Don't Worry, Be Happy

<<
เมษายน 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
22 เมษายน 2552
 

Title: กาลเวลาที่สูญหาย ความเดียวดายที่เงียบงัน





ผมค่อยๆ แกะจดหมายสีชมพูออก...

ไม่ต้องบอกก็รู้ได้ว่าซองจดหมายที่ถูกส่งมาจนถึงมือของผม ณ ขณะนี้นั้น เป็นการ์ดแต่งงาน ผมนึกในใจว่าคราวนี้เป็นทีของเพื่อนผมคนไหนอีกล่ะ ซึ่งผมจะไม่แปลกใจเลยเพราะในช่วงอายุของผมนั้นเหมาะสมกับการสร้างเนื้อสร้างตัว และเริ่มมีครอบครัวใช้ชีวิตคู่อย่างที่สุด หากแต่ผมแปลกใจ เมื่อภายในซองจดหมายนั้นเป็นการ์ดแต่งงานที่มีชื่อของเธอ...คนนั้นอยู่

และนี่เป็นครั้งที่สาม ที่ผมได้รับเชิญไปงานแต่งงานของเธอ


Title: กาลเวลาที่สูญหาย ความเดียวดายที่เงียบงัน


“รู้หรือยังว่ายัยอรแต่งงานใหม่อีกแล้ว” เสียงปลายสายเจื้อยแจ้วมา ด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนแปลกใจ ไม่ต่างกับที่ผมกำลังเกิดความระคนสงสัยในตอนนี้เท่าไรนัก
“รู้แล้ว...เพิ่งได้รับการ์ดวันนี้เหมือนกัน” ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“แกไม่ตกใจ?” ปลายสายถามกลับ
“อืม...จะว่าตกใจก็ตกใจอยู่ แต่ทำไงได้ นี่มันครั้งที่สามของเธอแล้วนี่หว่า”
“นั่นล่ะ สมควรที่จะตกใจ ไอ้ครั้งแรกที่ยัยอรมันแต่งงานแบบสายฟ้าแล่บก็ตกใจพออยู่แล้ว พอมาแต่งงานครั้งที่สองก็ยังพอรับได้ เพราะสามีมันตาย แต่ครั้งนี้...”
“ทำไมเหรอ?” ผมถามหลังจากเสียงปลายสายเว้นคำพูดไว้เหมือนกำลังจะตัดสินใจว่าจะบอกผมดี หรือไม่บอกดี
“ไม่รู้สิ เห็นเค้าบอกกันว่า แฟนใหม่ยัยอรนอกจากงานการไม่ทำแล้ว ยังใช้ยัยอรอย่างกับเป็นขี้ข้า คิดดูขนาดยัยอรกลับมาจากทำงานเหนื่อยๆ ยังใช้ให้ยัยอรทำกับข้าว ซักผ้า ถูบ้าน ขนาดของที่อยู่บนชั้นสองมันยังขี้เกียจเดินขึ้นไปหยิบ ยังใช้ให้ยัยอรเดินขึ้นไปเอาให้เลย แถมเมาเหล้าหยำเปทั้งวัน ไม่รู้ว่ามันทิ้งคนเก่าที่แสนดี ที่ทั้งมีตำแหน่งหน้าที่การงานสูงในสังคม แถมยังรวยล้นฟ้าไปได้ยังไง” เสียงปลายสายร่ายยาวมาเป็นชุด
“เรื่องอย่างนี้ก็พูดยากว่ะแก...” ผมบอก
“นั่นสินะ ก็ดีแล้วล่ะ ที่แกถอนตัวจาก...”
“ว่าแต่แกมีเบอร์เธอไหม ฉันขอหน่อยสิ” ผมชิงพูดก่อนที่ปลายสายจะพูดพล่ามมากไปกว่านี้ ขณะที่ในใจคิดถึงเธอคนนั้นขึ้นมาทันที...



