ขึ้นบัญชีใหม่....ยาหลักแห่งชาติ
สมุนไพรไทย สรรพ คุณดี !! ล่าสุด กระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายส่งเสริมให้สถานพยาบาลในสังกัดทั่วประเทศใช้ยาสมุนไพรบำบัดรักษาโรคควบคู่กับยาแผนปัจจุบัน โดยให้มีมากกว่า 19 รายการบรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติที่ใช้มากว่า 5 ปี รวมทั้งใช้ทดแทนเพื่อลดการนำเข้ายาแผนปัจจุบันจากต่างประเทศ
นพ.ลือชา วนรัตน์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก กล่าวถึงยาสมุนไพรไทยให้ฟังว่า มีนโยบายในการเพิ่มมูลค่าการใช้ยาสมุนไพรไทยให้ได้ ร้อยละ 25 ภายในเวลา 5 ปี แต่ที่ผ่านมาการเข้าถึงยา สมุนไพรของประชาชนในสถานพยาบาลของรัฐมีมูลค่าน้อยมาก โดยมูลค่าการใช้ ยาสมุนไพรในสถานบริการสาธารณสุขของรัฐมีเพียงร้อยละ 0.8 ของค่าใช้จ่ายยาทั้งหมด ถ้าเปรียบเทียบแล้วไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ ของเงินงบประมาณสาธารณสุขของประเทศ
กัญจนา ดีวิเศษ ผอ. สำนักคุ้มครองภูมิปัญญากจากการศึกษาค่าใช้จ่ายยาสมุนไพรกับยาแผนปัจจุบัน พบว่า ยาไทยหลายชนิดมีค่าใช้จ่ายถูกกว่ายาที่มีการนำเข้าหลายเท่า ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่มูลค่าการใช้ยาสมุนไพรในประเทศมีน้อย แต่กลับมีการนำเข้ายาในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก ทำให้เงินไหลออกนอกประเทศ ทั้ง ๆ ที่สรรพคุณของยาคือ
เจลว่านหางจระเข้ ส่วนที่นำมาใช้ประโยชน์ คือ วุ้นจากต้นว่านหางจระเข้ มีสรรพคุณรักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวกได้ โดยทาบริเวณที่ถูกไฟไหม้ หรือน้ำร้อนลวก วันละ 2-3 ครั้ง
รายการที่ 2
มะขามแขก เป็น ยาระบายที่ดี ช่วยบรร เทาอาการท้องผูก โดยรับประทานเมื่อมีอาการท้องผูก แต่ไม่ควรทานติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้ขาดสารโพแทสเซียม ถัดมา คือ หญ้าหนวดแมว มีสรรพคุณใน การขับปัสสาวะ เนื่องจากมีเกลือโพแทสเซียมมาก และช่วย รักษานิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ชนิดเป็นกรดยูริกได้ ผู้เป็นโรคหัวใจควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้สมุนไพรตัวนี้
สมุนไพรรายการต่อมา ชื่อว่า
เพชรสังฆาต บางคนเรียกผิดเป็น เพชรฆาต มีสรรพคุณ ขับลมในลำไส้ช่วยบรรเทาอาการริดสีดวงทวารหนัก เป็นสมุนไพรที่ต้องทานติดต่อกันอย่างน้อย 1 เดือน ถึงจะเห็นผล ต่อมา คือ
กระเทียมแคปซูล มีสรรพคุณ ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ในเลือด และละลายลิ่มเลือด ได้ คนที่เป็นแผลในกระเพาะอาหารควรระมัดระวังในการ ใช้เพราะอาจเกิดการระคาย เคืองได้
สมุนไพรรายการนี้เป็นยาตำรับ ชื่อว่า
ธรณีสัณฑะฆาต ซึ่งประกอบด้วยตัวยาหลายชนิดด้วยกัน ใช้ในอัตราส่วนที่กำหนดไว้ ได้แก่ พริกไทยร่อน ยาดำ เนื้อลูกสมอไทย มหาหิงคุ์ การบูร เนื้อลูกมะขามป้อม กานพลู หัวบุก ขิง ชะเอมเทศ ลูกกระวาน เมื่อนำตัวยามาผสมกันแล้วจะช่วยในการ แก้ท้องผูก ปวดท้อง เถาดาน ใช้เป็นยากษัยเส้นได้ ข้อควรระวัง คือ ไม่ควรทานสมุน ไพรชนิดนี้เมื่อมีไข้ สตรี มีครรภ์ก็ห้ามทาน
สมุนไพรรายการ ต่อมาเป็นสมุน ไพรที่หลายคนรู้จักดี นั่นคือ
ขี้เหล็ก สรรพคุณทางยา คือ ช่วยแก้อาการท้องผูก เพราะมีสารสำคัญพวกแอนทราควิโนนหลายชนิด ที่ออกฤทธิ์เป็นยาระบาย อีกทั้ง ยัง ช่วยเจริญอาหาร เพราะมีรสขม ช่วยให้อยากทานอาหาร ยัง ช่วยให้นอนหลับ เพราะมีสารจำพวกอัลคาลอยด์ และ ช่วยบรรเทาอาการเป็นไข้ได้
