ชีวิต...คือความหลากหลาย
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2549
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
17 มีนาคม 2549
 
All Blogs
 
ย้อนเวลาหาอดีตไปกับค่ายอาสา วันที่ 1

จันทร์-พุธที่ผ่านมาได้มีโอกาสกลับไปค่ายอาสามา ครั้งนี้เป็นค่ายครั้งที่ 38 แล้ว จากครั้งแรกที่ผมได้มีโอกาสไปก็คือ ค่าย 30 นี่ก็ผ่านไป 8 ปีแล้ว เร็วเหมือนกันนะ

สำหรับคนที่ไม่เคยไม่ค่ายอาสา ขอเล่าสั้น ๆ ว่า ค่ายอาสาเป็นค่ายที่พานักศึกษา ออกไปสร้างอาคารเรียน 1 ชั้น ขนาด 28 X 5 เมตร ส่วนใหญ่ก็จะไปตามเขตภาคอีสาน ครั้งนี้ก็เช่นกัน จัดที่ จ.สุรินทร์

พูดกันตรง ๆ ครั้งแรกที่ผมไป ตอนนั้นปิดเทอมปี 1 ก่อนไปไม่คิดหรอกว่าจะมีอะไรมาก นักศึกษาอย่างเรา จะไปสร้างอาคารเรียนใหญ่ ๆ อย่างนั้นด้วยตัวเองได้ยังไง คิดไว้ในใจว่า ต้องมีช่างมืออาชีพมาคอยช่วย แล้วพวกเราก็แค่เข้าไปช่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ มากกว่า งานสบาย เวลา 17 วันว่าง ๆ ช่วงปิดเทอม ได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำ จ่ายแค่ 50 บาท คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ก็เลยตัดสินใจไป

แต่เมื่อไปถึง ก็พบว่าที่ผมคิดไว้ มันผิดหมดเลย ทุกงานมีแต่นักศึกษาทำเองทุกขั้นตอน ภาพอาคารเรียนเมื่อแรกที่เราไปถึง ก็คือ อาคารที่มีแต่เสา กับพื้นดิน แค่นั้นจริง ๆ แล้วช่วงเวลา 17 วันนั้น พวกเราทั้งหมด ก็เนรมิตรมันขึ้นมาให้เป็นอาคารเรียนได้จริง ๆ

ตั้งแต่ปีแรกผมก็ได้ทำงานแต่งานบนหลังคา หรือที่ในค่ายจะเรียกว่างานฟ้า ฟังดูดีเนอะ แต่ก็ตลกดี ที่คนที่จะทำงานฟ้านั้น ดูยังไงก็ไม่เหมือนนก เหมือนลิงซะมากกว่า เพราะต้องปีนป่าย คืบคลาน ไปตามขื่อตามคาน ต้องเดินไปมา บนไม้แผ่นเล็ก ๆ ต้องเลื่อยไม้ด้วยท่าทางน่าหวาดเสียว

ครั้งนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น น้อง ๆ ก็จัดให้ผมขึ้นฟ้าเหมือนเคย ความสูงของหลังคา ถ้ายืนดูจากพื้นดิน ดูไม่สูงเท่าไหร่ แต่พอขึ้นไปบนนั้น เล่นเอาผมขาสั่น (ขนาดขึ้นมาทุกปีนะเนี่ย) แต่ก็ไม่นาน ความคุ้นเคยก็เข้ามาแทน จะเดินท่าไหน ปีนท่าไหน ขอให้บอก

สิ่งแรกที่เห็นเมื่อขึ้นไปก็คือปลายหัวเสา ที่โดนตัด สำหรับคนที่ไม่เคยเห็น เสาโรงเรียนนั้นจะเป็นเสาไม้เนื้อแข็ง ขนาด 6 X 6 นิ้ว ปกติการตัดนั้นจะใช้เลื่อยไฟฟ้า ทำกันบนพื้นดิน แต่สำหรับปลายหัวเสาแล้ว เราจะต้องใช้แรงและหยาดเหงื่อ ถือเลื่อยมือขึ้นไปบนฟ้าเลื่อยมันด้วยมือเปล่าเท่านั้น

