Bloggang.com : pigletdora : The Painist : นรกบนดิน

The Painist : นรกบนดิน

หนัง 3 รางวัลออสการ์เรื่องนี้ ผมเพิ่งจะมีโอกาสได้ดูครับ ดูแล้วรู้สึกว่า เป็นหนังในขั้วตรงข้ามของหนังเรื่อง Life is Beautiful

ผู้กำกับ Roman Polanski นำเสนอภาพการของสงครามได้เหี้ยมโหดอย่างที่มันควรจะเป็น แบบไม่ประนีประนอมเหมือนอย่าง Life is Beautiful ที่เราดูแล้ว รู้ได้เลยว่าอย่างนี้มีแต่ในหนัง

สำหรับ The Painist เป็นหนังที่นำเรื่องราวชีวิตของ นักเปียโน คือ สปีลมันน์ (Adrian Bodry) หนุ่มนักเปียโนฝีมือเยี่ยม หนุ่มชาวยิวที่ใช้ชีวิตในโปแลนด์ เมื่อเยอรมันบุกเข้ามายึดเมื่อสงครามโลกครั้งที่สอง หาก Life is Beautiful คือหนังที่พยายามจะแสดงความหวังอันริบหรี่ในสงคราม The Panist เป็นหนังที่แสดงให้เห็นว่า จริงๆ แล้วมันมีหรอกนะ คำว่าความหวัง ในสงครามล้างเผ่าพันธ์ที่โหดร้าย

หนังเริ่มฉายให้เห็นความโหดร้ายของคนที่กระทำต่อคนด้วยกัน ตั้งแต่ระดับเบาๆ การบังคับให้คนยิวต้องติดป้ายแสดงตัวเมื่อยามที่ออกมานอกบ้าน ข้อจำกัดต่างๆ ที่ชาวยิวห้ามทำ ห้ามเดินบนฟุตบาท ห้ามนั่งในเก้าอี้สาธารณะ

ที่สปีลมันน์บอกกับ โดโรธา (Emilia Fox) ระหว่างการเดทว่า สิ่งเดียวที่ผมจะทำได้ก็คือ การยืนคุยกับคุณ เพราะไม่มีใครห้ามให้คนยืนได้ (So, we should just stand here and talk, I don't think we're not allowed to do that.) นั่นเป็นสิ่งเดียวจริงๆ ที่เขาทำได้

เยอรมันเข้ายึดครองวอร์ซอร์ตั้งแต่ปี 1939 จนกระทั่งปี 1944 สำหรับยิวแล้ว ช่วงเวลานั้น การที่ได้อยู่มีชีวิตในตอนนั้น ราวกับพวกเขามีชีวิตอยู่บนนรกดีๆ นี่เอง กลางดึก คุณอาจจะถูกปลุกขึ้นมาแล้วถูกโยนลงมาจากตึก 3 ชั้น หรือ คุณอาจจะถูกทหารเยอรมัน คัดเลือกออกมาจากแถวเพื่อที่จะยิงให้ตายได้อย่างง่ายดาย

ระหว่างที่ดูหนังเรื่องนี้ รู้สึกได้ว่าท้องไส้มันปั่นป่วน มนุษย์มันโหดร้ายได้ขนาดนี้เชียวหรือ จากที่เคยดู Hotel Rwanda ก็ยังไม่รู้สึกขนาดนี้ ฉากหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า การฆ่ายิว สำหรับทหารเยอรมันมันง่ายขนาดไหน ก็คือฉาก ที่นายทหารชี้ตัว ชาวยิวที่ยืนเรียงเป็นแถว ให้ออกมายืน จากนั้นก็ให้นอนกับพื้น ทหารก็เดินยิงเข้าที่หัวไปทีละคน ทีละคน จนกระทั่งคนสุดท้ายกระสุนหมด ก็เปลี่ยนแม็กใหม่ แล้วก็ยิงเปรี้ยง

