Group Blog
 
<<
กันยายน 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
20 กันยายน 2552
 
All Blogs
 
Nanotechnology


เดี๋ยวนี้ มีเครื่องสำอางมากมายที่นำเอา nanotechnology มาเป็นจุดขาย ... ตัวที่เราเห็นกันได้บ่อยที่สุด และเราเชื่อว่าหลายๆ คนคงจะเป็นปลาบเป็นปลื้มกับ products พวกนี้อยู่ ... ไม่ว่าจะเป็น ครีมหรือโลชั่นกันแดด และเครื่องสำอางอื่นๆ อีกมากมาย ... พูดถึงครีมกันแดดแล้วกัน ... เนื่องจาก chemical sunscreen ค่อนข้างจะระคายเคือง และก็จะอยู่ใน oil-base ก็ทำให้หลายๆ คนไม่ค่อยชอบใช้กัน ... แล้วก็หันมาใช้ sunblock เช่น titanium dioxide หรือ zinc oxide เป็นต้น ... แต่ปัญหาของมันคือ อนุภาคมันมีสีขาว พอทาลงไปแล้วก็ทำให้ดูขาววอกๆ ฉาบผิวเอาไว้ ... มนุษย์เราก็ไม่ยอมแพ้ ... ขนาดมันใหญ่เกินใช่มั๊ย ก็ลดขนาดมันลงไปซิ ... เล็กขนาดไหน ... ก็ขนาดที่มองด้วยตาปล่าวไม่เห็นกันเลยทีเดียว ... เท่านั้นแหล่ะ ... ก็ขายดีเป็นเทนั้ำเทท่า ผู้ซื้อก็หวังว่า สารกันแดดเหล่านั้น จะช่วยปกป้องผิวจากการถูกทำลายจากแสงแดด เพื่อสุขภาพผิวที่ดีขึ้น



ถามคำถามสั้นๆ มีใครรู้ว่า nanotechnology คืออะไร และมีการศึกษาข้อดีข้อเสียต่อร่างกายมนุษย์เราๆ หรือไม่ ... ถ้าลองไปหาคำตอบดู คำตอบที่ได้ อาจจะทำให้บางคนเปลี่ยนทัศนคติไปเลยก็ได้

สำหรับเราแล้ว เราหวาดระแวง nanotechnology ที่จะมีต่อสุขภาพเรามานานแล้ว ... ประกอบกับเมื่อหลายวันก่อน (ซักอาทิตย์นึงได้ละมั๊ง) เราก็ดูข่าวไปเรื่อยๆ เปื่อยๆ แล้วก็มาถึงข่าว nanotechnology ก็นึกขึ้นได้ว่าอยากเอาเรื่อง nonotechnology มาเล่าสู่กันฟัง ว่ามันน่ากลัวแค่ไหน

What is Nanotechnology?

มันก็คือเทคโนโลยีที่ทำให้สะสารมีขนาดเล็กมากๆ ... มากนาดไหน ... ขนาดนาโนเมตร เลย ... แล้วนาโนเมตร มันเล็กแค่ไหน? ... 1m = 100cm = 1,000mm = 1,000,000,000nm ... ค่ะ ใน 1 เมตร เท่ากับ หนึ่งพันล้านนาโนเมตร ... หรือ 1 มิลิเมตร เท่ากับ หนึ่งล้านนาโนเมตร ค่ะ ... แล้ว 1nm เนี่ยมันเล็กแค่ไหน ... แน่นอนว่า สายตามนุษย์อย่างเราๆ มองไม่เห็นแน่ๆ ... ลองนึกถึงไวรัส (ที่เข่นฆ่ามนุษย์เราอยู่ทุกวี่วันเนี่ย) นะคะ 1nm เนี่ย มันเล็กกว่าไวรัสถึง 100 เท่าเลยค่ะ ... แค่นึกถึงไวรัสที่มันเดินทางเข้าออกร่างกายมนุษย์ไปถึงไหนต่อไหนกันได้อย่างสบายใจขนาดนั้น ... แล้วเคยคิดกันบ้างมั๊ยว่า เจ้า nano titanium dioxide ที่เราทาผิวไว้เพื่อกันแดดเนี่ย มันจะเป็นยังไง มันจะหยุดอยู่เฉยๆ ฉาบอยู่ที่ผิวเราหรือเปล่า????



