All Blog
|
WWOOF Japan : Day 13 แมงมุมขยุ้มหัวใจ (พร้อมสรุปรายละเอียดโฮสบ้านแรก) Day 13 . เข็มนาฬิกายังคงเดินหน้า แต่เวลาของพวกเรากลับเดินถอยหลังอย่างน่าเศร้าค่ะ วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการเสพความสุขจากบ้านหลังนี้ แล้วก็ได้แต่คาดหวังว่า เราจะได้เจอกับโฮสเพื่อนใหม่ใจดีเหมือนแบบครอบครัวนี้อีก . และในเมื่อมื้อเช้ามื้อนี้คือมื้อสุดท้ายที่จะได้โชว์ฝีมือทำอาหาร น้องดาวก็เลยงัดทีเด็ดการทำขนมปังไข่ทอดขั้นเทพออกมาโชว์ค่ะ วิธีทำก็คือ ขั้นแรก ใช้มีดกรีดเนื้อขนมปังตรงกลางให้เป็นรูปสี่เหลี่ยม แล้วเอามันออกมา ก็จะได้ขนมปังแยกร่าง 2 ชิ้น คือ ชิ้นนอกที่เป็นเหมือนกรอบรูป มีรูสี่เหลี่ยมตรงกลาง และ เนื้อขนมปังรูปสี่เหลี่ยมที่ถูกควักออกมา ต่อไป นำขนมปังส่วนที่เป็นกรอบรูปวางลงบนกระทะไฟอ่อนๆ และเทไข่ลงไปที่รูขนมปังตรงกลาง จากนั้นเอาเนื้อขนมปังรูปสี่เหลี่ยมที่เป็นไส้มันลงไปปิดที่รูไว้ตามเดิม ขั้นตอนนี้ต้องระวังไม่ให้ไข่มันทะลักออกมาด้านนอกนะคะ สุดท้าย พอขนมปังเริ่มเปลี่ยนสี ก็จะสังเกตเห็นว่ารอยต่อระหว่างกรอบและไส้ขนมปังมันจะเนียนขึ้น พร้อมรับประทานค่ะ . มาดูกันค่ะว่า พวกเราทำออกมาสำเร็จรึเปล่า . ((ให้น้องดาวเริ่มก่อน เพราะมิ้งทำไม่เป็น )) . เหมือนที่อธิบายไปเลย ตรงรอยต่อมันเริ่มเนียนๆแล้วค่า แอบมีไข่ทะลักออกมานิดนึง . และนี่คือ ผลงานน้องดาวค่ะ น่ากิน!!!
. ลองเปรียบเทียบกับของมิ้ง เห้ย!! ไข่กระจาย!!!! . และในเมื่อวันนี้คือวันสุดท้ายของการทำงานที่นี่ เพราะฉะนั้น วันนี้ต้องขยันทิ้งทวนซะหน่อย เย้!!! จะให้ทำอะไรก็บอกมาได้เลยค่า โคจิซางงงงงงง (สาบานได้ว่า ถ้ารู้ว่าวันนี้จะต้องเจองานอะไร จะไม่มีทางคิดแบบนี้เด็ดขาด) . งานของพวกเราเริ่มจากการยกถาดเพาะข้าวประมาณ 20 ถาดที่ตอนนี้ดินในถาดชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำฝนขึ้นไปเรียงอย่างสวยงามบนรถเพื่อขนไปยังนาข้าวของ Koji จากนั้นก็นั่งรถไปที่ฟาร์มเพื่อขนถาดข้าวลงมาเรียงไว้ให้เป็นระเบียบ แต่ Koji บอกว่าข้าวที่เพาะไว้ในถาดมันยังไม่พอ ต้องทำเพิ่มอีกประมาณ 20 ถาด เมื่อเสร็จเรียบร้อย ได้จำนวนที่ Koji