มีนาคม 2557

 
 
 
 
 
 
2
3
4
6
7
8
9
11
12
13
15
16
17
18
19
20
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
Hello HongKong ตอนที่ 4 : Happy Rainy Day
Happy Rainy Day  


เริ่มต้นเช้าวันที่ 3 ในฮ่องกงด้วยฝน.... ค่ะ ฝนตกค่ะ.... ตกหนักด้วยค่ะ.... ไม่ได้เอาร่มมาเลยค่ะ.... แล้วไงคะ นอนแผ่อยู่ในโรงแรมต่อไป กว่าจะได้ออกไปข้างนอกก็เกือบ 11 โมง แต่ฝนก็ยังตกปรอยๆอยู่




ตอนแรกตั้งใจว่าจะไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมที่หาดรีพลัสเบย์ แต่ก็กลัวว่าพอไปถึงนั่นแล้วฝนจะหนัก เลยออกไปหาอะไรกินก่อน กางหนังสือท่องเที่ยวฮ่องกงที่หอบมา 3 เล่มถ้วน ก็ได้พิกัดร้านใกล้ๆ นั่นคือ Mido Cafe เป็นร้านแบย้อนยุคสมัย 50 แต่อุปสรรคคือ นุ้ยหลงทาง เดินวนหลายรอบ ตอนแรกฝนก็ซาแล้ว เดินไปเดินมาตกแรงขึ้นอีก เอ๊า!! ฝนฮ่องกงไว้ใจไม่ได้เลย สุดท้ายก็เจอจนได้ ร้านค่อนข้างเก่า แต่ไม่โทรม ส่วนใหญ่จะเน้นอาหารเช้าแบบคอฟฟี่ช็อป ซึ่งในหนังสือที่พกมาแนะนำอาหารไว้หลายอย่าง หลายความเห็นบอกว่าอร่อยมาก ด้วยความซื่อ(?) ก็เหมารวมว่าสั่งได้เลย อร่อยทุกอย่าง....




พอก้าวเท้าเข้าร้าน อาแปะที่นั่งข้างล่างก็ชี้มือให้ขึ้นไปนั่งชั้น 2  ซึ่งส่วนใหญ่คนก็จะมานั่งกันที่ชั้น 2 นี่แหละ โดยเฉพาะโต๊ะริมหน้าต่าง ก็จะเห็นวิววัดหินที่อยู่ฝั่งตรงข้าม 




เมนูมีทั้งภาษาจีนและภาษาอังกฤษ อยู่บนโต๊ะแบบถาวร แต่ต้องตะแคงดูจนเมื่อยคอ 





ทันทีที่นุ้ยเห็นคำว่า Crabmeat Omelette ก็จิ้มเลยค่ะ ในใจก็วาดภาพว่าจะได้กินออมเล็ตเนื้อปูตูมๆ เหมือนร้าน O-mu ส่วนเครื่องดื่มก็จิ้มโอวัลตินร้อน เพราะอากาศข้างนอกหนาว ฝนก็ตก เท่าที่สังเกตดูแล้วร้านนี้ก็มีลูกค้าเข้ามาเรื่อยๆ ส่วนใหญ่จะเป็นคนต่างชาติทั้งสิ้น คิดว่าน่าจะเป็นร้านที่แนะนำในหนังสือท่องเที่ยวฮ่องกงแต่ละประเทศเป็นแน่แท้ 