ตอนที่ผมอยู่ปีสอง พวกเราชักชวนเพื่อนหลาย ๆ คนมาช่วยกันเตรียมค่าย งานอย่างหนึ่งที่เราต้องทำก็คือการเลื่อยหัวเสา อุปกรณ์ก็มีเลื่อยมือ กับกล้ามเนื้อ Triceps, Biceps และ Deltoid

สมอึ๊บ เป็นยอดฝีมือในการเลื่อยหัวเสาครับ เสาไหนที่สมอึ๊บเลื่อย หัวเสานั้นจะเรียบเนียนเหมือนเขียงเลย ถ้าเป็นของผม ก็จะมีรอยขรุขระมากบ้างน้อยบ้าง ผมเลยแอบตั้งชื่อให้สมอึ๊บว่า ผู้พิฆาตหัวเสา หลังจากเห็นฝีมือของสมอึ๊บ ผมก็หลีกทางให้สมอึ๊บจัดการซะส่วนใหญ่ ถ้าจำไม่ผิดหัวเสา 27 ต้นของค่ายนั้น เสร็จสมอึ๊บไปเกือบครึ่งแน่นอน

พอขึ้นมาบนฟ้า ก็เห็นหัวเสาตะปุ่มตะป่ำของค่ายนี้แล้ว เลยทำให้อดคิดถึง ผู้พิฆาตหัวเสาของผมไม่ได้ ป่านนี้คงวุ่นวายกับการตรวจคนไข้อยู่ละมั้ง
.............................................................

ทำงานไปครึ่งวันก็เหนื่อยจนกินอะไรไม่ลง พอตกบ่ายอากาศยิ่งร้อนขึ้นไปอีก เล่นเอาผมเกือบเป็นลมกลางอากาศโชคดี ที่มีพายุฤดูร้อนมาช่วยไว้ซะก่อน อากาศเย็นลงทันใด เมฆลอยมาเป็นร่มกันแดดอย่างดี แต่ลมก็แรงจนผมได้แต่ยืนนิ่ง ๆ เพราะกลัวถูกพัดตกจากฟ้า

มองไปไกล ๆ เห็นส้วมสนามกลางทุ่งนา ผ้าใบถูกพัดซะปลิว เสาที่ล้อมเป็นรั้วขอบเขตของห้องอาบน้ำ ก็โยกเยกจนน่ากลัว มองไปเห็นน้องกรรมการ ฝ่ายสวัสดิการ วิ่งหน้าตั้งไปกู้ชีวิตส้วมในความรับผิดชอของตัวเอง เห็นแล้วต้องนึกถึงเพื่อนอีกคนหนึ่ง

ค่ายตอนปีสอง ไอ้บีมาเป็นกรรมการฝ่ายสวัสดิการ แบบเฉพาะกิจ เพราะสวัสดิการ ตัวจริงเกิดอุบัติเหตุทางการศึกษา ไอ้บีก็จะมีหน้าที่คอยซ่อมแซม ห้องน้ำห้องส้วมเป็นงานหลัก น้ำใช้ไม่พอ ในส้วมไม่มีกระดาษ ผ้าใบขาด เสาโยก ห้องน้ำปิดไม่ได้ ที่ตากผ้าอาบน้ำไม่พอ แม้กระทั่งส้วมตัน ก็ต้องไอ้บีนี่แหละที่ต้องทำหน้าที่ไปทะลวง

ป่านนี้มันคงนั่งอยู่หน้า block film ดูปอด ดูกระดูก ดูไส้ดูพุงของใครสักคนอยู่แน่ ๆ อาจจะแอบไอ หรือ จาม
ถ้ารู้ว่าผมบ่นถึง
......................................................................

