คุณสมบัติผู้บริจาคโลหิต
1. อายุระหว่าง 17 ปี ถึง 60 ปีบริบูรณ์
2. น้ำหนัก 45 กิโลกรัมขึ้นไป
3. สุขภาพทั่วไปสมบูรณ์ดี
4. ไม่มีโรคประจำตัว หรืออาการแสดงผิดปกติดังต่อไปนี้ -ประวัติโรคตับอักเสบ หรือดีซ่าน ตัวเหลืองตาเหลือง -ไม่เป็นไข้มาเลเรียมาในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา -ไม่เป็นกามโรค โรคติดเชื้อต่างๆ -ไม่ไอเรื้อรัง ไอมีโลหิต -ไม่มีโรคเลือด โลหิตออกง่ายผิดปกติ โรคโลหิตชนิดต่าง ๆ -ไม่มีโรคหอบหืด โรคภูมิแพ้ โรคลมชัก -โรคผิวหนังเรื้อรัง - โรคหัวใจ โรคไต - โรคเบาหวาน โรคไทรอยด์
5. ไม่อยู่ในภาวะน้ำหนักลดมากในระยะสั้น โดยไม่ทราบสาเหตุ
6. ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ หรือ สำส่อนทางเพศ
7. ไม่มีประวัติติดยาเสพติด
8. งดการบริจาคโลหิตภายหลังผ่าตัดคลอดบุตร หรือ แท้งบุตร 6 เดือน (ถ้ามีการรับโลหิตต้องงดบริจาคโลหิต 1 ปี)
9. สตรีไม่อยู่ในระหว่างมีประจำเดือน หรือตั้งครรภ์
.....................................
การเตรียมตัวก่อนบริจาคโลหิต
1. ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมง 2. ควรมีสุขภาพสมบูรณ์ดีทุกประการ ไม่เป็นไข้หวัด หรืออยู่ระหว่างรับประทานยาใดๆ 3. ควรรับประทานอาหารมาก่อน และเป็นอาหารที่ย่อยง่าย ไม่มีไขมัน 4. งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ก่อนมาบริจาคอย่างน้อย 24 ชั่วโมง 5. งดสูบบุหรี่ก่อนและหลังบริจาคโลหิต 1 ชั่วโมง เพื่อให้ปอดฟอกโลหิตได้ดี 6. สุภาพสตรีไม่อยู่ในระหว่างมีประจำเดือน หรือตั้งครรภ์ 7. การบริจาคโลหิตครั้งต่อไปเว้นระยะ 3 เดือน ยกเว้นการบริจาคพลาสมาหรือเกล็ดโลหิต ให้เร็วกว่านั้นได้ค่ะ
...................................
ข้อควรปฎิบัติหลังบริจาคโลหิต
1. นอนพักบนเตียงอย่างน้อย 3-5 นาที ห้ามลุกจากเตียงทันที จะเวียนศีรษะเป็นลมได้ 2. ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีบริการให้ และดื่มน้ำมากกว่าปกติเป็นเวลา 2 วัน 3. ไม่ควรรีบร้อนกลับ นั่งพักจนแน่ใจว่าเป็นปกติ 4. หากมีอาการเวียนศีรษะคล้ายจะเป็นลมระหว่างลุกจากเตียง หรือขณะเดินทางกลับ ต้อง
รีบนั่งก้มศีรษะต่ำ ระหว่างเข่าหรือนอนราบ เพื่อป้องกันอันตรายจากการล้มได้ 5. หากมีโลหิตซึมออกมาให้ใช้นิ้วมือ 3 นิ้ว กดลงบนผ้าก๊อส หรือพลาสเตอร์ที่ปิดรอยเจาะ
ให้นิ้วหัวแม่มือกดด้านใต้ข้อศอกและยกแขนสูงจนโลหิตหยุดสนิท หากโลหิตไม่หยุดซึม
ให้กลับมายังสถานที่บริจาคเพื่อพบแพทย์ ,พยาบาล 6. งดออกกำลังกายที่ต้องเสียเหงื่อมากภายหลังการบริจาคโลหิต
ผู้บริจาคโลหิตที่ทำงานปีนป่ายที่สูงหรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล ควรหยุดพักหนึ่งวัน 7. รับประทานยาธาตุเหล็กที่ได้รับวันละ 1 เม็ด จนหมด เพื่อป้องกันการขาดธาตุเหล็ก 8. หลีกเลี่ยงการใช้กำลังแขนข้างที่เจาะ เป็นเวลา 12 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการบวมช้ำ
..................................................
ผู้บริจาคโลหิตทุกๆ ท่าน จะได้รับการตรวจสุขภาพ และตรวจโลหิตดังรายการต่อไปนี้ค่ะ
1. ตรวจหมู่โลหิต ABO 2. ตรวจหมู่โลหิต Rh 3. ตรวจไวรัสตับอักเสบ บี (HBsAg) 4. ตรวจไวรัสตับอักเสบ ซี (Anti-HCV) 5. ตรวจเชื้อซิฟิลิส 6. ตรวจเชื้อโรคเอดส์ (HIV-Ag) 7. ตรวจภูมิคุ้นเคยต่อเชื้อโรคเอดส์ (Anti-HIV) อ้างอิงข้อมูลจาก หน่วยบริการโลหิตสภากาชาดไทย ค่ะ หน่วยบริการโลหิต สภากาชาดไทย
|
คือไม่ได้ใส่ใจจำเองแหละครับ ว่าข้อห้ามที่เขียนไว้ในแบบฟอร์มคือ ต้องไม่มีประวัติไปทานเนื้อวัวที่ยุโรป ในรอบ 20 ปี
ทีนี้ เพิ่งกลับมาจากยุโรปด้วยครับ พอจะไปบริจาคเลือดก็เพิ่งนึกขึ้นได้
ก็กินไปแล้วอ้ะ ไปยุโรป แล้วไกลตัวเมืองขนาดนั้นคงเลือกกินลำบาก ยังไงก็เลี่ยงเนื้อวัวไม่พ้น
เอ่อ เห็นข้อห้ามข้างบน ไม่เห็นมีเรื่องห้ามกินเนื้อวัวที่ยุโรปเลยนิครับ ตกลงมันห้ามหรือไม่กันแน่เนี่ย