มาถึงสมุนไพรรายการที่ 8 เมื่อพูดแล้วต้องเบ้ปาก เมื่อรับรู้ถึงความขมของสมุนไพรชนิดนี้ นั่นคือ
บอระเพ็ด >ซึ่งมีสรรพคุณ ช่วยลดน้ำตาลในเลือด แก้ไข้ ได้ รวมทั้ง รสที่ขมจะ ช่วยในการเจริญอาหาร แต่ไม่ควรทานติดต่อกันเป็นเวลานาน
สมุนไพรถัดมา ไม่แพ้กันในเรื่องของรสชาติความขม
มะระขี้นก มีสรรพคุณช่วย ลดน้ำตาลในเลือด เพิ่มภูมิคุ้มกันในร่างกาย และเช่นเคยรสที่ขมจะ ช่วยให้เจริญอาหาร
ต่อมา เป็นสมุนไพรยาตำรับ ชื่อว่า
สหัสธาราซึ่งมีตัวยามากกว่า 20 ชนิด ผสมอยู่ อาทิ โกฐเขมา โกฐมะพร้าว โกฐพุงปลา เทียนดำ เทียนขาว ลูกจันทน์ ดอกจันทน์ การบูร หัสคุณ เนื้อลูกสมอไทย มหาหิงคุ์ ฯลฯ ซึ่งเป็นสูตรที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากโรงเรียนอายุรเวช ซึ่งเป็นแพทย์แผนไทยประยุกต์ ที่ ศ.นพ.อวย เกตุสิงห์ ได้บุกเบิกไว้ ซึ่งจะช่วยในการ รักษาอาการปวดเมื่อยกล้าม เนื้อ ปวดข้อ รวมทั้งอาการชาที่แขนและขา
ลำดับต่อมาคือ
เหงือกปลาหมอ มีสรรพคุณช่วย รักษาผู้ที่มีอาการ ภูมิแพ้ ผื่นคัน ข้อควรระวัง คือ ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้เหงือกปลาหมอ
ถัดมา คือ
ลูกยอ มีฤทธิ์ทางยาช่วย แก้อาการวิงเวียนศีรษะ หรือ อาการอาเจียน แต่ห้ามใช้ในคนที่แพ้ลูกยอ
สมุนไพรชนิดนี้หลายคนรู้จักดี นั่นคือ
<กระชายดำ> ซึ่งจะช่วยในการ ขับลม แก้ท้องอืด และบำรุงร่างกาย
ต่อมา ก็เป็นที่รู้จักของคน ทั่วไปเช่นกัน คือ
ส้มแขก มีสรรพคุณ ช่วยลดคอเลส เตอรอลและลดการสร้างไขมัน แต่ห้ามใช้ในคนที่ ท้องเสียง่าย
จากนั้นเป็นยาตำรับ
เทพธารา ซึ่งมีตัวยาหลายชนิดเช่นกัน อาทิ เถาวัลย์เปรียง กำลังวัวเถลิง กำลังเสือโคร่ง กระชายดำ ซึ่งจะช่วยรักษาอาการปวดเมื่อย กล้ามเนื้อ ปวดข้อ และบำรุงกำลัง
ต่อมา เป็นยาตำรับเช่นกัน ซึ่งมีหลายชื่อ คือ
ยาห้าราก หรือจะเรียกว่า เบญจโลกวิเชียร หรือ ยาแก้วห้าดวง หรือ ยาเพชรสว่าง ก็เป็นยาตัวเดียวกัน ประกอบไปด้วยตัวยา 5 ชนิด คือ รากเท้ายายม่อม รากคนทา รากย่านาง รากชิงชี่ และรากมะเดื่อชุมพร มีสรรพคุณ ช่วยลดไข้ และ แก้ปวด
ส่วน
น้ำมันไพล มีสรรพคุณทางยาช่วย ลดอาการอักเสบ แก้ฟกช้ำ บวม เคล็ด ยอก และปวดเมื่อย โดยใช้ทาบริเวณที่เกิดอาการดังกล่าว
ต่อมา คือ
ยาแก้ไอมะขามป้อม ช่วยบรรเทาอาการไอ เจ็บคอ จิบเมื่อ มีอาการไอหรือเจ็บคอ
ยาผงคำฝอย หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ
ของดอกคำฝอย มีสรรพ คุณช่วย ลดไขมันในเลือดและลดความดันโลหิต ช่วยขับเหงื่อ ส่วน
ยาผงหญ้าดอกขาว สมุนไพรชนิดนี้ จะช่วยลดการสูบบุหรี่ เนื่องจากมีสารไนเตรต มีฤทธิ์ทำให้ประสาทรับรสบริเวณลิ้นรู้สึกชา รวมทั้ง แก้ไข้ ได้ด้วย
สมุนไพรตัวต่อมาเป็น
ยาผงชะพลู ซึ่งจะ ช่วยลดน้ำตาลในเลือด แก้ไอ ละลายเสมหะ ได้
สุดท้าย คือ
เถาวัลย์เปรียง มีสรรพคุณ ช่วยบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ
ในอนาคต เมื่อมีการนำสมุนไพรไทยมาใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น การวิจัยและพัฒนาย่อมเกิดขึ้นตามมา นับเป็นทิศทางที่ดีของ สมุนไพรไทย
ในเมื่อสมุนไพรไทยมีดีอย่างนี้แล้ว เราควรหันมาใช้กันเยอะ ๆ เพราะแน่นอนว่า นอกจากจะไม่มีผลเสียข้างเคียงแล้ว สรรพคุณในการรักษาโรคนั้นยังดีเยี่ยมไม่แพ้ยาแผนปัจจุบันอีกด้วย.
ข้อมูลดีๆ จาก เดลินิวส์ 06/05/2553