พอใจ ก็เข้าสู่ขั้นตอนการคลุมข้าวค่ะ การคลุมข้าวนี้จะใช้ฟางแห้งวางปิดลงไปบนถาดข้าวจนมิด แล้วล้อมด้วยตาข่ายกันนก . แค่นี้ก็กินเวลาไปมากพอสมควรค่ะ เกือบจะเที่ยงแล้ว ยังคลุมตาข่ายกันไม่เสร็จเลย ที่ช้าก็เพราะว่าตาข่ายไม่ได้มาเป็นผืนสวยงามค่ะ แต่มาเป็นก้อน พันกันยุ่งเหยิง กว่าจะแก้ได้ทีละจุดๆนี่เครียดยิ่งกว่าสอบไฟนอลซะอีก และในระหว่างที่ทุกคนกำลังเคร่งเครียดกับก้อนตาข่าย น้องดาวก็มากระซิบบอกว่าเธอปวดฉี่ จะทำยังไงดี? อืมมมมม ปัญหาระดับชาติ ที่นี่ไม่มีห้องน้ำซะด้วย จะให้เดินกลับไปที่บ้านก็คงจะไม่ทัน เมื่อแก้ปัญหากันเองไม่ได้ ก็ต้องไปบอก Koji ค่ะ พอ Koji ฟังแล้วก็ทำหน้าเครียด แล้วก็ยืนคิดอยู่แปปนึง สุดท้ายลุงแกก็ชี้นิ้วกวาดไปรอบๆแล้วบอกว่าทุกที่ก็คือ ห้องน้ำ จะถ่ายที่ไหนก็ได้ แล้วแต่สะดวก เมื่อได้รับคำตอบที่เป็นที่น่าพอใจแล้ว น้องดาวก็เลยจำเป็นต้องเลือกบริเวณด้านหลังกระต๊อบหลังหนึ่ง ซึ่งคาดว่าน่าจะเอาไว้เก็บอุปกรณ์ อืมมมม ห้องน้ำวีไอพีเลยนะนั่น (ต้องปีนรั้วข้ามไปอีกต่างหาก ) . หลังจากข้าวเที่ยงผ่านไป ก็ได้เวลากลับมามึนงงกับก้อนตาข่ายกันต่อ เมากันไป มึนกันมา สุดท้ายพวกเราก็ทำสำเร็จค่ะ น้องต้นข้าวทั้งหลาย ไม่ต้องกลัวน้องนกจะมาจิกพวกเธอไปอีกแล้วนะ . และเมื่อพวกเราทำงานเสร็จก่อนเวลา Koji จึงกลัวว่าจะว่างกันจนเกินไป ก็เลยบอกว่าจะหาอะไรให้พวกเราทำกันอีกซักนิด แล้วเค้าก็เหลือบไปเห็น กองฟางกองใหญ่หลายกองที่วางเอาไว้ตรงกลางทุ่งนาแบบเกะกะสุดๆ จึงหันมาบอกเราว่า ให้ขนฟางเหล่านั้นไปกองรวมกันไว้ที่ริมทุ่งนาตรงหน้าทางเข้า งานนี้ไม่ยากค่ะ ก็แค่ยกฟาง แล้วเดินเอาไปวาง แต่ที่ทำให้มิ้งรู้สึกเหมือนจะร้องไห้ก็คือ สิ่งที่มันมาพร้อมกับฟางอุ้มน้ำเปียกๆเหล่านั้นน่ะสิคะ พอยกฟางขึ้นมาฟ่อนนึง อีเจ้าแมงมุมตัวเล็กๆที่แอบอยู่ในกองฟางก็จะวิ่งกรูกันออกมาเป็นขบวน และไต่ไปตามตัวมิ้งกับน้องดาว ยั้วเยี้ยมาก!! แต่จะทำไงได้ล่ะคะ งานคืองาน เกลียดยังไงก็ต้องทน และในเมื่อฟางเหล่านั้นมันมีจำนวนเยอะมาก จะให้หิ้วไปทีละนิดก็เกรงว่าเที่ยงคืนก็คงไม่เสร็จ สุดท้ายก็ต้องกัดฟันหอบฟางไว้แนบตัวให้เต็มเท่าที่แขนจะโอบได้ พร้อมกับน้องแมงมุมที่ไต่ยั้วเยี้ยทำความรู้จักกันอย่างสนุกสนาน โอววววววว . หลังจากที่เผชิญกับน้องแมงมุมไปได้ซักพัก หูก็แว่วๆเหมือนจะได้ยินเสียงใครเรียกชื่อ พอหันไปมองทางต้นเสียงก็เห็น Mari ปั่นจักรยานเข้ามาในทุ่งนา