Applications of Nanotechnology

ปีสองปีมานี้ เราจะเห็นได้ว่า มีการใช้ nanotechnology กับอย่างแพร่หลาย ... ไม่ว่าจะเป็นทางการแพทย์ เช่น ยา, drug delivery systems, diagnostic devices, treatment, อุปกรณ์อิเลคทรอนิค, การสื่อสาร, การอุตสาหกรรม, และแน่นอน รวมไปถึง consumer products ที่เราๆ ซื้อๆ ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ด้วย (ปล. มีศัพท์ภาษาไทยของคำว่า consumer products มั๊ยคะ เรานึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก) ... นี่ยังรวมไปถึงวัตถุกันเสีย สารกันบูดที่ใส่ลงไปในอาหารสำเร็จรูป และ สิ่งของต่างที่เรากิน ที่เราใช้ๆ กันด้วยค่ะ ... แค่นั้นยังไม่พอค่ะ เค้ายังใช้ nanotechnology ในการเพิ่มคุณค่าทางอาหาร และก็ทำให้อาหารรสชาติดีขึ้นอีกด้วยค่ะ ... เปลเด็กทารก ของเล่น ก็มีสารนาโนเทคโนโลยีเคลือบไว้ (นั่นเด็กทารกนะคะนั่น) ... ได้มีการคาดเดาไว้ว่า ภายในปี 2015 จะมีผลิตภัณฑ์จาก nanotechnology มูลค่าถึง $1 trillion เลยทีเดียวค่ะ



ผู้บริโภคอย่างเราๆ ก็ ติต่างไปว่า เค้าได้มีการศึกษาผลกระทบกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เค้าจึงปล่อยออกสู่ตลาด ให้ผู้บริโภคอย่างเราๆ ... ถ้าใครคิดอย่างนั้นละก็ คุณมองโลกในแง่ดีเกินไปแล้วค่ะ ... ระบบการค้าในปัจจุบัน คือ ถ้าไม่มีคนฟ้อง ไม่มีหลักฐาน ความก็ไม่เกิดค่ะ ... ง่ายๆ แค่นี้เอง ... มนุษย์ก็คือมนุษย์ ไม่ได้สูงส่งไปกว่ามนุษย์ปุถุชนคนอื่นๆ ค่ะ

Health Work on Nanotechnology

ความรู้ nanotechnology ยังเป็นอะไรที่ใหม่มากๆ สำหรับมนุษย์ ... ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ ตั้งหน้าตั้งตาพัฒนาเจ้าเทคโนโลยีนี้อย่างไม่หยุดยั้ง ... โดยไม่ค่อยมีการศึกษาผลกระทบต่อสุขภาพมนุษย์เราๆ อย่างจริงๆ จัง ... อย่างมากก็บอกว่า its risks and benefits are still being examined and evaluated ... อึม is being examined ค่ะท่านผู้ชม ... เมื่อไหร่เปลี่ยนเป็น have been examined เราก็ต้องรอคอยกันต่อไป ... ป่านโน้น ไม่รู้ว่าจะสายเกินไปหรือเปล่า

ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับ DDT หรือเปล่าคะ ... DDT is good for me-e-e ลองดูโฆษณาอันนี้ดูซิคะ


คลิ๊กเพื่อดูภาพขยายค่ะ



อาบ DDT ค่ะ


มีการโฆษณาและรณรงค์ว่า DDT เนี่ย ไม่อันตรายค่ะ ... โฆษณาทางทีวี ... เดี๋ยวนี้เป็นไงคะ?

ลองดูนะคะเมื่อก่อนเค้าใช้ DDT กันยังไง //vids.myspace.com/index.cfm?fuseaction=vids.individual&videoid=5320744

อันนี้ดูแค่ช่วงต้นๆ ก็พอค่ะ เอา DDT มาฉีดกันอย่างหน้าชื่นตาบาน https://www.youtube.com/watch?v=LQ64sV0nSVU&feature=player_embedded

นี่เป็นอีกตัวอย่างนึงเกี่ยวกับ skincare ค่ะ นี่สงสัยจะเป็นผลพวงของการค้นคว้าของ Albert Einstein (ก็เหมือนกับ nanotechnology ในตอนนี้) เล่าโฆษณาให้ฟังสั้นๆ ละกัน ... เริ่มต้นว่า ผู้หญิงเราแต่งหน้าแล้วล้างหน้าไม่สะอาด มันก็จะไปอุดตัน ... เค้าก็เลยนำเสมอ cold cream รุ่นสุดยอด ... ที่ช่วยล้างเอาสิ่งสกปรกออกมาไม่เหลือ ... มันมีส่วนผสมวิเศษค่ะ ... มันคือ สารกัมมันตรังสีค่ะ ... ค่ะ เอาสารกัมมันตรังสี มาใส่ในครีม เพื่อทำความสะอาดผิวหน้าค่ะ ... สยองไปเลย https://www.youtube.com/watch?v=9Q1gksqqhLU&feature=player_embedded