นั่งรอสักพักให้ท้องร้องอาหารที่สั่งไปก็มาเสิร์ฟ แต่คือสิ่งที่ออกมามันพลิกผันชีวิตมาก คือออมเล็ตแบบไข่เจียวอ่ะค่ะ ไข่เจียวข้างในไม่สุก ใส่เศษเนื้อปู ตักเข้าปากแล้วจะรู้สึกถึงมวลมหาน้ำมันที่ใช้ทอดไข่ทะลักอยู่ในปาก น้ำตาแทบร่วง ส่วนโอวัลตินร้อนที่สั่งก็ไม่ได้ต่างกัน เหมือนตักผงโอวัลตินหนึ่งช้อนชาแล้วละลายกับน้ำ 1 ขวด…. มันจืดมากกกกกกก มากถึงมากที่สุด คือถ้ากระกดลงคอแบบไม่ได้มองสีของน้ำก็ไม่รู้เลยว่ามันคือโอวัลติน ความรู้สึกเหมือนเวลากินโอวัลตินหมดแก้วแล้วเอาน้ำเปล่าเทเพื่อล้างแก้วอ่ะ จริงๆนะ ณ จุดนั้นอยากจะวิ่งเข้าเซเว่นคว้านมข้นมาเทรัวๆ ราคาก็ไม่ได้ถูกเลย ออมเล็ตปู จานละ 55 HKD โอวัลติน แก้วละ 15 HKD ทั้งหมด 70 HKD คิดเป็นเงินไทย เกือบ 300 บาท คุณพระ!!!! 




แต่ข้อดีของร้านนี้คือไม่ว่าจะสั่งอะไรเขาก็จะเสิร์ฟขนมปังปิ้งทาเนยให้ 1 แผ่น ซึ่งนั่นแหละ อร่อยที่สุดในมื้อนี้ละ สุดท้ายก็เพิ่งมารู้ว่าใครๆก็แนะนำให้สั่งข้าวผัด หรือไม่ก็หมี่กรอบราดหน้า.................. 


ร้าน Mido Cafe นี่ว่าวินเทจละนะ แต่ฝรั่งโต๊ะตรงข้ามพอสั่งอาหารเสร็จก็ยกกล้องฟิล์มขึ้นมาถ่ายจ้า ให้เดาเขาน่าจะต้องมีห้องล้างฟิล์มอยู่ที่บ้านแน่ๆ!!




เสร็จสิ้นภารกิจอาหารเช้าก็ตั้งใจกลับมาที่โรงแรมเพื่อตั้งต้นใหม่ เพราะว่าตอนออกมาหยิบแค่กระเป๋าตังค์กับมือถือ อีตอนขากลับโรงแรมนี่ชีวิตบัดซบซ้ำซ้อนอีก เพราะฝนตกลงมาอีกรอบ ซึ่งรอบนี้เม็ดใหญ่ด้วย ยอมรับเลยว่านุ้ยมีปัญหาเรื่องทิศทาง เดินออกจากร้านก็จำไม่ได้ว่าตอนเดินมาเลี้ยวมาจากทางไหน ทางก็หลง ฝนก็ตก ไม่มีอะไรจะแย่ไปกว่านี้อีกละ โชคดีที่กูเกิ้ลแมพช่วยชีวิต สุดท้ายก็งมทางกลับโรงแรมจนได้แม้ว่าจะต้องเดินวนเป็นสี่เหลี่ยมก็ตาม


ระหว่างทางกลับเพิ่งเห็นว่าตรงหัวมุมถนนที่จะเลี้ยวเข้าโรงแรมเป็นแผงขายผลไม้ สตรอเบอรี่กล่องละ 13 HKD แต่ถ้าซื้อ 2 กล่องเหลือกล่องละ 10 HKD นุ้ยเลยสอยมาเชยชม 1 กล่อง นอกนั้นก็มีขายแอปเปิ้ล สาลี่ บลูเบอรี่ กล้วยหอมอะไรก็ว่าไป แต่เทียบกับไทยแล้วก็แพงกว่าเห็นๆ มีแค่สตรอเบอรี่นี่แหละ ที่ดูเหมือนจะถูกกว่า เพราะราคา 42 บาท ได้หลายลูก และลูกก็ใหญ่ด้วย ส่วนกล้วยหอม 3 ลูก 15 HKD คิดเป็นเงินไทยประมาณ 65 บาท ราคานี้ที่ไทยซื้อได้ทั้งหวีอ่ะ เหลือตังค์ด้วย




