โรคคันตา
คันตา หรือคันในตา เป็นอาการที่ทุกคนคงเคยเป็นเพราะอาการคันตาก็เช่นเดียวกับอาการคันส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เป็นต้นว่า คันจมูก คันหู คันตามตัว คันคอ และ...ฯลฯ เรื่อยไป จนกระทั่ง...คันปาก ก็ยังเคยใช่ไหมครับ ?
⇒ สาเหตุ
สาเหตุของการคันที่ในตา มักจะมีต้นตอมาจาก สาเหตุจากการคันตามเยื่อเมือกส่วนอื่น ๆ ของร่างกายและผิวหนังตามตัว นั่นก็คือ
1.ละอองเกสรดอกไม้ ฝุ่น แดด ความร้อน อุณหภูมิเย็นจัด เช่นในห้องปรับอากาศ ร้อนจัด หรือในที่ชื้นอับ ฯลฯ
2.ยาหยอดตาบางชนิดที่เข้าปฏิชีวนะ ที่ผู้นั้นเคยกินหรือทาตามผิวหนังทำให้เกิดอาการคันเพราะแพ้ได้
3.ฤดูกาล โดยเฉพาะฤดูร้อนเป็นกันมาก ฤดูฝนหรือฤดูหนาวไม่ค่อยพบ มักพบในเด็กวัยอนุบาลหรือในประถมต้น ในผู้ใหญ่เกิน 20 ปีพบน้อย
4.การติดเชื้อ โดยเฉพาะเชื้อไวรัส ทำให้มีอาการคันได้เช่นเดียวกับการติดเชื้อหวัด ทำให้คัดจมูก คันจมูก คันคอ ไอ เช่นเดียวกัน
5.พิษจากสารเคมีบางอย่าง เช่น พวกยาฆ่าแมลง ยาฆ่าเชื้อรา ชาวสวนชาวไร่ใช้ฉีดตามต้นไม้ ดอกไม้ ทำลายศัตรูพืช
6.น้ำยา สารระเหยต่าง ๆ เช่น แอลกอฮอล์ น้ำยาฟอร์มาลิน กระทั่งน้ำอบน้ำหอมที่ใช้สเปย์
7.เครื่องสำอางสารพัดชนิดที่ใช้ทาบริเวณใบหน้า ทาขอบตาทาขนตา
8.แมลงชนิดต่าง ๆ ที่บินเข้าตาโดยเฉพาะแมลงปีกแข็งที่มีกลิ่นเหม็นฉุนมาก ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า
"แมลงตด แมลงชนิดนี้บินเข้าตาทำให้ถึงตาบอดได้ ในรายที่โดนแรง ๆ ทำให้กระจกตาดำเป็นแผล
ขอบเปลือกตาไหม้อักเสบ เจ็บ ๆ คัน ๆ ปวดแสบปวดร้อนอย่างมาก
9.พวกพยาธิบางชนิด เช่น ตัวจิ๊ด ถ้าเข้าบริเวณเปลือกตา ทำให้บวม ๆ เจ็บ ๆ คัน ๆได้
เท่าที่ให้ไว้ทั้งหมดนั้นเป็นสาเหตุที่พบได้เสมอ ๆในการออกตรวจโรคตาผู้ป่วยที่มาหาจักษุแพทย์ทั่ว ๆ ไป ส่วนที่เหลือนอกจากที่กล่าวแล้ว อาจมีบ้างไม่มากนัก และก็เป็นเรื่องที่ผู้นั้นมีปฏิกิริยาแพ้ต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างเห็นได้ชัดเจน ยกตัวอย่างเช่น บางคนใส่เลนส์สัมผัส (คอนแทคเลนส์) ใส่ได้ไม่ถึง 24 ชั่วโมง ตาแดงทั้ง 2 ข้าง คันตายุบยิบไปหมด นั่นก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ว่า แพ้เลนส์สัมผัส เช่นนี้ควรจะเลิกใส่ได้ ขืนใส่ต่อไปยิ่งอันตรายมาก หรือบางคนแพ้น้ำในสระลงว่ายน้ำครั้งใดคันตาทุกที อาจแพ้คลอรีนหรือสารที่ใส่ลงไปให้เกิดสีของน้ำ ไม่ทราบว่าถ้าเป็นน้ำในอ่างจะแพ้หรือเปล่า ?
