โฆษณาที่มาแรงที่สุดในช่วงนี้เห็นจะหนีไม่พ้นโฆษณายืดอกพกถุงยาง ผลงานของสำนักบริหารโครงการกองทุนโลก กรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุข กับโครงการรณรงค์ ป้องกันโรคเอดส์ ภายใต้สโลแกนว่า ยืดอก พกถุงเปิดตัวด้วยโฆษณา 2 เรื่อง ที่สร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมและจากหลายๆ ฝ่าย โฆษณาชุดแรกเปิดตัวคือ มินิมาร์ท (ชายหนุ่มคนหนึ่ง เดินเข้าไปซื้อถุงยางอนามัยที่ร้านมินิมาร์ท เมื่อทุกคนรู้ว่าชายคนนี้ต้องการซื้อถุงยางอนามัย ต่างก็พากันมองด้วยสายตาประณามเหยียดหยาม แต่เมื่อพนักงานขายถามอีกครั้ง ชายหนุ่มก็ตื่นจากภวังค์ และค้นพบว่าความรู้สึกถูกรังเกียจนั้น เป็นเรื่องที่คิดไปเองทั้งสิ้น) ส่วนอีกชุด เรื่อง สถานีอนามัย ชายคนหนึ่ง เดินเข้าไปในสถานีอนามัย เพื่อขอถุงยางอนามัย แต่ด้วยความอายเจ้าหน้าที่ จึงมัวแต่อ้ำอึ้ง ไม่กล้าพูด สถานการณ์เต็มไปด้วยความอึดอัด จนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจตะโกนบอกความต้องการออกมา หลังจากที่ลุ้นอยู่นาน ทุกคนที่อยู่ในที่นั้น ต่างพากันโล่งอก และไม่มีใครมองเขาด้วยสายตารังเกียจเลยแม้แต่คนเดียวเจ้าของโครงการได้ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อบอกว่าวัตถุประสงค์และเหตุผลของการสร้างโฆษณาชุดนี้เพื่อต้องการให้วัยรุ่นทั่วประเทศ มีทัศนคติในเชิงบวกต่อการพกและใช้ถุงยางอนามัย กล้าพกติดตัว และใช้ทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันเชื้อโรคที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น เชื้อรา แบคทีเรีย ไวรัส HIV และป้องกันการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ การออกมารณรงค์ของกระทรวงสาธารณสุขครั้งนี้เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าเรื่องเพศสัมพันธ์ เรื่องที่คนไทยมองว่ามันคือเรื่องเฉพาะ ไม่สมควรนำมาเผยแพร่สู่สาธารณชน กลายเป็นปัญหาวิกฤตของสังคม ที่ต้องแก้ไขอย่างไรด่วนก่อนที่ทุกอย่างจะกลายเป็นเรื่องปกติและสายเกินแก้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาแพทย์หญิงจิราภรณ์ ประเสริฐวิทย์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ออกมาแถลงผลการสำรวจ เรื่องเพศสัมพันธ์ของเยาวชนมีแนวโน้มเสี่ยงสูงขึ้น จากการสำรวจพบว่า เด็กหญิงและเด็กชายมีเพศสัมพันธ์แล้วประมาณร้อยละ 30 ซึ่งเป็นสถิติตัวเลขที่น่าเป็นห่วงมาก เช่นเดียวกับตัวเลขการติดเอดส์ของเยาวชนก็มีแนวโน้มสูงขึ้น สาเหตุส่วนใหญ่มาจากความอยากรู้อยากลอง การได้รับการกระตุ้นจากสภาพแวดล้อม หรือขาดความอบอุ่นจากครอบครัว ซึ่งในปัจจุบันสถาบันครอบครัวไทยเริ่มอ่อนแอลง ส่งผลให้เด็กหันไปพึ่งพาสื่อและเกมมากขึ้น ที่สำคัญการที่ผู้ใหญ่มักดึงเด็กกับเด็กมาเปรียบเทียบกัน ยิ่งส่งผลให้เด็กเกิดความรู้สึกแย่และไร้คุณค่า ทั้งที่เด็กประสบความสำเร็จในชีวิตไม่ใช่เด็กที่เรียนเก่งเสมอไป เนื่องจากเด็กแต่ละคนมีความสามารถหรือความถนัดแตกต่างและไม่เหมือนกัน