นี่คือตัวอย่างของการนำเทคโนโลยีมาใช้ก่อนที่จะมีการศึกษาผลกระทบของมันอย่างเพียงพอค่ะ

CBC News

ตอนที่เราดูข่าว (เราหาข่าวเก่าใน internet แล้วไม่เจออ่ะ) จำได้ว่ามี 2 universities อันแรกคือ McGill และอีกอันนึง Rochester หรือเปล่า (ถ้าจำผิดขออภัยค่ะ) ... คือ เค้าได้มีการทดลองเอาอะไรบางอย่างที่ขนาดนาโนเมตร (nanoparticle) ไปทาบนผิวหนังคน (ที่ตัดมาจากพวกคนที่มาผ่าตัดลดความอ้วน) แล้วก็กำลังทดลองอยู่ และก็ยังอยู่ในระยะเริ่มต้นมากๆ ยังสรุปอะไรไม่ได้ แต่ เค้าบอกว่า เท่าที่รู้ คือ แน่ๆ หากเรามีแผล หรือ เป็นสิวเนี่ย แล้วมันเข้าไปแน่ แต่มันเจ้าไปทำอะไรเนี่ย เรายังไม่รู้ได้แน่ชัด ต้องใช้เวลาในการศึกษาอีกนานค่ะ



และข่าวไม่นานมานี้ เจ้า PAMAMs หรือ polyamidoamine dendrimers ที่เราใช้ๆ กันใน cosmetics เนี่ย อาจจะมีส่วนในการทำลายปอดเราด้วย ... แล้วก็มีหลักฐานพบว่า PAMAMs เนี่ยมันฆ่าเซลล์ปอดด้วย ... ตอนนี้ในหัวเราก็นึกถึง microfine loose powder (10^-6) ถ้าวันเราทำให้มันเล็กกว่าไมโครเมตรเป็น นาโนเมตร (10^-9) มันจะเป็นยังไงนะ

ลองนึกถึงเวลาเราทา titanium dioxide หรือ zinc oxide ที่มีขนาดเล็กกว่าเชื้อไวรัส 100 เท่า ลงไปบนผิวหน้าของเรานะคะ ... เล็กๆ ขนาดนั้น ยิ่งถ้าเป็นสิวหรือเป็นแผลด้วยละก็ ... แล้วถ้าผ่านไป ... มันจะเดินทางไปส่วนต่างๆ ของร่างกายเรา และก็ไปสะสมอยู่ในนั้น ... พอนานเข้า จะเกิดอะไรขึ้น เราก็ยังไม่อาจจะรู้กันได้ ... ได้มีการตรวจพบ nanoparticle ในปอดและสมอง ... และก็มีผลการทดลองที่เชื่อว่า nanoparticle หากเข้าไปในร่างกายเราแล้วเนี่ย มันจะไปก่อให้เกิดเนื้องอก และกลายเป็นมะเร็งได้ ... เพียงแค่นี้ ก็น่าจะเป็นอะไรที่ทำให้มนุษย์เรา หยุดความชุ่ยไว้ก่อน หันมาศึกษากันให้ดีก่อน เราปลอดภัยไว้ก่อนกันดีกว่า ... อย่าเพิ่งไปเสี่ยงกับมันดีกว่าค่ะ



ในเมื่อเรามองเห็นกันได้ ว่า ขนาดมันเล็กเกินไป และมันสามารถเดินทางไปตามที่ต่างๆ ของ ร่างกายได้ ... กฎหมาย ควรจะกำหนดกฎเกณฑ์ได้แล้วว่า หากสินค้าชิ้นใดใช้ nanotechnology ควรระบุไว้ที่ฉลากให้ชัดเจน และก็ต้องระบุโทษของวัตถุดิบตัวนั้นไว้ด้วย ... ตอนนี้ได้ข่าวว่าแคนาดากำลังจะเริ่มผลักดันออกกฎหมายให้ว่า หากบริษัทไหนมีการใช้ nanoparticle มากกว่า 1kg จะต้องมีการแจ้ง และส่งผลข้อมูลต่างๆ ให้หน่วยงานของรัฐด้วย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปได้กี่น้ำ เพราะ Ottawa ก็โบ้ยไปเรื่อย บอกว่ายังไม่มีหลักฐานเพียงพอ ... ใครจะรู้ว่า วันนึงหากพวก nanoparticles ที่ทำๆ กันเนี่ย ฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศ ... จะทำยังไง??? มันสูดเข้าไปชื่นใจดีมั๊ย??? ... สงสัยจะเข้าทำนองที่ว่า ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา

