tokyo Disney Resort เสียงBGM ของ Pirate of The Caribian ก็ดังมาตลอดทาง ช่วยสร้างความตื่นเต้นให้เรา 30% บัตร Tokyo Disneyland กับ Tokyo Disney Sea ราคา 7400¥ เท่ากัน ซึ่งรอบนี้พี่ฝนจองผ่านเว็บ และต้องปริ้นตั๋วมาด้วย เอาจริงๆ คือใบที่ปริ้นมาสามารถเข้าไปได้เลย แต่ไม่ค่ะ เราจะไม่หยุดแค่นี้เพราะอยากได้บัตรลายคาแรคเตอร์ก็เลยตั้งควักเงินเพิ่มอีก 200¥ แลกที่เค้าท์เตอร์ด้านหน้าทางเข้า นี่ยังไม่ทันได้เข้าไปข้างในก็เสียเงินไปเกือบพันเยนแล้วนะ โลกนี้โหดร้ายจริงๆ



ด่านแรกของ Tokyo Disney Sea คือแลนด์มาร์คลูกโลก แน่นอนว่าเราต้องไปถ่ายรูปกันรัวๆ โดยแก่งแย่งกับคนรอบข้าง ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นคนญี่ปุ่นนี่แหละ แค่นี้ก็กินเวลาไปสิบนาที ถ่ายแล้วถ่ายอีก จากนั้นก็ไปตามหาแผ่นพับแผนที่เพื่อวางแผนเครื่องเล่น ระหว่างนั้นก็เหลือบไปเห็นคนกำลังต่อแถวรอถ่ายรูปกับมินนี่เม้าส์ ก็เลยเดินไปต่อแถวบ้าง แต่ Staff ก็เดินมาพูดกับ 2 คนข้างหน้าแล้วเขาก็เดินจากไป ทันทีที่เจ๊หันมาเจอชาวต่างชาติแบบเรา เจ๊ก็มีความมั่นใจและสปีคเจแปนนิสใส่อีกแล้ว ไม่รู้เรื่องเลยว่าพูดอะไร รู้แค่ว่า 20 minutes เราก็เดาเอาเองว่าเออเค้าอาจจะเปิดให้ถ่ายรูปแค่ 20 นาที กว่าจะถึงเราแล้วหมดเวลารึเปล่า โอเคค่ะ ไม่ถ่ายรูปด้วยก็ได้ เลยเดินออกไปช็อปปิ้งเสียเงินให้สบายใจใน Store ได้ที่คาดผมหู Duffy ราคา 1,700¥ ก่อนจะมารู้ทีหลังว่าที่ Staff มาสปีคเจแปนนิสใส่ระหว่างต่อแถวรอถ่ายรูปกับมอกกี้เม้าส์เพราะนางเป็นห่วง เนื่องจากจะมีขบวนพาเหรดที่ทะเลสาบหน้าภูเขาไฟในอีก 20 นาที.... หึ เอาจริงๆ ไม่ต้องเป็นห่วงเราขนาดนั้นก็ได้นะ ต่อให้รีบไปดูพาเหรดก็ไม่ทันแล้ว เพราะคนเยอะมาก เห็นมิกกี้เม้าส์ตัวเล็กกว่าหัวไม้ขีดอีก ซูมจนภาพจะแตกเป็นพิกเซลอยู่ละ จริงๆ มันก็เป็นอะไรที่ตื่นตาตื่นใจเพราะเป็นขบวนพาเหรดในน้ำ แต่ด้วยความที่มันอยู่ในน้ำนี่แหละ ก็เลยรู้สึกว่าไม่ได้ใกล้ชิดเท่ากับขบวนพาเหรดปกติเลย หลังจบพาเหรดก็เตรียมตัวไปเดินกดบัตร Fast Pass ของเครื่องเล่นดีกว่า



