ประเดิมเอนทรี่แรกด้วยการไปดูคอนเสิร์ต Super Show 5 ที่เกาหลีเลย 55555

จริงๆก็กลับมาได้สองอาทิตย์แล้ว แต่ว่ายังไม่มีเวลาว่างกระดิกตัวทำอะไรสักอย่าง แค่เคลียร์งานแต่ละวันก็หมดเวลาละ

การไปเกาหลีทริปนี้เป็นครั้งที่ 3 สำหรับนุ้ยแต่ว่าเป็นครั้งแรกที่บินคนเดียว ฉายเดี่ยวแบบไม่แคร์สื่อ แถมยังเป็นการไปดูคอนเสิร์ตอีก ความจริงแล้วตอนที่ SM ประกาศตารางคอนเสิร์ต Super Show 5 นุ้ยก็ดิ้นไปแล้วรอบนึง คืออยากไปมาก แต่ชวนใครก็ไม่ว่างเลยสักคน ลองโทรเช็คตั๋วเครื่องบินก็หาแบบที่ราคาเป็นมิตรยากมาก เพราะกำลังจะเข้าช่วง Hi Season ช่วงปลายมีนาถึงต้นเมษา เนื่องจากที่เกาหลีจะเข้าฤดูใบไม้ผลิ ไหนจะวันลาพักร้อนอีกซึ่งเรื่องวันลานี่แหละที่ปวดหัวที่สุดต้องนั่งเปิดปฏิทินจัดตารางงานเลยทีเดียว แต่สุดท้ายนุ้ยเคลียร์ตารางงานได้และยื่นวันลาไป 5 วันพร้อมกับได้ตั๋วเครื่องบินราคาสะเทือนใจมานอนกอดไว้เรียบร้อยก่อนวันเปิดจองบัตรคอนเสิร์ตอย่างเป็นทางการ 1 วัน เบาใจไปได้ 1 เรื่อง แต่ก็กลับมากลุ้มต่อเพราะเรื่องตั๋วคอนเสิร์ต

นุ้ยเองก็เคยได้ยินกิตติศัพท์เรื่องความยากในการจองบัตรคอนเสิร์ตที่เกาหลีมาบ้างแล้ว ประเทศไทยนี่จิ๊บๆเลยค่ะ คอนเสิร์ตที่เกาหลีเวลาจองตั๋วนี่คือบัตรหมดไม่ถึงห้านาที ได้ยินแล้วก็ลมแทบจับ

พูดถึงการจองบัตรคอนเสิร์ตก่อน คือนุ้ยก็ไม่รู้ว่าระบบการจองของศิลปินวงอื่นเป็นเหมือนกันรึเปล่าแต่ของ Super Junior จะมีการเปิดพรีเซลล่วงหน้าวันเปิดขายจริง 2 วัน ซึ่งคนที่มีสิทธิ์ซื้อรอบพรีเซลนี้ได้ต้องเป็นเอลฟ์อย่างเป็นทางการ (Official Fanclub) ขึ้นตรงกับ SM ต้นสังกัดของศิลปิน และมีบัตรพร้อมรหัสประจำตัว ไม่ใช่จะมาโมเมไก่กานะค๊า~~~ และการจองบัตรในรอบพรีเซลก็จองได้เพียงครั้งละ 2 ใบเท่านั้น โดยรอบพรีเซลเปิดขายวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ตั้งแต่เวลา 2 ทุ่มเป็นต้นไปตามเวลาเกาหลี (ประเทศไทยก็ 6 โมงเย็น) แน่นอนค่ะว่านุ้ยไม่ได้เป็น Official Fanclub ดังนั้นก็ต้องรอจองบัตรวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันที่เปิดขายบัตรอย่างเป็นทางการ ใจนึงก็คิดว่าถ้าหากกดจองบัรไม่ทันหรือยังไงก็คงไปเสี่ยงรอซื้อบัตรที่ Happy Box หน้าคอนเสิร์ต ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเหลือบัตรมากน้อยแค่ไหน บางคนต้องไปรอแต่เช้ามืดก็มี และแล้วนุ้ยก็นึกขึ้นได้ว่าน้องที่รู้จักเคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่เกาหลี และโฮสต์ที่น้องเขาไปอยู่ด้วยก็เป็นดงเฮแฟนเหมือนกัน ก็เลยฝากน้องเขาถามออนนี่ว่าปกติแล้วบัตรคอนเสิร์ต SJ เหลือมาขายที่ Happy Box เยอะมั้ย ถ้าเหลือเยอะนุ้ยจะได้เบาใจ อย่างน้อยๆไปรอต่อแถวแต่เช้าก็คงจะมีโอกาสได้บัตรบ้าง ซึ่งน้องเขาก็ตอบมาว่า 'พี่นุ้ยคะ ออนนี่ถามว่าซีเรียสเรื่องโซนหรือบัตรนั่งบัตรยืนมั้ย ตอนนี้ออนนี่มีบัตรยืนโซน A อยู่ ถ้าพี่นุ้ยโอเค...' ซึ่งนุ้ยก็ตอบกลับไปอย่างไม่คิดเลยค่ะว่า ณ จุดนี้ขอให้มีบัตรเป็นพอค่ะ แต่ออนนี่ก็เป็นห่วงเรื่องการรับบัตร เนื่องจากปกติแล้วที่เกาหลีจะมีระบบการจัดส่งบัตร 2 แบบคือส่งบัตรมาให้ที่บ้านทางไปรษณีย์ กับพริ้นใบจองไปรับบัตรจริงหน้าคอนเสิร์ต ซึ่งแบบแรกก็ตัดทิ้งไปได้เลยค่ะ เพราะเขาไม่มีส่งข้ามประเทศ เหลือตัวเลือกอยู่อย่างเดียวคือรับบัตรหน้าคอนเสิร์ต ซึ่งออนนี่ก็เกรงว่าคนจะเยอะแล้วหากันไม่เจอ ระหว่างนั้นนุ้ยก็นั่งหาวิธีโอนเงินค่าบัตรไปให้ออนนี่ แต่ออนนี่ก็บอกว่าค่อยเอามาให้วันรับบัตรก็ได้