สุดท้าย ... คำถามที่มีอยู่ในใจเราก็คือ ... มันจำเป็นด้วยหรือ ที่เราจะต้อง walk down this road???? ... วัตถุกันเสีย มันต้องเล็กขนาด nano ด้วยหรือ? จำเป็นต้องเอานาโนมาเพิ่มคุณค่าทางอาหารด้วยหรือ? จำเป็นต้องใส่ถุงเท้าที่ไม่มีกลิ่นด้วยหรือ (นี่ใจคอจะไม่ซักกันหรือไง)? จำเป็นต้องเอานาโนไปฉาบโน่นฉาบนี่หรือ? ... หรือเพียงแค่อยากจะพิสูจน์ให้พระเจ้าหรือใครต่อใคร เห็นว่า ช้าาาาาน ทาาาาม ด้าาาาาย???

แหล่งข้อมูล ... หลักๆ เอามาจาก //www.cbc.ca และก็ //www.hc-sc.gc.ca ค่ะ มันหลายๆ หน้ารวมๆ กัน จำไม่ได้แล้ว ขี้เกียจ list หล่ะค่ะ ... ฝากกันไปอ่านเล่นๆ ยามว่างค่ะ

เรียบเรียง ... ผสมกันมั่วๆ จากในหัว




Create Date : 20 กันยายน 2552
Last Update : 21 กันยายน 2552 12:30:48 น. 20 comments
Counter : 2480 Pageviews.

 
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ นะคะ


โดย: กsะต่าeน้อe (ดูดีในที่มืด ) วันที่: 20 กันยายน 2552 เวลา:14:20:21 น.  

 
กำลังสงสัยเจ้าตัวนาโนนี้อยู่เหมือนกันค่ะ ว่ามันปลอดภัยจริงหรือเปล่า ขอบคุณมากค่ะที่เอาเรื่องราวดี ๆ มาแบ่งปัน


โดย: chadapha IP: 83.108.202.222 วันที่: 20 กันยายน 2552 เวลา:15:06:29 น.  

 
เคยผ่านตาเรื่องที่มีการท้วงเรื่องการเอานาโนเทคฯมาใช้ในคสอ.บ้างเหมือนกันค่ะ ว่ามันจะไปสะสมในร่างกายไม๊

ไม่รู้ว่าที่ไทยมีใครวิจัยเรื่องนี้บ้างรึป่าว


กรรมก็ตกอยู่กับผู้บริโภคตาดำๆแบบเราต่อไป ที่เวลาจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อะไรต้องศึกษาผลดี ผลเสียกันเอาเอง เพราะเชื่อตามโฆษณา(ที่มักจะปั้นแต่งให้สวยหรู)ไม่ได้เลย




HAVE A NICE WEEKEND นะคะ


โดย: alekay วันที่: 20 กันยายน 2552 เวลา:17:29:23 น.  

 
สนใจเรื่องนี้อยู่เหมือนกันค่ะคุณฟีบี้
เพราะรู้สึกว่ามันน่าจะต้องมี side effect ในระยะยาวแน่ๆ
(หรืออาจจะไม่ยาวอย่างที่คิด ^^')
บางทีเราก็คิดว่าบางอย่างมันไม่จำเป็นต้องพยายามทำขนาดนั้นก็ได้นี่นา
เหมือนยิ่งทำยิ่งทำลายสิ่งที่ธรรมชาตืสร้างมา จริงๆ (อ่าเริ่มพล่าม แหะๆ)

ยังไงก็รอติดต่อดูต่อไปเนอะคะ ^^


โดย: ดช.หัวตะปู IP: 123.220.56.190 วันที่: 20 กันยายน 2552 เวลา:17:38:37 น.  

 
ได้ความรู้ขึ้นเพียบเลย


โดย: malaguena วันที่: 20 กันยายน 2552 เวลา:17:53:59 น.  