Tokyo Disney Sea แบ่งเป็นโซนทั้งหมด 7 โซนด้วยกันคือ


1. Mediterranean Harbor โซนนี้จำลองบรรยากาศเมืองเวนิซมาไว้ทั้งเมือง มีเรือกอนโดล่าล่องไปรอบๆ มีอาหารแนวอิตาเลี่ยนและร้านขายขนมปังรูปมิกกี้เม้าส์ที่ดึงดูดเงินในกระเป๋าตังต์ของทุกคน

2. Mysterious Island คือโซนภูเขาไฟใหญ่บิ๊กเบิ้มตรงกลางสวนสนุก

3. Mermaid Lagoon ชื่อก็บอกว่าอยู่เมอร์เมด เพราะฉะนั้นโซนนี้จะยกเอาโลกใต้ทะเลมาทั้งหมด เป็นธีมจากการ์ตูนเรื่อง Little Mermaid นั่นเอง

4. Arabian Coast โซนนี้อลาดินจ๋ามากๆ เดินผ่านแล้วคิดไปเองว่ามีกลิ่นเครื่องเทศลอยมาเป็นระยะๆ

5. Lost River Delta โซนนี้เป็นธีมจากภาพยนตร์เรื่อง Indiana Jones

6. Port Discovery เป็นโซนที่เล็กที่สุดใน Tokyo Disney Sea มีเครื่องเล่นเป็นเรือบัมพ์ที่ไม่บัมพ์

7. American Waterfront ชื่อก็บอกอยู่ว่าอเมริกัน โซนนี้มีเรือไททานิคตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ ซึ่งคนส่วนใหญ่จะมุ่งหน้ามาที่โซนนี้ก่อน เนื่องจากมีเครื่องเล่นยอดนิยมอัดรวมกันอยู่โซนนี้ถึง 6 อย่างด้วยกัน


จากการกางแผนที่ดูแล้ว โซน Mysterious Island คือใกล้ที่สุด เพราะเรายืนอยู่จุดศูนย์กลางของสวนสนุกเลยมุ่งไปกดบัตร Fast Pass ของเครื่องเล่น 20,000 Leagues Under The Sea ก่อน ซึ่งก็ได้เล่นรอบ 11.30 - 12.20 น. มีเวลาอีกเกือบชั่วโมงก็เลยไปตระเวรกดบัตร Fast Pass ละแวกใกล้เคียง ระหว่างน้ันเห็นคนเดินผ่านไปผ่านมาห้อยกระเป๋าหน้าคาแรคเตอร์แล้วก็เริ่มรู้สึกอยากได้ อยู่ในนี้เหมือนโดนสะกดจิตอ่ะ เห็นอะไรก็อยากได้ไปหมด กิเลสย่อมระงับด้วยการเดินไปซื้อค่ะ


Merchandise แต่ละอย่างจะมีวางขายทั่วไป แต่บางอย่างก็จะมีแค่ใน Store ตามโซนเฉพาะเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น Duffy ก็จะมีขายอยู่เป็นบางช็อปเท่านั้นเป็นต้น ดูจากแผนที่แล้ว Store ใกล้ๆ ไม่มีขายเลย ต้องเดินกลับไปทางเดิม หูยยยย อย่างไกล บ่นไปงั้นแหละสุดท้ายก็ต้องเดินกลับไปซื้ออยู่ดี เป็นคนกิเลสหนาค่ะ




หลังจากระงับกิเลสด้วยการรูดบัตรรัวๆ ไปแล้ว เห็นว่า Store อยู่ใกล้กับเครื่องเล่นที่หลายคน Recommend มาว่าพลาดไม่ได้นั่นก็คือ Tower of Terror ซึ่งตอนที่กดบัตร Fast Pass คือ 11.51 น. แต่รอบเวลาที่เราจะได้เล่นคือ 21.25-22.00 น. อื้อหืออออ...พีคมาก อะไรจะขนาดนั้น