ผมนัดเจอกับเธอที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง
ขณะที่ขาของผมกำลังจะพาตัวผมเข้าไปในสวนสาธารณะนั้น ในใจผมเกิดลังเลขึ้นมา

ใจหนึ่ง...ผมอยากจะเจอใจจะขาด
ขณะที่อีกใจหนึ่ง...ผมกลับอยากวิ่งหนีจากที่ตรงนั้นไปให้รู้แล้วรู้รอด

จนผมมารู้ตัวอีกทีก็เมื่อเท้าทั้งสองข้างของผมหยุดนิ่งสงบลง ภาพเบื้องหน้าเป็นสระน้ำในสวน ที่มีผู้คน รวมถึงคู่รักมากมายกำลังพายเรือเล่นอยากสนุกสนาน เธอคนนั้นนั่งอยู่อย่างเงียบงันบนม้านั่งยาวสีน้ำตาลอ่อนภายใต้ต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาออกมาให้ความร่มรื่น ผมสืบเท้าเข้าไปใกล้เธอเรื่อยๆ

ผมคิดในใจ…

กี่ปีแล้วนะที่ผมไม่ได้พบเจอเธอ
กี่ปีแล้ว...ที่ผมไม่ได้พูดคุยกับเธอ
กี่ปีแล้ว...ที่ผมไม่เคยได้รับรู้ข่าวคราวความเป็นไปของเธอ
และกี่ปีแล้ว...ที่ผมมีโอกาสอยู่กับเธอสองต่อสองในสวนสาธารณะแห่งนี้
ภายใต้ร่มไม้แห่งนี้ และ...รวมถึงเก้าอี้ตัวนี้ด้วย

“เอ่อ...สวัสดีอร” ผมกล่าวทักทายหญิงสาวที่นั่งอยู่เบื้องหน้าผม

หญิงสาวคนนั้นหันหน้ามาหาผมอย่างช้าๆ ใบหน้าของเธอยังแลดูอ่อนเยาว์แม้ว่ามันจะถูกบดบังด้วยแว่นตากันแดดที่เธอสวมใส่อยู่ก็ตาม

“ไม่เจอกันนานเลยนะคะ...ริน”

เธอยิ้มทักทายผม พร้อมกับขยับตัวให้เกิดพื้นที่ว่างข้างเธอ ผมยิ้มให้เธออีกครั้งก่อนจะทรุดตัวนั่งลงตรงที่ว่างนั้น ผมมองใบหน้าเธอด้วยระยะเพียงฝ่ามือขั้น เธอยังสวยเหมือนเดิม สังเกตุได้จากใบหน้าที่ขาวเกลี้ยงเกลา ไร้ริ้วรอยใดๆ ด้วยอายุขนาดนี้แล้ว เชื่อว่าเธอคงไม่ได้ทิ้งขว้างร่างกายของเธอเป็นแน่ เธอดูแลรักษาร่างกายเธอมาเป็นอย่างดีตลอด 30 ปีที่ผ่านมา

“อรดูไม่เปลี่ยนไปเลยนะ” ผมบอกเธอด้วยความรู้สึกนั้นจริงๆ เธอไมได้เปลี่ยนไปเลย
เธอยิ้ม ก่อนบอกผมว่า “ขอบคุณนะ แต่ดูรินสิ...เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกันนะ”
“นั่นสิ” ผมยิ้มแหย พร้อมกับคลำหน้าท้องส่วนเกินของผมไปด้วย

“อรจะแต่งงานใหม่” ผมถามเธอ
“ใช่...ก็ตามที่การ์ดเชิญงานแต่งงานที่ส่งไปให้นั่นแหล่ะ”

“ทำไมก่อนหน้านี้ไม่ติดต่อมาบ้างเลย เบอร์โทรศัพท์ก็เปลี่ยน”
“อืม...หลายๆ อย่างน่ะ เหตุผลส่วนตัวด้วยมั้ง” เธอพูด ขณะเดียวกันเธอก็โน้มตัวไปข้างหน้าใช้หน้าขาเป็นรากฐานในการชันศอกขึ้น เท้าคาง สายตาจ้องมองออกไปเบื้องหน้า เพื่อมองดูกระแสน้ำที่ไหลเอื่อย

