เด็กคลินิก 3 - ใต้เงาฟ้า...ที่ OPD เก่า หลังคากระเบื้องว่าวสีแดง




ใต้เงาฟ้า...ที่ OPD เก่า หลังคากระเบื้องว่าวสีแดง

วันสอบสัมภาษณ์ของนักศึกษาใหม่อย่างข้าพเจ้า ไม่ได้รู้สึกหวาดหวั่นประการใด เพราะมาถึงจุดนี้แล้ว...คงไม่มีอะไรต้องเกรงกริ่มอีกต่อไป นักศึกษาทุกคนต่างกายด้วยเสื้อผ้าที่สะอาดเรียบร้อยกันแบบสุด ๆ นั่งรออยู่ที่เก้าอี้ยาวริมทางเดินในอาคาร ข้าพเจ้าหมายถึงเก้าอี้นั่งเรียนสามที่นั่งติดกัน มีแผ่นไม้พับจากด้านข้างขึ้นมาเป็นแผ่นรองเขียนนั่นเอง นักศึกษาที่รอสัมภาษณ์ทุกคน นั่งรออยู่ตรงนั้น รอเสียงเรียกจากใครสักคน...ให้เข้าไปสอบสัมภาษณ์ หากถามว่าในหัวข้าพเจ้าตอนนั้นมีอะไร...ตอบเลยว่าไม่มี นอกจากเนื้อหาวิชาเรียนและ Anatomy ที่เหลือค้างเมื่อตอนสอบ ข้าพเจ้าค่อนข้างโชคดีที่มีเพื่อนร่ำเรียนมาด้วยกันจากแผนกปั้นสอบติดและมารอสัมภาษณ์ด้วย ทำให้รู้สึกไม่อ้างว้างเท่าไหร่ แต่สำหรับบางคนนั้น คงรู้สึกต่างไปจากข้าพเจ้ามาก เด็กศิลปะประสบการณ์มีแต่งานเขียนงานปั้นและงานพิมพ์ ต้องมานั่งรอสอบสัมภาษณ์ในวิชาและสถานการณ์ที่ไม่คุ้นชิน มันประหวาดหวั่นอย่างไม่ต้องบรรยาย

เสียงขานชื่อข้าพเจ้าให้เข้าไปรอด้านใน หน้าห้องสัมภาษณ์จัดที่นั่งรออยู่สามที่ ข้าพเจ้าเข้าไปนั่งรอขณะที่ในหัวเหมือนกระถางเพาะถั่ว ที่ข้าพเจ้าเพียรนั่งรอว่าเมื่อไหร่ต้นมันจะโผล่ขึ้นมาจากดิน มันไม่โผล่...จนกระทั่งเสียงเรียกชื่อข้าพเจ้าอีกครั้งให้เข้าไปด้านใน ห้องสัมภาษณ์ คือ สตูดิโอบันทึกเทปโทรทัศน์ ด้านในมีอาจารย์นั่งรอสัมภาษณ์ข้าพเจ้าอยู่สามท่าน ข้าพเจ้าจำไม่ได้จริง ๆ ว่ามีท่านใดบ้าง แต่การสัมภาษณ์ก็ทำให้ข้าพเจ้าผ่อนคลายลงไปมาก เพราะเป็นการสอบถามเรื่องทั่วไป เรื่องการเรียนที่ผ่านมา พักอาศัยอยู่ที่ไหน...อย่างไร เหมือนการซักถามสาระทุกข์สุขดิบกันมากกว่าจะมาเค้นศักยภาพกันอย่างเอาเป็นเอาตาย หลังการสัมภาษณ์เป็นช่วงเวลาที่หายไปจากความทรงจำ โผล่มาอีกครั้งก็เมื่อมานั่งอยู่ในห้องเรียนแล้ว ห้องเรียนตอนลึกกับเพื่อนร่วมเรียนเป็นชายอยู่ 4 หญิงซะ 8 ประตูไม้มีบานกระจกไว้ให้ชะเง้อส่องและบานไม้บังตาครึ่งท่อนสวิงไปมา ในห้องเรียนตอนลึกกว้างขนาดก้าวกระโดดแบบเต็มแรงสองทีถึง มีกระดานเขียวติดผนังอยู่ด้านหน้า โครงร่างอาจารย์ใหญ่ในตู้กระจกใส ล็อคเกอร์สำหรับนักศึกษา 12 คน กล่องไม้ทรงยาวใส่กระดูกสำหรับเรียนสองกล่อง หนังสือ Gross Anatomy เล่มใหญ่หนึ่งเล่ม ในสุดริมหน้าต่างมีอ่างล้างมือก๊อกน้ำคอสูงและโต๊ะเก้าอี้เรียงเป็นสองแถวเท่า ๆ กัน
อาจารย์ท่านแรกที่เข้ามาทักทายพวกเราข้าพเจ้าจำได้ไม่พลาด คือ อาจารย์ณรงค์ (ผศ.ณรงค์ สุรินทร์วงศ์) กล่าวต้อนรับแบบสงวนถ้อยคำตามแบบฉบับของอาจารย์ หลังช่วงเวลาสั้น ๆ นั้น เราก็เริ่มเรียนกันเลย
การเรียนวิชาแพทย์จากอาจารย์หมอทั้งอาจารย์หมอนันท์และอาจารย์สภา ผู้อำนวยการโรงเรียน ทำให้พวกเรางงเป็นไก่ตาแตก ไม่มีพูดพร่ำทำเพลง ไม่มีอุ่นเครื่อง ว่าศัพท์การแพทย์กันตั้งแต่หัวเรื่องยันจบชั่วโมง ศัพท์การแพทย์ประโยคจะโผล่คำไทยสักคำ ก่อนมันจะกลายเป็นศัพท์การแพทย์อีก มันเหมือนเราลอยคออยู่กลางทะเลที่คลื่นลมแรงในตอนมืดและมองไม่เห็นฝั่ง นักศึกษาทุกคนแทบไม่อยากเงยหน้าขึ้นมองทั้งหน้ากระดานและหน้าอาจารย์ มือจรดปากกาเขียนลงบนสมุดไม่มีหยุด สาบานเลย...ไม่รู้เรื่องในสิ่งที่นั่งจดกันสักคน จบชั่วโมงอาจารย์ก็เดินออกไปเหมือนที่ผ่านมาร่วมชั่วโมงไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปล่อยให้พวกเรานั่งมองหน้ากันพร้อมคำซักถามที่รู้คำตอบกันอยู่แล้ว เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร...ว่ะ ผิดหวังไม๊...ป่าว มันตั้งตัวกันไม่ติดต่างหาก แต่เรื่องราวที่ได้รับ...มันกลับทำให้นักศึกษาอย่างพวกเราทำความรู้จักกันอย่างรวดเร็วและรวดเร็วมากที่สุด.


https://sites.google.com/site/amit50thailand/home/khwam-pen-ma-brackground




Create Date : 19 มิถุนายน 2559
Last Update : 19 มิถุนายน 2559 22:23:17 น.
Counter : 402 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

pine studio
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 30 คน [?]



First link Second link Third link
New Comments
มิถุนายน 2559

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog