...ปล่อยให้รักมันลวงตาต่อไป
<<
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
18 สิงหาคม 2551
 
 
Always : สังคมชนบทและความหมายของครอบครัว

1. หลายๆคนคงรู้สึกว่ากรุงเทพฯเมืองฟ้าอมรนี้คนมันช่างแออัดอะไรเช่นนี้ และรู้สึกไหมว่าเมื่อคนยิ่งมากแต่ความใกล้ชิดกลับมีน้อยลง ทั้งที่เป็นบ้านใกล้เรือนเคียงห่างกันแค่รั้วกั้นแต่กลับไม่เคยคุยกันเลย ผมว่าไม่ได้เป็นเฉพาะประเทศไทยหรอก...มันเป็นกันทั้งโลกแหละ ยิ่งเมืองที่มีความเจริญมากเท่าไหร่ระยะห่างระหว่างกันมันก็ยิ่งห่างขึ้น และหนึ่งในประเทศเหล่านั้นก็น่าจะมีญี่ปุ่นอยู่ด้วยแน่นอน
อย่างที่เราเห็นๆกันอยู่ก็คือญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความเจริญเติบโตรวดเร็วมากโดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี มันเหมือนกับว่านาฬิกาของเขาเดินเร็วกว่าเพื่อนบ้านที่อยู่ในภูมิภาคเดียวกัน และในความเจริญนี้เขาก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีสังคมไม่ต่างจากกรุงเทพฯบ้านเรา
แต่ในความเจริญแบบพุ่งพรวดนั้นก็มีคนคนนึงได้นำเทคโนโลยีในยุคปัจจุบันมาบอกเล่าสังคมในช่วงที่ญี่ปุ่นกำลังจะเปลี่ยนแปลง เขาคนนั้นคือ ทาคาชิ มิยาซากิ และสิ่งที่เขานำมาเล่านั้นก็ออกมาในรูปของภาพยนตร์ นั้นคือ Always : Sunset on Third Street
สิ่งที่เราเห็นในหนังนั้นมันช่างต่างจากสิ่งที่เป็นอยู่ในสังคมเมืองยุคปัจจุบันมาก แต่ผมเชื่อว่าสิ่งที่เห็นมันเคยเกิดขึ้นบนโลกนี้จริงๆ ก่อนที่มันจะโดนเทคโนโลยีและระบบกลไกเศษรฐกิจกลืนกินวิถีชีวิตแบบนั้นให้หายไป ที่เราเห็นคือทุกวันนี้โลกเราต่างอยู่จนไม่รู้ว่าสังคมรอบข้างเป็นอย่างไรบ้าง นาฬิกาของแต่ละคนเหมือนมันจะหมุนเร็วทุกวัน มันเป็นการเข้ามาของโลกทุนนิยมที่ทุกคนน้อมรับมันแม้ปากจะพูดว่าตัวเองไม่ใช่พวกทุนนิยมก็ตาม อีกทั้งมันยังได้พรากเอาวิถีชีวิตแบบชนบทของเราไปด้วย แต่ชาวชุมชนซอยสามแห่งเมืองโตเกียวทำให้เราเห็นว่าก่อนที่โลกาภิวัตน์จะกลืนกินทุกอย่าง...พวกเขามีวิถีชีวิตเช่นไร

วิถีชนบทแบบที่ชาวซอยสามเป็นกันคือช่วยเหลือเกื้อกูลกันแม้ไม่ใช่ญาติ เป็นเพียงเพื่อนบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกันแท้ๆ และเวลามีเรื่องดีๆเกิดขึ้นก็จะมีคนในชุมชนมาร่วมยินดีอย่างมากมายแม้เรื่องนั้นจะเป็นแค่บ้านคุณซูซูกิมีทีวีเครื่องแรกก็ตาม

บางคนอาจจะมองเป็นเรื่องน่าขันที่แค่มีทีวีเครื่องแรกก็มากันทั้งชุมชน แต่ถามจริงๆเถอะว่าเราจะได้เห็นอะไรแบบนี้อีกไหมในยุคปัจจุบัน ไม่ต้องไปไหนไกลหรอกแค่คนที่อยู่ข้างบ้านเรานี่แหละเวลาที่เขาจะจัดงานฉลองอะไรสักอย่าง เช่นลูกชายจะบวช...นอกจากเราจะไม่แสดงความยินดีกับเขาแล้วยังว่าเขาอีกเวลาเปิดลำโพงเสียงดัง แถมบางทียังยกเอาเรื่องอื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับงานบวชนี้มาว่าเขาอีก เพียงเพราะงานของเขามารบกวนเวลาของเรา
ทั้งๆที่ห่างกันเพียงรั้วกั้นแต่หามีความผูกพันไม่...

โลกาภิวัตน์มันกลืนกินทุกสิ่งจริงๆ มันกินจนเหลือเพียงเศษซากของอดีตที่ทิ้งไว้ในคำบอกเล่าของคนรุ่นก่อน ส่วนคนรุ่นใหม่ที่เกิดมาก็ได้แต่รับฟังแต่ไม่อาจย้อนเวลากลับไปมีชีวิตแบบนั้นได้อีกแล้ว เพราะโลกทั้งใบมันได้เปลี่ยนผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานแล้ว