จากนั้นเราก็เดินไปกดบัตร Fast Pass กันต่อที่เครื่องเล่น Toy Story Mania ซึ่งเป็นเครื่องเล่นอีกอย่างที่คนแนะนำกันเยอะมาก แต่พอไปถึงปรากฎว่ามันปิดแล้ว... มีความเป็นไปได้อยู่ 2 อย่างคือคนมากดดันจนหมดรอบ หรือไม่ก็ไม่เปิดให้กดตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ซึ่งอันที่ 2 ไม่น่าเป็นไปได้ ตอนแรกก็อยากจะเล่นอยู่หรอกนะ แต่พอหันไปเห็นแถวที่คนยืนรอกันอยู่ก็ขอบายดีกว่า ขดกันยิ่งกว่าหูฟัง iPhone พันกันในกระเป๋า จบๆๆ แยกๆ เดินคอตกกลับไปเล่น 20,000 Leagues Under The Sea นั่นแหละ และในระหว่างทางเราก็โดนถัง Popcorn Duffy ดูดค่ะ ควักกระเป๋าจ่ายไปอีก 2,500¥ แป๊บๆ แบงค์หมื่นเยนก็สลายไปกับสายลมแล้วจ้า มาสวนสนุกทีนึงใช้เงินเยอะกว่าเดินช็อปปิ้งในห้างอีกค่ะ


20,000 Leagues Under The Sea เป็นเครื่องเล่นที่น่อมแน้มมากอ่ะ ลักษณะเป็นเรือดำน้ำให้เราให้เข้าไปนั่งแล้วตะลุยใต้ท้องทะเลลึก เจอกับปลาหน้าตาแปลกๆ มากมาย เป็นเครื่องเล่นที่เด็กน้อยน่าจะตื่นเต้น แต่ไม่ใช่เราอ่ะ หลังจากเล่นเสร็จก็รู้สึกว่าถ้าพลาดอันนี้ก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายอะไรเลย และด้วยความร้อนของอากาศในช่วงซัมเมอร์เราก็เลยจัดไอติมมิกกี้เม้าส์รสส้มไป 1 แท่ง ราคา 450¥



อีกอย่างนึงที่ไม่ค่อยได้เห็นในสวนสนุกคือที่ Tokyo Disney Sea มีเบียร์ขายด้วยจ้า แฮปปี้สุดๆ Kirin Frozen Beer ราคา 700¥ รสชาติไม่ได้นุ่มมาก แต่ก็ไม่ถึงบาดคอ กิมมิคของแบบ Frozen คือมันเป็นเบียร์ปั่น แต่ด้วยความที่เป็นหน้าร้อน จากเกล็ดน้ำแข็งก็เลยกลายเป็นเบียร์ธรรมดาภายในระยะเวลาไม่ถึง 5 นาที



