เด็กคลินิก 12 - สมาชิกในคลินิก


สมาชิกในคลินิก

ในวันที่ข้าพเจ้าต้องใส่แว่นสายตาและต้องขยายหน้าตัวอักษรบนคอมพิวเตอร์ให้ใหญ่ขึ้น ข้าพเจ้ากำลังบอกเล่าความจริงที่ใครหลายคนไม่เคยได้สัมผัส…และใครอีกหลายคนเช่นกัน ที่ไม่คิดว่าจะมีอยู่จริง นี่ไม่ใช่นิยาย...แต่เป็นเรื่องราวในยุคหนึ่งสมัยหนึ่งที่ใครหลายคนไม่มีโอกาสได้สัมผัสไม่มีโอกาสไม่เจอะเจอ (ขอบอกว่าข้าพเจ้าเสียใจแทนทุกท่านมา ณ ที่นี่)เรื่องความทรงจำนั้น มันเป็นเรื่องของใครของมันเพียงจะเผยแพร่แลกเปลี่ยนกันรึเปล่า...เท่านั้น ซึ่งข้าพเจ้าเชื่อเหลือเกินว่าน้อยคนนักจะได้สัมผัสมัน

มากล่าวถึงสมาชิกของคลินิกกันบ้างดีกว่าว่าจะมีใครบ้าง ข้าพเจ้าเป็นรุ่นน้องปีหนึ่งซึ่งแน่นอนสมาชิกเกือบทั้งหมดเป็นรุ่นพี่ปีสอง ที่คลุกคลีตีโมงกันมาตั้งแต่ยังอยู่กันในโรงเรียนเวชนิทัศน์ ซึ่งแต่ละท่าน...ข้าพเจ้าถือว่าโชกโชนกับการใช้ชีวิตมาพอสมควร มาเริ่มกันที่...เจ็กมิต สุมิตร ประเสริฐ(รุ่นพี่ปั้นสากลเพาะช่างของข้าพเจ้าเอง ปัจจุบันเป็นเจ้าของร้านฟาร์มสุขบนถนนหลักขาออกจากระยอง แถวป่ายุบใน วังจันทร์ไปแล้ว) เจ๊กมิตเป็นที่รักของทุกคนทั้งรุ่นน้องและเพื่อนรุ่นเดียวกันด้วยความที่เป็นคนที่มักส่งมอบรอยยิ้มและความสุขให้กับทุกคนอย่างสม่ำเสมอโผงผาง...คำพูดที่แฝงมุขตลกและรอยยิ้มใส่ทุกคนอย่างไม่เลือกว่าคุณจะเป็นใครนั่นหมายถึง ความปรารถนาดีอย่างบริสุทธิ์ มันเป็นความบริสุทธิ์อย่างที่ข้าพเจ้าไม่เคยได้พบจากใคร...หน้าไหน เจ๊กมิตเปลี่ยนความทุกข์ให้กลายเป็นรอยยิ้มและความสนุกได้ทุกครั้ง ข้าพเจ้าไม่เคยถามเจ๊กถึงเหตุผล แต่คำตอบนั้น...ข้าพเจ้าพอเดาได้ เจ๊กมิตมาจากป่ายุบใน วงจันทร์ จังหวัดระยองมาอยู่เมืองกรุงกับพี่ร่วมสายเลือดย่านดอนเมือง(ไกลเอากาล...กับการเดินทางมาศิริราช) ข้าพเจ้าเคยไปเยี่ยมเยือนอยู่เรานั่งทำอาหารค่ำกินและดื่มอยู่ที่นั่นกับพี่ ๆ ของเจ๊ก ฝีมือทำอาหารของทุกคนถือว่าขั้นเทพ (ไม่รู้ว่าเกิดมาพร้อมตะหลิวและกระทะรึเปล่าแต่บ้านนี้ทำอาหารขั้นเทพทุกคนจริง ๆ) ดังนั้นการมาอยู่คลินิกของอาเจ๊ก มั่นใจได้ว่าเราจะไม่อดตายแน่

พี่ปู(ปัจจุบันเป็นเจ้าของร้านเครื่องเขียนในวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถ้าไม่ยังไม่เปลี่ยนไปซะก่อน)พี่ปู ข้าพเจ้าไม่รู้ที่มา มากกว่าเป็นคนเพชรฯหน้านิ่วคิ้วหมวดตลอดเวลาและมักตามมาด้วยคำถามที่ไม่ค่อยทันสถานการณ์หรือมุขที่เพื่อนๆ มักปล่อยออกมาอย่างทิ้งขว้าง...อะไร ทำไม แล้วไงต่อ แต่พี่ปูหัวเราะง่ายและหยุดเสียงหัวเราะตัวเองไม่ค่อยอยู่(ยิ่งมีคนยุ ยิ่งไปกันใหญ่) บางคราวบางครั้งก็ขำอย่างไม่มีเหตุผล นึกอะไรได้ก็ขำ จนบางครั้งต้องคอยถามว่าขำอะไร พี่ปูอายุมากกว่าทุกคนในรุ่นทุกคนจึงค่อนข้างเกรงใจและมอบให้เธอเป็นพี่ใหญ่ของเราเสมอ พี่ปูสายตาไม่ค่อยดีการมองผ่านและลอดแว่นสายตาจึงเป็นเรื่องปกติที่เรามักพบเห็นอยู่เสมอ

