Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
18 กรกฏาคม 2551
 
All Blogs
 
....เขาพระวิหาร อ่านแล้วเข้าใจง่าย ...

ถ้า เปรียบปราสาทพระวิหารเป็น รถยนต์ ศาลโลกตัดสินว่า ตัวรถ เป็นของเขมร ส่วนล้อรถ เป็นของไทย ขอถามหน่อย ถ้าเราพูดว่ารถ ก็ย่อมหมายถึงรถทั้งคัน ซึ่งรวมทั้งตัวรถ และล้อรถใช่ไหม


ดังนั้น ตัวรถ ที่ไม่มีล้อ ก็ยังไม่ใช่รถยนต์ เช่นเดียวกัน ล้อรถ 4 ล้อ ที่ไม่มีตัวรถ ก็ไม่ใช่รถยนต์ ดังนั้น จะเรียกว่ารถยนต์ได้ ก็ต้องรวมกันทั้งตัวรถ และ ล้อรถ เท่านั้น




ดังนั้นถ้าพูดถึงปราสาทพระวิหาร ก็จะไม่ได้หมายถึงตัวปราสาทหลักเพียงอย่างเดียว แต่ยังหมายรวมถึง บันไดทางขึ้น สธูป และเทวะสถานรายรอบตัวปราสาทหลักด้วย ซึ่งไม่สามารถแบ่งแยกได้ ก็เหมือนกับคุณจะไปจดทะเบียนรถยนต์ แล้วบอกว่าจะขอจดทะเบียนเฉพาะตัวรถ ไม่รวมล้อรถ เพราะล้อรถไม่ใช่ของคุณ ก็ไม่สามารถทำได้ นี่คือสิ่งที่เป็นปัญหามาตลอด เพราะเขมรต้องการความชอบธรรมเชิง นิตินัย (ทางพฤตินัยเค้าได้ไปนานแล้ว)




แต่ครั้นจะมาบอก ขอให้ไทยทำสนธิสัญญา บอกว่ายอมรับว่าปราสาทพระวิหารเป็นของเขมร ก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะไทยไม่มีทางยอม เพราะตั้งแต่อดีต เรายื่นคัดค้านมาตลอดว่า แม้เราจะยอมรับในคำตัดสินของศาลโลก แต่เราไม่ยอมรับว่าปราสาทพระวิหารเป็นของเขมร เราไม่เคยยอมรับเชิง นิตินัย แม้แต่วันเดียว




ดังนั้น เขมรผู้ชาญฉลาด ก็หาทางอื่นที่จะได้ความชอบธรรมเชิง นิตินัย เหนือปราสาทพระวิหาร โดยขอยื่นจดทะเบียนมรดกโลก ในนามของเขมร ซึ่งแน่นอน ไทยก็คัดค้าน ว่าในเมื่อบันไดทางขึ้น และสธูป เทวสถานบางส่วนมันเป็นของไทย เขมรจะไปขึ้นทะเบียนประสาทพระวิหารเป็นของตนคนเดียวได้ไง ซึ่งทางมรดกโลก ก็ให้กลับมาตกลงกันก่อน ว่าจะเอายังไง




มาคราวนี้ เขมร ก็ฉลาดอีก บอกว่าจะขึ้นทะเบียนในส่วนของตนคือเอาแค่ตัวปราสาทเท่านั้น ไม่กินดินแดนของไทยเลย แต่เค้าก็ยังจดทะเบียนไม่ได้อยู่ดี เพราะอะไร ก็เหมือนกับเขมรจะเอาตัวรถ ไม่รวมล้อไปขึ้นทะเบียน มันก็ขึ้นไม่ได้ใช่ไหม เลยต้องมาขอความยินยอมจากไทยเจ้าของล้อรถ ว่าเขมรจะขึ้นทะเบียนรถคันนี้ แต่ไม่รวมล้อรถน่ะ ไทยอนุญาตไช่ไหม