เธอยังเป็นหญิงสาวที่มากด้วยความลับและเข้าใจยากเช่นเดิม ผมรู้ดีว่าเธอไม่ชอบให้ใครมาตั้งคำถามกับเธอ กลับกันหากเธอพร้อมจะเล่า หรือระบายอะไรใดๆ ให้ใครคนอื่นฟัง เธอจะเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อนเอง โดยไม่ต้องรอให้ใครถามซักคำ

เราสองคนยังนั่งเงียบอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน ไม่มีคำพูดใดๆ เล็ดลอดออกมาจากปากของเราทั้งสองคน กระแสน้ำยังคงไหลเอื่อยอย่างไม่มีทีท่าว่าจะไหลเร็วขึ้น คู่รักมากมายยังคงพายเรือเล่นกันอย่างสนุกสนาน กลับกันแสงแดดกลับอ่อนแรงลง พร้อมเตรียมตัวที่จะลาลับขอบฟ้าไป



เราทั้งสองยังคงนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น

สายลมพัดอ่อนๆ ทำให้ผมสลวยยาวของเธอปลิวไสวอย่างนุ่มนวล
เธอยังคงนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นคล้ายกับว่าสายลมไม่อาจแตะต้องตัวเธอได้




“พายเรือเล่นกันไหม?” ผมเอ่ยถามเป็นเชิงขอความเห็นกับเธอ ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมถามเธอออกมาเช่นนั้น อาจจะเป็นเพราะผมต้องการทำลายความเงียบ อาจเป็นเพราะผมต้องการละลายความอึดอัดที่ครอบคลุมอยู่นั้นให้หายไป หรืออาจจะเป็นเพราะผมต้องการที่จะพายเรือเล่นกับเธอจริงๆ ผมไม่รู้...นั่นคือคำตอบของผม

แต่คำตอบของเธอผมรับรู้ได้ เมื่อเธอลุกขึ้นยืน และบอกว่า “ไปสิ”


เราสองคนช่วยกันพายเรือเลาะริมฝั่งขึ้นมาเรื่อยๆ จนเรือแล่นเข้ามาอยู่ใต้สะพาน เราทั้งสองก็หยุดพาย ปล่อยให้เรือลอยตามกระแสน้ำไหลเอื่อยไปเรื่อยๆ อย่างนั้น

“ฉันรักเขา” จู่ๆ เธอก็พูดออกมา อย่างที่บอกผมไม่สามารถคาดเดาอารมณ์จากอากัปกิริยาของเธอได้เลยแม้แต่น้อย ผมจ้องใบหน้าเรียวของเธอ พร้อมกับพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ

“ใครต่อใครต่างบอกว่าเขาไม่คู่ควรกับฉัน ทั้งสถานะทางสังคม หน้าตา หรือแม้กระทั่งหน้าที่การงาน
ทุกคนต่างตัดสินใจแทนฉันทั้งหมดว่า เขาไม่ดีพอ...”

ผมยังคงนั่งนิ่งไม่ปริปากพูดอะไรออกมา ผมรู้ดีว่าเธอต้องการจะระบายต่อ

“รินรู้ไหม...ชีวิตการแต่งงานของฉันไม่เคยมีความสุขเลย ทุกอย่างล้วนถูกฉาบไว้เบื้องหน้าทั้งสิ้น”
“ทั้งๆ ที่สามี...เอ่อ อดีตสามีของอรพร้อมให้ทุกสิ่งทุกอย่างแก่อรเนี่ยนะ”
“เขาให้ทุกสิ่งทุกอย่างได้...แต่เขาให้ความรักไม่ได้” เธอพูดน้ำเสียงจริงจัง
“ผมเข้าใจ” ผมพูดพร้อมกับจุดบุหรี่ขึ้นสูบ

“รินเปลี่ยนไปจริงๆ ด้วย เมื่อก่อนรินไม่สูบบุหรี่”
“ทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลง” ผมตอบเธอไปสั้นๆ “เอาหน่อยไหม” ผมพูดพร้อมกับยื่นบุหรี่ให้เธอ