หลังจากได้ตั๋วเครื่องบินกับบัตรคอนเสิร์ตมานอนกอดได้อย่างสบายใจแล้ว นุ้ยก็ลืมคิดถึงเรื่องที่พักไปสนิทเลย พออีเมลไปถามตามเกสต์เฮ้าส์ต่างๆก็เต็มหมดเกือบทุกที่จนทำใจว่าต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกคืนละหลายพันนอนโรงแรมแล้ว แต่พอลองบุ๊กกิ้งห้องเดี่ยวไปที่ Korea Guesthouse ไม่นานก็ได้รับเมลตอบกลับมาว่าว่าจ้า~~ แต่ว่า!! ห้องเดี่ยวที่นุ้ยจองไปว่างเพียงแค่ 3 คืนเท่านั้น ส่วนอีก 1 คืนที่เหลือต้องนอนห้อง 2 beds dormitory  จริงๆที่ Korea Guesthouse นุ้ยเคยไปพักมาแล้วครั้งนึงตอนที่ไปเกาหลีครั้งแรกเมื่อ 4 ปีก่อน แต่ติดตรงที่ป้าย Airport Bus กับสถานีรถไฟใต้ดินอยู่ไกลจากเกสต์เฮ้าส์ (ถ้าเทียบกับที่อื่นๆ) แถมระหว่างทางต้องข้ามถนนที่พื้นตกแต่งตัวหินไม่เรียบ เคยทำกระเป๋าเดินทางนุ้ยล้อหลุดหายไปแล้วอีกต่างหาก แต่พอกลับไปดูแผนที่อีกที คุณพระ!! ตอนนี้มีป้าย Airport Bus เพิ่มขึ้นไม่ไกลจากซอยหน้าเกสต์เฮ้าส์แล้วค่ะ แต่สถานีรถไฟใต้ดินยังไกลอยู่เหมือนเดิม เอาเถอะ ยังไงก็ถือว่าประหยัดเงินไปช็อปปิ้งได้หลายตังค์อยู่

และแล้วนุ้ยก็จัดการทุกอย่างเสร็จภายในเวลา 2 วัน หลังจากนี้ก็นั่งสวยๆรอวันบินอย่างเดียว

ปล.ระหว่างนั้นนุ้ยก็เดินหาซื้อหนังสือเพื่อเก็บข้อมูลที่เที่ยวไปพลางๆ จริงๆได้หนังสือมาหลายเล่มเลยค่ะ แต่ที่ครบเครื่องที่สุดคือเล่มนี้แหละ