คนท้อง 8 เดือน ปั่นจักรยานขึ้นเขา!!! เธอทำให้พวกเราตกใจได้จนวันสุดท้ายจริงๆค่ะ . Mari เอามันเผากับน้ำชามาให้พวกเรากินกันค่ะ ทำเพื่อพวกเราแท้ๆ ผู้หญิงท้องแก่ไม่น่าลำบากขนาดนี้เลยจริงๆ จะว่าไป วันนี้เป็นวันแรกที่มี tea time และเป็น tea time ครั้งสุดท้ายกับบ้านหลังนี้ด้วย . . หลังจาก tea time ผ่านไป พวกเราก็กลับไปเผชิญกับกองฟางและน้องแมงมุมตัวน้อยต่อไป . ตกเย็น หลังจากที่งานทุกอย่างเสร็จแล้วเรียบร้อย สติพวกเราก็เตลิดค่ะ หลังจากที่ topic หลัีกของการเม้าระหว่างเราสองคนตั้งแต่เมื่อคืนมีอยู่เรื่องเดียว ก็คือ ซูชิ!! ใครไม่อยู่ในสถานการณ์แบบเราสองคน ไม่มีวันเข้าใจหรอกค่ะ ตั้งแต่ลงจากเครื่องและเดินทางตรงมาที่บ้านหลังนี้ เพิ่งได้ไปเปิดหูเปิดตาเห็นสภาพภายนอกแค่วันเดียว!! ที่สำคัญคือ อยู่ญี่ปุ่นมา 2 อาทิตย์ ยังไม่ได้แตะซูชิซักคำ!! พอใกล้ถึงเวลามื้อเย็น มันก็อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้จริงๆนะ . พวกเรานั่งรถของ Yuji ไปที่ร้านซูชิในเมืองกันค่ะ ชื่อว่าร้าน "กัปปะ" เป็นซูชิสายพาน จานละ 105 เยน (1จาน มี 2 ชิ้น) โดย Mari บอกว่า ให้งบมิ้งกับน้องดาวคนละ 1000 เยนเท่านั้น ถ้ากินกันเยอะเกินไปกว่านั้น ก็ต้องจ่ายส่วนที่เกินเอง ซึ่ง ณ วินาทีนั้น ต่อให้ต้องจ่ายเยอะแค่ไหน เราก็ยอมค่ะ พวกเรากินกันแบบไม่เกรงใจเจ้ามือ เป็นครั้งแรกที่ได้กินซูชิญี่ปุ่นแท้ๆ อย่างน้อยก็ดีกว่าของไทยที่เป็นลักษณะ "ข้าวยาว ปลาสั้น" ล่ะค่ะ . สายพานเลื่อนไปเรื่อยๆ พวกเราก็หยิบกันไปเรื่อยๆ รวม 2 คน ก็เกือบ 30 จาน ซึ่งเกิน 1000 เยนไปเยอะแล้ว แต่สุดท้ายแล้ว Mari ก็ไม่ยอมคิดเงินส่วนเกินกับเราอยู่ดีค่ะ . แล้วคืนนี้ เราก็แปลงบ้านไม้หลังน้อย ให้กลายเป็นสตูดิโอถ่ายภาพ ทั้งกล้องเจ้าของบ้าน และกล้องของผู้อาศัยต่างถูกนำออกมาเก็บภาพความทรงจำเหล่านี้ไว้ . . อีกไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องร่ำลากันแล้ว