จึงไม่ควรดึงมาเปรียบเทียบกันปัจจุบันปัญหาเรื่องเพศสัมพันธ์ เป็นปัญหาที่หลายๆ ฝ่ายเป็นห่วงและนับวันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นทุกวัน ไม่ว่าเรื่อง วันรุ่นปัจจุบันนิยมมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร จากการสำรวจพบว่าอายุเฉลี่ยของเด็กที่มีเพศสัมพันธ์นับวันน้อยลงๆทุกปี ซึ่งพบว่าเด็กอายุ 13 ปีก็เริ่มมีเพศสัมพันธ์ แล้วสิ่งที่เป็นการยืนยันได้ดีว่าเพศสัมพันธ์ คือปัญหาใหญ่คือ อัตราของคนที่ติดเชื้อ HIV เพิ่มขึ้นอย่างใจหาย การขยายตัวของคลินิกทำแท้งที่เกลื่อนเมือง หาง่ายพอๆ กับร้านสะดวกซื้อที่ขยายสาขาอย่างต่อเนื่องสาเหตุที่ โฆษณาชุดยืดอก พกถุง นั้นมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์และออกมาโต้เถียง ต่อต้านกันระหว่างคนที่เห็นว่าเหมาะสมและไม่เหมาะสม คิดๆ ไปก็มีเหตุผลกันทั้งสองฝ่าย ฝ่ายที่เห็นด้วยก็มีเหตุผลว่าเราควรจะว่ากันไปตามความเป็นจริงว่าวัยรุ่นตอนนี้มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรจนกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว การประชาสัมพันธ์แบบนี้จึงสมเหตุสมผล ขณะที่ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยก็มีเหตุผลว่ามันเหมือนกับการชี้โพรงให้กระรอก เข้าข่ายส่งเสริมให้เด็กพกถุงยางอนามัยก่อนออกจากบ้าน กลายเป็นว่าเด็กได้มาก็อยากลองดูว่ามันใช้อย่างไร ??? "ถึงขั้นจะฟ้องร้องศาลปกครองกันเลยทีเดียว"ปัญหาเรื่องความเหมาะสมเรื่องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการป้องกันเรื่องเพศสัมพันธ์ในเมืองไทยมีมานานแล้ว เพราะคนไทยมองว่าการออกมาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อนั้น เป็นการส่งเสริมให้เด็กเพศสัมพันธ์ ในความเป็นจริงปัญหาที่เกิดขึ้นก็โทษหน่วยงาน หรือสื่อเพียงอย่างเดียวไม่ได้ เพราะสถาบันครอบครัวคือด่านแรกที่จะอบรมสั่งสอน ให้ความรู้ กล้าที่จะพูดเรื่องเพศสัมพันธ์กับลูก กล้าที่จะสอน ผมว่ามันน่าช่วยลดปัญหาได้บ้างถึงแม้จะได้ทั้งหมดก็ตามในเรื่องนี้มันก็เลยกลายเป็นปัญหาโลกแตกที่แก้ไม่ตกสักที เพราะมันไม่มีใครถูกไม่มีใครผิด ฝ่ายที่มองว่าควรประชาสัมพันธ์และยอมรับความจริงก็มีเหตุผล ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยก็มีเหตุผล แต่ทำอย่างไรมันก็ไม่จบครับ ประเด็นมิใช่เพียงแค่รณรงค์ให้รู้จักยืดอกพกถุง แต่ต้องสอนเพศศึกษาทั้งเด็กผู้ชายและผู้หญิง โดยเฉพาะต้องให้ความรู้ สร้างความใจ เรื่องเพศสัมพันธ์ ที่ถูกต้องลบภาพหรือความเข้าใจที่ว่าเรื่องเพศสัมพันธ์ เป็นควรที่ไม่ควรพูดในที่สาธารณะ และที่สำคัญต้องชี้ให้เห็นถึงผลกระทบของการมีเพศสัมพันธ์หากไม่ป้องกัน
ขอบคุณภาพจาก เว็บไซต์ //www.poktoong.com ข้อมูลจาก BusinessThai
ใครที่คิดว่ามันเปนการส่งเสริมเรื่อง sex
ขอบอกว่าเรื่องแบบนี้มันเกิดตามธรรมชาติและความต้องการ
ไม่ต้องส่งเสริมมันก้เรียนรู้ได้
ป้องกันดีกว่าแก้ไขนะ