ฝ่ายไทย ก็แกล้งโง่หรือไงไม่ทราบ ก็ลงนามยินยอมไป แล้วมาบอกว่า เขมรจะขึ้นเฉพาะตัวรถ ล้อรถยังเป็นของเราอยู่ เราไม่เสียประโยชน์ ซึ่งเป็นการพูดโง่ๆ เพราะถ้าไทยยอมอย่างนี้ เขมรก็จะสามารถจดทะเบียนได้ เพราะได้คำยินยอมจากเจ้าของล้อรถแล้ว




คราวนี้ ปราสาทพระวิหาร ก็จะกลายเป็นของเขมร ถูกต้องตามนิตินัยทันที และจะเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทย ยอมรับทางนิตินัย ว่าเขาพระวิหารเป็นของเขมร แม้จะมีหมายเหตุเล็กๆ ท้ายคำขึ้นทะเบียนว่า ที่ขึ้นทะเบียนน่ะ ไม่รวมล้อรถนะ ก็ตาม แต่ รถคันนี้ก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นของเขมรถูกต้องตามนิตินัยแล้ว




ซึ่งเมื่อวานรัฐมนตรีของไทย ก็ออกมาพูดว่า จะเอาบันไดทางขึ้น และสธูปเทวะสถานรอบๆ ไปขึ้นเป็นมรดกโลกบ้าง ซึ่งก็เป็นการเจตนาโกหก เพราะมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ที่คุณจะเอาเฉพาะล้อรถ 4 ล้อ ไปจดทะเบียน ใครจะไปจดให้คุณ ล้อมันจะมีความสำคัญก็ต่อเมื่ออยู่คู่กับตัวรถ แต่นี่คุณเซ็นยินยอมให้เขมรเอาตัวรถไปจดทะเบียนแล้ว ล้อรถที่คุณมี คุณก็เอาไปทำอะไรไม่ได้



ทางออกที่นักวิชาการบอก รวมทั้งคุณสนธิ พูดมาโดยตลอดคือ ทำไม ทำไม ไม่ยื่นจดทะเบียนร่วมกัน ในเมื่อรถไม่มีล้อ มันก็ยังไม่ใช่รถ มันจดทะเบียนไม่ได้ ซึ่งถ้าไทยไม่ยอม เขมรก็จดไม่ได้แน่นอน เพราะเจ้าของล้อรถไม่ยอม


ดังนั้น เราควรยืนยัน ยื่นจดทะเบียนเป็นเจ้าของร่วมเท่านั้น ไม่ใช่ไปเซ็นยินยอมให้เค้าจดทะเบียน ในนามเค้าคนเดียว


ซึ่งก็มีการออกมาพูดโง่ๆอีกว่า ไทยได้ยื่นขอจดทะเบียนร่วมไปแล้ว
(ซึ่งยื่นไปนานแล้วหล่ะ) แต่เขมรไม่ยอม เขาจะขึ้นในชื่อเขาเพียงคนเดียว เรื่องเลยคาราคาซังกันมายาวนาน เพราะเขมรจะเอาผลประโยชน์ฝ่ายเดียว อยากเป็นเจ้าของปราสาทคนเดียว ทั้งๆที่ตัวเองไม่มีล้อรถ แต่ดันอยากไปจดทะเบียนรถทั้งคัน เป็นของคนๆเดียว





ในเมื่อเขมรเขายังไม่ยอมจดทะเบียนร่วมเลย แล้วทำไมคราวนี้ไทยต้องไปยอมเขา เข้าใจหรือยังหล่ะ ว่าไทย แทนที่จะยืนกรานขอจดร่วม แต่วันนี้ มีรัฐมนตรีใจดี สละสิทธิ์ที่ควรมีของไทย ที่จะเป็นเจ้าของร่วม ไปเซ็นยินยอมให้เขมรเป็นเจ้าของผู้เดียว ทั้งที่ถ้าไทยไม่ยอม เค้าก็ไม่สามารถจดได้ และมันก็เป็นความชอบธรรมของเรา ไม่ได้โกงเค้า เพราะเราเป็นเจ้าของล้อรถ และรถไม่มีล้อ มันก็ไม่ใช่รถ เพราะฉนั้น เราคือเจ้าของรถร่วม ไม่ใช่รถเป็นของเขมร แต่ล้อเป็นของเรา คุณแยกความต่างออกไหม



