วันนี้ได้ฤกษ์งามยามดี เห็นว่า Da Vinci Code เข้าโรงถูกแล้ว ... ก่อนอื่นที่นี่เนี่ย ... ถ้าหนังใหม่ตั๋วจะราคาแพง ... เราก็ไม่ค่อยไปดูหรอก แต่จะไปดูหนังเก่า หน่อย (2-3 เดือน หลังจากออกโรงหนังธรรมดาแล้ว) จ่ายน้อยกว่าเยอะ ... เอาเป็นว่า เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว The Da Vinci Code เข้า ด้วยความที่อยากดูมาก เพราะเราอ่านจากหนังสือแล้วชอบ ก็เลยจะไปดูแบบหนังซักหน่อย ... โรงหนังอยู่ไม่ไกล ... หลังจากอาหารเย็น ก็เดินไปดูรอบ 9pm ... คนเต็มโรง ไปช้าหน่อย (ก่อนหนังฉาย 10 นาที) เลยต้องไปนั่งแถวหน้าสุด ... เมื่อโค้ดๆ (ต้องแหงนหน้าดู นิดนึง)
ก่อนอื่นพูดถึงหนังสือเล็กน้อย ... อ่านแล้วตื่นเต้นเร้าใจมากค่ะ ... สนุกมาก ... อ่านแล้ววางไม่ลง มีเรื่องตื่นเต้นเร้าใจตลอด ... จะมีน่าเบื่อก็ตรงเล่าเรื่องความหลังของ Silas เล็กน้อย ... แต่ก็สั้นๆ ไม่น่ารำคาญมาก
พอหนังเริ่มฉาย ... ก็โอเคๆ พอรับได้ ... ถึงแม้จะผิดเพี้ยนไปบ้างเล็กน้อย ... จุดสำคัญๆ อย่างเช่นการใช้โทรศัพท์มือถือของ Sophie Neveu แทนที่จะเป็นของ Bezu Fache นี่ก็ไม่น่าจะละเลย (มันเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้ Fache รู้ว่าถูกหลอก) ... แต่ไม่เป็นไร ... จะให้หนังทำเหมือนหนังสือเด๊ะๆ ก็ไม่แฟร์นัก ... ก็พยายามดูเหมือนดูหนังเรื่องอื่นๆ ... อ้อ Silas ดูน่ารักกว่าตอนที่เรานึกไว้ในหนังสือนะ
ดูไปซักพักก็เริ่มขัดข้องหมองใจเล็กๆ ... จู่ๆ Robert Langdon และ Sophie Neveu ก็มาที่บ้านของ Leigh Teabing หน้าตาเฉย ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย แล้วก็ไว้ใจขนาดเล่าทุกอย่างให้ฟัง ... เค้าควรจะเท้าความให้ฟังก่อนว่า ทำไม Langdon ถึงไว้ใจ Tibian มากขนาดนี้ แล้วตอนที่อธิบายเกี่ยวกับ SangReal เนี่ยไม่เข้าใจว่าทำไม่ต้องโชว์ออกทีวี sony wide screen ด้วย ... อิๆๆ
ตอนอธิบายเกี่ยวกับ The Last Supper ก็ ... โหย Cool เหลือเกิน
อ้อ แต่เจ้านี่ ... ชอบค่ะ ... ตอนอ่านนึกภาพไว้ประมาณนี้เลย ... ชอบตรงที่เค้าทำอธิบายกลไกข้างในด้วย ... น่าสนใจดีค่ะ
ที่ติดใจอีกนิดหน่อยก็ตรงที่เฉลยว่าใครเป็น The Teacher เราว่ามันเดาง่ายไปหน่อย ... แต่เราก็เข้าใจว่ามันค่อนข้างยากที่จะทำให้ตื่นเต้นเร้าใจภายในเวลาสั้นๆดูไปเรื่อยๆ ก็โอเคดีนะคะ ... แต่ขัดใจอย่างแรงตอนจบ ... เราว่าเค้าเปลี่ยนตอนจบ ไป ดูไม่เข้าท่าเอาซะเลย ... อยู่ดีๆ หนุ่มคนที่ดูแลโบสถ์ (ซึ่งควรจะเป็นน้องชาย หรือพี่ชาย แท้ๆ ของ Sophie) ก็ไปตามสมาชิก The Priory of Sion มาเยอะแยะภายในเวลาอันสั้นๆ (คิดได้ไง) ... ขัดใจอย่างแรง เราว่าตอนจบในหนังสือ ... ประมาณว่า Sophie จากที่เคยคิดว่าตัวเองไม่มีใครในโลกนี้แล้ว เหลือตัวคนเดียว ... ในที่สุดก็ได้กลับมาพบครอบครัวที่ยังเหลืออยู่ ... ทำให้รู้สึกอบอุ่น มีความสุข happy ending แบบนี้ดีกว่าแล้วตอนที่เราอ่านในหนังสือ ... เราไม่คิดว่าเค้าพูดไว้ว่า Jacques Sauniere ไม่ได้เป็นปู่ของเธอจริงๆ ... แต่ก็ไม่ได้ระบุไว้ว่าเป็นปู่จริงๆ ... แต่เท่าที่เห็นเค้าเขียนอธิบายถึงการได้พบกันอีกครั้งหนึ่งของครอบครัว ... เราคิดว่าน่าจะเป็นปู่จริงๆ ... เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น ... ปู่ก็ดูแลหลานสาว ... ย่าก็ดูแลหลานชาย ... แยกกันอยู่ ถ้าคนใดคนนึงเป็นอะไรไป Jesus blood line จะได้ไม่สูญหายไปทีเดียวสองคนเอาเป็นว่าก็พอใช้ได้ ... แตแน่นอนว่าสนุกสู้หนังสือไมได้เลย ... ปกติเราไม่ใช่พวกบ้าอ่านนิยาย ... อ่านไม่เกินปีละเล่ม ... อิๆ ... เอาเป็นว่า ใครอยากลองอ่านนิยาย ... เล่มนี้อ่านง่าย เข้าใจง่าย สนุกตื่นเต้นดีด้วย
ตอนดูจบ มีคนปรมมือให้กับหนังด้วย ... เราถามตัวเอง ... มันสนุกมากเลยเหรอ (เราอ่านหนังสือแล้ว ก็เลยรู้สึกว่ามันไม่ดีเท่าไหร่เลย ... รวบรัดไปมากๆ ... อะไรที่ควรจะอธิบายก็ตัดไปหมดเลย) ขากลับ เดินกลับบ้าน ... หนาวววววๆๆๆๆ .... ไม่ได้เอาเสื้อหนาๆ มา (แค่เสื้อแขนยาวบางๆ กางเกงสามส่วน รองเท้าแตะ) นึกว่าจะพอ ... ต้องวิ่งแจ้นกลับบ้าน ... แต่ดีหน่อย ... ขากลับ ได้เห็น Northern Light ด้วยหล่ะ ... สวยมากกกก ถึงแม้ว่าเมฆจะมาบังบ้างนิดหน่อย ท้องฟ้าไม่ใส แต่ก็เห็นได้ค่อนข้างชัด ... ดูอยู่สักพัก ทนหนาวไม่ไหว ก็กลับบ้าน ... เสียดายถ้ามีกล้อง จะถ่ายมาอวด ... แอบเอารูปจากเว็บอื่นมาให้ดูค่ะ ... คล้ายๆ แบบนี้