2. ตั้งเราเริ่มได้รับการศึกษามาเราก็ถูกฝังหัวมาว่าครอบครัวต้องประกอบไปด้วย พ่อ-แม่-ลูก (และอาจรวมญาติพี่น้องเข้าไปอีก) จนในที่สุดสิ่งนี้ได้กลายเป็นความหมายของคำว่าครอบครัวไปเลย แต่จุนโนะสุเกะเด็กน้อยมากจินตนาการใน Always หาได้มีครอบครัวเช่นนั้นไม่ แทนที่เขาจะอยู่กับพ่อแม่เฉกเช่นครอบครัวอื่นๆหรือครอบครัวในความหมายของสังคมไทย เขากลับมีคุณน้าชางาวะที่ทำหน้าที่เสมือนพ่อและมีพี่ฮิโรมิเป็นดั่งผู้เป็นแม่ ซึ่งทั้งสองคนนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆกับจุนโนะสุเกะเลย “เป็นคนอื่นแท้ๆ”

สิ่งที่เราเห็นคือมันเป็นการให้ความหมายของคำว่า “ครอบครัว” มากกว่าที่เราเคยได้ยินมา มันไม่จำเป็นเลยว่าองค์ประกอบของครอบครัวจะมีแค่พ่อแม่ลูก มันสามารถเป็นใครก็ได้ที่มีชีวิตเพื่อกันและกันและมีความผูกพันกัน แม้แต่ครอบครัวร้านซูซูกิออโต้ก็ไม่ได้เป็นครอบครัวอย่างที่รู้จัก เพราะการมีอยู่ของโระขุจัง(น่ารักมาก)อาจทำให้เธอกลายเป็นคนนอก แต่สำหรับที่นี่เธอเปรียบเสมือนสมาชิกหนึ่งในครอบครัวซูซูกิ

แต่สำหรับคนไทยแล้วสิ่งที่ถูกสอนกันมาไม่ว่าจะในชั้นเรียนหรือที่บ้าน คำว่า “ครอบครัว”มีความหมายแค่มิติเดียวเท่านั้น ทั้งที่ความจริงแล้วไม่ว่าสมาชิกจะมีไหร่หรือเป็นใครก็ล้วนสามารถเป็นครอบครัวได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนที่ทำงาน อาจารย์ประจำชั้นกับลูกศิษย์ หรือแม้กระทั่งหญิงขี้เหงากับสุนัขก็สามารถเป็นครอบครัวได้ ผมว่าเรามามองโลกให้มันกว้างขึ้นอีกหน่อยดีกว่า แล้วเราจะเห็นอะไรอีกมากมายเลยหรือบางทีไม่ต้องถึงกับมองโลกหรอกแค่มองกรุงเทพฯของเรานี่ก็เห็นอะไรหลายอย่างแล้ว





Create Date : 18 สิงหาคม 2551
Last Update : 18 สิงหาคม 2551 16:12:41 น. 8 comments
Counter : 1500 Pageviews.

 
*+*

บ้านเราก้อเป็นชนบทมาก่อน เรายังเคยได้สัมผัสประสบการณ์ที่ ทั้งหมู่บ้านมีทีวีแค่เครื่องเดียว ทะมายเราจะไม่เข้าใจบรรยากาศ

แต่ยอมรับว่าเมื่อก่อนอบอุ่นกว่าตอนนี้เยอะ


โดย: เรา *+* IP: 124.120.18.79 วันที่: 20 สิงหาคม 2551 เวลา:20:15:44 น.  

 
ชอบทั้งสองภาคเลยครับ
แว่วๆ ว่ามีภาคสาม หากมี ไม่พลาดแน่นอน
ลองอ่านหนังสือ ช่างสำราญ บรรยากาศคล้ายหนังเรื่องนี้ครับ

ทุกรายการหาอ่านได้ใน Blog ผมนะครับ


โดย: คนขับช้า วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:22:32:09 น.  

 
อ่านแล้วทำให้นึกถึงวิถีเศรษฐกิจพอเพียงจังเลยค่ะ

บรรยากาศคงเต็มไปด้วยความอบอุ่น และเรียบง่ายนะคะ

ว่าแต่จะหาดูได้ที่ไหนละเนี่ย


โดย: แค่คนหนึ่งคน วันที่: 24 กันยายน 2551 เวลา:11:04:45 น.  

 
น่ารักมากเลยค่ะ
บรรยากาศก็ดีมากเลย
หาดูที่ไหนไม่ได้เลยค่ะ


โดย: เมธิรา แซตูกู่ IP: 119.42.64.194 วันที่: 26 มิถุนายน 2552 เวลา:12:24:20 น.  

 
รักกันให้มาก.....................................นะ


โดย: ฟ้า IP: 119.42.64.194 วันที่: 26 มิถุนายน 2552 เวลา:12:29:26 น.  

 
รักหนังเรื่องนี้ ทั้งสองภาค แม้จะได้อารมณ์ต่างกัน

อิจฉาความรักความผูกพัน


โดย: ลั่นทมขาว วันที่: 20 สิงหาคม 2552 เวลา:15:17:45 น.  

 
น่าอ่านมากเลยค่ะเนื้อหาก็ดี


โดย: ฟาง IP: 202.149.25.234 วันที่: 26 สิงหาคม 2552 เวลา:17:53:24 น.  

 
ดีมากเลยครับชีวิตที่ดีๆแบบนี้หาได้ยาก
เป็นเรี่องที่ผมชอบมาก ซึ่งมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย
จะเข้าบ้านใคร ออกอย่างงัยก็ได้
เหมือนตอนที่ผมเป็นเด็กเลยครับ
เพื่อนๆเด็กๆด้วยกันจะพากันไปดูทีวีซึ่งไม่ใช่บ้านของใครเลยแต่เขาก็ให้ดูและไมว่าอะไรด้วย


โดย: kaka IP: 202.28.249.180 วันที่: 16 กันยายน 2552 เวลา:13:00:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

komyooth
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ผมชอบดูหนังที่มีพลังทำให้ผมไปคิดต่อได้ แม้บางเรื่องอาจจะไม่ใช่หนังที่ดีเลิศก็ตาม
[Add komyooth's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com