เธอหยิบบุหรี่ออกจากซอง และยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ เพื่อต่อไฟจากบุหรี่ที่ผมคาบไว้อยู่ ใบหน้าเธอแนบชิดเข้าใกล้ผม เพียงแค่ระยะห่างของผมหายใจ ผมรีบดึงหน้าหนีห่างออกจากเธอ เมื่อเห็นว่าเธอจุดบุหรี่ติดแล้ว

“มีตรงนี้แหล่ะ ที่รินไม่เปลี่ยนไปซักที” เธอพูดพร้อมกับหัวเราะกิ๊ก
“ผมกำลังจะเปลี่ยนแปลงมันอยู่...ว่าแต่เมื่อก่อนอรก็ไม่สูบบุหรี่นี่”
“อย่างที่รินว่านั่นแหล่ะ ทุกสิ่งล้วนเปลี่ยนแปลง”


เราสองคนยังนั่งอยู่บนเรือที่ถูกนำพาด้วยกระแสน้ำไหลเอื่อย
บทสนทนาของเราจบลงอย่างรวดเร็ว และไม่มีทีท่าว่าจะเริ่มขึ้นอีก

จนพระอาทิตย์ลาลับของฟ้า เราทั้งสองจึงประคองเรือกลับเข้าฝั่ง




ผมเดินเคียงคู่เธอออกมาจากสวนสาธารณะเพื่อไปส่งเธอที่รถ สองข้างทางอุดมไปด้วยต้นไม่ใหญ่หลายต้นที่ถูกปลูกเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย แสงไฟนีออนที่ส่องทางเดินดับบ้างติดบ้าง แต่เราก็ยังอาศัยแสงไฟริมทางเดินนั้นนำทางต่อไป

ระยะทางจากจุดที่เราพบกันนั้น ห่างกับที่จอดรถพอสมควร แต่ผมรู้สึกว่าเวลากลับเดินเร็วมากเพียงครู่เดียว เราทั้งสองคนก็ยืนอยู่ข้างหน้ารถของเธอที่จอดไว้

ระยะทางอันห่างไกล กับกาลเวลาที่แสนสั้น มันเหมือนกับสภาพของผมตอนนี้อย่างไรไม่รู้ ผมไม่เจอเธอมาเป็นเวลานานหลายปี แต่เมื่อได้เจอกับเธอแล้ว ผมกลับมีโอกาสอยู่กับเธอเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง


ผมไม่สามาถทำอะไรต่อไปจากนี้ได้ นอกจากส่งเธอขึ้นรถ และปิดประตูให้เธอ

เธอเปิดกระจกลงมา ยิ้มให้กับผม “แน่ใจนะว่าไม่ให้ไปส่ง” เธอพูดเสียงแจ้ว
“ไม่เป็นไร อรขับรถดีๆ แล้วกัน แล้วเจอกันในงานแต่งงาน”
“อืม...แล้วเจอกันในงานแต่งงาน” เธอยิ้มให้ผมเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่พาตัวของเธอเองออกไป จากชีวิตผมอีกครั้ง


ผมปล่อยให้ความเดียวดายกัดกินช่วงชีวิตของผมมาอย่างยาวนาน เพื่อมาเจอเธออีกครั้ง และผมคิดว่า งานแต่งงานของเธอที่จะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้นั้น จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้พบเธอเสียที...


ผมหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น...




ถ้ายังรัก - Crescendo




Create Date : 22 เมษายน 2552
Last Update : 22 เมษายน 2552 23:27:14 น. 6 comments
Counter : 2645 Pageviews.  
 
 
 
 
มาทักทายให้กำลังใจกันไว้ก่อนค่ะ
เดี๋ยวแวบมาอีกครั้ง

 
 

โดย: ปณาลี วันที่: 23 เมษายน 2552 เวลา:17:53:22 น.  