การใช้ชีวิตอยู่ในนรกมันไม่น่าพิสมัย จนผมอดสงสัยไม่ได้ว่า อะไร ที่ทำให้ สปีลมันน์ ดิ้นรนและทำทุกวิถีทางที่จะรอดตาย เขาไม่เข้าร่วมการต่อสู้ใดๆ เขาไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงกับอะไร เขาร้องขอชีวิตได้กับทุกคน และดูเหมือนเขาจะไม่เข้าใจด้วยซ้ำ ว่าทำไมพวกยิวที่อยู่หลังกำแพง จะต่อต้านด้วย ทั้งๆ ที่รู้ว่าจะต้องตาย จนโดโรธา ต้องบอกว่า พวกเขาตายอย่างสมศักดิ์ศรี

ช่วงสุดท้ายเป็นช่วงที่สปีลมันน์ต้องอยู่อย่างแร้นแค้น Adrain คงต้องลดน้ำหนักไปเยอะที่เดียว ทำให้สภาพของเขาออกมาได้โทรมสุดๆ เหมือนกับไม้เสียบผี ยังไงยังงั้นเลย ฉากที่เขาหลบออกมาจากบ้านก่อนที่จะถูกเผา ปีนออกมาแล้วเจอกับสภาพเมืองที่ล่มสลาย ฉากนี้ทำให้นึกถึงนรกบนดินจริงๆ (ภาพเดียวกันกับภาพใบปิดข้างบนครับ)

ผู้กำกับ Roman Polanski เป็นคนหนึ่งที่มีประสบการณ์เลวร้ายในสงครามโลกครั้งที่สอง เพระเขาก็อยู่ในโปแลนด์เหมือนกัน ผมจินตนาการไม่ออกว่า ชีวิตของคนอย่าง สปีลมันน์ ผู้ที่รอดจากนรกมาได้ เขามองโลกใบนี้เป็นสีอะไร ทุกคืนเขานอนหลับได้อย่างสบายใจหรือเปล่า ?

ผมถือว่า Roman Polanski กล้าหาญมากที่จะกลับมาเผชิญประสบการณ์เลวร้ายนั้นอีกครั้ง ด้วยการมากำกับหนังเรื่องนี้
ขนาดผมซึ่งรู้เพียงผิวเผิน มาดูหนังเรื่องนี้ยังสะเทือนใจเลย แล้วเขาเอง ที่เคยต้องเผชิญหน้ากับมันมา ไม่รู้ว่าระหว่างกำกับหนังเรื่องนี้ เขาต้องหลั่งน้ำตาไปด้วยหรือเปล่า ?

หลังจากดูจบแล้วอดคิดไม่ได้ว่า เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว มันจะเกิดขึ้นอีกหรือเปล่า ? แค่คิดก็สยองแล้วครับ
.........................................................................
คะแนน 8/10
ข้อมูลภาพยนตร์
The Painist (2002)
Director : Roman Polanski
Actor : Adrain Bodry, Thomas Kretschmann

Winner
3 Oscars
Best Actor : Adrain Bodry
Best Director : Roman Polaski
Best Screenplay on Material previously : Ronald Harwood

Create Date : 13 พฤษภาคม 2549

Last Update : 13 พฤษภาคม 2549 18:43:45 น.

2 comments

Counter : 768 Pageviews.

แค่เห็นใบปิดก้อยากดูแล้ว

โดย: นายเบียร์

วันที่: 28 พฤษภาคม 2549 เวลา:1:20:43 น.

ได้ดูหนังเรื่องนี้มานานแล้ว อารมณ์แนวๆ ชิลเลอร์ลิสเลย
ดูแล้วเศร้า เกลียดสงคราม สงสารคนที่ต้องอยู่อย่างสิ้นหวัง

โดย: หัวโต๊โต IP: 124.120.31.164 วันที่: 7 ธันวาคม 2551 เวลา:18:30:56 น.