หลังจากทำงานทั้งวัน พอตอนค่ำ ในค่ายก็จะมีวงบันเทิง เป็นวงสันทนาการ มีเกมส์มาให้เล่น ช่วยให้คนในค่ายได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น

ค่ำคืนแรกในค่ายนี้ ฝนตกทำให้ไม่มีวงบันเทิง ชาวค่ายนั่งคุยกัน บางกลุ่มเล่นกีตาร์ ร้องเพลง ส่วนพวกกรรมการ ก็เดาได้ว่าคงรีบแอบไปนอน มุมไหนมุมหนึ่งแน่ ๆ

ฝนตกตอนกลางคืน บรรยากาศเย็น ๆ ชื้น ๆ ค่ายนี้น้อง ๆ งดวงบันเทิงไปเลย แต่ครั้งหนึ่ง ครั้งนั้นโต๋ว เป็นเวรบันเทิง ฝนก็ตกแบบนี้ โต๋วก็ปรับเปลี่ยนวงบันเทิงจากเดิม มาเป็นการเปิดรายการวิทยุ โดยโต๋วรับหน้าที่เป็น ดีเจ ประจำค่าย ดำเนินรายการ ชวนกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ ร้องเพลง รับส่งกันอย่างสนุกสนาน มีการขอเพลง ให้กันอีกต่างหาก ทำเอาบรรยากาศ หนาว ๆ เย็น ๆ อบอุ่นขึ้นมาทันใด

ผ่านไปหลายปีแล้วนะ แต่วันนั้นก็เป็น วงบันเทิงที่อยู่ในความทรงจำจนถึงวันนี้ เอ ป่านนี้โต๋ว ไปร้องเพลงอยู่ที่ไหนนะ
................................................................

หลังจากน้อง ๆ ชาวค่ายใหม่แยกย้ายกันไปนอนแล้ว ก็ได้เวลาที่กรรมการจะแอบออกมาประชุมกันแล้ว

นั่งล้อมวงประชุม ท่ามกลางแสงไฟตะเกียงจ้าวพายุ พูดกันเสียงค่อย ๆ เพราะกลัวน้อง ๆ จะตื่น คนพูดก็พูดไป คนที่เหลือก็หลับบ้างฟังบ้าง และก็เหมือนทุก ๆ ปี คือกว่าจะประชุมกันเสร็จก็ปาเข้าไปตี 2 ตี 3 เพื่อตื่นขึ้นมา อีกทีตอน ตี 5 ครึ่ง เป็นอย่างนี้ทุกวันทุกคืน เห็นอย่างนี้แล้ว ก็ยังอดคิดไม่ได้ว่า สมัยที่พวกเราเป็นกรรมการทำกันได้ไง ทำงานก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว ยังต้องนอนดึกตื่นเช้าอีก

นึกดูอีกทีสมัยปีสอง ผมแทบจำอะไรไม่ได้เลย ในเวลาประชุม เพราะหลับซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ที่จำได้แม่นคือ ในวงประชุมของพวกเรา มีคู่หูคู่ฮา อยู่คู่หนึ่ง นั่นก็คือ กรรมการฝ่ายพัสดุ แป้ง-อ๋อง นั่นเอง

ไอ้อ่องปกติหน้าตา + น้ำเสียงมันก็ชวนให้ง่วงอยู่แล้ว ยิ่งมาฟังตอนดึก ๆ เล่นเอาฟังไม่รู้เรื่องไปเลย ก็จะมีแป้งคอยดักคอมันบ่อย ๆ แล้วลีลาของแป้งก็ใช่ย่อย ตรง ๆ สั้น ๆ ฟังแล้วอดขำไม่ได้ทุกที

แต่ทุกวันนี้สองคนนี้คงแทบไม่ได้เจอหน้ากันแล้วล่ะมั้ง

ค่ายปีนี้ไม่มีคู่หูคู่ฮา เหมือนค่ายเรา กว่าจะประชุมเสร็จก็เกือบตี 3 ก็เป็นอันว่าจบวันแรกของการมาเยี่ยมค่ายของผมสักที
......................................................................






Create Date : 17 มีนาคม 2549
Last Update : 18 มีนาคม 2549 8:30:05 น. 0 comments
Counter : 574 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

pigletdora
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add pigletdora's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.