สิ่งที่เขมรพยายามทำคือ พยายามบอกว่า รถน่ะเป็นของเค้าคนเดียว ไทยน่ะเป็นเจ้าของล้อรถเท่านั้น ทั้งๆที่จริงไม่ใช่ เราคือเจ้าของร่วม เพราะรถไม่มีล้อ ก็ไม่ใช่รถ ไปจดทะเบียนไม่ได้


เลยไม่เข้าใจทำไมถึงไปสละสิทธิในการเป็นเจ้าของร่วม โดยกลับมายอมรับว่าไทยไม่ใช่เจ้าของร่วม แต่ไทยเป็นเพียงเจ้าของล้อรถ คุณเข้าใจถึงผลประโยชน์ที่ไทยเสียไปหรือยัง



คราวนี้มาดูสิ่งที่จะตามมา ที่ว่าการทำแบบนี้ สุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดน ก็เพราะเมื่อเขมรจดทะเบียน โดยไทยยินยอมแล้ว เขมรก็จะได้สิทธิทางนิตินัย ได้ขึ้นชื่อว่าปราสาทพระวิหารเป็นของเขมรโดยชอบธรรม



ดังนั้นพื้นที่ทับซ้อนรอบบริเวณปราสาทที่ยังตกลงกันไม่ได้ เพราะมันก่ำกึ่งเหลือเกินว่าเป็นพื้นที่ของใคร ถ้ามีข้อพิพาท ต้องขึ้นศาลโลกอีกที คุณคิดว่าเค้าจะตัดสินให้ใครล่ะ ระหว่างเจ้าของตัวรถที่จดทะเบียนเป็นเจ้าของรถถูกต้อง โดยความยินยอมเห็นชอบของเจ้าของล้อแล้ว ซึ่งก็คือเขมร




หรือ จะให้ไทย เจ้าของล้อรถเท่านั้น ที่ไม่มีอะไรทางนิตินัยระบุว่าเป็นเจ้าของเลย แถมเคยไปเซ็นยินยอมให้อีกฝ่ายขึ้นทะเบียนฝ่ายเดียวด้วย




เข้าใจหรือยัง คนไทย



Create Date : 18 กรกฎาคม 2551
Last Update : 18 กรกฎาคม 2551 19:48:27 น. 2 comments
Counter : 502 Pageviews.

 
ตามมาอ่าน


โดย: แป๋วภูเก็ต วันที่: 28 กรกฎาคม 2551 เวลา:1:05:03 น.  

 
โอ้เพิ่งรู้นะครับว่า ปราสาทเขาเนี่ยมันมี สี่ล้อ+++เอิ๊กๆ

ขำๆ นะครับ


ชอบมากเลยครับ วันหลังจะให้เจ้าป้าช่วยไปเขียนเว็ปบอร์ดให้นนะครับ


รออีกไม่นานครับ


โดย: กาน AIA IP: 119.42.66.129 วันที่: 25 กันยายน 2551 เวลา:11:29:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจ้าป้ามหาภัย
Location :
ภูเก็ต Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




เข้าใจคน..เข้าใจงาน..เข้าใจควาย..




Phukettinlay...ถึงบล็อคนี้จะไม่สวยใส แต่อิชั้นก็ตั้งใจมอบสาระดีๆ ให้กับท่านผู้อ่านที่หลงทางเข้ามา ได้อ่านเรื่องราวดีๆในบล็อคนี้ได้อย่างสบายตา ขอบคุณทุกคนมากมายค่ะ ที่แวะเข้ามาเยี่ยมเยียน

Friends' blogs
[Add เจ้าป้ามหาภัย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.