กลับเข้าโรงแรมก็มานั่งคิดว่าจะไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมที่หาดรีพลัสเบย์ตามแพลนที่วางไว้ดีมั้ย แต่เนื่องจากอากาศมันตุ่นๆ ดูแล้วฝนอาจจะตกอีก เลยตัดสินใจนั่งรถไฟใต้ดินไปช็อปปิ้งดีกว่า จะได้เดินหาซื้อเสื้อโค้ทสักที


นุ้ยเคยผ่านอากาศติดลบที่เกาหลีมาแล้ว คิดว่าที่ฮ่องกงจะชิลๆ แต่ที่ไหนได้ ความรู้สึกมันหนาวกว่าตอนไปเกาหลีเยอะ ทั้งๆที่อุณหภูมิแค่เลขตัวเดียว ยังไม่ถึงขั้นติดลบ แต่หนาวจนไส้หด ไม่ค่อยอยากอาหารเลยสักนิด นั่งเซิร์ทแผนที่ไป Forever 21 ก็เห็นว่าตั้งอยู่ที่สถานี Causeway Bay ฝั่งฮ่องกง โอเคเลย เดินขึ้นมาจากรถไฟใต้ดินก็ถึง โอ๊ยยยย แบบนี้สบายมาก ขึ้นมาปุ๊บถึงปั๊บ เงินวิ่งออกจากกระเป๋าทันที




ตอนที่นุ้ยไปส่วนใหญ่ยังมีของที่ลดราคาอยู่ ซึ่งก็ถือว่าเข้าทาง ราคาถูกจนไม่กล้ากลับมาซื้อที่ไทยอย่างรองเท้าหนังคู่นึงที่นุ้ยอยากได้ ตอนไปดูที่ Central World ราคา 2090 บาท แต่ที่ฮ่องกงคู่ละประมาณ 700 บาท… ถูกกว่าเกือบ 3 เท่าแหน่ะ เสียดายที่ไม่มีสีดำ ไม่งั้นก็จะสอยกลับมาเหมือนกัน




หลังจากเดินกระเป๋าเบาออกมาเลยเดินเล่นแถวนั้นต่อ เท่าที่สังเกตดูคนฝั่งฮ่องกงจะแต่งตัวเนี้ยบกว่าคนฝั่งเกาลูน อาจจะเป็นเพราะแถว Causeway Bay เป็นย่านธุรกิจด้วย ดูๆแล้วก็เพลินตาดีเหมือนกัน 



เดินไปเดินมาก็สะดุดกับ Bossini หลายคนแนะนำมาว่าที่ฮ่องกงถูกมาก และเนื่องจากกำลังจะหมดฤดูหนาว นุ้ยก็เลยได้เสื้อขนเป็ดลดราคาติดไม้ติดมือออกมา 1 ตัว จากราคา 899 HKD เหลือ 299 HKD ราคาแบบนี้ไม่ซื้อไม่ได้แล้ว!! คิดเป็นเงินไทยแล้วแบบถูกมากกกกกก จาก 3,800 บาท เหลือ 1200 บาท นี่ยังไม่รวมกับเสื้อโค้ทที่ Uniqlo นะ จาก 499 HKD เหลือ 299 HKD เดินเข้าร้านนั้นร้านนี้ขาแทบจะไม่ติดพื้น




ตอนแรกก็กะว่าจะไม่ซื้ออะไรเยอะแยะ เลยแลกเงินมาแค่สองหมื่นบาท แต่สุดท้ายแล้วบัตรเครดิตช่วยเราได้ รูดปื้ด รูดปื้ด ช็อปปิ้งเพลินสบายใจ แต่ไม่สบายกระเป๋าตังค์ ดีที่เรทเงินฮ่องกงจากธนาคารไม่โหดเท่าเงินวอนของเกาหลี ไม่งั้นก็มีน้ำตาเล็ดอ่ะ






และแล้วก็ได้เวลากลับไปเก็บของที่โรงแรม เพราะของที่ซื้อก็หลายถุงเกินไป หอบพะรุงพะรังเป็นอีบ้าอยู่คนเดียว 