⇒ อาการของโรคคันตา
อาการของผู้ที่แพ้สิ่งต่าง ๆ ดังกล่าว อย่างใดอย่างหนึ่ง จะทำให้มีอาการคันตาหรือขอบตา มีความรู้สึกอยากขยี้ ทั้งนี้เพราะ..ยิ่งขยี้ ยิ่งมัน เช่นเดียวกับโดนยุงกัด หรือผึ้งต่อยมา 3-4 วันแล้ว จะคันบริเวณนั้นจนอยากจะเกาและหยิกให้มันมือไปยังไงก็อย่างนั้นเชียวแหละ
นอกจากคันอันเป็นอาการอันแรกแล้ว ต่อมาจะพบบริเวณนั้น บวมและแดง ถ้าเป็นที่เยื่อตาขาวจะเห็นว่าบวม ย่น จนบางคนตกใจ เมื่อเห็นเยื่อตาขาวตัวเองบวมเต่งและย่น เมื่อเหลือบตาไปทางซ้ายหรือขวา อีกทั้งแดงเหมือนผิวมะเขือเทศสุก หรือเนื้อผมมะไฟสุก (จากการส่องกระจกเงาดูตาตัวเอง)
ถ้าเป็นบริเวณขอบตาหรือเปลือกตา จะเห็นชัดเจนยิ่งขึ้น คือบริเวณขอบตาจะบวมและหนาตัวขึ้นมา คันตรงตำแหน่งนั้นมาก ถ้าเป็นพวกแพ้ยาหยอดหรือเครื่องสำอาง หรือสารเคมีจะเป็นทั้ง 2 ข้าง ขอบตาหนาเป็นผื่นเห่อชัดเจน
⇒ การปฏิบัติตัวและการรักษา
1.ถ้าทราบแน่ชัดว่าน่าจะแพ้อะไรค่อนข้างแน่นอน ให้หยุดการใช้สิ่งนั้นหรือเลี่ยงต่อสิ่งนั้นให้มากที่สุด แล้วกินยาแก้แพ้ ซึ่งอาจจะเป็นคลอร์เฟนิรามีน(ขนาด 4 มิลลิกรัม) 1 เม็ด 3 เวลาหลังอาหารแล้วนอนพัก ประมาณ 24 ชั่วโมงก็จะทุเลา
2.ถ้าภายหลัง 24 ชั่วโมง อาการไม่ดีขึ้นควรรับไปพบแพทย์ ปรึกษาดูว่ามีสาเหตุจากอะไรแน่
3.จะมีอยู่โรคหนึ่งที่เป็นหน้าร้อน และเป็นในเด็กอนุบาลหรือประถมต้นมากที่สุด (ตามสาเหตุข้อ 3.) พวกนี้จะคันตลอดเวลา คันที่เยื่อตาขาว เด็กจะขยี้จนตาแดง น้ำตาไหล เราเรียกโรคนี้ว่า..โรคเยื่อตาอักเสบฤดูร้อน หรือภาษาแพทย์เรียกว่า Sumer Season Conjunctivitis พวกนี้ต้องได้รับการรักษาให้ถูกต้อง มิฉะนั้นเด็กจะคันมากและแดงตลอดเวลา น่ารำคาญ บิดา มารดา หรือผู้ปกครองเป็นทุกข์มาก
4.รู้สึกคัน พยายามเลี่ยงการขยี้ตา หรือถ้าอยากขยี้จนตัวสั่นก็ขยี้พอสมควร ไม่ควรขยี้จนเยื่อตาขาวบวมหรือเปลือกตาบวม จะทำให้รู้สึกตาพร่าได้จากแรงขยี้ เพราะแรงขยี้อาจจะทำให้กระจกตาบวมชั่วคราว
5. ใช้น้ำแข็งก้อนขนาด 3 x 4 มิลลิลิตร หรือขนาดน้ำแข็งหลอดห่อด้วยถุงพลาสติกเล็ก ๆ แล้วเอาผ้าเช็ดหน้าสะอาดห่อถุงพลาสติกอีกชั้นนำมาวางประคบลงบนเปลือกตาข้างนั้น ความเย็นจากน้ำแข็ง (Clod compress)จะทำให้อาการคันและบวมทุเลาไปได้เกือบปลิดทิ้ง หรือถ้าใจร้อนจะเอาน้ำแข็งก้อนขนาดดังกล่าว วางแปะลงไปบนเปลือกตาเลยโดยตรงก็ได้ แต่จะทำให้ตาแฉะเพราะน้ำแข็งละลายเลอะใบหน้าไปหมด และอยู่ได้ไม่ทน
⇒ โรคคันตาอันตรายไหม
ขึ้นอยู่กับสาเหตุ ส่วนมากไม่มีอันตรายมากถึงขั้นตาพิการ ถ้าทราบแน่ชัดว่าแพ้อะไร และหยุดยั้งสิ่งนั้นได้ หรือสามารถให้ยาแก้แพ้ต่อสิ่งนั้นทันที
เคยพบเหมือนกันที่ว่า แพ้ตัวแมลงอะไรไม่ทราบ ทำให้กระจกตาดำเป็นแผลเกิดการอักเสบซ้ำซ้อน ในที่สุดตาพิการ แม้แต่คนไข้ที่โดนงูเห่าพ่นพิษเข้าบริเวณหน้าและเข้าตา ถ้ามารักษาเร็วและทราบว่าเป็นพิษงูยังพอรักษาให้หายได้ทัน
⇒ โรคแทรกซ้อน
ปกติแล้ว โรคแทรกซ้อนจากการแพ้บริเวณเยื่อตาหรือเปลือกตาไม่ค่อยมี เว้นกรณีที่ปฏิบัติตัวไม่ถูกสุขลักษณะ อาจติดเชื้อซ้ำซ้อนได้จากแบคทีเรีย แต่กระนั้นก็ตามที ถ้ามาปรึกษาแพทย์ก็สามารถช่วยให้ยารักษาโรคแทรกซ้อนได้ ถ้าไม่รุนแรงเกินไปจนทำให้กระจกตาดำเป็นแผลและมีหนองดังที่ได้ยก
ตัวอย่างแล้ว
โรคคันตาที่เกิดจากการแพ้แบบเฉียบพลันต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใดจะเป็นอยู่ชั่วคราวเท่านั้น ผิดกับโรคเยื่อตาคันจากฤดูร้อน พวกนี้จะคันตลอดช่วงหน้าร้อน พ้นหน้าร้อนอาการจะหายไป
ข้อมูลจาก หมอชาวบ้าน
เราก็กำลังคันตาอยู่พอดี
เมื่อวานเกาจนตาบวมเลยคะ