โรคเบาหวาน เป็นโรคยอดฮิตที่ร้ายแรงอีกชนิดหนึ่ง แต่กลับไม่มีใครใส่ใจกับอาการผิดปกติที่ฟ้องว่าร่างกายกำลังจะเป็นโรคเบา หวานกันมากนัก ทำให้กว่าจะรู้ว่าตัวเองเป็นอีกหนึ่งผู้ป่วยที่กำลังเผชิญกับโรคนี้ ก็สายเกินแก้เสียแล้ว
รู้จักกับโรคเบาหวาน โรคเบาหวานเกิดขึ้นเมื่อร่างกายไม่มีประสิทธิภาพในการผลิตฮอร์โมนอินซูลิน อาจผลิตน้อยหรือไม่ผลิตเลย เมื่อขาดฮอร์โมนอินซูลินซึ่งมีหน้าที่ควบคุมการดูดซึมกลูโคสเข้าสู่เซลล์ ระดับของกลูโคสในเลือดจึงสูงกว่าปกติ ทำให้ร่างกายไม่สามารถควบคุมกลไกในการเผาผลาญสารอาหารได้ เราสามารถแบ่งโรคเบาหวานออกได้เป็น 3 ประเภท คือ
*
โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (Gestational diabetes) เกิดขึ้นในหญิงตั้งครรภ์ราว 3-8% ซึ่งมักจะหายได้เองเมื่อคลอดบุตร
*
โรคเบาหวานประเภทที่ 1 จะพบในเด็ก โดยเกิดจากความผิดปกติของตับอ่อนที่ไม่สามารถผลิตอินซูลินได้ ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากพันธุกรรม การรักษาจำเป็นต้องฉีดอินซูลินเข้าร่างกายทุกวัน ควบคุมการรับประทานอาหาร และควบคุมระดับกลูโคสอย่างสม่ำเสมอ
*
โรคเบาหวานประเภทที่ 2 มักพบในผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป เกิดจากการที่อินซูลินไม่ทำงานหรือทำงานน้อย สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากพันธุกรรม แต่อีกส่วนหนึ่งเกิดจากการมีน้ำตาลมากเกินไปในร่างกาย อันเนื่องมาจากการบริโภคเกินความพอดีและขาดการออกกำลังกาย ซึ่งโรคเบาหวานประเภทที่ 2 นี้สามารถป้องกันได้โดยควบคุมพฤติกรรมการรับประทานอาหาร และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลในปริมาณสูง
ปัจจัยเสี่ยงต่อเบาหวาน แพทย์ให้ความเห็นว่าการนิยมรับประทานอาหารฟาสต์ฟู้ดในปัจจุบันก็เป็นสาเหตุ สำคัญที่ทำให้ให้เกิดโรคเบาหวาน เนื่องจากอาหารฟาสต์ฟู้ดมักมีใยอาหารน้อยแต่มีน้ำตาลมาก เช่น น้ำอัดลม ไอศกรีม ขนมขบเคี้ยว บวกกับการขาดการออกกำลังกายทำให้เป็นโรคเบาหวานได้ง่าย นอกจากนั้นยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ อีก เช่น
* กำลังตั้งครรภ์ และมีประวัติเคยเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์มาก่อน
* มีญาติสนิทเป็นโรคเบาหวานประเภท 2
* มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน เป็นโรคอ้วน ลงพุง
* เป็นโรคซีสต์ในรังไข่
ป้องกันก่อนเบาหวานถามหา แม้โรคเบาหวานจะเป็นโรคที่ดูน่ากลัว แต่หากเรารู้จักวิธีป้องกันและดูแลรักษาร่างกายตัวเอง ด้วยการควบคุมเรื่องโภชนาการควบคู่กับการออกกำลังกาย โรคร้ายนี้ก็จะไม่เข้ามาเยี่ยมเยือน
* ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เลือกทานอาหารที่มีกลูโคสต่ำ เช่น ธัญพืช ข้าวไม่ขัดขาว นม โยเกิร์ต ผลไม้ และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสหวาน เค็ม และมันจนเกินไป
* ดูแลน้ำหนักของร่างกายไม่ให้อ้วนจนเกินไป
* ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติอยู่เสมอ
* หมั่นออกกำลังกาย อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน เพื่อให้ร่างกายได้เผาผลาญพลังงาน
ขอบคุณสำหรับข้อมูล ได้รับความรู้มากค่ะ