เราตั้งใจจะเคลียร์เครื่องเล่นเป็นโซนไป เพราะฉะนั้นก็เลยเดินเก็บเครื่องเล่นอันต่อไปที่อยู่ใกล้ๆ 20,000 Leagues Under The Sea นั่นก็คือ Journey to the center of the earth ซึ่งตั้งอยู่ใต้ภูเขาไฟใหญ่ยักษ์ ใจกลาง Tokyo Disney Sea ต้องบอกว่าเครื่องเล่นนี้หลายคนก็ Recommend เช่นกัน ตอนแรกก็กะว่าจะเข้าไปกดบัตร Fast Pass แต่พอไปถึงเครื่องกดบัตร ปรากฎว่ามันก็ปิดอีกเหมือนกัน ยืนลังเลว่าจะเอายังไง เพราะกลัวคนเยอะ แต่เอาเข้าจริงคนต่อแถวน้อยมาก คาดว่าไม่เกินชั่วโมงน่าจะได้เล่นแล้ว แอบคิดในใจว่าโชคดีจริงๆ ไม่แน่ว่าเค้าไปเล่นเครื่องเล่นอื่นกันก่อน พอเราเดินเข้าไปต่อแถว Staff ก็เดินปรี่เข้ามาพูดภาษาญี่ปุ่น พอรู้ว่าเราไม่เข้าใจก็เอาการ์ดขนาดเท่า a4 ให้อ่าน เนื้อหามีอยู่ 3 ข้อ มีทั้งภาษาญี่ปุ่น, อังกฤษ และจีน ตอนนั้นยังไม่ทันได้กวาดตาอ่านได้หมด เพราะพนักงานชี้ที่ข้อ 2 เขียนว่า Japanese language only เราก็โอเค ไม่เป็นไร ไม่ได้ซีเรียสอยู่แล้วเลยตอบโอเคไป จากนั้นก็ยืนไปยาวๆ ผ่านไป 2 ชั่วโมง Staff อีกคนก็เรียกมายืนรวมกลุ่มประมาณ 10 คน และก็พูดภาษาญี่ปุ่นรัวๆ แน่นอนว่าเราฟังไม่ออกหรอก แต่ก็ทำหน้าเออ ออ ตามเพราะเดี๋ยวแกจะเสียใจ ปิดท้ายด้วยการให้ผู้ร่วมชะตากรรมในครั้งนี้กำมือซ้ายไว้ที่อกขวาแล้วตะโกนออกมาพร้อมๆ กันว่า “โมบิดิก” จากนั้นก็นำทางเราเข้าสู่ด้านใน Staff คนนั้นก็พาเดินบรรยายด้วยภาษาญี่ปุ่นไปตลอดทาง เจอห้องทำงาน สารพัดของที่ขุดหามาได้ ห้องเก็บอุปกรณ์ต่างๆมากมาย คุณ Staff ยังคงเดินบรรยายไปตลอดทางจนเราเริ่มมีคำถามในใจว่า ‘เมื่อไรจะให้เล่นเครื่องเล่นสักทีคะ’ จนกระทั่งเดินไปถึงด้านหน้าเครื่องเล่นเลยฉุกคิดขึ้นได้ว่า ที่เดินผ่านมาคือจุดต่อแถวที่ปกติคนจะขดกันเป็นเขาวงกต เอะใจถึงขั้นหันไปดูกลุ่มที่เดินเข้ามาก่อน อยู่ๆ กลุ่มนั้นก็เดินหายไป และ Staff ก็พาเราเดินออกมาส่งที่ทางเข้าพร้อมกับโบกมือบ๊ายบาย.......สุดท้ายก็เดินออกมางงๆ เพื่อเห็นป้าย Temporarily Closed.... ถึงกับยืนช็อคไปสองวิ... เอา 2 ชั่วโมงเราคืนมาาาาาาาาาาา ป้ายก็จะใหญ่ ทำไมถึงได้มองไม่เห็น



เดินออกมานั่งพักขาดูวิวหน้าภูเขาไฟนรกที่ให้เรายืนรอ 2 ชั่วโมงกว่าก็นึกได้ว่าแผ่นป้ายเล็กๆ ที่ Staff ให้อ่านตอนเข้าแถวคือ

1. Ride Temporarily Closed Until…..

2. Only Japanese Language.

3. Waiting time more than 2 hours.


น้ำตาจะไหล โง่เองจะไปโทษใครได้ ยืนจนขาแข็งตัดกำลังการเดินไปทั้งวัน ข้าวก็ยังไม่ได้กิน หมดแรงจะเดินต่อจริงๆ เอา 2 ชั่วโมงที่สุดแสนจะมีค่าของเราคืนมาาาาาาาา




Create Date : 27 สิงหาคม 2560
Last Update : 27 สิงหาคม 2560 1:04:54 น.
Counter : 1594 Pageviews.

1 comments
  
ตามมาเที่ยวค่ะ คนมหาศาล
โดย: Kisshoneyz วันที่: 27 สิงหาคม 2560 เวลา:16:56:36 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หมีน้อยพุงพลุ้ย
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]