สิ่งที่พวกเราได้จากที่นี่ไม่ใช่แค่เพียงภาพถ่าย ถ้าจะให้เปรียบเทียบแล้วที่นี่เป็นเหมือนครูที่ช่วยสอนเด็กสองคนอย่างพวกเราให้โตขึ้น เราไม่ได้รับแค่เพียงความรู้หรือประสบการณ์แต่เรายังได้รับสิ่งที่เรียกว่าความรู้สึกดีๆกลับไปด้วย . พรุ่งนี้จะต้องเดินทางออกจากบ้านหลังนี้ โดยจะเข้าไปเที่ยวในเมืองเกียวโตก่อนสองวัน จากนั้นก็จะมุ่งหน้าสู่นางาโน่ บ้านโฮสหลังที่สองของพวกเราค่ะ . สรุปรายละเอียดของบ้าน Satono โฮสบ้านแรกของการ WWOOF บ้านหลังนี้มีสมาชิกสองคน เป็นสองสามีภรรยา อายุราวๆ 30 ปี แต่เดือนหน้า สมาชิกบ้านหลังนี้ก็จะเพิ่มขึ้นแล้วค่ะ มีอาชีพหลัก คือ ทำนา ปลูกข้าวทานเอง และขาย รวมทั้งทำกาแฟข้าวขายด้วย ในหนึ่งปีจะทำนาหนึ่งครั้งค่ะ และในช่วงที่ไม่ใช่ฤดูทำนา สองสามีภรรยาก็จะหางานพิเศษทำ เรียกว่าไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่าเลยจริงๆ บ้านนี้จะไม่ใช้สารเคมีใดๆแม้กระทั่งน้ำยาล้างจาน จะใช้น้ำเปล่าล้างเพียงอย่างเดียว (ถามว่าแล้วจานชามมีคราบมันหลงเหลือมั้ย : ตอบว่า มีค่ะ แต่เขาก็ทำกันแบบนั้น) ส่วนน้ำร้อนที่ใช้อาบหรือกิน จะมีเครื่องทำความร้อนอยู่บริเวณหลังบ้าน เป็นเครื่องเผาฝืนพลังงานสูง ซึ่งต้องเปิดเครื่องนี้และใส่ท่อนฟืนลงไปเพื่อทำให้เกิดความร้อน และบ้านนี้จะเปิดเครื่องนี้ตอน 6 โมงเย็นของทุกวัน และปิดในตอนเช้า หากวันไหนที่ไม่ได้ใช้เจ้าเครื่องนี้ นั่นหมายความว่า จะไม่มีน้ำร้อนให้อาบ และอาบน้ำไม่ได้ ส่วนโอฟุโระ(อ่างอาบน้ำร้อน) โฮสที่บ้านหลังนี้จะเสียสละให้WWOOFerใช้ก่อน และตัวเจ้าของบ้านเองจะอาบทีหลังค่ะ ซึ่งคนญี่ปุ่นเขาจะใช้น้ำในอ่างร่วมกัน คือใส่น้ำครั้งเดียว อาบกันจนครบทุกคน แล้วค่อยทิ้งน้ำ แต่พวกเราก็ไม่ได้แช่อ่างหรอกค่ะ ร่างกายไม่ชินกับความร้อนของอ่างอาบน้ำด้วย อีกอย่างอาบฝักบัวเร็วกว่าตั้งเยอะ โดยรวมแล้ว โฮสบ้านนี้ดูแล WWOOFer เหมือนแขกคนหนึ่ง ที่ไม่ใช่เป็นแค่คนงาน เอาใจใส่พวกเราในทุกเรื่อง และใจดีมากๆด้วยค่ะ ให้ 10 เต็มไปเลยค่ะ . Free TextEditor |
Newbie Traveller
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Yoroshikune~ Link |