 
กำลังฮิตกันอย่างไม่ลืมหูลืมตา โดยเฉพาะวงการเครื่องสำอางไทย เอาให้เป็นภาษา
อังกฤษเข้าไว้ ดูหรูดูไฮโซดูน่าใช้ขึ้นมาทันที แต่ยังไม่รู้เลยว่ามันคืออะไร มีผลอย่างไรกับร่างกาย


โดย: phukboong69 วันที่: 20 กันยายน 2552 เวลา:21:20:32 น.  

 
จริงๆ ไม่ใช่เฉพาะวงการเครื่องสำอางไทยนะคะ เราต้องบอกว่า ทุกที่ในโลกนี้ดีกว่าค่ะ ไม่ว่าจะเป็น พี่ยุ่น พี่เมกัน พี่ยุโรป ... และไม่แค่เครื่องสำอางเท่านั้น ... ทุกวงการค่ะ อาหาร ยา เสื้อผ้า เครื่องนุ่งหม ทุกอย่างในโลกนี้ ขนาดเสื้อผ้า บางทียังเอานาโนเทคโนโลยีมาผสมกับใยผ้า ให้รีดง่าย ให้ปราศจากกลิ่น ... ไม่รู้จะสนุกสนานเล่นของเล่นใหม่นี้กันไปถึงไหน ... น่ากลัวมาก


โดย: Phoebe Buffay วันที่: 21 กันยายน 2552 เวลา:5:28:59 น.  

 
consumer products น่าจะเรียกว่าเครื่องอุปโภคบริโภคมั้งคะ แปลกๆเนอะ55 ไม่ชินกับคำนี้เลย

แล้วปัจจุบันนี้เราจะสังเกตได้ไงคะว่า คสอ.ที่เราใช้อยู่มันใช่nanoรึเปล่า ถ้ามันไม่ได้เขียนไว้ ถ้าให้ปลอดภัย ยอมทากันแดดที่ขาววอกดีกว่ามั้ย เพราะบางทีก็เป็นสิวแล้วชอบไปแกะมัน อิอิ


โดย: แป๋ม IP: 10.90.4.52, 202.28.181.11 วันที่: 21 กันยายน 2552 เวลา:8:55:24 น.  

 
เห็นเพิ่งผ่านๆ ตา เรื่องข้อเสียของเรื่องนาโนเทคโนโลยีเมื่อเร็วๆ นี้ จากที่ไหนซักแห่ง 555 คิดว่ามันมีประโยชน์ในบางอุตสาหกรรม เช่น เสื้อผ้า เทคโนโลยี แต่กับเรื่อง ของกินของใช้ ยังดูว่า น่าจะมีการตรวจสอบอย่างที่ว่าจริงๆ นะ ว่าเล็กขนาดนั้น เท่ากับซึมเข้าผิว และอวัยวะได้เร็วและมากขึ้นตามปริมาณการกิน การใช้ แล้วส่งผลเสียสะสมขนาดไหน ยิ่งพวกสารพิษด้วยแล้วละก็ น่าคิดมากๆ

consumer products สินค้าอุปโภคบริโภค


โดย: ชฎาแหลม วันที่: 21 กันยายน 2552 เวลา:9:47:06 น.  

 
ในไทยเคยเห่อเสื้อนาโนอยู่พักนึง บอกว่าไม่ต้องซักงู้นงี้ ไม่มีกลิ่น พอเอาเข้าจริงๆใครจะไม่ซัก เรามีอยู่ตัวซักแล้วก็หดๆๆๆๆ เฮ้อ...งี้ใส่เสื้อธรรมดาไม่ง่ายกว่าเหรอ

พวกคสอ.เี่ราก็ว่าน่ากลัวนะ ที่ว่าอนุภาคเล็กลงๆ ยังงี้ใชุ้ทุกวันไม่สะสมแย่เหรอ

ปล.เพิ่งจะเคยเห็นเรื่องรณรงค์การใช้ DDT จากคุณฟีบี้เนี่ยแหละค่ะ น่ากลัวจัง


โดย: ningpotter IP: 202.183.183.226 วันที่: 21 กันยายน 2552 เวลา:10:27:47 น.  

 
อ่านแล้วน่ากลัวจังค่ะ..... เห็นด้วยอย่างยิ่งเลยว่าที่ทำๆกันทุกวันนี้เพียงเพื่อพิสูจน์ว่าชั้น...ทำ...ได้...หรอ ?


โดย: yoko วันที่: 21 กันยายน 2552 เวลา:15:07:18 น.  

 
อืม..ใช้ไปสองขวดแล้ว...กรรม


โดย: srn IP: 202.183.233.218 วันที่: 22 กันยายน 2552 เวลา:17:36:37 น.  