พี่โย(พี่รหัสของข้าพเจ้าเอง ปัจจุบันไม่ทราบว่าทำอะไรก่อนหน้านี้เป็นเจ้าหน้าที่ตัดต่อบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง) พี่โย เป็นชาวเชียงใหม่ที่มีแต่รอยยิ้มพูดน้อยกว่าเสียงหัวเราะ มักเป็นคนรับและส่งมุขให้กับเพื่อน ๆ เสมอ ข้าพเจ้าไม่ทราบที่มาของพี่โยมากนักเนื่องจากบุคลิกที่เป็นคนพูดน้อยนั้น

คนต่อไป...พี่หน่อย (ปัจจุบันกลับไปเป็นแม่บ้านชั้นเยี่ยมให้รุ่นพี่ของข้าพเจ้าอีกท่านหนึ่งที่เชียงใหม่)ชาวเชียงใหม่เช่นกันกับพี่โย บุคลิกที่ห้าวเกินตัวจนทำให้ข้าพเจ้าและใครหลายคนให้ความสนิทสนมจนมองข้ามเรื่องเพศหญิงและเพศชายไป พี่โยกับพี่หน่อยมักสาดภาษาเมืองใส่กันอย่างไม่มองหน้าอินทร์หน้าพรหมทุกที่ทุกเวลา ประหนึ่งสนทนากันอยู่ที่บ้าน ข้าพเจ้าและอีกหลายคนต่างพากันสนุกไปด้วย พี่หน่อย...เป็นคนอย่างไรก็ได้(บุคลิกเช่นนี้เป็นที่ต้องการของชายทุกคนในทัศนะของข้าพเจ้า) ไม่ถือตัวเฮไหน...เฮนั้น แกไป...ชั้นไป ทำนองนั้น แต่ไม่นอกกรอบ จนบางครั้งเพื่อน ๆต้องเอ่ยปากเตือน ทุกอย่างล้วนมีเงื่อนไข ยกเว้นที่บ้าน (ที่คลินิก) สำหรับพี่หน่อย

พี่โอ๋ สาวสกุลดีที่ข้าพเจ้าไม่มี Profile มากนัก (ปัจจุบันอยู่ทางเมืองแพร่ แม่เรือนรุ่นพี่ของข้าพเจ้าอีกท่านหนึ่ง)พี่โอ๋ เรียกได้ว่าเป็นสตรีที่มีระเบียบค่อนข้างสูงในสายตาข้าพเจ้า รักสะอาดทุกอย่างเน้นความเรียบร้อย เสื้อผ้ารีดเรียบกลีบคมซึ่งต่างจากทุกคนในคลินิกที่ดูกระมอมกระแมม

ท่านต่อไปพี่ทรีย์ อินทรีย์ (ที่พำนักเดิมน่าจะแถวสมุทรปราการ)ผู้สร้างความบันเทิงตัวจริงเสียงจริง ด้วยบุคลิกและมุขตลกที่มีอยู่มากมาย (เรียกได้ว่าเปิดมุขต้องท่านนี้คนรับมุขก็อาเจ๊กกับอีกท่านหนึ่งซึ่งยังไม่ได้กล่าวนาม ต่อด้วยพี่โยเป็นคนปิดมุขนั้น ส่วนพี่ปู มีหน้าที่หัวเราะ เป็นอันสมบูรณ์แบบ)พี่ทรีย์ ชายผิวคล้ำ ร่างผอมบาง มาพร้อมใบหน้าแบบฉบับชาวอิสานบ้านเฮา เรียกได้ว่าลูกเล่นความฮา แพรวพราวหาตัวจับยาก หากมีพี่ทรีย์ ก็ต้องมีกาโปลก (Kapok เป็นยี่ห้อเครื่องดนตรีของพี่ทรีย์ นี่มิได้ลามกสกปรกแต่ประการใด) เป็นกีต้าร์ของพี่ทรีย์และของทุกคนเสียงดีมาก เป็นกีต้าร์คลาสสิคที่เสียงก้องกังวาลเกินสกุลของมัน ความบันเทิงเกิดขึ้นที่นี่...เพราะมีมัน กาโปลก

อีกท่านคือพี่หนุ่ย วีระชัย คงวัน(ปัจจุบันถือได้ว่าเป็นเทพอีกท่านด้านสื่อโมเดลทางการแพทย์)พี่หนุ่ยเป็นชาวใต้จากนครศรีฯ (บ้านเดิมแม่ของข้าพเจ้า) ที่มีฝีมือฉกาจและเป็นคนรับมุขต่อจากอาเจ๊กและพี่ทรีย์ พี่หนุ่ยเดิมอาศัยวัดมหาธาตุเป็นที่พักกินพักนอนพอมีคลินิกก็มาร่วมอยู่ร่วมกินอยู่กับเราที่นี่ อันคำว่า”เด็กวัด” ก็ถือว่าใช่ ไม่ต้องปฏิเสธซึ่งพี่หนุ่ยก็ยอมรับอย่างเต็มใจ

เรามาเริ่มต้นครอบครัวใหม่ด้วยกันในคลินิกเก่า ๆ ของอาจารย์หมอ ที่อับชื้นที่สุขและสนุกสนานไปตามประสา คลินิก 247 พรานนก ณ บางกอกน้อย.




Create Date : 30 ธันวาคม 2559
Last Update : 30 ธันวาคม 2559 1:10:54 น.
Counter : 1371 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

pine studio
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 30 คน [?]



First link Second link Third link
New Comments
ธันวาคม 2559

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
31
 
All Blog