ตอนกำลังจะกลับโรงแรมไปเก็บของก็มีเรื่องงุ้งงิ้งค่ะ ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาเลิกงานพอดี คนในรถไฟใต้ดินก็ปลากระป๋องดีๆนี่เอง ตอนที่นุ้ยเดินลงบันไดไป รถไฟมาพอดี ทุกคนพยายามยัดตัวเองเข้าไปอยู่ในโบกี้ ทำให้ตัวเองตัวเล็กที่สุด แต่ยกเว้นตาลุงสามคนที่วิ่งผ่านนุ้ยไป คือนางเข้าไปได้แค่สองคน อีกคนนึงก็โวยวายโช้งเช้งกันใหญ่ สองคนที่เข้าไปในโบกี้แล้วก็เลยต้องออกมา ประตูรถไฟก็ปิด ตรงหน้านุ้ยมีหนุ่มคนนึงพยายามฮึ๊บตอนประตูรถไฟปิด นุ้ยเห็นหน้าเขาก็เลยยิ้มขำๆ ปรากฏว่านางก็ย้ิมตอบ แต่อยู่ดีๆประตูรถไฟก็เปิดอีกรอบ นางก็ทำหน้าชักชวนให้เข้าไปในโบกี้เพราะมีที่ว่างตรงที่ลุงสองคนออกมา แต่นุ้ยไม่ได้เข้าไป ประตูรถไฟปิดรอบสอง คราวนี้นางก็ยิ้มแล้วยกมือขึ้นมาบ๊ายบาย แหม….. รู้งี้โดดขึ้นไปก็ดีหรอก ถ้าจะอ่อยกันขนาดนี้ คือเขาจะอัธยาศัยดีหรืออะไรไม่รู้อ่ะ นุ้ยเหมาหมด กรั่กๆๆๆๆๆๆ



หลังจากกลับมาวางของที่หอบเป็นอีบ้ามาตลอดทางที่โรงแรมเรียบร้อย พร้อมเปลี่ยนเสื้อผ้า จริงๆก็ไม่ได้เห่อของที่ซื้อมาเท่าไหร่หรอกนะ แต่คือโค้ทไหมพรมมันเอาไม่อยู่แล้วจริงๆ เดินน้ำมูกไหลมาตลอดทาง ก็เลยก็จัดการงัดเสื้อโค้ทขนเป็ดที่ซื้อมารับช่วงต่อจากโค้ทไหมพรม ในใจก็ปลอบตัวเองว่าต่อไปนี้ไปต่างประเทศจะไปแต่หน้าหนาวเท่านั้น ขนเสื้อโค้ทกลับมาขนาดนี้ต้องใช้ให้คุ้ม!!!




ลำดับถัดไปคือการไปแก้แค้นที่ร้าน Yoshinoya เพราะเมื่อวานดันสั่งข้าวไก่ซอสข้าวโพดกับชีสซึ่งเลี่ยนมาก กินแทบจะไม่ได้ แต่พอมองโต๊ะข้างๆ เขาสั่งหม้อไฟชาบูกัน!! วันนี้นุ้ยเลยจะกลับไปแก้แค้น แต่พอกลับไปก็พบว่า......ไม่มีหม้อไฟ...... เหมือนมันเป็นเซ็ตที่ขายเป็นเวลา สุดท้ายก็เลยได้แต่สั่งอุด้งไก่มากินแทน นุ้ยแก้แค้นไม่สำเร็จ แต่วันพระไม่ได้มีหนเดียว จบนะ






To be continued...




Create Date : 01 มีนาคม 2557
Last Update : 1 มีนาคม 2557 23:36:54 น.
Counter : 931 Pageviews.

1 comments
  
ตามไปเที่ยวค่ะ
โดย: VioLentBlackMay วันที่: 2 มีนาคม 2557 เวลา:17:30:39 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หมีน้อยพุงพลุ้ย
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]