 
ขอบคุณมากๆค่ะที่แบ่งปันความรู้กัน



โดย: cocoa IP: 69.158.186.168 วันที่: 23 กันยายน 2552 เวลา:5:55:57 น.  

 
หืมมมม


ต้องขอขอบคุณๆพี่บี้อีกแล้วที่เอาสาระดีดีมาให้อ่านกัน

อ่านแล้วน่ากลัวทีเดียว เสื้อผ้านาโน น่ากลัวถ้าขุยผ้ามันปลิวเข้าไปในจมูกเราละล่ะค่ะ


ขอบคุณมากนะคะ เนื้อหาที่พี่บี้เรียบเรียงมาก็ดีมากๆเลยค่ะ เข้าใจง่ายดี


โดย: เปิ้ลค่ะ IP: 118.172.28.68 วันที่: 23 กันยายน 2552 เวลา:10:53:58 น.  

 
ขอบคุณ คุณฟีบี้มากที่เขียนเรื่องนี้นะฮะ มีประโยชน์มาก แล้วก็ทำให้ แพนิคไปเลยเหมือนกัน ต้องกลับไปดูว่าเราบริโภคสิ่งเหล่านี้บ้างรึปเปล่านะเนี่ยะ

ขอบคุณมากๆนะครับ


โดย: allmyBEST IP: 58.8.213.49 วันที่: 26 ตุลาคม 2552 เวลา:15:57:14 น.  

 
แล้วก้จะผลิตยา+สินค้าปลอดสาร ในราคาสูง... ออกมาขายติดๆ :)

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีดีค่ะ


โดย: dark side วันที่: 6 ธันวาคม 2552 เวลา:17:32:25 น.  

 
ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ นะพี่ฟีบี้ ^^


โดย: ิฺำBeauok IP: 58.9.145.2 วันที่: 19 ธันวาคม 2552 เวลา:9:26:41 น.  

 
น่ากลัวค่ะ กันแดดนาโนอะไรเนี่ย คิดว่ามันกันแดดสู้กันแดดที่หน้าวอกๆไม่ได้ด้วยซ้ำแต่ดันขายแพงกว่าเพราะทาแล้วดูสวยกว่า แต่เอาโลหะหนักมาทาเข้ากระแสเลือดนี่ไม่คุ้มค่ะ
ส่วนพวกดูแลผิวที่เป็นนาโนเนี่ย เราว่าไม่น่าอันตรายเพราะไอ้ตัวนาโนมันทำมาจากเลซิติน


โดย: jkl IP: 118.172.62.131 วันที่: 13 เมษายน 2553 เวลา:17:45:14 น.  

 
มันคงพอ ๆ กะ กินบาร์บีคิวที่ย่างไหม้ ๆ เครียด ท้องผูก กินของมัน กินของร้อนในกล่องโฟม ฯลฯ ละมั้งคะ ทุกอย่างบนโลกดูจะเป็นสารก่อมะเร็งไปหมด เหอะ ๆ ลองคิดดูตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้าไปทำงาน เจอมลภาวะมากมายแค่ไหน ไหนจะคนสูบบุหรี่ กินเหล้า หรือแม้แต่ในมื้ออาหารที่เรากินทุกมื้อ โอ้ มากันเต็ม ๆ หลีกหนีไม่ได้หรอกค่ะ ดิฉันว่าไม่ต้องทำอะไรแล้วมั้งคะ อิอิ

ขอบคุณข้อมูลดีดีค่ะ เป็นประโยชน์มาก ๆ


โดย: เอ่อ ... IP: 125.24.190.250 วันที่: 6 พฤศจิกายน 2553 เวลา:1:48:09 น.  

 
บางที นาโนมากๆก็น่ากลัวนะนี่


สั่งของ iherb iherb>


โดย: narusu วันที่: 15 สิงหาคม 2556 เวลา:11:52:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Phoebe Buffay
Location :
ทุ่งหญ้า Canada

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 173 คน [?]




"It's Phoebe! That's, P as in Phoebe; H as in hoebe, O as in oebe; E as in ebe; B as in bebe; and E as in ... Ello there mate." Friends

There is no copyright here, unless otherwise specifically mentioned. If you find it useful, just take it. Thanks!

CHAT BOX



LAST UPDATES
LOSEING WEIGHT (BBC)
SKINCARE MINI SERIES
FAVORITES

Friends' blogs
[Add Phoebe Buffay's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.