 
 
 
อ่านแล้วอึดอัดอะค่ะ ไม่ได้อึดอัดว่าไม่รู้เรื่องนะคะแต่อึดอัดไปกับความรู้สึกของตัวละคร

บทนำดีจังค่ะ สามารถดึงตูน (คนอ่าน) กลับมาที่นี้ได้อีกครั้ง ดึงดูดใจ

คุณยางค่ะ อยากได้ตัวอักษรโตๆ อะ สายตาไม่ค่อยดี

รบกวนวเกินไปหรือเปล่าหนอ
 
 

โดย: ปณาลี วันที่: 23 เมษายน 2552 เวลา:20:38:04 น.  

 
 
 
คุณตูน - ใช่เลยฮะ เพราะขฯเขียนก็หายใจไม่ออกเหมือนกัน (ว่าเข้านั่น) 555+

ส่วนเรื่องตัวอักษร เดี๋ยวจะจัดให้ฮะ แหม...เป็นพ่อครัวที่ดีก็ต้องปรุงอาหารให้ถูกใจผุ้บริโภคชิมิ ^ ^
 
 

โดย: ยางมะตอยสีชมพู IP: 124.121.126.37 วันที่: 23 เมษายน 2552 เวลา:22:05:03 น.  

 
 
 
ขอบคุณมากค่ะสำหรับเรื่องตัวอักษร

และขอบคุณเช่นกันเรื่องเม้นท์ที่บ้านตูน
มันมีประโยชน์จริงๆ หรือเปล่าคะ

เขียนไปก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน
 
 

โดย: ตูนค่ะ (ปณาลี ) วันที่: 23 เมษายน 2552 เวลา:23:09:34 น.  

 
 
 
อืม... อึดอัดจริงๆด้วย ไม่รู้เป็นเพราะพระเอกหรือเพราะกินข้าวมาอิ่มเกินว้า ...อิอิ
 
 

โดย: อมิธีสท์ วันที่: 24 เมษายน 2552 เวลา:23:47:15 น.  

 
 
 
บางอย่างมันก็ยากเปลี่ยนแปลง
แต่บางอย่างมันก็เปลี่ยนแปลงโดยไม่ยาก


 
 

โดย: หมูปิ้งไม้ละ 5 บาท วันที่: 25 เมษายน 2552 เวลา:22:18:07 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ยางมะตอยสีชมพู
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เป็นมนุษย์เงินเดือน รับใช้การตลาด
ต้องคิดงานให้เกินคาด แล้วจะได้ตังค์ใช้

ชอบดนตรี เสียงเพลงเป็น ชีวิตจิตใจ
ตัวอักษรนั้นไซร้ กัดแทะได้ ทุกวี่วัน



ลายปากกา


ของเค้าดีจริง เข้าไปเยี่ยมชมกันได้ครับ ^ ^
ถึงแม้ว่าผมอาจจะยังไม่ใช่นักเขียน ถึงแม้ว่าผมอาจจะไม่มีคุณสมบัติแม้ที่จะคิดเขียน และถึงแม้ว่า เรื่องที่ผมเขียนนั้นจะห่วยแตกแค่ไหนก็ตาม แต่ว่ามันก็ออกมาจากมันสมองอันน้อยนิดของผม ขอร้องเถิดครับ กรุณาอย่าเอาไป คัดลอก เผยแพร่ ดัดแปลง ส่วนหนี่งส่วนใดหรือทั้งหมดของงานเขียนของผมเลย (ยางมะตอยสีชมพู) ผมขอสงวนสิทธิ์ตามกฏหมาย ซึ่งหากฝ่าฝืนโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้ว จะมีโทษ ปรับตามกฏหมายตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท หรือนำเรื่องไปเสนอสำนักพิมพ์ ถือเป็น การเสนอขาย มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 4 ปี หรือ ปรับตั้งแต่ 100,000 บาทถึง 800,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับนะครับ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูง ที่ยังเข้าใจ และเห็นใจคนชอบเขียนห่วยๆอย่างผม (ตามมาตรา 69 แห่ง พ.ร.บ. กฏหมายลิขสิทธิ์)
[Add ยางมะตอยสีชมพู's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com